EP.411 รีวิว คอนโด ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 The Origin Ladprao 15
Written by : Nin Yanin Phueksoongnoen
สวัสดีค่ะผู้อ่านชาว Condonayoo ที่รักทุกคน วันนี้เราจะพามาชมโครงการ The Origin ลาดพร้าว 15 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ จาก Origin Property กันค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว เพียง 600 เมตร และอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง สถานีรัชดาภิเษก
สามารถเดินทางสะดวกเพราะ เข้า – ออกได้ทั้งจากถนนลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษก และ ถนนพหลโยธิน ใกล้ ถนนวิภาวดี – รังสิต, ทางพิเศษฉลองรัช และ ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ อีกทั้งยังอยู่บนจุดศูนย์กลางของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, โรงเรียนชื่อดัง และแหล่งงาน
ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น มี 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 1 – 1 – 16 ไร่ เป็นส่วนตัวด้วยห้องชุดพักอาศัยจำนวนเพียง 163 ยูนิต มีห้องแบบ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 24.5 – 45.5 ตร.ม. ออกแบบมาในสไตล์ Neo Modern ดูทันสมัย เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา โครงการขายห้องแบบ Fully Fitted พร้อมเครื่องปรับอากาศ, Digital Door Lock ระบบ 1 Pass Password (Guest Pin) และระบบ Home Automation ซึ่งคาดว่าทางโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2564 ค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีให้ครบครัน อาทิ Visitor Lobby, Swimming Pool, Co – working Space, Co – passion Studio (Multi – purpose Room), Meeting Room, Office Supply, Mailbox & Smart Locker, Self – Storage, Sharing Service, Laundry, Gym, Gadget Room, Pocket Garden, Rooftop Garden, Outdoor Charger, ลิฟต์โดยสารระบบล็อคชั้น, ที่จอดรถ 40%, Access Card Control, CCTV, รปภ. 24 ชม. และบริการแม่บ้านทำความสะอาดห้องที่ผ่านการเทรนมาจากโรงแรมดุสิตธานี เดือนละ 1 ครั้งเป็นเวลา 1 ปี ในราคาเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท
ส่วนรายละเอียดของโครงการจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญติดตามอ่านที่ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ คลิก https://www.origin.co.th/
ชื่อโครงการ | ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 THE ORIGIN Ladprao 15 |
เจ้าของโครงการ | ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ / Origin Property |
เนื้อที่ทั้งหมด | 1 – 1 – 16 ไร่ |
จำนวนตึก | 1 อาคาร |
จำนวนชั้น | 8 ชั้น |
จำนวนห้อง | 163 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | 40% ของจำนวนยูนิตพักอาศัย |
จำนวนลิฟต์ | 2 ตัว |
โซน | เขตจตุจักร |
ขนส่งสาธารณะ | ใกล้รถไฟฟ้า |
ที่ตั้ง | ซอยลาดพร้าว 15 ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 |
กำหนดการ | เปิดจอง 31 ส.ค.62 |
ปีที่สร้างเสร็จ | คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 |
ราคา | เริ่ม 1.79 ล้านบาท* (ราคา Pre-Sale) |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | 90,000 บาท/ตร.ม. (ก.ค.62) |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
อื่นๆ
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
|
สิ่งอำนวยความสะดวก | ชั้น 2
ชั้น 3
ชั้นดาดฟ้า
|
จุดเด่นของโครงการ | THE ORIGIN ลาดพร้าว คอนโดใหม่ บนทำเลศักยภาพ ใจกลางศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ซอยลาดพร้าว 15 ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
พิกัดโครงการ : 13.811867, 100.572450
พิกัดสำนักงานขาย : 13.806325, 100.575293
แผนที่จากทางโครงการ The Origin ลาดพร้าว 15 ในซอยลาดพร้าว 15 ห่างจาก รถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว เพียง 600 เมตร เข้า – ออกได้ทั้งจากถนนลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษก และถนนพหลโยธิน ใกล้ ทางพิเศษฉลองรัช และ ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ อยู่บนจุดศูนย์กลางของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล, โรงเรียนชื่อดัง และแหล่งงาน
ทำเลที่ตั้ง The Origin ลาดพร้าว 15 เป็น Low rise Condominium ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 ซึ่งอยู่ในช่วงลาดพร้าวตอนบนค่ะ ภายในซอยลาดพร้าว 15 เป็นแหล่งของบ้านพักอาศัยหลังใหญ่ๆ ดั้งเดิมในย่านนี้ มีบรรยากาศการอยู่อาศัยที่ดีและเป็นส่วนตัว แต่จากตัวโครงการเดินออกมาเพียง 450 เมตรก็จะถึงถนนลาดพร้าว เป็นถนนสายหลักที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ตอนนี้ลาดพร้าวก็เรียกได้ว่าเป็นย่าน Vertical Living Area หรือ พื้นที่อยู่อาศัยในแนวตั้งอีกหนึ่งย่านแล้ว เพราะทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีทั้งออฟฟิศ, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, เซอร์วิสอะพาร์ตเม้นต์, บ้านพักอาศัยดั้งเดิม และมีคอนโดมิเนียมทั้ง High rise และ Low rise ขึ้นอยู่เยอะพอสมควร
ทำเลนี้ถือว่าอยู่บนจุดศูนย์กลางของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ตอบสนอง Lifestyle ได้ครบหมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร, Shopping Mall, Department Store, Hypermarket, Mega Project ในอนาคต, โรงพยาบาล และโรงเรียนชื่อดัง ที่ใกล้การขนส่งสาธารณะระบบราง และใกล้แหล่งงาน รวมถึงอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) ย่านรัชดาภิเษก – พระราม 9 ซึ่งเป็น CBD ใหม่ของกรุงเทพมหานครด้วยค่ะ เรียกว่าเป็นทำเลที่น่าสนใจทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่เอง หรือจะซื้อสำหรับลงทุน – ปล่อยเช่า โดยโครงการที่อยู่ในซอยแบบนี้ยิ่งราคาหยิบจับได้ง่ายกว่ามากค่ะ เพราะค่าเช่าห้องที่จะต้องจ่ายรายเดือนในคอนโดมิเนียม และใน Service Apartment ในย่านนี้ เรียกว่ามีความสูสีกับการผ่อนคอนโดใหม่ในระดับที่ใกล้เคียงกันแล้ว
