EP.269 รีวิว คอนโด ลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน Lumpini Suite Phetchaburi-Makkasan
Written by : Nan Kanyarat Thongpeng
สวัสดีผู้อ่านชาว CONDONAYOO ที่รักทุกท่านค่ะ วันนี้เราขอพาไปชมโครงการคอนโดมิเนียม Lumpini Suite เพชรบุรี-มักกะสัน ซึ่งเป็นโครงการจาก แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดยตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ อยู่ในย่านที่คึกคักเดินทางเข้าออกได้อย่างสะดวกสบาย อยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า, ตลาดสด, สถานศึกษา, ท่าเรือคลองแสนแสบ, รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน, รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน และ Airport Link
ลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน เป็นคอนโด High Rise สูง 35 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 3-0-71.1 ไร่ จำนวนห้องพักอาศัยรวม 636 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกหลากหลาย 7 แบบ ทั้งแบบ Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedrooms โดยมีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 23 – 61 ตร.ม. พร้อมเข้าอยู่อาศัยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2561 เป็นต้นไป
สิ่งอำนวยความสะดวก ภายในโครงการมีพื้นที่ส่วนกลางให้ครบครัน อาทิ ห้องอเนกประสงค์ (Co-Living Zone), สวนรวมใจ (Green Togetherness Area), ลานฟิตแอนด์เฟิร์ม, สนามเด็กเล่น, สระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Infinity Edge Pool, ห้องออกกำลังกาย, ลานพักผ่อน (Co-Living Area), ห้องซาวน่า, ห้องสตรีม, ห้องเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ, ห้องคุณหนู (Kid’s Fun Zone), สวนอินฟินนิตี้, จุดชมวิว, สวนดาดฟ้า
มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม., เข้า-ออกด้วยระบบ Access Card Control, มีกล้อง CCTV และมีบริการรถรับ-ส่งประจำโครงการ ราคาเริ่มต้น 4.07 ล้านบาท
ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร และตัวโครงการจะน่าสนใจแค่ไหน เชิญคุณผู้อ่านเลื่อนชมรีวิวโครงการได้เลยค่ะ
ชื่อโครงการ | ลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน Lumpini Suite Phetchaburi-Makkasan |
เจ้าของโครงการ | บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) L.P.N. |
เนื้อที่ทั้งหมด | 3-0-71.1 ไร่ |
จำนวนตึก | 1 อาคาร |
จำนวนชั้น | 35 ชั้น |
จำนวนห้อง | 636 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด |
ประมาณ 44% ( 280 คัน รวมที่จอดรถซ้อนคัน) |
จำนวนลิฟท์ | ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว, ลิฟต์ขนของ 1 ตัว |
โซน | เพชรบุรีตัดใหม่ |
ขนส่งสาธารณะ |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. |
กำหนดการ | เริ่มก่อสร้างปี 2560 |
ปีที่สร้างเสร็จ | ปลายปี 2561 |
ราคา | เริ่มต้น 4.07 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | เริ่มต้น 137,037 บาท/ ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ตลาดและห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
สถานพยาบาล
สถานที่ราชการ
