รีวิว คอนโด วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao
สวัสดีค่ะผู้อ่านชาว Homenayoo ที่รักทุกคน วันนี้เราจะพามาชมโครงการ Whizdom Avenue รัชดา – ลาดพร้าว จาก MQDC กันค่ะ ตัวโครงการอยู่บนหัวมุมแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ทางเข้าโครงการอยู่ติดกับรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว ทางออกที่ 1 และสวนลุมไนท์บาร์ซ่าร์รัชดา เดินทางสะดวกใกล้ถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดี-รังสิต และ ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์
วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว เป็น High rise Condominium สูง 27 ชั้น ระดับ Luxury มี 1 อาคาร จำนวน 497 ยูนิต บนเนื้อที่ 3-0-44 ไร่ มีขนาดห้องให้เลือกเป็น Studio, 1 Bedroom, 2 Bedrooms, Duplex, Duplex Penthouse และ Penthouse ขนาดเริ่มต้นที่ 27.00 ตรม. ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในเดือนสิงหาคมปี 2560 นี้เองค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก ภายในโครงการมีมาให้อย่างครบครัน อาทิ Grand Lobby, Mailbox, Library, Sky Garden, Sky Infinity Edge Swimming pool, Fitness, Sky Lounge, Sky Terrace, ลิฟท์โดยสาร, Access Card Control, Digital Door Lock, กล้อง CCTV และ รปภ. 24 ชม. ในราคาเริ่มต้นที่ 4 ล้านบาท (เฉลี่ย 153,000 บาท/ตร.ม.)
ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะเป็นอย่างไร อ่านต่อด้านล่างได้เลยค่ะ
พาชมคอนโด Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว ใกล้ MRT ลาดพร้าว
ชื่อโครงการ | วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao |
เจ้าของโครงการ | MQDC (Magnolia Quality Development Corporation Limited) |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
เนื้อที่ทั้งหมด | 3-0-44 ไร่ |
จำนวนตึก | 1 อาคาร |
จำนวนชั้น | 27 ชั้น |
จำนวนห้อง | 497 ยูนิต |
ที่จอดรถทั้งหมด | 244 คัน คิดเป็น 49% (รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 60%) |
โซน | เขตจตุจักร |
ขนส่งสาธารณะ |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | รถเมล์สาย 8, 8ปอ, 44ร, 92, 96, 122ร, 145, 145ส, 502, 517 และ 545ร |
ที่ตั้ง | ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. |
กำหนดการ | เริ่มก่อสร้างปี 2558 |
ปีที่สร้างเสร็จ | สร้างเสร็จพร้อมอยู่ สิงหาคม ปี 2560 |
ราคา | เริ่มต้น 4 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | 150,000 บาท/ ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถาน
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | “Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao คอนโด High Rise 27 ชั้น 1 อาคาร ติดรถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว เริ่ม 4 ล้านบาท” |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
พิกัด : 13.805248, 100.574192
แผนที่จากทางโครงการ
ทำเลที่ตั้ง โครงการ Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao เป็น High rise Condominium ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าวตอนบน ตรงแยกลาดพร้าว-รัชดาพอดี ทางเข้าโครงการจะอยู่ข้างๆ MRT สถานีลาดพร้าวที่ทางออก 1 เลยค่ะ หลายๆคนคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าถนนลาดพร้าวเป็นเส้นที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีทั้งออฟฟิศ, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, อพาร์ทเม้นท์, คอนโดมิเนียมทั้ง High rise และ Low rise และบ้านพักอาศัย เรื่องอาหารการกินนั้นก็ไม่ขาดปาก ตอนนี้ลาดพร้าวก็เรียกได้ว่าเป็นย่าน Vertical Living Area หรือ พื้นที่อยู่อาศัยในแนวตั้งอีกหนึ่งย่าน นั่นก็เพื่อการรองรับความเจริญของศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) ย่านรัชดาภิเษก-พระราม 9 ซึ่งเป็น CDB ใหม่ของกรุงเทพมหานครนั่นเอง
การเดินทางด้วยรถยนต์ การเดินทางถือว่าสะดวกมาก หากมองในมุมมองของคนที่ทำงานอยู่ในช่วง รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว-วิภาวดี เพราะโครงการอยู่ตรงแยกลาดพร้าว-รัชดาเลย จากถนนลาดพร้าวจะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายสาย ทั้ง พหลโยธิน ใช้วิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ต่อไปถึงอโศก หรือออกไปทางสะพานใหม่ได้, วิภาวดี-รังสิต วิ่งขนานกับเส้นพหลโยธิน แต่มีการจราจรที่คล่องตัวกว่าค่ะ ตัวโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี, รัชดาภิเษก ตัดกับถนนลาดพร้าวตรงแยกลาดพร้าว-รัชดา ใช้วิ่งลงไปทางพระราม 9 ได้, ประดิษฐ์มนูธรรม มีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ เป็นอีกตัวเลือกที่สามารถใช้ออกไปทางบางนาได้ หรือจะวิ่งขึ้นไปทางวัชรพลก็ได้ค่ะ
นอกจากนี้บนเส้นลาดพร้าวก็ยังมีทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ได้จาก ซอยลาดพร้าว 41 และ ถนนโชคชัย 4 เข้าถนนลาดพร้าววังหิน และ ถนนนาคนิวาส เชื่อมต่อกับถนนสุคนธสวัสดิ์ ใช้ออกเกษตร-นวมินทร์ได้สะดวก จากเส้นเกษตร-นวมินทร์ยังมีซอยมัยลาภ ใช้เป็นทางลัดออกถนนรามอินทราได้อีกด้วย บนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยโชคชัยร่วมมิตร ที่สามารถใช้เข้าถนนวิภาวดี-รังสิตได้ จากถนนวิภาวดี-รังสิตจะเชื่อมกับซอยพหลโยธิน 18 (ซอยวิภาวดี-รังสิต 3) ออกเส้นพหลโยธินตรงแยกกำแพงเพชรพอดี
แต่ข้อเสียของถนนลาดพร้าวก็คือ เป็นถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณรถที่มากตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีแยกไฟแดงและทางกลับรถอยู่อีกเป็นระยะๆ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ถนนซอยเล็กๆในการลัดเลาะไปออกถนนเส้นอื่นๆประกอบด้วย จะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมากค่ะ