ถ้าดูมูลค่าของทำเลนี้จาก Growth Rate Chart ของคอนโด Low Rise ในย่านลาดพร้าวแล้ว จะมีการเติบโตเฉลี่ย (Average Growth) ที่สามารถโตไปได้ถึง 15% ภายใน 4 ปี และกราฟก็จะยิ่งสูงชันขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ Mega Project ใหญ่ๆ รอบทำเลนี้สร้างเสร็จในปี 2566 จึงเป็นอีกทำเลหนึ่งที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในแง่ของการลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ ถือว่าสะดวกทีเดียว เพราะโครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 เข้าไปในซอยประมาณ 450 เมตร ซึ่งอยู่ใกล้แยกลาดพร้าว – รัชดา จากถนนลาดพร้าวจะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายสาย ทั้ง พหลโยธิน ใช้วิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ต่อไปถึงอโศก หรือออกไปทางสะพานใหม่ได้, วิภาวดี – รังสิต วิ่งขนานกับเส้นพหลโยธิน แต่มีการจราจรที่คล่องตัวกว่าค่ะ ตัวโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี, รัชดาภิเษก ตัดกับถนนลาดพร้าวตรงแยกลาดพร้าว – รัชดา ใช้วิ่งลงไปทางพระราม 9 ได้, ประดิษฐ์มนูธรรม มีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ เป็นอีกตัวเลือกที่สามารถใช้ออกไปทางบางนาได้ หรือจะวิ่งขึ้นไปทางวัชรพลก็ได้ค่ะ
นอกจากนี้บนเส้นลาดพร้าวก็ยังมีทางลัดไปออกถนนเกษตร – นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ได้จาก ซอยลาดพร้าว 41 และ ถนนโชคชัย 4 เข้าถนนลาดพร้าววังหิน และ ถนนนาคนิวาส เชื่อมต่อกับถนนสุคนธสวัสดิ์ ใช้ออกเกษตร – นวมินทร์ได้สะดวก จากเส้นเกษตร – นวมินทร์ยังมี ซอยมัยลาภ และ ซอยลาดปลาเค้า ใช้เป็นทางลัดออกถนนรามอินทราได้อีกด้วย บนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยโชคชัยร่วมมิตร ที่สามารถใช้เข้าถนนวิภาวดี – รังสิตได้ จากถนนวิภาวดี – รังสิตจะเชื่อมกับซอยพหลโยธิน 18 (ซอยวิภาวดี – รังสิต 3) ออกเส้นพหลโยธินตรงแยกกำแพงเพชรพอดี
แต่ข้อเสียของถนนลาดพร้าวก็คือ เป็นถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณรถที่มากตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีแยกไฟแดงและทางกลับรถอยู่อีกเป็นระยะๆ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ถนนซอยเล็กๆ ในการลัดเลาะไปออกถนนเส้นอื่นๆ ประกอบด้วย จะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมากค่ะ
และเนื่องจากว่าตัวโครงการนั้นอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 เป็นซอยที่สามารถเข้า – ออกได้ทั้งจาก ถนนลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษก และถนนพหลโยธิน จึงมีข้อได้เปรียบที่สามารถหลีกเลี่ยงรถติดได้บ้าง
ทางด่วน จากตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งถ้ารถไม่ติดมากใช้เวลาขับไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงค่ะ โดยจากโครงการให้ออกซอยลาดพร้าว 15 มุ่งหน้าไปถนนพหลโยธิน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายออกถนนพหลโยธินไปกลับรถอีกที เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหอวัง จากนั้นวิ่งออกมาที่ทางคู่ขนานวิภาวดี – รังสิต ตรงนั้นจะมีทางแยกฝั่งซ้าย เป็นด่านเก็บเงินลาดพร้าวขาออกขึ้นทางยกระดับค่ะ ใช้วิ่งออกไปทางบางนา – พระราม 9 ได้
อีกจุดหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลก็คือทางพิเศษฉลองรัช หรือทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ สามารถใช้วิ่งลงไปทางเอกมัย หรือเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครออกไปทางพระราม 2, เชื่อมทางพิเศษกรุงเทพ – ชลบุรีสายใหม่ออกไปทางสุวรรณภูมิ หรือเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี ออกไปทางบางนาได้ค่ะ
:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ถือว่าสะดวกสบายมากเช่นกัน แม้ว่าตัวโครงการจะอยู่ในซอยไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่าน แต่ก็สามารถเรียกวินมอเตอร์ไซค์หรือแท็กซี่ได้ง่ายผ่านแอพพลิเคชั่นทั้ง Grab Taxi และ Line Taxi ถ้าวันไหนไม่เร่งรีบมาก อยากประหยัดเงินก็สามารถขึ้นรถเมล์ได้ค่ะ ป้ายรถเมล์จะมีอยู่บริเวณหน้าปากซอยลาดพร้าว 15 เลย
ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ตัวโครงการนั้นยังตั้งอยู่บนใจกลางของศูนย์กลางการเชื่อมต่อระบบรางอีกด้วย ซึ่งตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว ทางออกที่ 3 จากโครงการสามารถเดินไปถึงเพียง 600 เมตรเท่านั้น ในอนาคตจะเป็นสถานี Interchange เชื่อมกับ สถานีรัชดาภิเษก ของ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าว – พัฒนาการ ส่วน MRT พหลโยธิน ซึ่งห่างจาก สถานีลาดพร้าว เพียงสถานีเดียว ในอนาคตจะเชื่อมกับ สถานีห้าแยกลาดพร้าว ของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต – คูคต อีกด้วย
จากตัวโครงการเดินมาถึง MRT ลาดพร้าว ที่ทางออก 3 เพียง 600 เมตรเท่านั้นค่ะ ส่วนกรอบสีเหลืองที่วงเอาไว้ก็คือตำแหน่งสถานีรัชดาภิเษกของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองนั่นเอง ซึ่งส่วนนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 ในเวลาใกล้เคียงกับที่ตัวโครงการสร้างเสร็จพอดี
ถัดไปเพียงสถานีเดียวก็คือ MRT พหลโยธิน ที่จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีห้าแยกลาดพร้าว