อื่นๆ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | Lumpini Suite เพชรบุรี-มักกะสัน บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ สะดวกทุกการเดินทาง ห่างจากรถไฟฟ้า MRT สถานีเพชรบุรี 850 ม. มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในครบครัน เริ่มต้นเพียง 4.07 ลบ. |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
พิกัด : 13.750030, 100.555486
แผนที่จากโครงการ
ทำเลที่ตั้ง ที่ตั้งโครงการ Lumpini Suite เพชรบุรี-มักกะสัน ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ไม่ไกลจากแยกอโศก-เพชรบุรี และแยกมิตรสัมพันธ์ จึงเชื่อมกับถนนหลายสายเดินทางได้สะดวก และเส้นนี้มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และสถานที่ราชการ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เดินทางเข้าถึงได้ไม่ยาก
การเดินทางด้วยรถยนต์ ถือว่าสะดวกสบายเลยทีเดียวเนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ซึ่งเชื่อมกับถนนหลายสาย เดินทางไปยังถนนหลักได้ไม่ยากทั้งสุขุมวิท, เพลินจิต, พระราม 9 และดินแดง สำหรับตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับแยกมิตรสัมพันธ์ซึ่งเป็นแยกที่ไปยังถนนสุขุมวิทและถนนนิคมมักกะสันได้
เป็นถนนเส้นยาวที่เชื่อมกับถนนเพชรบุรี สามารถตรงไปยังแยกประตูน้ำ วิ่งเข้าถนนราชปรารภ และตรงไปยังเขตพระนครได้ไม่ยาก แต่หากวิ่งผ่านแยกอโศก-เพชรบุรี ก็เลี้ยวไปยังถนนอโศก-ดินแดง วิ่งเข้าถนนรัชดาภิเษก และพระราม 9 ได้ค่ะ หรือจากแยกอโศก-เพชรบุรีตรงไปจะพาไปยังเส้นพัฒนาการและลาดกระบัง หรือถ้าเลี้ยวขวาก็จะตรงไปยังแยกอโศก
สำหรับถนนสุขุมวิทเป็นถนนเส้นหลักที่เชื่อมต่อกับถนนหลายสาย สามารถตรงไปยังถนนพระราม 1 มุ่งตรงไปยังเสาชิงช้าและสนามหลวงผ่านห้างใหญ่ๆ และย่านช้อปปิ้งอย่างสยาม ซึ่งหากตรงไปเรื่อยๆ ก็ข้ามไปยังฝั่งธนบุรีได้ไม่ยาก จากแยกอโศกนั้นไปสุขุมวิทช่วงปลายหรือบางนา หรือจะมุ่งไปยังเส้นพระราม 3 ก็ได้ จึงทำให้มีรถมาใช้เส้นนี้กันเยอะทีเดียวค่ะ
และเนื่องจากเป็นถนนเส้นหลักรวมถึงเป็นย่านธุรกิจ ที่มีทั้งอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ร้านค้า ร้านอาหารดังๆ ห้างสรรพสินค้าใหญ่หลายแห่ง ทำให้เส้นนี้การจราจรจึงคึกคักพอสมควรและช่วงเวลาเร่งด่วนการจราจรอาจติดขัดบ้าง ดังนั้นจะเดินทางก็เช็คช่วงเวลากันดีๆ นะคะ ว่าช่วงไหนควรเลี่ยงเส้นไหนหรือควรลัดเลาะไปทางไหน
ทางด่วน จุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครนั้นอยู่ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุด โดยอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.3 กม. ซึ่งทางด่วนเฉลิมมหานครสามารถตรงไปยังทางด่วนศรีรัช วิ่งไปทางลาดพร้าว, จตุจักร, นนทบุรี, รังสิต และตรงไปยังบางนา สามารถออกไปยังจังหวัดข้างเคียงได้ไม่ยาก
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ถือว่าสะดวกมากทีเดียว หน้าโครงการมีรถประจำทางวิ่งผ่านอยู่ตลอด แท็กซี่ก็เรียกใช้บริการได้ไม่ยาก ในปัจจุบันรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีเพชรบุรี ซึ่งโครงการมีบริการรถรับ-ส่ง (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) หรือจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปยังสถานีก็เพียง 20 บาทเท่านั้น หรือถ้าจะไปห้างสรรพสินค้าอย่างฟอร์จูน, เซ็นทรัลพระราม 9 พี่วินคิดราคาเพียง 40 บาท อีกทั้งยังไปสนามบินได้สะดวกเพราะไม่ไกลจาก Airport Link สถานีมักกะสันเท่าใดนัก