ทางด่วน จากตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ในระยะเพียง 4.1 กม.เท่านั้น ซึ่งถ้ารถไม่ติดมากใช้เวลาขับไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงค่ะ โดยจากโครงการให้กลับรถไปถนนลาดพร้าวฝั่งมุ่งหน้าไปถนนพหลโยธิน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายออกถนนพหลโยธินไปกลับรถอีกที เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหอวัง จากนั้นพอวิ่งออกมาที่ทางคู่ขนานวิภาวดี-รังสิต ตรงนั้นจะมีทางแยกฝั่งซ้าย เป็นด่านเก็บเงินลาดพร้าวขาออกขึ้นทางยกระดับค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ สภาพแวดล้อมบนถนนลาดพร้าวและบริเวณใกล้เคียงมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงทีเดียวค่ะ เพราะเป็นย่านของแหล่งที่พักอาศัยในแนวดิ่ง ซึ่งคนส่วนมากอาจจะไม่ได้ปรุงอาหารทานกันเองในทุกๆมื้อ ก็ต้องออกมาพึ่งร้านอาหารข้างทางกันนี่แหละ สะดวกและรวดเร็วที่สุดแล้ว ดังนั้นตลอดถนนเส้นนี้ก็จะมีทั้งร้านอาหารทั้งร้านทั่วไปและพวก Chain Restaurant, ร้านสะดวกซื้อก็เห็นมีกระจายอยู่, ร้านขายของชำ, ร้านขายยา, ร้านอินเตอร์เน็ต, คลีนิกเสริมความงาม, คลีนิกทันตกรรม ถ้าเข้าไปตามตรอกซอกซอยก็มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะค่ะ อย่างเส้นลาดพร้าววังหิน,ถนนโชคชัย 4 และถนนนาคนิวาสนี่ก็อุดมสมบูรณ์มากๆ
ส่วนแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในย่านนี้ก็คงหนีไม่พ้นเซ็นทรัลลาดพร้าวกับแฟชั่นมอลล์อย่าง Union Mall อยู่บริเวณทางออกรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินพอดีค่ะ ถ้าจะดูเป็น Hypermarket เพื่อซื้อของเข้าบ้านก็จะมี Big C ลาดพร้าว 2 และ Tesco Lotus อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าว บริเวณข้างๆกับโครงการเองก็มีสวนลุมไนท์บาซ่าร์ค่ะ ออกไปทางจตุจักรก็มีพวก JJ Mall, JJ Grean และตลาดนัดจตุจักรให้เลือกเดินในวันสบายๆ ออกไปทางเส้นเลียบด่วนรามอินทราจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์, The Crystal และ CDC เลยขึ้นไปบนเส้นเกษตรนวมินทร์จะเป็นแหล่ง Community Mall และตลาดนัดขนาดใหญ่ จากตัวโครงการสามารถไปได้สะดวก อีกทั้งในเดือนกันยายน ปี 2560 นี้จะมี Gourmet Market มาเปิดให้บริการอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการบริเวณ MRT สถานีลาดพร้าวอีกด้วยนะ
นอกจากนี้ยังตัวโครงการยังอยู่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาล, สถานศึกษาทั้ง รร.หอวัง, ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ ม.เกษตรศาสตร์ ใกล้ธนาคารซึ่งสะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยรวมแล้วคือมีสาธารณูปโภคคอยรองรับอย่างครบครันที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ สำหรับการเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกสบายมากเช่นกัน บริเวณหน้าโครงการมีรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านอยู่ตลอด ถ้าวันไหนไม่เร่งรีบมาก อยากประหยัดเงินก็สามารถขึ้นรถเมล์ได้ค่ะ ป้ายรถเมล์จะมีอยู่บริเวณหน้าโครงการเลย สายที่ผ่านก็มีสาย 8, 8ปอ, 44ร, 92, 96, 122ร, 145, 145ส, 502, 517 และ 545ร
ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ทางเข้าโครงการจะอยู่ข้างรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว ทางออกที่ 1 เดินออกจากตัวโครงการเลี้ยวซ้ายก็ถึงเลย สถานีลาดพร้าว ในอนาคตจะเป็นสถานี Interchange เชื่อมกับสถานีรัชดาของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าว-พัฒนาการ ซึ่งจะไปเชื่อมกับ รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราที่ สถานีฉลองรัช อีกทีค่ะ ส่วน MRT พหลโยธิน ซึ่งห่างจาก สถานีลาดพร้าว เพียงสถานีเดียว ในอนาคตจะเชื่อมกับ สถานีห้าแยกลาดพร้าว ของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต-คูคต อีกด้วย
ถ้าจะไปต่อ BTS สถานีหมอชิต ก็อยู่ไม่ไกล ถ้านั่งรถไปจากหน้าโครงการ จากเส้นลาดพร้าวเลี้ยวซ้ายเข้าพหลโยธิน ตรงไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว ที่ใกล้ที่สุดคือทางออกที่ 4 นะ
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา) > ถนนลาดพร้าว > แยกรัชดา-ลาดพร้าว > ถนนลาดพร้าว > Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao
วันนี้เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือที่คุ้นหูกว่าก็คือเลียบด่วนรามอินทรานั่นเองค่ะ บริเวณที่เราอยู่ตอนนี้ก็คือช่วง CDC จากตรงนี้จะใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 15 นาทีถึงโครงการ
วิ่งผ่าน CDC มาแล้วก็ให้เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆ สังเกตป้ายประดิษฐ์มนูธรรมให้ชิดไปทางเลนขวาค่ะ
จากนั้นจะเห็นป้ายพระราม 9 ให้เราชิดขวาตรงไปตามทางนั้นเลยเพื่อขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าว 86
ชิดขวาขึ้นสะพานข้ามแยกไปเลยค่า
เมื่อลงจากสะพานมาแล้วให้เรารีบชิดเลนขวาเพื่อกลับรถ
เมื่อกลับรถมาอีกฝั่งนึงแล้วให้ดูป้ายโชคชัย 4 เอาไว้ค่ะ
ดูป้ายโชคชัย 4-รัชดาภิเษกเอาไว้ ให้เราชิดซ้ายนะ
ข้างหน้าถ้าชิดขวาจะขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าว 86 ไปทางรามอินทราค่ะ แต่เราจะชิดซ้ายเอาไว้
จากนั้นให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว ถ้าออกทางขวาจะยูเทิร์นกลับไปอีกฝั่งนะ
เข้ามาที่ถนนลาดพร้าวจะเป็นถนนขนาด 6 เลนมีเกาะกลางแบ่งอย่างชัดเจน ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของถนนจะเป็นที่ตั้งของอาคารพาณิชย์และคอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise หลากหลายแบรนด์ ขับไปเรื่อยๆเราจะวิ่งผ่านตลาดสะพาน 2 อยู่ฝั่งขวามือของเราค่ะ
วิ่งตรงไปเรื่อยๆ เราจะเจอแยกรัชดา-ลาดพร้าว ให้เราชิดซ้ายเอาไว้ โครงการจะอยู่เลยจากแยกไปนิดเดียว
จากแยกตรงเลยมาก็จะถึงทางเข้าโครงการแล้วค่ะ ตรงนี้จะมีทางออกสถานี MRT ลาดพร้าวเป็นจุดสังเกต
ภาพหน้าทางเข้าโครงการแบบชัดๆ
สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถาน
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
บนถนนลาดพร้าวที่ดินที่ติดกับถนนจะเป็นออฟฟิศ, คอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise, ธนาคาร และอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นกิจการอย่างหลากหลายตั้งแต่ร้านอาหาร, ห้างทอง จนไปถึงคลีนิกเสริมความงามค่ะ ถัดเข้าไปภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยสูงตั้งแต่ 1-2 ชั้น มีทั้งอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียมกระจายตัวกันอยู่ด้วย
เรามาดูสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการกันต่อเลยค่ะ ดูซิว่าแถวนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ?
ฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการก็คืออาคารจอดรถ Park&Ride ของ MRT ลาดพร้าวสูง 8 ชั้น ในเดือนกันยายนนี้บริเวณ MRT ลาดพร้าวจะมี Gourmet Market มาเปิดให้บริการแล้วด้วยนะ เราสามารถเดินลงใต้ดินข้ามไปได้สบายๆ ระยะเดินก็ประมาณ 70 เมตรเท่านั้นเอง
มองไปทางฝั่งซ้ายมือ เดี๋ยวเราจะเดินไปสำรวจเส้นทางฝั่งนี้กันก่อนนะคะ จะเห็นว่า MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 1 อยู่ตรงหน้าโครงการเลย
เดินลงมาจากตัวโครงการเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้ว จะเดินทางไปไหนก็สะดวกมากๆค่ะ
ถัดจากทางลง MRT จะเป็นอาคารพาณิชย์อยู่เลียบถนนลาดพร้าวทั้ง 2 ฟาก ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้าและกิจการต่างๆ มีร้านอาหารหลายร้าน ตรงนี้มีรร.สอนพิเศษภาษาอังกฤษด้วย
เดินเลยจากหน้าโครงการมาแค่ 120 เมตรก็จะมี 7-Eleven อยู่ หิวเมื่อไหร่จะดึกแค่ไหนก็มีของให้รับประทาน
ร้านกาแฟบรรยากาศสบายๆก็มีค่ะ
เดินตามทางไปเรื่อยๆก็จะเจอร้านกาแฟเพื่อสุขภาพจากเกาะนามิ อาหารสไตล์เกาหลีก็มีให้บริการนะ ข้างๆกันเป็นร้านติ่มซำชื่อดังค่ะ
ฝั่งตรงข้ามคือธนาคารธนชาต
อีกไม่ไกลก็จะถึง ทางออกที่ 2 ของ MRT สถานีลาดพร้าว
ที่ข้างหน้ามีสะพานลอยเดินข้ามฟากค่ะ บริเวณตีนสะพานก็จะมีทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารอยู่ด้วย
กลับมาที่บริเวณหน้าทางเข้าโครงการ เดี๋ยวเราจะเดินไปสำรวจบริเวณทางฝั่งขวามือกันบ้าง
ข้างๆกันคือทางเข้าโรงแรมบาซ่าร์โฮเทล และ สวนลุมไนท์บาซ่าร์ค่ะ
ซึ่งจะอยู่บริเวณหัวมุมของสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวพอดี
:::: ตัวโครงการ ::::
โครงการ Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao เป็นคอนโด High Rise สูง 27 ชั้น 497 ยูนิต บนพื้นที่ขนาดประมาณ 3 ไร่เศษ ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าวตรงแยกรัชดา-ลาดพร้าวพอดี ถูกออกแบบและก่อสร้างด้วยระบบ BIM ทำให้มีความถูกต้อง, แม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น ตัวอาคารโดดเด่นด้วย Facade เน้นการทำสีทองแดง สะท้อนแสงสีของถนนรัชดาตัดลาดพร้าว บนตัวอาคารสีน้ำตาลเข้ม เดี๋ยวเราจะไปดูแปลนอาคารพร้อมๆกันเลยค่ะ
ที่ชั้น G โครงการจะสามารถเข้าได้จากถนนลาดพร้าวเพียงทางเดียวโดยผ่านซุ้มรปภ. เป็นระบบ Access card control ส่วนบุคคลภายนอกจะต้องแลกบัตรและแจ้งหมายเลขห้องค่ะ เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอ Drop-off แล้ววนตามเข็มนาฬิกาไปเข้าลานจอดรถที่อยู่อีกฝั่งนึง
เมื่อเข้าไปภายในตัวอาคาร (ส่วนสีเทา) จะเจอโถง Grand Lobby ก่อน ข้าง Lobby จะเป็นส่วนของ Retail 1 ยูนิตซึ่งในอนาคตจะเปิดเป็น 7-Eleven ของโครงการ จากห้องโถงถ้าจะขึ้นไปในส่วนของห้องพักจะต้องเดินผ่านประตูเข้าโถงลิฟท์ ภายในมีลิฟท์โดยสารให้ 4 ตัวและ Service lift อีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการเป็น 125 : 1 Mail box ก็จะอยู่ข้างในโถงลิฟท์ด้วยค่ะ ส่วนข้างโถงลิฟท์จะมีห้องน้ำและประตูทางออกไปยังลานจอดรถค่ะ (ส่วนสีน้ำตาล)
ตั้งแต่ชั้น G ขึ้นไปจนถึงชั้น 4 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด 244 คัน คิดเป็น 49% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน และคิดเป็น 60% แบบรวมการจอดซ้อนคันแล้ว อาคารมีบันไดหนีไฟ 2 จุด คือภายในพื้นที่ Grand Lobby 1 จุด และที่จอดรถกลางแจ้งอีก 1 จุด
ชั้นที่ 5 จะเริ่มมียูนิตพักอาศัยแล้ว ตัวอาคารเป็นรูปตัว L จึงจัดวางห้องแบบ Double Corridor การวางผังของอาคารได้คำนึงถึงวิวทิวทัศน์ รวมถึงภาวะการอยู่สบายของผู้อยู่อาศัย ซึ่งตัวอาคารถือเป็นอาคารประหยัดพลังงาน หรือ Green Building นั่นเอง ตามเกณฑ์การประเมินของสถาบันอาคารเขียว น่าจะได้คะแนนอยู่ที่ระดับ Gold แล้วค่ะ
ห้องที่นี่มี 6 แบบ คือ Studio ขนาด 27.00 ตรม., 1 Bedroom ขนาด 30.00-38.00 ตรม., 2 Bedrooms ขนาด 47.00-56.00 ตรม., Duplex ขนาด 76.00-77.00 ตรม., Duplex Penthouse ขนาด 81.35-82.39 ตรม. และ Penthouse ขนาด 105.00-129.00 ตรม. ฝ้าเพดานสูงถึง 2.80-7.00 เมตร ส่วนในชั้นนี้จะมีอยู่ 3 แบบ คือ Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedrooms รวมทั้งหมด 22 ยูนิต
พื้นที่อีกส่วนหนึ่งของชั้นนี้จะเป็น Main facilities สามารถเข้าได้จากทางโถงลิฟท์ จะเป็น Sky Garden, Library และ Laundry
ชั้นที่ 6 จะมีการจัดวางห้องพักแบบเดียวกับชั้นที่ 5 โดยมียูนิตจำนวนเท่ากัน แต่ตั้งแต่ชั้นนี้ขึ้นไปจะไม่มี Facilities จะไปโผล่อีกทีที่ชั้น Roof Top
ชั้นที่ 7-24 จะมีการจัดห้องพักหนาแน่นที่สุดคือ 24 ยูนิต จะมีห้องแบบ Duplex เพิ่มขึ้นมาอีกแบบนึงอยู่ที่มุมปลายตัว L
ชั้นเลขคู่ระหว่างชั้นที่ 7-24 คือชั้น 8, 10, 12, 14, 16, 18, 20, 22 และ 24 จะมีแบบห้องเหมือนชั้นเลขคี่ระหว่างชั้นที่ 7-24 คือชั้น 7, 9, 11, 13, 15, 17, 19, 21 และ 23 ทุกประการ แต่ที่ห้องแบบ Duplex ชั้นเลขคู่จะเป็นส่วนของห้องนอนค่ะ ตรงนี้จะมีประตูที่สามารถเปิดเข้า-ออกจากโถงทางเดินได้เช่นกัน แต่ส่วนมากจะเข้าห้องจากทางห้องนั่งเล่นที่ชั้นเลขคี่เสียมากกว่า
ชั้นที่ 25 จะมีการจัดแปลนแบบชั้นที่ 7-24 แต่จากห้อง Duplex ตรงปลายตัว L จะเปลี่ยนเป็นห้อง 2 Bedrooms แทน
ชั้นที่ 26 เป็นชั้นสำหรับห้องขนาดใหญ่ มีห้องอยู่ 2 แบบคือ Duplex Penthouse (สีน้ำเงิน) มี 3 ห้อง และ Penthouse (สีเทา) มี 6 ห้อง รวมเป็น 9 ห้อง ที่ 2 ชั้นนี้จึงมีความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ โดยที่ชั้น 26 จะมี Pocket Garden ให้ด้วย
ชั้นที่ 27 จะเหมือนกับชั้นที่ 26 ทุกประการ แต่ที่ห้องแบบ Duplex Penthouse จะเป็นส่วนของห้องนอนค่ะ