ความอุดมสมบูรณ์ บนเส้นลาดพร้าวนั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งย่านที่มีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต มีความคล่องตัว และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้ เนื่องจากเป็นย่านที่มีสาธารณูปโภคที่คอยรองรับการอยู่อาศัยอย่างครบครัน และด้วยความที่เป็นแหล่งที่พักอาศัยแบบ Vertical Living Area ตลอดถนนเส้นนี้ก็จะมีทั้งร้านอาหารทั้งร้านทั่วไปและพวก Chain Restaurant, ร้านสะดวกซื้อก็เห็นมีกระจายอยู่, ร้านขายของชำ, ร้านขายยา, ร้านอินเตอร์เน็ต, คลีนิกเสริมความงาม, คลีนิกทันตกรรม ถ้าเข้าไปตามตรอกซอกซอยก็มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะค่ะ อย่างเส้นลาดพร้าววังหิน, ถนนโชคชัย 4 และถนนนาคนิวาสนี่ก็อุดมสมบูรณ์มากๆ
(ที่มาภาพ : https://www.brandbuffet.in.th, https://www.edtguide.com, https://www.chillpainai.com, https://www.theleparadisbangkok.com)
ถ้าจะดูเป็น Hypermarket เพื่อซื้อของเข้าบ้านก็จะมี Big C ลาดพร้าว 2 ที่สามารถใช้ซอยลาดพร้าว 15 เชื่อมไปถึงได้เลย และยังมี Tesco Lotus ลาดพร้าว บนเส้นพหลโยธิน แต่ก็มีทางลัดเลาะจากซอยลาดพร้าว 15 ไปได้เช่นกันโดยไม่ต้องออกถนนใหญ่ ส่วนแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในย่านนี้ก็คงหนีไม่พ้น Central ลาดพร้าว กับแฟชั่นมอลล์อย่าง Union Mall อยู่บริเวณทางออกรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินพอดี บริเวณแยกรัชดา – ลาดพร้าวฝั่งตรงข้ามกับโครงการเองก็มีสวนลุมไนท์บาซ่าร์ ออกไปทางจตุจักรก็มีพวก JJ Mall, JJ Grean และตลาดนัดจตุจักรให้เลือกเดินในวันสบายๆ ออกไปทางเส้นเลียบด่วนรามอินทราจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Central Festival Eastville, The Crystal และ CDC เลยขึ้นไปบนเส้นเกษตรนวมินทร์จะเป็นแหล่ง Community Mall และตลาดนัดขนาดใหญ่ จากตัวโครงการสามารถไปได้สะดวก อีกทั้งยังมี Gourmet Market มาเปิดให้บริการอยู่ใน MRT สถานีลาดพร้าวอีกด้วยนะ
(ที่มาภาพ : http://www.realist.co.th)
นี่ยังไม่รวม Mega Project ในอนาคตทั้ง Oasis Tower เป็น Mix – used Project สูง 31 ชั้น ประกอบด้วย ร้านค้า พื้นที่สำนักงาน และที่จอดรถกว่า 875 คัน, Bang Sue Grand Station เป็นสถานีเปลี่ยนถ่ายไปยังโซนต่างๆ ของกรุงเทพฯ มีรถไฟฟ้าผ่านถึง 4 สายด้วยกัน และ Mo Chit Complex เป็น Mix – used Complex อาคารแฝดสูง 36 ชั้น ประกอบด้วยร้านค้า สำนักงาน และ Sport Center ที่จะช่วยสร้าง Lifestyle ที่มีสีสัน และสร้างมูลค่าเพิ่มของทำเลห้าแยกลาดพร้าวให้กลายเป็น NCBD ที่มีศักยภาพ
นอกจากนี้ยังตัวโครงการยังอยู่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาล, สถานศึกษาชื่อดังทั้ง รร.หอวัง, ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ ม.เกษตรศาสตร์ ใกล้ธนาคารซึ่งสะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน ใกล้แหล่งงานไม่ว่าจะเป็นตึกช้าง, ตึกชินวัตร หรือตรงย่านรัชดา – พระราม 9 โดยรวมแล้วคือมีสาธารณูปโภคคอยรองรับอย่างครบครันที่เอื้อต่อการอยู่อาศัย หรือเรียกได้ว่าตัวโครงการตั้งอยู่บนจุดศูนย์กลางของความสะดวกสบายเลยค่ะ
:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
อื่นๆ
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา) > ถนนลาดพร้าว > แยกรัชดา – ลาดพร้าว > ถนนลาดพร้าว > ซอยลาดพร้าว 15 > The Origin ลาดพร้าว 15
วันนี้เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือที่คุ้นหูกว่าก็คือเลียบด่วนรามอินทรานั่นเองค่ะ บริเวณที่เราอยู่ตอนนี้ก็คือช่วง CDC จากตรงนี้จะใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 20 นาทีถึงโครงการ
จากนั้นจะเห็นป้ายพระราม 9 ให้เราชิดขวาตรงไปตามทางนั้นเลยเพื่อขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าว 86
ชิดขวาขึ้นสะพานข้ามแยกค่ะ
เมื่อลงจากสะพานมาแล้วให้เรารีบชิดเลนขวาเพื่อกลับรถ
เมื่อกลับรถมาอีกฝั่งนึงแล้วให้ดูป้ายโชคชัย 4 – รัชดาภิเษกเอาไว้ ให้เราชิดซ้ายนะ
จากนั้นให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว ถ้าออกทางขวาจะยูเทิร์นกลับไปอีกฝั่งค่ะ
เข้ามาที่ถนนลาดพร้าวจะเป็นถนนขนาด 6 เลนมีเกาะกลางแบ่งอย่างชัดเจน ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของถนนจะเป็นที่ตั้งของอาคารพาณิชย์และคอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise หลากหลายแบรนด์ ขับไปเรื่อยๆ เราจะวิ่งผ่านตลาดสะพาน 2 อยู่ฝั่งขวามือของเราค่ะ
วิ่งตรงไปเรื่อยๆ เราจะเจอแยกรัชดา – ลาดพร้าว ให้เรารอสัญญาณไฟแดงขับข้ามแยกไป
พอเราขับข้ามแยกมาแล้วจะสังเกต MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 1 และ 4 อยู่ทั้ง 2 ฝั่งของถนน ส่วนทางฝั่งขวามือเราจะเห็นอาคาร Park & Ride
จากนั้นให้เราชิดเลนขวา พอเลยจุดกลับรถมาแล้วให้เลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 15 ค่ะ
จากถนนลาดพร้าว ให้เราตรงเข้าไปภายในซอยลาดพร้าว 15 ประมาณ 450 เมตร เราก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของเราค่ะ
เข้ามาในซอยลาดพร้าว 15 เป็นถนนขนาด 2 เลน รถขับสวนกันได้สะดวก ช่วงต้นๆ ของซอยจะเป็นตึกแถว
ขับเข้าไปในซอยลาดพร้าว 15 เรื่อยๆ บรรยากาศภายในซอยจะเงียบสงบมาก เพราะภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวทั้งหมด
จากหน้าปากซอยตรงเข้ามาประมาณ 450 เมตร เราก็จะเห็นที่ตั้งโครงการ The Origin ลาดพร้าว 15 อยู่ทางด้านซ้ายมือแล้วค่า
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
บนถนนลาดพร้าวที่ดินที่ติดกับถนนจะเป็นออฟฟิศ, คอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise, ธนาคาร และอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นกิจการอย่างหลากหลายตั้งแต่ร้านอาหาร, ห้างทอง จนไปถึงคลินิกเสริมความงามค่ะ
ถัดเข้าไปภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยสูงตั้งแต่ 1 – 3 ชั้น มีทั้งอะพาร์ตเม้นต์และคอนโดมิเนียมกระจายตัวกันอยู่ด้วย โดยตัวโครงการจะอยู่ลึกเข้ามาจากถนนลาดพร้าวประมาณ 450 เมตร บรรยากาศภายโดยรอบเงียบสงบ น่าอยู่อาศัย เพราะส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวหลังใหญ่ที่มีเนื้อที่มาก ตัวบ้านแต่ละหลังจะอยู่ค่อนข้างห่างกัน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง
ตอนนี้เรามาอยู่กันที่บริเวณที่ตั้งโครงการกันแล้ว ทางโครงการได้ทำการล้อมรั้วที่ดินเพื่อเตรียมการก่อสร้างแล้วค่ะ เดี๋ยวเราจะมาเดินสำรวจบริเวณโดยรอบโครงการด้วยกันเลย
เริ่มจากฝั่งตรงข้ามกับโครงการเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้นทั้งหมด
ทางฝั่งซ้ายมือของโครงการลึกเข้าไปในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวทั้งหมด ด้านในซอยจะพอมีคอนโดมิเนียม Low rise ขึ้นอยู่บ้าง แต่มีค่อนข้างน้อยค่ะ
ส่วนพื้นที่ติดกับโครงการทางฝั่งขวามือก็เป็นบ้านพักอาศัยสูง 4 ชั้น
เดี๋ยวเราจะเดินออกไปที่ถนนลาดพร้าวกันต่อค่ะ จากตรงนี้เดินไปเพียง 450 เมตรเท่านั้น
ออกมาที่หน้าปากซอยบนถนนลาดพร้าว ฝั่งซ้ายมือติดกับปากซอยจะเป็นอาคารพาณิชย์ มีสะพานลอยให้เดินข้ามฟากได้อยู่ใกล้ๆ
มีคลินิกเวชกรรม, คลินิกเสริมความงาม และร้านขายเสื้อผ้าก็มี ใกล้ๆ นี้มีสารพัดร้านค้าเลยค่ะ
เดินผ่านสะพานลอยมาเราจะเจอโครงการขึ้นใหม่ เป็นคอนโด High rise สูง 30 ชั้น
ถัดมาเราจะเจออาคารพาณิชย์ ร้านแรกเป็นกิจการเกี่ยวกับยางยนต์
มีร้านอาหารหลากหลายร้านเปิดรอให้บริการอยู่ ตามทางเดินจะมีร้านอาหารแผงลอยขายตั้งแต่ช่วง 10 โมงจนถึงบ่าย 3
เดินมาจากตัวโครงการประมาณ 600 ม. เราก็มาถึง MRT สถานีลาดพร้าวค่ะ ฝั่งนี้คือทางออก 3 นะ
เดินลงเข้ามาภายในสถานี ตอนนี้มี Gourmet Market มาเปิดให้บริการแล้วด้วย สะดวกมากสำหรับคนที่อยู่อาศัยในย่านนี้
ถ้าเราเดินต่อไปจนถึงแยกรัชดา – ลาดพร้าว ก็จะมีสะพานลอยสามารถเดินข้ามไปยังสวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษกได้ รวมถึง MRT ลาดพร้าว ทางออก 1 ค่ะ
จากปากซอยลาดพร้าว 15 เราเดินไปสำรวจทางฝั่งขวามือกันบ้าง ตรงหัวมุมมีร้าน The Fat Cow เป็นร้านเล็กๆ มีบรรยากาศภายในที่เป็นกันเองมาก สามารถนั่งชิลล์จิบ Craft beer ที่เจ้าของร้านได้คัดสรรมาแล้ว แกล้มกับเบอร์เกอร์เนื้อหรือจะเป็น Fish&Chip ก็มีคนแนะนำมาว่าเด็ดนะ
เดินเลยไปหน่อยจะเจอร้านขายยานิอรเภสัช ที่เปิดขายอยู่ในย่านนี้มานานแล้ว
ข้างๆร้านขายยามี 7 – Eleven ห่างจากหน้าปากซอยลาดพร้าว 15 แค่ 35 เมตรเท่านั้น
เจอร้านอาหารอีกร้าน เป็นร้านอาหารอีสาน จุดขายของร้านคือเมนูจากเป็ดค่ะ
เดินเลยไปอีกหน่อยจะมี Big C Extra ค่ะ ภายในมี HomePro อยู่ด้วย ตรงนี้แต่เดิมเคยเป็นโรงเรียนปานะพันธุ์วิทยาเก่า แล้วต่อมาก็เป็นห้างคาร์ฟูร์ จนหมุนมาเป็น Big C ในปัจจุบัน จริงๆ แล้วเราสามารถใช้ซอยลาดพร้าว 15 เดินทะลุมายัง Big C ได้ในระยะ 850 เมตรเท่านั้น
ไม่ไกลกันจะเจอ The Zest เป็น คอนโด High rise ค่ะ อยู่ตรงหัวมุมซอยลาดพร้าว 7
ตรงปากซอยลาดพร้าว 5 จะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น Jirafu สุดชิคสไตล์ Sushi & Izakaya สำหรับคอซูชิและเบียร์ ในร้านจะมีเชฟปั้นซูชิกันให้ชมแบบสดๆ อีกทั้งยังมี Craft Beer นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นกว่า 30 ชนิด
ฝั่งตรงข้ามจะเห็นธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทยตั้งอยู่คู่กันพอดี
และไปรษณีย์สามแยกลาดพร้าวค่ะ
ถัดไปเป็นสนง.ควบคุมความประพฤติกรุงเทพมหานคร
รวมถึงอาคารสำนักงานและอพาร์ทเม้นท์พร้อมพันธุ์
มีร้านคาเฟ่เล็กๆ น่ารักๆ อยู่ข้างปากซอยลาดพร้าว 1/1 ด้วยนะ
มาถึงช่วงอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นร้านรวงต่างๆ ตรงนี้เปิดเป็นธนาคารออมสิน
มีทั้งสปา, คลินิกเวชกรรม, ร้านเสริมสวย รวมถึงคลินิกทันตกรรม
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ตั้งของธนาคาร TMB
เดินตรงไปจนใกล้ถึงซอยลาดพร้าว 1 จะมีสะพานลอยให้ข้ามฟากได้
ช่วงตีนสะพานก็มีร้านค้าอยู่อีกหลายร้าน ตรงนี้เป็นร้านขายรองเท้า, ร้านสะดวกซื้อ และร้านขายขนมไทยค่ะ
ตรงนี้ก็จะมีร้านขายดอกไม้ด้วยนะ
ถัดไปมีห้างทองและร้านขายโจ๊กมัลลิกา ขายกันมาร่วม 30 ปีเห็นจะได้ มีการปรับปรุงหน้าร้านให้ดูทันสมัยมากขึ้น ช่วงกลางวันจะมีขายก๋วยจั๊บเพิ่มด้วยนะ ต้องมาลองทานกันดู
เดินตรงไปจนถึงหน้าปากซอยลาดพร้าว 1 ตรงหัวมุมคือ Union mall แล้ว ข้างในซอยลาดพร้าว 1 จะเป็นชุมชนที่ค่อนข้างหนาแน่น เพราะมีตลาดและอพาร์ทเม้นท์อยู่เยอะ
บริเวณหน้าห้าง Union Mall คือ MRT สถานีพหลโยธิน ทางออกที่ 5 ค่ะ
เดินชมทำเลกันเรียบร้อยแล้ว เราเดินเข้าไปดูภายใน Sales Gallery กันต่อค่ะ Sales Gallery ของโครงการจะตั้งอยู่ติดกับถนนรัชดาภิเษกใกล้ยแยกรัชดา – ลาดพร้าว ตำแหน่งฝั่งตรงข้ามกับอาคาร Park & Ride นั่นเอง ถ้าใครไม่แน่ใจว่าอยู่ตรงไหน ให้กดที่พิกัดนี้ได้เลย 13.806325, 100.575293
Sales Gallery ของที่นี่จะใช้ร่วมกันระหว่างโครงการ The Origin ลาดพร้าว 15 และ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว ภายในจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายคอยต้อนรับและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวโครงการค่ะ ลูกค้าทุกท่านสามารถเข้าไปสอบถามขอชมห้องตัวอย่างได้เลย
:::: ตัวโครงการ ::::
The Origin ลาดพร้าว 15 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น มี 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 1 – 1 – 16 ไร่ เป็นส่วนตัวด้วยห้องชุดพักอาศัยจำนวนเพียง 163 ยูนิต มีห้องแบบ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 24.5 – 45.5 ตร.ม. ออกแบบมาในสไตล์ Neo Modern ที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา เน้นโทนสีแบบโมโนโทน ขาว – น้ำตาล ดูเท่และดูอบอุ่น กลมกลืนไปกับบรรยากาศภายในซอยลาดพร้าว 15