นอกจากนี้ที่ตั้งโครงการยังอยู่ไม่ไกลจากคลองแสนแสบ จึงสามารถใช้บริการเรือโดยสารได้ค่ะ สำหรับท่าเรือที่ใกล้และสะดวกต่อการเดินทางคือท่าเรือนานาเหนือ ซึ่งอยู่ใกล้กับแยกมิตรสัมพันธ์
ความอุดมสมบูรณ์ ที่ตั้งโครงการอยู่ในย่านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และสถานที่ราชการ ดังนั้นสองข้างทางจะมีร้านค้า ร้านอาหาร และตลาดสด ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆโครงการไปไม่ไกลก็จะมีตลาดธนภูมิ หรือถ้าไปยังแยกพระราม 9 ก็จะมีทั้งฟอร์จูนทาวน์ และเซ็นทรัลพระราม 9
สำหรับเส้นสุขุมวิทมีให้เลือกทั้ง Central Embassy, Robinson สุขุมวิท และ Terminal 21, Korean Town ก็อยู่ไม่ไกล มีร้านอาหารเกาหลีให้เลือกมากมาย ทั้งแบบปิ้งย่าง ร้านอาหารคาว อาหารหวาน ร้านขนมปัง หรือร้านขายพวกเครื่องปรุงอาหารแห้งก็มีให้ครบ
ส่วนถนนเพลินจิตสามารถตรงไปยังเส้นพระราม 1, พญาไท และราชดำริ ก็มีร้านค้ามากมาย โดยตรงพระราม 1 มีห้างสรรพสินค้าทั้ง เกษรพลาซ่า, อัมรินทร์พลาซ่า, บิ๊กซี ราชดำริ, Central World, Siam Paragon, Siam Center, Siam Discovery, Siam Square One และ MBK Center เรียกได้ว่ามีห้างสรรพสินค้าให้เดินช้อปปิ้งมากมาย เลือกเดินไม่ถูกกันเลยทีเดียว และตรงสยามก็จะมีร้านค้าเล็กๆ ทั้งแบรนด์ไทย แบรนด์ต่างชาติ ร้านอาหาร และคาเฟ่อีกมากมาย
อีกทั้งโดยรอบทำเลนี้มีสวนสาธารณะซึ่งอยู่ในระยะที่เดินทางไปได้ไม่ยาก รวมถึงโรงเรียนต่างๆ อย่างวัฒนาวิทยาลัย, โรงเรียนเซนต์ดอมินิก, โรงเรียนสาธิต มศว หรือมหาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) และถ้าเลยไปทางเขตปทุมวันก็จะมีจุฬาและเตรียมอุดมค่ะ
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
สรุปการเดินทาง แยกอโศก > วิ่งตรงเข้าถนนอโศกมนตรี > เลี้ยวซ้ายแยกอโศก-เพชรบุรี > วิ่งตรงเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ > ตรงมาประมาณ 850 เมตร ก็จะเจอพื้นที่โครงการ Lumpini Suite เพชรบุรี-มักกะสัน แล้วค่ะ
จากถนนแยกอโศกวิ่งตรงตามถนนอโศกมนตรี ผ่าน MRT สุขุมวิท
ตรงตามทางมาเรื่อยๆ ถนนอโศกมนตรีเป็นถนน 4 เลน ที่มีความคึกคักพอสมควร อีกทั้งเส้นนี้มีออฟฟิศและมหาลัย ดังนั้นการจราจรอาจติดเป็นบางช่วงค่ะ
ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ผ่านโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน
วิ่งข้ามสะพานมิตรสัมพันธ์ 2 เป็นสะพานข้ามคลองแสนแสบค่ะ
จากนั้นถึงแยกอโศก-เพชรบุรีให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แยกนี้จะผ่าน MRT สถานีเพชรบุรี
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่เป็นถนนใหญ่ 7 เลน วิ่งตรงมาเรื่อยๆ ผ่านวิทยาลัยดอนบอสโกทางด้านขวา และรร.เซนต์ดอมินิกทางด้านซ้าย
ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านอาคารสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จากอาคารสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะเจอสะพานลอยแรกที่อยู่บริเวณตลาดธนภูมิ นั่นแสดงว่าใกล้ถึงที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ
เลยสะพานลอยมาประมาณ 110 เมตร ก็จะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือ
ถึงแล้วค่ะ คอนโด Lumpini Suite เพชรบุรี-มักกะสัน
สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ
ตลาดและห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
สถานพยาบาล
สถานที่ราชการ
อื่นๆ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
โครงการ Lumpini Suite เพชรบุรี-มักกะสัน โดยรอบเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น, อาคารพาณิชย์ ตึกแถวสูง 3-4 ชั้น อาคารสูงใกล้เคียงคืออาคารโรงแรมสูง 10 ชั้น ซึ่งมุมนั้นไม่มีห้องไหนโดนบังวิวนะคะ ส่วนคอนโดมิเนียมใกล้เคียงที่สูง 52 ชั้นก็อยู่ในระยะไม่ใกล้มากนักมีระยะห่างพอสมควร ดังนั้นจึงไม่โดนบังวิวหรือรู้สึกว่าอยู่ในระยะประชิดจนเกินไป นอกจากนี้ที่ตั้งยังมีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด สามารถเดินเท้าไปใช้งานได้สะดวก
:::: บริเวณภายนอกโครงการ ::::
หลังจากที่เดินทางมาถึงโครงการแล้ว บริเวณด้านหน้าข้างซุ้มทางเข้ามีป้ายโครงการขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยต้นไม้และสวนขั้นบันไดเล็กๆ เดี๋ยวเราไปชมบรรยากาศจริงบริเวณรอบนอกโครงการกันเลยค่ะ
หน้าโครงการคือถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นถนนใหญ่ที่ไม่มีเกาะกลาง ดังนั้นเวลาเลี้ยวรถเข้าโครงการต้องระวังกันหน่อยนะคะ
ด้านซ้ายเป็นถนนตรงไปยังแยกอโศก-เพชรบุรี วิ่งไปยังถนนอโศกมนตรี และไปยังถนนรัชดาภิเษกได้ ริมฟุตบาทติดกับโครงการจะมีร้านขายของชำและร้านก๋วยเตี๋ยวหมู
เลยจากทางเข้าโครงการมาไม่ไกลจะเจอปากซอยทางเข้าโรงแรม Prince Hotel บริเวณนี้ก็มีร้านค้ารถเข็นค่ะ
ตรงมาเรื่อยๆ เกือบถึงสะพานลอย เป็นปากทางเข้าซอยเพชรบุรี 39 จุดนี้จะมีวินมอเตอร์ไซค์และร้าน 7-Eleven ไว้คอยให้บริการด้วย
ป้ายราคาในการใช้บริการพี่วินค่ะ
หน้าร้าน 7-Eleven มีสะพานลอยอยู่ใกล้ๆ สามารถข้ามไปยังตลาดธนภูมิที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้เลย โดยจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดสด และร้าน 7-Eleven ให้จับจ่ายใช้สอย
ด้านขวาตรงไปยังแยกมิตรสัมพันธ์ วิ่งตรงไปยังประตูน้ำได้ เลี้ยวซ้ายไปถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาไปถนนนิคมมักกะสัน
แยกมิตรสัมพันธ์ด้านขวาไปยังถนนนิคมมักกะสันค่ะ
:::: ตัวโครงการ ::::
โครงการ Lumpini Suite เพชรบุรี-มักกะสัน เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 35 ชั้น มีพื้นที่ส่วนกลางเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 บริเวณทางเข้า-ออกอยู่ติดกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ภายในโดยรอบอาคารเป็นพื้นที่สวนมีการลงต้นไม้พุ่มไม้ทั่วทุกบริเวณ ด้านข้างมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นสวนหย่อม มีลานฟิตแอนด์เฟิร์ม และสนามเด็กเล่น บรรยากาศเป็นธรรมชาติสามารถใช้งานในช่วงกลางวันได้เนื่องจากแดดไม่ค่อยร้อน ด้านหน้าทางเข้าในอาคารมีโถงต้อนรับก่อนเดินเข้าไปยัง Lobby และด้านหลังมีพื้นที่จอดรถใต้อาคาร
ชั้น 2 เป็นส่วนพื้นที่ส่วนกลาง ชั้น Lobby มีสำนักงานนิติบุคคล, Co-Living Zone และมีบางส่วนเป็นพื้นที่จอดรถของโครงการ