ชั้น Roof Top จะเป็นชั้นของ Main Facilities ทั้งหมด จะมีทั้ง Sky Infinity Edge Swimming Pool เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 7 x 31 เมตร มี Jacuzzi อยู่ภายใน บรรยากาศรอบสระทำเป็นสวน ได้วิวเมืองจากทางเส้นลาดพร้าวออกไป ข้างๆสระทางปีกซ้ายมี Sky Terrace สร้างสูงขึ้นไปอีกชั้น สามารถขึ้นไปนั่งเล่นและรับลมชมวิวได้ ส่วนปีกขวาจะเป็น Fitness และ Sky Lounge ซึ่งจะได้วิวเมืองโดยรอบเช่นกันค่ะ
การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของที่นี่จะใช้มาตรฐานตามแบบ Universal Design หรือ การออกแบบเพื่อคนทุกกลุ่มในสังคม เพื่อให้ทุกๆคนสามารถใช้งานได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็น เด็ก, ผู้ใหญ่, หญิงมีครรภ์ หรือผู้ที่ต้องใช้รถเข็น นั่นเอง
:::: บริเวณภายในโครงการ ::::
::: ทางเข้าโครงการ :::
เราได้ชมรายละเอียดของโครงการกันไปบ้างแล้ว เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูตัวโครงการของจริงพร้อมๆกันเลย
ทางเข้าโครงการจะมีรั้วไม้กระดกกั้นอยู่ ซึ่งจะต้องใช้ Access Card ในการเปิดรั้วผ่านเข้าไป แต่ถ้าเป็นบุคคลภายนอกจะต้องแลกบัตรกับทางรปภ.ฝั่งซ้ายมือค่ะ
ที่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวามือจะมีทางเท้าสำหรับให้คนเดินเข้า-ออกได้อย่างปลอดภัย
บริเวณเกาะกลางของรั้วไม้กระดกจะมีเครื่องสแกน Card และกล้อง CCTV ติดตั้งอยู่
::: บริเวณภายในโครงการ :::
เข้ามาภายในโครงการจะเป็นถนน 2 เลนแบบนี้ ข้างทางจัด Landscape เอาไว้อย่างร่มรื่นสวยงาม เมื่อเข้ามาแล้วก็ให้ขับวนตามเข็มนาฬิกาค่ะ
ขับวนเข้าไปทางซ้ายแล้วจะไปเจอ Drop-off เข้าสู่ Grand Lobby ด้านหน้าทางเข้าสร้างจุดเด่นด้วยระแนง Facade สีทองแดง บิดเป็นคลื่นสร้าง Movement ให้แก่ตัวอาคาร
วนเข้ามาทางซ้ายจะผ่านจุด Drop-off ฝั่งขวามือ และวนออกไปเข้าลานจอดรถอีกฝั่ง
ส่วนทางขวาจะเป็นฝั่งที่รถขับวนออกมาค่ะ
ลานจอดรถ
อีกฝั่งนึงของอาคารจะเป็นทางเข้าสู่ลานจอดรถค่ะ ทางเข้าเป็นทางลาดขับขึ้น-ลงอย่างนี้
จะเป็นพื้นที่จอดรถแบบนี้ขึ้นไปถึงที่ชั้น 4
ทุกชั้นจะมีโถงลิฟท์เพื่อลงไปที่ชั้น Lobby และชั้นอื่นๆได้
Grand Lobby
กลับมาที่บริเวณ Drop-off หน้าโครงการ ฝั่งซ้ายมือเป็นส่วนของ Retail ซึ่งจะเปิดเป็น 7-Eleven ของโครงการ เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูภายในอาคารด้วยกันต่อเลยค่ะ
ทางเข้าหลักของอาคารจะเป็นประตูแบบ 2 ชั้นเพื่อการประหยัดพลังงาน
เข้ามาภายในตัวอาคารจะเจอส่วนของ Grand Lobby ก่อน ตรงนี้ฝ้าเพดานสูงถึง 7 เมตรเลย ทำให้ภายในดูโอ่โถงมาก อีกทั้งยังหรูหราและสวยงามด้วย Finishing สีเข้ม อีกทั้งยังมีระแนงเหล็กประดับดวงไฟกั้นเป็น Partition โปร่งๆ แบ่งเป็นมุมนั่งเล่นหลายๆมุม
ผนังโดยรอบโถงเป็นผนังกระจกสูงขึ้นไปเสมอฝ้าเลยค่ะ ภายในโถงจึงสว่างและโปร่งมาก ฝั่งด้านหน้าอาคารมี Facade อยู่ภายนอกช่วงลดความแรงของแสงและสร้างความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอกได้เป็นอย่างดี ช่วงที่แดดแรงหน่อยก็สามารถเลื่อนม่านลงมาปิดได้
มุมนั่งเล่นอีกมุมนึงภายใน Grand Lobby
โถงลิฟท์, Mailbox และ โถงทางเดิน
ระหว่าง Counter ของ Staff จะมีประตูกระจกเป็นทางเข้าโถงลิฟท์ อยู่ตรงกลางของ Grand Lobby
ภายในโถงลิฟท์ก็ยังคงใช้วัสดุโทนเดียวเชื่อมต่อจาก Grand Lobby เข้ามา ภายในเล่นแสงเป็นเส้นตรงสร้างชีวิตชีวาและความทันสมัย เข้ามาทั้ง 2 ฝั่งจะเป็นห้อง Mailbox ตามด้วย Passenger Lift อีกฝั่งละ 2 ตัว
ภายในห้อง Mailbox ตกแต่งด้วย Concept อย่างเดียวกัน
บริเวณหน้าประตูลิฟท์และปุ่มกดลิฟท์ค่ะ ลิฟท์ที่นี่จะเป็นระบบล็อคชั้น ต้องใช้ Access Card สแกนก่อนจึงจะสามารถกดชั้นของตัวเองได้ ลิฟท์ที่ใช้เป็นของ Schindler สามารถรับน้ำหนักได้ 1150 กก. หรือประมาณ 16 คนต่อเที่ยว
ขึ้นมาที่ชั้นพักอาศัย บริเวณโถงลิฟท์จะประดับตกแต่งด้วยวัสดุที่ดูเป็นบ้านและดูสบายตามากขึ้น
ป้ายบอกเลขชั้นและเลขที่ห้องตรงกลางโถง
บริเวณโถงทางเดินภายในอาคารค่ะ จัดเป็นรูปแบบ Double Corridor คือมีห้องอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง วัสดุที่ใช้ดูเรียบๆ สะอาดตา แต่ก็ยังคงความหรูหราเอาไว้อยู่
Sky Garden
มาดูส่วนกลางของโครงการกันต่อค่ะ เราขึ้นมาที่ชั้น 5 ซึ่งชั้นนี้จะเป็นส่วนของ Sky Garden, Library และ Laundry
ออกมาจากโถงลิฟท์จะเจอ Sky Garden ก่อน มุมนี้จะเป็นวิวตรงแยกรัชดา-ลาดพร้าวค่ะ
Library
บริเวณฝั่งขวาของสวนจะมีโถงทางเดินสู่ Library ทางซ้ายมือและเลี้ยวขวาตามทางเดินไปจะเป็น Laundry ค่ะ
Library มีขนาดกว้างขวางและสูงโปร่ง ผนังทุกด้านจะเป็นผนังกระจกทั้งหมดทำให้ห้องได้รับแสงสว่างอย่างเพียงพอเหมาะสำหรับการอ่านหนังสือ ภายในจะใช้ชั้นหนังสือเป็น Partition แบ่งพื้นที่ของห้องเป็นมุมนั่งเล่นหลายๆมุมที่มีความเป็นส่วนตัว
ที่ผนังกระจกมีการใช้กระจกสีช่วยสร้างลูกเล่นทำให้ดูน่าสนใจและสร้างบรรยากาศที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้ ความพิเศษของห้องสมุดที่นี่คือเป็น E-Library หรือห้องสมุดออนไลน์โดยสามารภใช้งานทางผ่าน Application บน Smartphone หรือ Tablet นั่นเอง
มุมน่านั่งข้างในอีก 1 มุมค่ะ จะเป็น Single Couch หรือ Couch set นั่งเอนสบายๆก็มี
Sky Infinity Edge Swimming Pool
ขึ้นมาบนชั้น Roof Top กันต่อ ที่ชั้นนี้จะมี Swimming Pool, Sky Terrace, Fitness และ Sky Lounge ไปชมกันเลยค่ะ
ออกมาจากโถงลิฟท์ไปทางขวาจะเป็นสระว่ายน้ำค่ะ สระที่นี่มีขนาดใหญ่ 7 x 31 เมตร ใช้ระบบเกลือ สามารถใช้ว่ายออกกำลังกายแบบจริงจังได้ โดยรอบจัด Landscape สร้างบรรยากาศสีเขียวอย่างสวยงาม
ตรงกลางสระมีอ่าง Jacuzzi มีสายน้ำนวดตัวภายใน สามารถนั่งนวดตัวในน้ำพร้อมชมวิวเมืองได้พร้อมๆกัน
สระจะเป็นแบบ Infinity edge pool ทำขอบสระแบบน้ำล้น เชื่อมวิวทิวทัศน์ของเมืองและเส้นขอบฟ้าเข้ากับตัวสระ
บางส่วนของสระจะทำพื้นค่อนข้างตื้นสำหรับเด็กเล็กค่ะ ส่วนบันไดเดินลงสระจะออกแบบให้อยู่ภายในสระเลย ทำให้จบงานได้ดูเรียบร้อยสวยงาม ที่ฝั่งซ้ายของสระก็คือ Sky Terrace เดี๋ยวเราจะขึ้นไปชมวิวข้างบนนั้นกัน