มาดูในส่วนของผังโครงการกันค่ะ ชั้น G ทางเข้า – ออกหลักของโครงการจะอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 ผ่านระบบรักษาความปลอดภัย ทั้ง CCTV และระบบ Access Card Control พอเข้ามาภายในตัวโครงการจะเป็นส่วนของที่จอดรถใต้อาคารทั้งหมด รวมแล้วสามารถจอดได้ถึง 40% เราสามารถขึ้นไปยัง Lobby ชั้น 2 ได้ทางบันไดทางขึ้นด้านหน้าโครงการ หรือจะใช้ลิฟท์ขึ้นไปก็ได้เช่นกันโดยจะต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตูโถงลิฟท์เข้าไป (สำหรับ Visitor จะสามารถใช้บันไดด้านหน้าโครงการได้เพียงทางเดียวค่ะ)
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณทางเข้าตัวอาคารด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะมีบันไดให้เดินเชื่อมสู่ Lobby ที่ชั้น 2 ค่ะ
ชั้น 2 ชั้นนี้จะเป็นส่วนของ Facilities และห้องพักอาศัย โดยอาคารถูกวางผังเป็นรูปตัว L จากบันไดหน้าโครงการขึ้นมาถึงชั้น 2 แล้ว ส่วนแรกจะเป็น Visitor Lobby โดยเราจะต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตูทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยค่ะ จาก Lobby จะเชื่อมสู่ Co – working Space, Co – passion Studio (Multi – purpose Room) และ Meeting Room ซึ่งทางโครงการยังจะจัด Office Supply เป็น Printer และเครื่องสำหรับถ่ายเอกสารเอาไว้ให้บริการในส่วนนี้ด้วย โดยจาก Co – working Space จะมีบันไดทางเชื่อม สามารถใช้เดินขึ้นไปยัง Facilities ที่ชั้น 3 ได้ค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมี Mailbox & Smart Locker, Self – Storage, Laundry และ Sharing Service เป็นบริการให้ยืมของจากทางนิติบุคคล เช่น ในวันที่ฝนตกก็สามารถยืมร่มไปใช้งานได้ ส่วน Facility ภายนอกอาคารก็จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ สามารถใช้ว่ายออกกำลังกายได้สบายๆ
อีกส่วนหนึ่งของอาคารจะเป็นห้องพักอาศัย ที่ชั้นนี้มีทั้งหมด 20 ห้อง/ชั้น จัดวางห้องพักแบบ Double Corridor ยกเว้นฝั่งที่มี Facilities ห้องตรงนั้นจะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะได้ Single Corridor ไป
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Lobby ที่ตกแต่งมาในสไตล์ Neo Modern เน้นโทนสีแบบโมโนโทนดูเรียบเท่เอาใจหนุ่มสาวยุคใหม่
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Lobby เชื่อมต่อกับ Co – working Space ที่ออกแบบมาให้มีฝ้าเพดานสูงแบบ Double Space ดูโปร่งโล่ง ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ และได้วิวสระว่ายน้ำ เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่ที่ใช้ในการทำงานและสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Co – working Space มีบันไดเชื่อมต่อขึ้นไปยัง Facilities บนชั้น 3 ได้
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำของโครงการ เป็นสระน้ำล้นระบบเกลือที่มีขนาดใหญ่ ออกแบบให้ดูเชื่อมต่อกับ Facilities ภายในอาคาร ออกแบบให้มีส่วน Pool Deck พร้อม Day Bed ให้นอนพักผ่อนชมวิว
ชั้น 3 ชั้นนี้จะเป็นส่วนของ Facilities และห้องพักอาศัยค่ะ เราสามารถเดินขึ้นบันไดจาก Co – working Space เพื่อขึ้นมาใช้งานส่วน Gym และ Gadget Room บนชั้น 3 ได้เท่านั้น ไม่สามารถเข้าส่วน Facilities ผ่านทางชั้น 3 ได้โดยตรง นั่นก็เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในชั้นนี้ค่ะ ส่วนห้องพักอาศัยในชั้นนี้จะมีด้วยกันทั้งหมด 20 ห้อง/ชั้น เช่นกัน
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Fitness บรรยากาศภายในดูเรียบเท่ สร้างความรู้สึกให้ Active ทางฝั่งหนึ่งเป็นผนังกระจกขนาดใหญ่ได้วิวจากสระว่ายน้ำที่ชั้น 2
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co – Passion Studio มีการจัดพื้นที่นั่งส่วนตัวเอาไว้ให้หลายมุม ใช้บรรยากาศแบบสบายๆ เอาไว้สำหรับนั่งพักผ่อน ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสืออ่านเล่น
ชั้น 4 – 7 จะเป็น Typical Floor Plan ค่ะ ตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมดแล้ว โดยจะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 25 ห้อง/ชั้น ห้องที่มุมอาคารทั้งหมดจะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus มี 2 ห้อง/ชั้น ส่วนห้องด้านในจะเป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมด และมีห้อง 2 Bedroom อยู่ตรงกลาง 1 ห้อง/ชั้น ค่ะ
ชั้น 8 ชั้นนี้มีการวางผังไม่ต่างจากชั้น 4 – 7 เลย เพียงแต่ว่าพื้นที่ห้องบางส่วนได้ถูกใช้เป็นสวนหย่อม โดยจะมีบันไดเชื่อมขึ้นไปยัง Rooftop Garden บนชั้นดาดฟ้าด้วย ชั้นนี้จึงมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 23 ห้อง/ชั้น รวมทั้งโครงการมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 163 ห้อง คิดเป็นจำนวนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์อยู่ที่ 1 : 82 ถือว่าเป็นค่ามาตรฐานที่ดี และด้วยความที่โครงการเป็น Low Rise Condominium อยู่แล้วจึงรอลิฟท์ไม่นานค่ะ
Rooftop ชั้นดาดฟ้าจะเป็นส่วนของ Rooftop Garden ค่ะ มีพื้นที่ให้สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจได้ โดยทางโครงการได้เตรียม Outdoor Charger เอาไว้ให้ลูกบ้านสามารถชาร์จสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือโน้ตบุ้คได้ตามสะดวก
ภาพบรรยากาศจำลองจากพื้นที่ชั้น 8 มีบันไดเชื่อมขึ้นไปยังส่วน Rooftop Garden
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Rooftop Garden มีโต๊ะบาร์และพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ลงต้นไม้ใหญ่เอาไว้ให้เยอะเพื่อสร้างบรรยากาศและให้ร่มเงา
ภาพบรรยากาศจำลองของโครงการในมุมสูง
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ห้องของโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบหลักๆ ด้วยกันได้แก่
ทางโครงการขายห้องแบบ Fully Fitted ได้เฟอร์นิเจอร์ Built – in มาครบ พร้อมเครื่องปรับอากาศ, ระบบ Home Automation และ Digital Door Lock เรามาดูผังพื้นของห้องแต่ละ Type กันค่ะ
Type B1 : แบบห้อง 1 Bedroom (S) ขนาด 24.5 – 25.0 ตร.ม.