ชั้น 4-8 เป็นห้องชุดพักอาศัยที่อยู่ฝั่งด้านหน้าติดกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มีทั้งแบบห้อง Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedrooms มีพื้นที่ส่วนสำนักงาน และพื้นที่จอดรถ จึงทำให้ยูนิตต่อชั้นมีไม่มากนัก โดยมีเพียง 12 ยูนิตเท่านั้นค่ะ ส่วนลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 3 ตัว และลิฟต์ขนของอีก 1 ตัว
ชั้น 9 ยังเป็นห้องชุดพักอาศัยที่มียูนิตต่อชั้นเพียง 12 ยูนิตเช่นกัน ด้านหลังเป็นพื้นที่จอดรถซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคารจอดรถค่ะ
ชั้น 10 เป็นห้องชุดพักอาศัยที่มียูนิตมากขึ้น และมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Infinity Edge Pool พร้อมพื้นที่นั่งเล่นรอบสระ, มีลานพักผ่อนใต้อาคาร, ห้องซาวน่า, ห้องสตรีม, ห้องเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และห้อง Kid’s Fun Zone สำหรับเด็กๆ
ชั้น 11 เป็นห้องชุดพักอาศัยและมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นห้องฟิตเนสที่มองลงมาจะเห็นวิวของสระว่ายน้ำ
ชั้น 12-31 เป็นห้องชุดพักอาศัยทั้งหมดมีอยู่ 24 ยูนิต สำหรับวิวของห้องพักสามารถมองเห็นได้ทั้งวิวเมืองและสระว่ายน้ำของโครงการ
ชั้น 32 ห้องชุดพักอาศัยที่มีจำนวน 24 ยูนิตต่อชั้นเช่นกัน แต่พิเศษตรงที่ชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางซึ่งเป็นสวนอินฟินนิตี้เพิ่มเข้ามา มีพื้นที่พักผ่อนและต้นไม้ในสวนให้ความร่มรื่นเป็นอย่างดี
ชั้น 33-34 เป็นห้องชุดพักอาศัยทั้งหมดมีจำนวน 24 ยูนิต
ชั้น 35 เป็นชั้นบนสุดของตัวอาคาร บริเวณนี้มีพื้นที่ส่วนกลางซึ่งเป็นจุดชมวิวและสวนดาดฟ้า มีพื้นที่นั่งพักผ่อนหลายมุม มองเห็นวิวเมืองได้อย่างชัดเจน
:::: บริเวณภายในโครงการ ::::
เมื่อเดินทางมาถึงโครงการ ด้านหน้าจะเจอซุ้มทางเข้าขนาดใหญ่ มีหลังคาสูงเป็นโครงระแนงเหล็กสไตล์โมเดิร์นรูปทรงทันสมัย แบ่งเป็นทางรถเข้าฝั่งซ้ายและทางรถออกฝั่งขวา นอกจากนี้สองฝั่งด้านข้างตลอดไปจนถึงด้านในโครงการนั้นถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ขนาดเล็กและพุ่มไม้สีเขียวมีความเป็นธรรมชาติดูสดชื่นสบายตา
ฝั่งขวาของซุ้มทางเข้าโครงการมีทางเดินเท้าแยกต่างหาก ลูกบ้านสามารถเดินเท้าเข้าออกได้อย่างปลอดภัยค่ะ
การเข้า-ออกโครงการต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในป้อมยามบริเวณซุ้มทางเข้าโครงการตลอดเวลา
ซึ่งบริเวณทางเข้า-ออกโครงการนี้จะมีรั้วไม้กระดกเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
รั้วไม้กระดกมีสัญญาณไฟเขียวไฟแดงแจ้งเตือนให้ด้วย
มีจุดติดตั้งเครื่องสแกน Access Card Control สำหรับลูกบ้านเพื่อเปิดไม้กระดกโดยที่ไม่ต้องแลกบัตร แต่หากเป็นบุคคลภายนอกจะต้องทำการแลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ก่อน และเสริมความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยกล้อง CCTV ตรวจจับรถผ่านเข้าออกทุกคัน
เมื่อผ่านซุ้มรักษาความปลอดภัยเข้ามาภายในโครงการจะพบกับตัวอาคารชุดพักอาศัยสูง 35 ชั้น ถูกออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นโทนสีเหลืองตัดกับสีน้ำเงินเข้ม
มุมมองย้อนกลับไปยังทางเข้าโครงการ
เราเดินเข้าไปดูด้านในกันต่อเลยค่ะ
เริ่มจากใต้อาคารเป็นพื้นที่ Drop off สำหรับรับ-ส่งผู้โดยสารด้านหน้าทางเข้าภายในอาคาร ลักษณะเป็นโถงขนาดกว้างมีเพดานสูง ทำให้สะดวกต่อการเข้าออกและช่วยบังแดดบังฝนได้เป็นอย่างดี