บน Sky Terrace จะสูงขึ้นมาจากระดับชั้นสระว่ายน้ำอีก 1 ชั้น บนนี้มีความเป็นส่วนตัวมาก มีม้านั่งสำหรับนั่งเล่นด้านนึง โดยรอบปลูกต้นไม้ใหญ่เหมือนอยู่บนภูเขาที่มองเห็นวิวเมือง
วันนี้ท้องฟ้าออกครึ้มๆหน่อย ในวันที่ฟ้าโปร่งมองวิวจากจุดนี้จะสวยมากๆ ยิ่งเป็นตอนกลางคืนจะยิ่งสวยค่ะ
มองจาก Sky Terrace ลงไปที่สระว่ายน้ำ
บรรยากาศยามเย็นของตัวเมืองกับ Sky Infinity Edge Pool
ไปดูที่อีกฝั่งนึงกันบ้าง โถงทางเดินตรงนี้จะนำไปสู่ ห้องน้ำ และ Sky Lounge ทางฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาคือ Fitness ค่ะ
Fitness
มาเริ่มจาก Fitness กันก่อน ภายในเป็นแบบ Fully Equipment Fitness มีอุปกรณ์ทุกอย่างมาให้อย่างครบครัน
ที่ห้อง Fitness นี้ก็จะได้วิวเมืองเช่นกันค่ะ
วิวเมืองจากห้อง Fitness ตอนนี้ฟ้าเริ่มเปิดแล้วนะ สวยมากเลย
มาดูอุปกรณ์ที่ให้มากันบ้าง
เริ่มจากฝั่งขวามือ จะมีชุดดัมเบลหลายขนาด วางคู่ Flat bench ข้างผนังกระจกเพื่อเช็คท่าในการยกน้ำหนัก ถัดมาเป็นเครื่องเล่นหน้าท้องและจักรยานไฟฟ้าอย่างละตัวค่ะ
มีเครื่องเดินวงรี และ ลู่วิ่งไฟฟ้าอีกอย่างละ 2 เครื่อง
หันไปอีกด้านจะมีเครื่องออกกำลังแขน, หลัง และ หน้าอก อีก 2 เครื่องค่ะ
WC, Locker และ Changing room
มาดูที่ห้องน้ำกันต่อแบ่งห้องชาย-หญิง เข้าไปภายในจะเจอตู้ล็อกเกอร์และเก้าอี้นั่งแต่งตัวหรือพักคอย
ภายในแบ่งเป็น 2 ฝั่งคืออ่างล้างมือและห้องน้ำ
อ่างล้างมือ 2 อ่าง ติดกระจกเต็มผนัง
ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ
Sky Lounge
มาดู Facility ส่วนสุดท้าย นั่นก็คือ Sky Lounge นั่นเอง
ภายในห้องมีความสูงโปร่งพอๆกับห้อง Fitness ค่ะ ด้านในจัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนและเล่นเกมส์อยู่หลายมุม ห้องนี้ก็จะได้วิวเมืองอย่างเต็มที่โดยรอบด้าน
มุมนั่งเล่นอีก 1 มุม
โดยรอบของห้องจะทำเป็นพื้นที่ระเบียงเล็กๆ สามารถเดินออกไปรับลมชมวิวภายนอกได้ด้วยนะ
ที่ผนังทึบด้านหลังห้องจะติด Fiber Optic ค่ะ
ซึ่งจะเป็นการเล่นแสงสร้างบรรยากาศในช่วงกลางคืนแบบนี้เลย
:::: Room Type และ ห้องตัวอย่าง ::::
::: Room Type :::
ห้องภายในโครงการมีการออกแบบจัดวาง Space เพื่อตอบโจทย์ lifestyle และการอยู่อาศัยที่แท้จริง สอดคล้องกับหลักการอยู่เย็น (สบาย) และ เป็นสุข (สุขภาพดี) โดยทั้งโครงสร้าง, ประตู-หน้าต่าง รวมถึงหลังคาจะมีการรับประกันอยู่ที่ 30 ปี ในทุกๆปีก็จะมีหน่วยงาน Premium Care มาคอยตรวจเช็คสุขภาพของห้องให้ด้วย ห้องจะมีตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับอยู่เพียง 1-2 คน จนไปถึงห้องที่สามารถอยู่กัันได้ถึง 5-6 คนเลยทีเดียว โดยแบ่งออกเป็น 6 แบบหลักๆด้วยกัน คือ
ห้องของที่นี่จะขายแบบ Fully Fitted จะไม่มีเฟอร์นิเจอร์มาให้ จะมี ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว และสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำมาให้ค่ะ เดี๋ยวเราไปดูแปลนห้องแต่ละแบบกันต่อเลย
Studio-A1 ขนาด 27.00 ตรม.
1 Bedroom-B2 ขนาด 30.90 ตรม.
1 Bedroom-B4 ขนาด 34.47 ตรม.
2 Bedrooms-C3 ขนาด 55.61 ตรม.
Duplex-D1 ขนาด 76.00 ตรม.
Duplex Penthouse-DP3 ขนาด 82.39 ตรม.
Penthouse-PH3 ขนาด 129.00 ตรม.
::: ห้องตัวอย่าง :::
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ลำดับเป็น 1 Bedroom-B2 ขนาด 30.90 ตรม. และ 2 Bedrooms-C3 ขนาด 55.61 ตรม. มาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของห้องกันเลย
:: แบบห้อง 1 Bedroom-B2 ขนาด 30.90 ตรม. ::
เริ่มต้นที่ห้อง 1 Bedroom-B2 ขนาด 30.90 ตรม. ขนาดของห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1-2 คน ภาพรวมภายในห้องสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว แบ่งสัดส่วนระหว่างห้องนั่งเล่น, ห้องครัว และห้องนอนออกจากกัน ห้องครัวที่ได้จะเป็นครัวแบบปิด ช่วยกันกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้ดี
เริ่มจากประตูทางเข้าห้องจะเป็นบาน HDF ขนาด 0.9 x 2.3 เมตร มือจับประตูแบบก้านโยกพร้อม Digital Door lock จาก Yale ที่บานมีตาแมวสามารถส่องดูคนที่ยืนอยู่หน้าห้องได้ ประตูทางเข้าห้องจะลึกเข้าไปจากแนวผนังประมาณ 0.5 เมตร เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านแต่ละยูนิตเวลาจะเข้าหรือออกจากห้อง
มือจับประตูแบบก้านโยกพร้อม Digital Door lock
ที่ผนังด้านข้างของห้อง (จะเป็นบริเวณห้องนั่งเล่นด้านใน) มี Grill สามารถเปิดเป็นช่องให้ลม Flow ผ่านได้
พื้นห้องปูด้วยไม้ลามิเนตหนา 12 มม. จบ Finishing ระหว่างพื้นภายใน-ภายนอกห้องเรียบร้อยดี
เข้าไปภายในห้องจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปจะเป็นห้องครัวทางซ้าย และห้องนอนทางขวา ภายในห้องนี้ตกแต่งด้วย Calvin Klein Furniture ทั้งหมดเป็นสไตล์เรียบหรู ไม่เยอะไม่น้อยจนเกินไป ส่วนผนังที่ได้จริงๆจะเป็นฉาบเรียบทาสีนะ ในห้องนี้จะได้แอร์มาด้วย 2 ตัวคือบริเวณห้องนั่งเล่น 1 ตัว และห้องนอนอีก 1 ตัว ตำแหน่งการติดตั้งแอร์ก็ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพรวมถึงผู้ใช้งานด้วยค่ะ โดยตำแหน่งที่ติดจะไม่เป่าหน้าผู้อยู่อาศัยโดยตรง จะให้แอร์เป่าออกมาทางด้านข้างแทน
ที่นี่ฝ้าให้มาสูงถึง 2.8 เมตรเลยค่ะ เป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้ทุกห้อง สังเกตที่ฝ้าจะติด Smoke Detector, Heat Detector และ Sprinkle เอาไว้ให้เรียบร้อย
มาดูการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ของห้องนั่งเล่นกันต่อเลย
พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะกว้างประมาณ 2.4 เมตร สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง, โต๊ะกาแฟ และโต๊ะข้างอีก 1 ตัว หรือจะว่างเป็นโซฟาขนาด 3 ที่นั่งไปเลยก็ได้เหมือนกัน ระยะกระทัดรัดกำลังสบายๆ