Type B2 : แบบห้อง 1 Bedroom (M) ขนาด 26.5 ตร.ม.
Type B4 : แบบห้อง 1 Bedroom (L) ขนาด 35.0 ตร.ม.
Type BP1 : แบบห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.5 ตร.ม.
Type BP2 : แบบห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 36.0 ตร.ม.
Type B2 : แบบห้อง 2 Bedroom ขนาด 45.5 ตร.ม.
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
สำหรับห้องตัวอย่างที่เราพามาชมในวันนี้ มี 1 แบบ นั่นก็คือ แบบห้อง Type B2 : 1 Bedroom ขนาด 26.5 ตร.ม. เราไปดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของตัวห้องกันเลยค่า
::: Type B2 : 1 Bedroom ขนาด 26.5 ตร.ม. :::
ห้อง Type B2 เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.5 ตร.ม. เป็นขนาดห้องที่เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยจำนวน 1 – 2 คน มีฟังก์ชั่นหลักๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างเป็นสัดส่วน ทั้ง Common Area ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น และส่วนรับประทานอาหาร, ห้องครัวแบบปิด, ห้องน้ำ และห้องนอน ที่กั้นส่วนจาก Common Area ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส ทำให้ห้องเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่ห้องก็ยังดูกว้างเพราะพื้นที่ห้องยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ และทำให้ Common Area ยังได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติอีกด้วย
เราเข้าไปดูภายในห้องด้วยกันเลย เริ่มจากประตูทางเข้าห้อง จะได้เป็นประตูบานทึบติด Digital Door Lock ของ Liliwise แบบ 4 ระบบคือ Password, Key Card, Bluetooth และ กุญแจ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานแบบ 1 Pass Password หรือ Visitor Pin สำหรับการใช้งานเพียง 1 วันเท่านั้น ในวันที่แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้อง หรือมีช่างงานระบบเข้ามา ซึ่งลูกบ้านสามารถเซ็ทรหัสผ่านได้ผ่านทางมือถือกี่ครั้งก็ได้ค่ะ
พอเข้ามาภายในห้องแล้วเราจะเจอส่วน Common Area ก่อนซึ่งประกอบด้วย ห้องนั่งเล่น และส่วนรับประทานอาหาร จาก Common Area จะเชื่อมต่อไปยังฟังก์ชั่นอื่นๆ ทั้งห้องครัว, ห้องน้ำ และห้องนอนค่ะ พื้นภายในห้องทั้งหมดปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม. ยกเว้นห้องครัวที่จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. ผนังภายในห้องจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี ส่วนฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสี ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้ทั้งห้อง ซึ่งฝ้าจะสูง 2.5 เมตร
บริเวณด้านหน้าห้องทางฝั่งขวามือ ทางโครงการทำชั้น Built – in มาให้เป็นชั้นวางรองเท้าและชั้นเก็บของ หน้าบานของ Built – in ใช้กระจกสีชา และตัว Built – in ปิดผิวด้วยลามิเนต ส่วนช่องเก็บของด้านบนช่องหนึ่งใช้เป็นตู้ซ่อนตู้ไฟฟ้าของห้องด้วยค่ะ
ภายในมีดีเทลตะขอเกี่ยวสำหรับแขวนพวกกุญแจได้
เรามาดูตัวอย่างการจัดวางพื้นที่ใช้สอยภายในห้องกันต่อค่ะ เริ่มจากส่วน Common Area
ทางโครงการจัดห้องตัวอย่างให้เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้แบบนี้ค่ะ เราสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็กๆ แบบยาวเรียวแทนตำแหน่งของโต๊ะกาแฟ และใช้โซฟาเป็นเก้าอี้นั่งสำหรับรับประทานอาหารไปในตัวตามแบบห้องตัวอย่างได้เลย หรือจะวางโซฟา Love Seat ขนาด 2 ที่นั่ง แล้ววางโต๊ะรับประทานอาหารและเก้าอี้เอาไว้ด้านข้างโซฟาก็ได้เช่นกัน
ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาเป็นชั้นวางทีวี Built – in ปิดผิวด้วยลามิเนตที่ทางโครงการให้มากับตัวห้องด้วย จะมีหน้าบานอยู่ 1 บานสามารถเลื่อนปิดในจุดที่ใช้เก็บของเยอะๆ ได้ แบบว่าใช้ซ่อนความไม่เรียบร้อยนิดนึง
ซึ่งระยะดูทีวีภายในห้องนี้จะอยู่ที่ 1.8 เมตรค่ะ เป็นระยะที่เหมาะสำหรับดูทีวีจอขนาด 42 – 47 นิ้ว จะกำลังพอดีไม่ปวดตา
ภาพบรรยากาศภายใน Common Area อีกมุมหนึ่ง
จาก Common Area จะเชื่อมต่อกับห้องนอน, ห้องน้ำ และห้องครัวค่ะ
เราเข้าไปดูภายในห้องนอนกันก่อน ห้องกั้นส่วนจาก Common Area ด้วยประตูบานเลื่อนอลูมิเนียมติดกระจกแบบ 3 ตอน ข้อดีก็คือทำให้ส่วน Common Area สามารถรับแสงจากธรรมชาติได้ และทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากกว่าการกั้นด้วยผนังทึบไปเลย
มือจับประตูใช้แบบเซาะร่องมาตรฐานค่ะ
ภายในห้องนอนถือว่ามีขนาดกำลังพอดี ทางโครงการวางเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดมาให้ดูพื้นที่ใช้สอยแล้ว ก็สามารถทำได้ลงตัวค่ะ
ภายในห้อง ทางโครงการทำตู้เสื้อผ้า Built – in ขนาดมาตรฐานมาให้เรียบร้อยค่ะ ตู้เสื้อผ้าของห้องนี้จะมีหน้าบานเปิดกระจกสีชา ตัวตู้ปิดผิวด้วยลามิเนต
และมีลิ้นชักสำหรับเก็บของด้านในตู้
ทางโครงการจะให้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตมาด้วย เป็นขนาดที่กำลังพอดีกับพื้นที่ห้องค่ะ พอวางแล้วก็ยังเหลือพื้นที่โดยรอบเตียงสามารถเดินผ่านไปเปิด – ปิดหน้าต่างหรือเปลี่ยนผ้าปูเตียงได้
แถมยังมีดีเทลลิ้นชักสำหรับเก็บของใต้เตียงให้ด้วยนะ
สำหรับคนที่ชอบดูทีวีก่อนนอน สามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังเพิ่มเติมเอาได้นะ
สังเกตอีกจุดหนึ่งตรงปลั๊กไฟข้างหัวเตียง ทางโครงการจะให้ USB Outlet มาด้วยค่ะ