ลำดับต่อมาเดี๋ยวเราไปดูต่อที่ฝั่งซ้ายของตัวอาคาร
พื้นถนนด้านข้างตัวอาคารปูด้วยกระเบื้องคอนกรีต มีสลับโทนสีเข้มสีอ่อนเป็นบางส่วน ข้างทางยาวตลอดจนถึงด้านในสุดยังคงอุดมไปด้วยต้นไม้พุ่มไม้สีเขียวสบายตา
เลยเข้ามายังพื้นที่บริเวณอาคารจอดรถ พื้นถนนเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีเส้นแบ่งเลนรถเข้า-ออกให้อย่างชัดเจน
บริเวณนี้เป็นทางรถออกจากตัวอาคารค่ะ
ถัดเข้าไปเพียงเล็กน้อยจะเจอกับทางเข้าอาคารจอดรถ
ทางเข้าอาคารจอดรถจำกัดความเร็วที่ 20 กม./ชม. และจำกัดความสูงของรถอยู่ที่ 2.1 เมตร โดยลานจอดรถมีทั้งหมด 8 ชั้น สามารถจอดได้ประมาณ 280 คัน (รวมที่จอดรถซ้อนคันแล้ว)
มาเริ่มกันที่ลานจอดรถชั้นล่างกันเลย ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถมอเตอร์ไซค์, รถจักรยาน, มีจุดใช้เครื่องชาร์จรถไฟฟ้า EV และมีพื้นที่จอดรถยนต์ให้บางส่วน
บริเวณนี้เป็นจุดจอดรถจักรยาน มีการสร้างพื้นที่ในการจอดด้วยการล้อมรั้วเหล็กและเสริมความปลอดภัยให้แก่ทรัพย์สินด้วยจุดสแกน Key Card บริเวณประตูทางเข้า-ออก
พื้นที่สำหรับจอดรถมอเตอร์ไซค์มีการแบ่งแยกเลนในการจอดให้อย่างชัดเจน รวมถึงมีพื้นที่สำหรับจอดบิ๊กไบค์แยกให้ต่างหากด้วย
ถัดมาเป็นจุดใช้ EV Charger หรือเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า EV โดยทางโครงการติดตั้งมาให้ใช้งาน 2 เครื่อง
สำหรับลูกบ้านที่ใช้งานรถยนต์แบตเตอรี่พลังงานไฟฟ้าก็สามารถมาใช้บริการที่จุดนี้ได้ค่ะ
ซึ่งหากใครที่ใช้งานไม่เป็น ก็มีคู่มือวิธีการใช้งานให้ดูด้วย
เดี๋ยวเราขึ้นไปดูลานจอดรถชั้น 2 กันต่อเลย
สำหรับลานจอดรถยนต์ตั้งแต่ชั้น 2-8 มีขนาดกว้างขวางเป็นพื้นคอนกรีตลักษณะลาดเอียง มีการตีเส้นแบ่งช่องจอดและช่องเดินรถให้เห็นอย่างชัดเจน
กลับลงมาที่บริเวณด้านหลังตัวอาคารกันต่อเลย จุดนี้เป็นพื้นที่สำหรับล้างรถหากลูกบ้านไม่ต้องการนำรถไปเข้าคาร์แคร์ก็สามารถมาใช้บริการที่บริเวณนี้ได้ค่ะ
เดินต่อเข้าไปด้านในเพียงเล็กน้อยจะพบกับสวนหย่อมภายในโครงการที่มีชื่อว่า Green Togetherness Area หรือสวนรวมใจ
ในสวนหย่อมทางโครงการได้นำต้นไม้พุ่มไม้มาลงประดับไว้ในบริเวณโดยรอบ
มีลานกว้างให้ลูกบ้านได้ทำกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ผ่อนคลาย และสังสรรค์ร่วมกัน
ลูกบ้านสามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายบนพื้นที่สีเขียวรอบสวนหย่อม
มีพื้นที่นั่งเล่นให้พักผ่อนหย่อนใจและดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติภายในสวน
เราเข้าไปดูพื้นที่ใช้งานใต้อาคารกันต่อเลยค่ะ
ใต้อาคารทางเดินเป็นแบบ Semi Outdoor ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย
มีห้องน้ำส่วนกลางแยกชาย-หญิง และมีห้องน้ำพิเศษสำหรับบุคคลทุพพลภาพ, สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุให้ใช้งานด้วย
มีลานสนามเด็กเล่นเอาใจน้องๆ หนูๆ
ถัดไปเป็นลานฟิตแอนด์เฟิร์ม มีเครื่องบริหารร่างกายแบบ Low Impact คือมีแรงกระแทกต่ำปลอดภัยต่อข้อเท้าและหัวเข่า ผู้สูงอายุสามารถมาใช้งานได้ค่ะ
มุมมองย้อนกลับไปทางลานฟิตแอนด์เฟิร์มและลานสนามเด็กเล่นภายใต้อาคาร
ลำดับต่อมาเราไปดูต่อที่ฝั่งขวาของตัวอาคารกันเลยค่ะ โดยทางเดินปูพื้นด้วยกระเบื้องคอนกรีตสลับโทนสีเข้มและสีอ่อน ด้านข้างมีต้นไม้น้อยใหญ่ตกแต่งตลอดทางเดิน