หันไปอีกฝั่งนึงจะสามารถวางชั้นทีวีได้ ขนาดยาวประมาณ 1 เมตรเพราะจะติดกับประตูห้องน้ำนะ
ระยะดูทีวีของห้องนี้อยู่ที่ 2.2 เมตร เหมาะกับทีวีขนาด 50-55 นิ้ว เหมาะกับขนาดห้อง แต่ต้องลองเช็คขนาดทีวีกับความยาวผนังอีกทีนะคะว่าจะสามารถติดตั้งได้หรือไม่
พื้นที่ของห้องห้องนั่งเล่นกับห้องครัวจะยังดูเชื่อมต่อกันอยู่ ไม่ขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เพราะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ทำให้ห้องดูกว้างขวาง เนื่องจากห้องนั่งเล่นนั้นไม่อยู่ติดกับผนังภายนอกอาคารจึงไม่ได้หน้าต่างหรือช่องแสงเลย การที่กั้นส่วนของห้องครัวด้วยกระจกก็จะทำให้ห้องนั่งเล่นยังได้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาด้วย
ประตูกั้นห้องครัวจะเป็นบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมติดกระจกแบบ 3 ตอนอย่างนี้ค่ะ ข้อดีคือทำให้สามารถเปิดช่องประตูได้กว้างมากขึ้นเมื่อเทียบกับบานเลื่อนแบบ 2 ตอน
มือจับประตูเป็นแบบเซาะร่องมาตรฐาน สามารถกดล็อคได้
เข้ามาภายในห้องครัว พื้นยังปูด้วยไม้ลามิเนตเหมือนเดิมนะ ภายในจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือฝั่งเคาน์เตอร์และฝั่งโต๊ะรับประทานอาหาร
มาดูที่เคาน์เตอร์ครัวกันก่อนค่ะ ชุดนี้จะได้มากับห้องด้วย เป็นเคาน์เตอร์รูปตัว I
Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์วางทั้งแผ่น ส่วนตัวบานเปิดหน้าบานเป็นเมลามีน บานพับแบบ Soft closed มีช่องให้เก็บของได้อยู่ 4 ช่อง
บนเคาน์เตอร์วางอ่างล้างจานมาให้จาก MEX ขนาดค่อนข้างกระทัดรัดค่ะ ล้างจาน-แก้วกาแฟสะดวกอยู่ แต่ถ้าเป็นกระทะหรือหม้อใบใหญ่อาจจะยากหน่อยนะ
ก๊อกน้ำทรงสูง สามารถหมุนบิดไปซ้าย-ขวาได้ ใช้งานได้สะดวก
อีกฝั่งนึงวางเตาเซรามิกจาก MEX มาให้ มี 2 หัว
เหนือเตาติด Hood ดูดควันให้เรียบร้อย
ชั้นเก็บของเหนือเคาน์เตอร์ก็ได้มาด้วยเช่นกันค่ะ ตรงนี้จะสูงถึงฝ้าเลย เวลาหยิบของบนชั้นบนสุดอาจจะต้องปีนเก้าอี้เอานะ
อีกฝั่งนึงจะวางโต๊ะกินข้าวมาให้ดูพื้นที่ใช้สอย สามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้พอดิบพอดี โต๊ะกับเก้าอี้จะไม่ได้มากับห้องด้วยนะ
เมื่อวางเคาน์เตอร์และโต๊ะรับประทานอาหารแล้วจะเหลือพื้นที่ยืนปรุงอาหารและเป็นทางเดินกว้าง 0.95 เมตร ยังอยู่ในระยะมาตรฐาน ไม่คับแคบจนเกินไป
จากห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนสามารถเปิดออกสู่ระเบียงห้องได้
ระเบียงห้องมีขนาดประมาณ 1 x 2.2 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม.ชนิดผิวด้านกันลื่น ราวกันตกเป็นระแนงเหล็ก
โดยพื้นระเบียงจะลดระดับจากพื้นห้องครัวลงไปประมาณ 5 ซม.
พื้นที่ตรงนี้ก็เพียงพอสำหรับการตากผ้านะคะ หรือถ้าใครอยากจะเอาเครื่องซักผ้ามาวางไว้ข้างนอกห้องก็ทำได้เช่นกัน มีการเจาะเตรียมท่อเอาไว้ให้เรียบร้อย
ไฟตรงระเบียงจะเป็นดวงเดียวที่เป็นไฟกิ่งค่ะ
กลับเข้ามาภายในห้อง เราจะไปดูห้องน้ำ (ฝั่งขวา) และ ห้องนอน (ฝั่งซ้าย) กันต่อ ประตูห้องทั้ง 2 จะเป็นประตูบานสำเร็จ มือจับเป็นแบบก้านโยก
พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงจากพื้นห้องนั่งเล่นเล็กน้อย
ภายในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 60 ซม.ทั้งพื้นและผนัง จัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก โดยใช้สุขภัณฑ์จาก Cotto ทั้งหมด ยกเว้นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือจะเป็นของ I-SPA
ฝ้าเพดานติดดวงโคมดาวน์ไลท์ และพัดลมดูดอากาศมาให้ค่ะ เนื่องจากห้องน้ำจะไม่อยู่ติดผนังภายนอกอาคาร จึงไม่มีหน้าต่าง ต้องพึ่งระบบการระบายอากาศของอาคารเพียงอย่างเดียว
มาดูที่สุขภัณฑ์กันบ้าง บริเวณเคาน์เตอร์อ่างล้างมือจะติดกระจกและปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบกันน้ำมาให้เรียบร้อยสำหรับที่โกนหนวดไฟฟ้าหรือไดร์เป่าผม
อ่างล้างมือเป็นแบบฝังบนเคาน์เตอร์ มีขนาดกำลังดี ขอบอ่างสามารถวางของใช้ได้อยู่บ้าง
ก๊อกน้ำทรงมนๆหน่อย ใช้งานได้ถนัดมือ
ถัดจากอ่างล้างมือจะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้น ระบบ Dual Flush ช่วยประหยัดน้ำได้
Accessories ประกอบโถสุขภัณฑ์ค่ะ
ด้านในสุดคือโซนอาบน้ำ โดยจะติดฉากกั้นอาบน้ำและประตูกระจกนิรภัยมาให้เรียบร้อย
ข้างๆติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้
พื้นที่ยืนอาบน้ำมีขนาดกำลังดี ที่พื้นก่อธรณีขึ้นมาให้เพื่อกันน้ำไหลย้อนออกไปยังโซนแห้ง
ภายในโซนอาบน้ำติดตั้งฝักบัวพร้อมราวปรับระดับมาให้ ข้างๆเจาะผนังเพื่อเป็นชั้นวางขวดสบู่และแชมพูค่ะ
เทียบขนาดหัวฝักบัวให้ดูกับฝ่ามือนะคะ มีขนาดกำลังดี หัวฝักบัวสามารถปรับรูปแบบของสายน้ำได้ โดยทางโครงการได้เตรียมระบบการติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนเอาไว้ให้ ลูกบ้านจะสามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนได้ที่บริเวณเหนือฝ้าเพดานค่ะ
มาที่ห้องนอนกันต่อเลย ภายในห้องนอนมีขนาดกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่ ประมาณ 3.35 x 2.75 เมตร จึงทำดูแลได้ง่าย พื้นที่ภายในห้องเหมาะสำหรับเตียงนอนขนาด 5 ฟุตนะ ภายในห้องจะได้ช่องแสงมาเต็มๆ 1 ด้าน เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บานด้านข้าง และที่เหลือเป็นบาน Fix ทั้งหมด เป็นกรอบอลูมิเนียมติดกระจกเขียวตัดแสง
ตำแหน่งของการติดตั้งประตูภายในห้องก็ยังได้คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยอีกชั้นนึงด้วย โดยประตูที่เปิดเข้าห้องนอนจะไม่อยู่ตรงกับเตียงนอน
เมื่อวางเตียงแล้วก็จะยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 0.4 เมตร เดินผ่านได้สบายๆค่ะ
ข้างๆเตียงก็จะเหลือพื้นที่นิดหน่อย พอทำเตียงได้อยู่
ที่ฝั่งขวาจะเว้นที่เหลือเอาไว้เยอะหน่อยประมาณ 0.85 เมตร เพราะอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าพอดี จะได้เปิด-ปิดตู้และยืนแต่งตัวได้สะดวก ตรงนี้ยังสามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้อีกตัวนึงค่ะ