ส่วนช่องแสงภายในห้องก็มีขนาดใหญ่ ได้เป็นหน้าต่างกระจกบานขนาดเท่าผนัง พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บานสำหรับเปิดระบายอากาศได้
กลับออกมาที่ส่วน Common Area จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำและห้องครัวค่ะ
โดยบริเวณโถงด้านหน้าห้องน้ำและห้องครัว ทางโครงการได้ทำโต๊ะเครื่องแป้งและชั้นเก็บของ Built – in เพิ่มเติมมาให้แบบนี้
ใต้โต๊ะก็มีลิ้นชักสำหรับเก็บของ
ตู้ชั้นลอยด้านบนมีบานปิดให้ เอาไว้เก็บของที่อาจจะไม่ได้หยิบใช้บ่อยมาก ฝุ่นจะได้ไม่จับ
เราเข้าไปดูพื้นที่ในห้องครัวกันต่อค่ะ ครัวที่ได้จะเป็นครัวปิด กั้นส่วนจาก Common Area ด้วยประตูบานเลื่อนอลูมิเนียมติดกระจกใสแบบ 3 ตอน พื้นภายในปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น ข้อดีก็คือ กลิ่นจากการปรุงอาหารจะไม่ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง และสามารถเช็ดล้างคราบอาหารหรือคราบน้ำมันออกได้ง่าย
ทางโครงการทำเคาน์เตอร์ครัว Built – in มาให้ มีขนาดกำลังพอดีกับพื้นที่ โดยจะเว้นพื้นที่เอาไว้ให้สำหรับวางตู้เย็นขนาดมาตรฐานค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวใช้ Top หินสังเคราะห์สีดำ ติดตั้งเตา Induction พร้อมเครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานมาให้ ที่ใต้เคาน์เตอร์ก็มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ, ช่องเก็บช้อนส้อม และช่องใต้อ่างล้างจานสำหรับใช้วางถังขยะ และเก็บอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมได้ดี
เตาปรุงอาหารจาก Hafele เป็นเตาขนาด 2 หัว
และอ่างล้างจานพร้อมก๊อกน้ำจาก Hafele เช่นกัน
ส่วนด้านบนเคาน์เตอร์มีตู้ลอยเก็บของให้เพิ่มเติมแบบนี้ค่ะ หน้าบานใช้เป็นกระจกสีชาเหมือนกัน และติดตั้งเครื่องดูดควันจาก Hafele มาให้ ตำแหน่งตรงกับเตาปรุงอาหาร
จากห้องครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียงห้องได้ ข้อดีก็คือทำให้ห้องครัวสามารถระบายอากาศได้ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ โดยกั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอนเหมือนเดิม
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องสีเทาขนาด 30 x 30 ซม. ติดราวกันตกเป็นระแนงเหล็กทาสีเทาเข้ม เป็นจุดที่ใช้วางเครื่องซักผ้าและตากผ้าได้พอดี
และเป็นจุดที่ใช้แขวน Compressor ด้วย โดยจะมีระแนงเหล็กแนวตั้งช่วงพรางรูปด้านอาคารเอาไว้ให้ดูเรียบร้อย
เรากลับเข้ามาดูห้องน้ำเป็นห้องสุดท้ายแล้วค่ะ
ภายในห้องน้ำถูกออกแบบอย่างเป็นสัดส่วน แบ่งแยกโซนเปียก – โซนแห้งอย่างเรียบร้อยชัดเจน ที่พื้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม. สีเทา ที่ผนังกรุด้วยกระเบื้องขนาดเท่ากันแต่เป็นสีขาวค่ะ ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดจะเป็นของ Hafele
ระหว่างพื้นภายนอกและพื้นห้องน้ำจะทำธรณีสูงขึ้นมาเพื่อกันน้ำไหลย้อนให้
เรามาดูรายละเอียดของสุขภัณฑ์กันต่อ เริ่มจากที่อ่างล้างมือเป็นอ่างฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดกำลังดี มีพื้นที่สำหรับวางของรอบขอบอ่างได้ ติดตั้งมาพร้อมกับก๊อกน้ำล้างมือ
ที่ใต้เคาน์เตอร์ก็สามารถใช้เป็นที่เก็บของได้นะ
ด้านข้างอ่างติดตั้งปลั๊กไฟและ USB Outlet มาให้ สำหรับใช้กับที่โกนหนวดไฟฟ้า, ไดร์เป่าผม, มือถือ หรือ Tablet สำหรับคนที่ติดเกมส์หรืออ่าน E – book เวลานั่งในห้องน้ำนานๆ
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์ระบบ Dual Flush ช่วยประหยัดน้ำ ติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน ระยะนั่งตรงนี้อาจจะแคบนิดนึงนะสำหรับคนตัวใหญ่ๆ
ด้านในสุดเป็นโซน Shower ทางโครงการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Tempered บานเปลือยมาให้เรียบร้อย
ที่บานประตูติดมือจับขนาดใหญ่ สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ในตัวค่ะ
ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำก็มีขนาดกำลังพอเหมาะ ไม่แคบจนเกินไป
ภายในติดตั้งชุด Hand Shower ให้ที่ผนัง พร้อมเจาะผนังเข้าไปทำชั้นวางสบู่ให้
เราเทียบขนาดหัวฝักบัวให้ดูกับมือค่ะ มีขนาดใหญ่กำลังดี สามารถช้อาบน้ำได้สะดวก
ส่วนสวิตช์และปลั๊กไฟภายในห้องจะใช้ของ Panasonic ทั้งหมด
และติดตั้งแอร์ของ Daikin Inverter มาให้ที่บริเวณ Common Area 1 ตัวและห้องนอนอีก 1 ตัวค่ะ
:::: ราคา (กรกฎาคม 2562) ::::
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ คลิก https://www.origin.co.th/
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ The Origin ลาดพร้าว 15 เป็น Low rise Condominium ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 บรรยากาศภายในซอยมีความเป็นส่วนตัวและน่าอยู่มาก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยหลังใหญ่ๆ ดั้งเดิมในย่านนี้ ถนนลาดพร้าวเป็นถนนสายหลักที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ตอนนี้ลาดพร้าวก็เรียกได้ว่าเป็นย่าน Vertical Living Area หรือ พื้นที่อยู่อาศัยในแนวตั้งอีกหนึ่งย่าน
ซึ่งทำเลนี้ถือว่าอยู่บนจุดศูนย์กลางของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสาธารณะระบบราง และ Lifestyle ที่มีครบหมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร, Shopping Mall, Department Store, Hypermarket, โรงพยาบาล, โรงเรียนชื่อดัง และแหล่งงาน รวมถึงอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ ย่านรัชดาภิเษก – พระราม 9 ซึ่งเป็น CBD ใหม่ของกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังจะมี Mega Project เกิดขึ้นในย่านนี้ ทั้งโครงการ Oasis Tower, Bang Sue Grand Station และ Mo Chit Complex ที่จะผลักดันให้ทำเลนี้มีมูลค่าสูงขึ้น กลายเป็น NCBD คาดการณ์ว่าเป็นทำเลที่สามารถลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรได้ดี