เดินเข้าไปด้านในเพียงเล็กน้อยเป็นทางเดินที่เชื่อมเข้าไปยังสวนหย่อมและพื้นที่ใต้อาคารนั่นเอง
กลับมาที่ทางเข้าภายในอาคารกันต่อ ประตูทางเข้าเป็นกระจกบานผลักอลูมิเนียมติดกระจกเขียวตัดแสง เราเข้าไปดูภายในอาคารกันเลยค่ะ
เข้ามาภายในโถงต้อนรับเป็นพื้นที่กว้างตกแต่งด้วยโมเดลและภาพวาด
เดินเลี้ยวเข้ามาฝั่งขวาเป็นทางตรงเข้าไปยัง Lobby ของอาคาร
บริเวณ Lobby ของโครงการมีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์และสำนักงานนิติบุคคล ตกแต่งด้วยเคาน์เตอร์ลายไม้และหินอ่อนดูพรีเมียม มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายประจำอยู่ที่จุดนี้ด้วย หากใครสนใจเข้ามาชมโครงการและห้องตัวอย่างก็สามารถติดต่อที่เคาน์เตอร์ได้ทุกวันค่ะ
โถง Lobby จัดที่นั่งรับรองมาให้ด้วยเก้าอี้ไม้ทรงยาว ตกแต่งด้วยโทนสีเดียวกับภายนอกอาคาร เพดานสูงแบบ Double Volume เท่ากับชั้นลอยพร้อมมีโคมไฟห้อยเพดานสุดหรูหรา
เข้ามาด้านในมีมุมนั่งพักผ่อนหรือใช้เป็นมุมรับแขกให้หลายจุด มีการติดตั้งโคมไฟห้อยเพดานและโคมดาวน์ไลท์ให้แสงสว่างทั่วทั้งห้อง
ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบหรูโทนสีเหลืองทอง
ตรงกลางห้องวางโต๊ะไม้ทรงยาวสำหรับนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ กลางโต๊ะประดับด้วยแจกันไม้ประดับ
ถัดเข้าไปด้านในมีเคาเตอร์บาร์หินอ่อนสำหรับชงกาแฟและเครื่องดื่ม
มีโต๊ะเคาน์เตอร์สำหรับนั่งจิบกาแฟหรือนั่งทำงานให้ด้วย มุมนี้มองออกไปด้านนอกจะเห็นวิวสวนหย่อมให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
ไปดูต่อที่ชั้นลอยกันเลยค่ะ
ชั้นลอยมีห้องอเนกประสงค์ เดี๋ยวเราเข้าไปชมด้านในกันเลย
ห้อง Co-Living Zone แบ่งออกเป็นสองส่วนมีขนาดกว้างขวางกั้นส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนอลูมิเนียม พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้ ด้านนอกจัดวางโซฟาอยู่กึ่งกลางห้องสำหรับนั่งพักผ่อนหรือทำกิจกรรมชิวๆ
มีมุมสำหรับเล่นเกมกล่องไม้และบอร์ดเกมต่างๆ
ด้านในจัดเป็นมุมรับรองด้วยการวางโซฟาไว้กลางห้อง ด้านหลังตกแต่งด้วยชั้นวางของขนาดใหญ่ใกล้กับประตูบันไดหนีไฟ
ด้านข้างมีโต๊ะสำหรับนั่งทำงานหรือนั่งอ่านหนังสือที่มองเห็นวิวด้านนอก
มุมมองย้อนกลับไปยังทางเข้า
มาต่อกันที่ด้านล่างบริเวณ Lobby กันเลยค่ะ บริเวณนี้มีลิฟต์ขนของให้หนึ่งตัว ฝั่งขวามีประตูทางเข้าที่เชื่อมมาจากลานจอดรถชั้นล่าง
ถัดมาฝั่งซ้ายมีประตูทางเข้าไปยังโถงลิฟต์โดยสาร ส่วนนี้ต้องสแกน Key Card เข้าไปค่ะ
เข้ามาบริเวณทางเดินโถงลิฟต์
ตรงเข้าไปด้านในเป็นห้องจดหมายส่วนตัวหรือ Mailbox
บริเวณทางเดินโถงลิฟต์มีลิฟต์โดยสารให้ 3 ตัว
ลิฟต์มีขนาดใหญ่สามารถจุผู้โดยสารได้ 15 คน และต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม ด้านในมีกล้อง CCTV ตรวจความปลอดภัยระหว่างการใช้งาน และมีกระจกบานใหญ่ให้ลูกบ้านได้สำรวจความเรียบร้อยของตนเองก่อนออกจากลิฟต์ด้วย
ปุ่มกดลิฟต์มีทั้งหมด 35 ชั้น ลูกบ้านต้องสแกน Key Card ในการใช้งาน โดยสามารถใช้งานได้เฉพาะชั้นที่ตนเองพักอาศัย, ลานจอดรถชั้น G-8 และพื้นที่ส่วนกลางชั้น 10, ชั้น 32 และชั้น 35 เท่านั้น ลำดับถัดมาเราขึ้นไปชมพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดกันเลยค่ะ