ตู้เสื้อผ้าก็จะได้มากับห้องด้วย เป็นตู้ Built-in สูงจนถึงฝ้าเพดานเลย ภายในมีช่องให้เก็บของได้เยอะ ตัวบานพับก็จะใช้แบบ Soft closed ด้วยเช่นกัน
ที่ผนังอีกฝั่งจะเดินสายอากาศและปลั๊กไฟไว้ในลายผนังให้เรียบร้อย สามารถติดทีวีแบบติดผนังได้นะ
ส่วนสวิตช์และปลั๊กไฟที่ใช้จะเป็นของ Panasonic ค่ะ
:: แบบห้อง 2 Bedrooms-C3 ขนาด 55.61 ตรม. ::
แบบห้อง 2 Bedrooms-C3 ขนาด 55.61 ตรม. จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัวของห้องที่แล้ว ห้องนอนจะถูกแบ่งออกไปทางปีกซ้ายและขวา โดยมีโถงกลางเป็นห้องครัว, ห้องรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่น อยู่ตรงกลาง สิ่งที่แตกต่างจากห้อง 1 Bedroom-B2 ก็คือจะได้เป็นครัวแบบเปิดแทน ห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องโถงกลาง ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัว
มาดูห้องตัวอย่างกันค่ะ บริเวณพื้นที่หน้าห้องและวัสดุประตูก็จะเป็นเหมือนห้องแบบที่แล้วทุกประการ
ภายในห้องที่พื้นก็จะเป็นไม้ลามิเนตหนา 12 มม.และผนังฉาบเรียบทาสีเหมือนเดิม ส่วนฝ้าเพดานฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้ ไม่ได้ดรอปฝ้ามาเหมือนห้องตัวอย่างนะ เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอส่วนรับประทานอาหารและส่วนครัวอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดริมระเบียงค่ะ
มุมมองจากฝั่งปีกขวาของห้อง เดี๋ยวเราจะเริ่มอธิบายจากส่วนครัวกันก่อน
ส่วนครัวจะถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็น Counter รูปตัว I เหมือนเดิม
ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของข้างบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง ตัววัสดุที่ใช้ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ
บนเคาน์เตอร์ติดตั้งอ่างล้างจาน, เตาเซรามิค และ Hood ดูดควันมาให้ เป็นรุ่นเดิมเช่นกันค่ะ จะเห็นว่าเคาน์เตอร์มีพื้นที่เตรียมอาหารเพิ่มมาอีกบล็อกนึงเลย
ข้างๆเคาน์เตอร์ครัวบริเวณกลางห้องจะสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้อย่างพอดี ถ้ามีแขกมาที่ห้องอาจจะเก้าอี้เพิ่มหัว-ท้ายก็ยังพอไหว
ถัดเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ มีขนาดพอๆกับห้องที่แล้วแต่อยู่ริมระเบียงจึงทำให้ดูโปร่งโล่งมากขึ้น
ผนังฝั่งที่วางโซฟาสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งและโต๊ะข้างได้อีก 1 ตัว
ระยะดูทีวีของห้องนี้อยู่ที่ 1.85 เมตร เหมาะสำหรับทีวีขนาด 42-47 นิ้ว ประตูฝั่งขวาคือห้องนอนใหญ่นะ
ข้างห้องนั่งเล่นจะมีประตูบานเลื่อนคู่สามารถเปิดออกสู่ระเบียงได้
ระเบียงห้องนี้จะมีหน้ากว้างมากกว่าค่ะ ขนาดความลึกยังคงเดิม
นอกจากจะวางเครื่องซักผ้าแล้วอาจจะหากระถางต้นไม้อันเล็กๆมาวางประดับเพิ่มสร้างพื้นที่สีเขียวส่วนตัวของห้องได้
มาที่ส่วนปีกซ้ายของห้อง เราจะเข้าไปดูห้องน้ำ (ฝั่งซ้าย) และห้องนอนเล็ก (ฝั่งขวา) กันต่อ
ภายในห้องนี้จะเหมือนกับห้องน้ำแบบห้อง 1 Bedroom-2B ทุกประการ ทั้งวัสดุและสุขภัณฑ์ รวมถึงการจัดวางการใช้สอยของห้องน้ำด้วยค่ะ จะขอข้ามไปเลยนะ
เข้ามาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อ พื้นที่ห้องมีขนาดกระทัดรัด นอนได้ 1 คน เหมาะสำหรับเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่ง
เมื่อวางเตียงนอนแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 0.5 เมตร สามารถเดินผ่านหรือเปลี่ยนผ้าปูเตียงได้สบายๆ ฝั่งนี้จะติดตั้งปลั๊กไฟและสายอากาศเอาไว้ให้สำหรับทีวีแบบแขวนผนังค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งก็ยังเหลือพอดีๆ โดยจะให้ทางฝั่งซ้ายกว้างหน่อยประมาณ 0.9 เมตร เพื่อที่จะสามารถเปิดตู้เสื้อผ้าและแต่งตัวได้สะดวก
ตู้เสื้อผ้าที่ได้มากับห้องจะเหมือนกับห้องที่แล้วค่ะ มีขนาดเท่ากันเลย
ส่วนผนังอีกฝั่งเป็นช่องแสงแบบเต็มผนังเหมือนในห้องนอนของ 1 Bedroom-2B จะเป็นบานกระทุ้งข้างๆ 2 บานและที่เหลือเป็นบาน Fix
มาที่ส่วนปีกขวาของห้อง เราจะเข้าไปดูในห้องนอนใหญ่กันต่อ
ภายในห้องนอนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 โซนคือโซนพักผ่อนและโซนแต่งตัว ภายในห้องได้ช่องแสงมาทั้ง 2 ด้านจึงทำให้ภายในห้องดูสว่างและโปร่งโล่งดี
มาดูในส่วนของโซนพักผ่อนกันก่อนค่ะ ตรงนี้จะจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงสามารถวางชั้นวางของเพิ่มได้
ที่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวายังเหลือพื้นที่ีอีกเยอะค่ะ จริงๆแล้วถ้าจะวางเป็นเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังมีที่เหลือพอนะ
มาดูที่โซนแต่งตัวกันต่อ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำแบบ Sexy bath
ภายในโซนแต่งตัวจะสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งตรงกลางได้อย่างพอดี ฝั่งขวาเป็นตู้เสื้อผ้าแบบเดียวกับห้องนอนเล็ก ส่วนฝั่งซ้ายก็คือประตูทางเข้าห้องน้ำค่ะ ห้องนี้จะเป็นแบบบ้านเลื่อนนะ
ภายในห้องน้ำจะใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนเดิมทุกประการ ต่างกันแค่ทางเข้าห้องน้ำจะถูกเจาะตรงกลาง เดินเข้าไปเจออ่างล้างมือก่อน แล้วแยกซ้ายขวาเป็นโซนอาบน้ำและโถสุขภัณฑ์
โซน Shower ที่เรียกว่า Sexy Bath ก็คือมีผนังกระจกอยู่นั่นเอง ในสามารถเห็นนอก และนอกสามารถเห็นในได้ ตรงนี้ทำให้ห้องน้ำได้รับแสงธรรมชาติจากภายนอกด้วย ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดม่านมู่ลี่เพิ่มเติมได้ค่ะ
:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (สิงหาคม 2560) ::::
วัสดุโดยรวม
ห้องน้ำ และสุขาภิบาล
งานไฟฟ้า
เฟอร์นิเจอร์
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ
:::: ราคา (สิงหาคม 2560) ::::
แบบห้อง Studio
– พื้นที่ใช้สอย 27.00 ตรม.