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางถือว่าสะดวก เพราะตัวโครงการอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 ที่สามารถเข้า – ออกได้ทั้งจากฝั่งลาดพร้าว, รัชดาภิเษก และพหลโยธินเลย จากถนนลาดพร้าวจะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายสาย และตัวโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี ไม่ไกลกันก็มีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ เป็นอีกตัวเลือกที่สามารถใช้ออกไปทางบางนาได้ หรือจะวิ่งขึ้นไปทางวัชรพลก็ได้ค่ะ การเดินทางบนเส้นลาดพร้าวถ้าจะให้เร็วก็ต้องรู้จักซอยในการลัดเลาะไปยังถนนเส้นต่างๆ ประกอบเอา เพราะถ้าวิ่งบนถนนใหญ่ตรงๆ เลยก็อาจจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมงๆ เลย
การเดินทางโดยรถสาธารณะ ถือว่าสะดวกสบายมากเช่นกัน แม้ว่าตัวโครงการจะอยู่ในซอยไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่าน แต่ก็สามารถเรียกวินมอเตอร์ไซค์หรือแท็กซี่ได้ง่ายผ่านแอพพลิเคชั่นทั้ง Grab Taxi และ Line Taxi ส่วนป้ายรถเมล์ก็อยู่ที่หน้าปากซอยลาดพร้าว 15 เลย อีกทั้งตัวโครงการนั้นยังตั้งอยู่บนใจกลางของศูนย์กลางการเชื่อมต่อระบบราง ซึ่งตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว ทางออกที่ 3 จากโครงการเดินไป 600 เมตร ซึ่งในอนาคตจะเป็นสถานี Interchange เชื่อมกับ สถานีรัชดาภิเษก ของ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าว – พัฒนาการ ส่วน MRT พหลโยธิน ซึ่งห่างจาก สถานีลาดพร้าว เพียงสถานีเดียว ในอนาคตจะเชื่อมกับ สถานีห้าแยกลาดพร้าว ของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต – คูคต อีกด้วย
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น มี 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 1 – 1 – 16 ไร่ เป็นส่วนตัวด้วยห้องชุดพักอาศัยจำนวนเพียง 163 ยูนิต ออกแบบมาในสไตล์ Neo Modern ที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา เน้นโทนสีแบบโมโนโทน ขาว – น้ำตาล ดูเท่และดูอบอุ่น กลมกลืนไปกับบรรยากาศภายในซอยลาดพร้าว 15 ไม่ทำลายบรรยากาศการอยู่อาศัยแบบดั้งเดิมของซอย
ภายในโครงการมีห้องแบบ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 24.5 – 45.5 ตร.ม. ตกแต่งแบบ Fully Fitted พร้อมเครื่องปรับอากาศ, Digital Door Lock ระบบ 1 Pass Password (Guest Pin) และระบบ Home Automation
มีการวางผังห้องแต่ละแบบโดยนึกถึงผู้อยู่อาศัยที่เป็นคนยุคใหม่มากขึ้น วัสดุที่ได้มากับตัวห้องก็ถือว่าได้มาตรฐานดีค่ะ มีดีเทลที่น่าสนใจตรงที่ให้ USB Outlet ตามจุดต่างๆ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยรุ่นใหม่ได้ดีมากยิ่งขึ้น
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย มีมาให้อย่างครบครันค่ะ ทั้ง Visitor Lobby, Swimming Pool, Co – working Space, Co – passion Studio (Multi – purpose Room), Meeting Room, Office Supply, Mailbox & Smart Locker, Self – Storage, Sharing Service, Laundry, Gym, Gadget Room, Pocket Garden, Rooftop Garden, Outdoor Charger ที่ตกแต่งมาอย่างสวยงามในสไตล์ Neo Modern
นอกจากนี้ก็ยังมี ลิฟต์โดยสารระบบล็อคชั้น 2 ตัว คิดเป็นสัดส่วน 82 : 1 ถือว่าได้มาตรฐาน , ที่จอดรถ 40%, Access Card Control, CCTV, รปภ. 24 ชม. และบริการแม่บ้านทำความสะอาดห้องที่ผ่านการเทรนมาจากโรงแรมดุสิตธานี เดือนละ 1 ครั้งเป็นเวลา 1 ปี นับว่าโครงการให้มาเยอะพอสมควรเลยค่ะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตภายในโครงการ
:::: คะแนน ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 7.9 | อยู่ในซอยลาดพร้าว 15 ใกล้ถนนลาดพร้าวและถนนรัชดาภิเษก ใกล้แยกรัชดา – ลาดพร้าว ถือเป็นทำเลที่ดีทีเดียว |
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว | 7.5 | สามารถเดินทางได้สะดวก เข้า – ออกได้ทั้งจากทางลาดพร้าว, รัชดา และพหลโยธิน แต่รถจะติดมากอยู่นะ ต้องหาซอยคอยลัดเลาะเอา |
การเดินทางโดยรถสาธารณะ | 8.5 | วินมอเตอร์ไซค์และรถแท็กซี่ก็สามารถหาได้ตลอด ป้ายรถเมล์ก็อยู่ไม่ไกล แถมยังอยู่ใกล้ MRT สถานีลาดพร้าวในระยะ 600 เมตร |
บ้านและวัสดุ | 7.7 | ห้องออกแบบมาได้ดีค่ะ มีความลงตัวของฟังก์ชั่น วัสดุที่ใช้สวยงามได้มาตรฐาน |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 8.1 | สิ่งอำนวยความสะดวกให้มาเยอะทีเดียวค่ะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตภายในโครงการ ถือว่าเหมาะสม ขนาดแต่ละส่วนอาจไม่ใหญ่มาก จากภาพแล้วดูน่าใช้งานดี |
ความคุ้มค่ากับราคา | 8.0 | โครงการเหมาะสำหรับครอบครัวขนาด 1 – 3 คน เงินเหลือพอซื้อเฟอร์เพิ่มอีกนิดหน่อย ชอบความสะดวกสบาย ต้องการเดินทางด้วยรถสาธารณะสะดวก |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 7.95 | ดี |
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 020 300 0000
WEBSITE : https://www.origin.co.th
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น