– ราคาเริ่มต้น 4,000,000 บาท
แบบห้อง 1 Bedroom
– พื้นที่ใช้สอย 30.00-38.00 ตรม.
– ราคาเริ่มต้น 4,260,000 บาท
แบบห้อง 2 Bedrooms
– พื้นที่ใช้สอย 47.00-56.00 ตรม.
– ราคาเริ่มต้น 7,420,000 บาท
แบบห้อง Penthouse
– พื้นที่ใช้สอย 105.00-129.00 ตรม.
– ราคาเริ่มต้น 17,380,000 บาท
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าวตรงแยกลาดพร้าว-รัชดาพอดี ทางเข้าโครงการจะอยู่ข้างๆ MRT สถานีลาดพร้าวที่ทางออก 1 ถนนลาดพร้าวเป็นเส้นที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีทั้งออฟฟิศ, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, อพาร์ทเม้นท์, คอนโดมิเนียมทั้ง High rise และ Low rise และบ้านพักอาศัย จึงมีทั้งร้านอาหารและร้านสะดวกซื้ออยู่ตลอดทั้งเส้น
ถ้าเข้าไปตามตรอกซอกซอยก็มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะ แหล่งช้อปปิ้งในย่านนี้ก็คือเซ็นทรัลลาดพร้าวกับแฟชั่นมอลล์อย่าง Union Mall อยู่บริเวณทางออกรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินพอดี ส่วน Hypermarket ก็จะมี Big C ลาดพร้าว 2 และ Tesco Lotus อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าว บริเวณข้างๆกับโครงการเองก็มีสวนลุมไนท์บาซ่าร์ ในอนาคตบริเวณ MRT ลาดพร้าวฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการจะมี Gourmet Market มาเปิดให้บริการอีกด้วยค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางถือว่าสะดวก เพราะโครงการอยู่ตรงแยกลาดพร้าว-รัชดาเลย แต่ระยะกลับรถหน้าโครงการจะค่อนข้างกระชั้นหน่อย และปริมาณรถบนถนนเส้นนี้ก็ค่อนข้างมากเช่นกัน จากถนนลาดพร้าวจะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายสาย และตัวโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี ไม่ไกลกันก็มีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ เป็นอีกตัวเลือกที่สามารถใช้ออกไปทางบางนาได้ หรือจะวิ่งขึ้นไปทางวัชรพลก็ได้ค่ะ การเดินทางบนเส้นลาดพร้าวถ้าจะให้เร็วก็ต้องรู้จักซอยในการลัดเลาะไปยังถนนเส้นต่างๆประกอบเอา เพราะถ้าวิ่งบนถนนใหญ่ตรงๆเลยก็อาจจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมงๆเลย
การเดินทางโดยรถสาธารณะ สำหรับคนที่ไม่ใช้รถยนต์ถือว่าเป็นทำเลที่สะดวกมากๆ เพราะทางเข้าของโครงการจะอยู่ติดกับ MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 1 เลยค่ะ เดินออกมาจากตัวอาคารเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว จากสถานีลาดพร้าวก็อยู่ไม่ไกลจากสถานี Interchange อย่าง MRT จตุจักร/BTS หมอชิต ในอนาคตสถานีลาดพร้าวจะเป็นสถานี Interchange จะเชื่อมกับสถานีรัชดาของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าว-พัฒนาการ อีกด้วย นอกจากนี้บริเวณทางลงรถไฟฟ้าก็จะมีคิววินมอเตอร์ไซค์คอยจอดให้บริการอยู่ เวลาเร่งรีบก็นับว่าทันใจมาก
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโดมิเนียม สูง 27 ชั้น ทั้งหมด 497 ยูนิต ระดับราคา Luxury class เฉลี่ยตรม.ละ 150,000 บาท โดยขายแบบ Fully Fitted เนื่องจากโครงการเน้นผู้อยู่อาศัยที่เดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าด้วยจึงได้ทำช่องจอดรถเอาไว้ประมาณ 49% หรือ 60% แบบรวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาค่อนข้างสมเหตุสมผลทีเดียว มีอัตราส่วนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์โดยสารอยู่ที่ 125 : 1 อาจจะน้อยไปสักหน่อยสำหรับอาคารสูงค่ะ
ส่วนห้องแต่ละ Type ก็ถูกออกแบบมาให้มีหน้าห้องที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้ภายในห้องได้รับแสงจากธรรมชาติอย่างทั่วถึง การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ก็สามารถทำได้ลงตัวมากกว่าเมื่อเทียบกับห้องที่มีหน้าแคบแต่ลึก จุดที่ดีอีกอย่างของห้องในโครงการนี้ก็คือจะลดพื้นที่ในส่วนระเบียงลงให้เหลือเท่าที่จำเป็นเพื่อมาเพิ่มพื้นที่ภายในห้องให้กว้างขวางขึ้น ส่วนวัสดุ, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มากับตัวห้องก็ได้มาตรฐานดี ถือว่าใช้ได้ค่ะ
นอกจากนี้ตัวโครงการยังเป็นอาคารประหยัดพลังงาน เพื่อการอยู่อาศัยที่สบายทั้งสุขภาพกายและใจ อีกทั้งยังออกแบบตามหลักของ Universal design โดยจะมีผลในการใช้งานอาคารอย่างมากเมื่อลูกบ้านได้เข้ามาอยู่อาศัยจริง
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการถือว่าให้มาครบครัน มี Landscape ที่สวยงาม, สวนพักผ่อน, ห้องสมุด, สระว่ายน้ำแบบ Infinity edge pool และ Sky Lounge ส่วนห้อง Fitness มีอุปกรณ์ครบครันดีอยู่ แต่อาจจะไม่พอสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายอย่างจริงจัง
ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยก็จะประกอบไปด้วยกล้อง CCTV, Security guard ตลอด 24 ชม. พร้อมทั้ง Access card สำหรับเข้าสู่ตัวอาคารและระบบ Key card ภายในลิฟท์แบบระบุชั้น ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ
:::: คะแนน ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.1 | อยู่บนถนนลาดพร้าวตรงแยกรัชดา-ลาดพร้าวพอดี ถือเป็นทำเลที่ดีทีเดียว |
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว | 7.5 | สามารถเดินทางได้สะดวก แต่รถจะติดมาก ต้องหาซอยคอยลัดเลาะเอา |
การเดินทางโดยรถสาธารณะ | 8.7 | มีรถสาธารณะวิ่งผ่านหน้าโครงการ ข้างๆทางเข้าโครงการติดกับ MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 1 วินมอเตอร์ไซค์และรถแท็กซี่ก็สามารถหาได้ตลอด |
บ้านและวัสดุ | 8.0 | ห้องให้มาแบบ Fully fitted วัสดุและสุขภัณฑ์ได้มาตรฐาน มีแบบห้องให้เลือกหลายแบบ มีรายละเอียดของห้องค่อนข้างเยอะ |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 8.0 | สิ่งอำนวยความสะดวกมีให้อย่างครบครัน บางส่วนอาจจะเล็กไปสักหน่อย แต่ภาพรวมทำออกมาได้ดูดีทีเดียว |
ความคุ้มค่ากับราคา | 7.8 | โครงการเหมาะสำหรับครอบครัวขนาด 1-6 คน ที่ต้องการอยู่ในตัวเมือง ต้องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินได้สะดวก |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 8.02 | ดีมาก |
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1265
WEBSITE : http://www.mqdc.com/whizdom/avenueratchadaladprao/
แสดงความคิดเห็น