เริ่มกันที่ชั้น 10 ซึ่งเป็นพื้นที่ Fitness Zone มีสระว่ายน้ำ, ห้องออกกำลังกาย, ลานพักผ่อน Co-Living Area, ห้องซาวน่า, ห้องสตรีม, ห้องเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และห้องคุณหนูสำหรับเด็กๆ
พื้นที่เป็นแบบ Semi Outdoor บรรยากาศโดยรอบโปร่งโล่ง ลมพัดเย็นสบาย
มีพุ่มไม้และต้นไม้ตกแต่งให้ความร่มรื่นเป็นธรรมชาติทั่วทั้งบริเวณทางเดินริมสระ
จากบริเวณนี้สามารถมองย้อนขึ้นไปแล้วเห็นตัวอาคารที่พักอาศัยได้อย่างชัดเจน
สระว่ายน้ำเป็นสระแบบ Infinity Edge Pool หรือสระว่ายน้ำแบบไร้ขอบใช้ระบบเกลือ ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกโทนสีฟ้า
มีพื้นที่พักผ่อนแบบกลางแจ้งข้างริมสระ โดยจัดวาง Sunbed ไว้ให้ 8 ตัว สามารถนอนเล่นรับลมเย็นๆ นอนชมวิว หรือจะนอนอาบแดดก็ได้นะคะ
ด้านหลังที่วาง Sunbed มีทางเดินน้ำขนาดเล็ก ให้บรรยากาศเหมือนกับเรานอนเล่นอยู่ท่ามกลางผืนน้ำ
เราไปดูอีกฝั่งของสระว่ายน้ำกันต่อเลยค่ะ
มุมมองย้อนกลับไปทางท้ายสระ
สำหรับลูกบ้านที่มียูนิตอยู่ชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำ ทางโครงการได้ลงต้นไม้และพุ่มไม้ไว้ให้เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ในระดับหนึ่ง
สระว่ายน้ำบริเวณนี้มีการแยกเป็นสระเด็กและสระระบบจากุซซี่ให้ด้วย
ด้านข้างสระมีจุดชำระล้างตัวด้วยระบบน้ำจืดแบบกลางแจ้ง มีการติดตั้งฝักบัวเรนชาวเวอร์ไว้ให้ใช้งาน
มาดูกันที่ Co-Living Area หรือลานพักผ่อนกันบ้าง บริเวณนี้ทางโครงการได้จัดเป็นเบาะนอนเล่นสำหรับชมวิวมาให้ ส่วนใต้อาคารก็มีโซฟานั่งเล่นพร้อมโต๊ะกลางวางไว้
ถัดเข้าไปด้านในมีโต๊ะเคาน์เตอร์ไม้ทรงยาวสำหรับนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ มองเห็นวิวตึกที่อยู่ด้านหน้าโครงการ
เข้ามาดูกันที่ Kid’s Fun Zone หรือห้องคุณหนูสำหรับเด็กๆ กันบ้าง ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีเขียวผนังติดวอลเปเปอร์ตัวการ์ตูนน่ารักๆ ปูพื้นด้วยแผ่นยางจิ๊กซอว์กันกระแทก มีเบาะนุ่มๆ ให้นั่งเล่น มีโต๊ะและเก้าอี้ขนาดเล็กให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ
ถัดมาเป็นห้องสตรีม มีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าและห้องน้ำ
บริเวณนี้ฝั่งซ้ายเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าส่วนฝั่งขวาเป็นห้องสตรีม
หน้าตาภายในห้องสตรีมค่ะ
มาที่ห้องอบซาวน่ากันบ้าง มีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าและห้องน้ำ
ภายในห้องซาวน่ามีการวางเตาซาวน่าไว้ที่มุมห้องล้อมไว้ด้วยกล่องไม้ระแนง
เราขึ้นไปดูห้องฟิตเนสที่ชั้น 11 กันต่อเลย ส่วนห้องเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญวันที่ไปถ่ายโครงการยังติดตั้งไม่เสร็จเลยไม่ได้เก็บภาพมาฝากกันค่ะ
เมื่อขึ้นมาที่ชั้นบนจะพบกับห้องฟิตเนสเอาใจคนรักสุขภาพ เราเข้าไปชมด้านในกันเลย
ภายในห้องพื้นที่ใช้สอยมีขนาดกว้างขวาง มีประตูเชื่อมต่อไปที่บันไดหนีไฟ ผนังเป็นกระจกตัดแสงบังด้วยม่านกันแดด พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้
เมื่อเปิดประตูเข้ามาทางฝั่งขวามีโซนเครื่องออกกำลังกายที่แยกเป็นสัดส่วน ทั้งเครื่องนั่งปั่นจักรยานไฟฟ้าและเครื่องเดินวงรี
ถัดมามีลู่วิ่งออกกำลังกายไฟฟ้าให้ 2 ตัว
เมื่อเปิดประตูเข้ามาทางฝั่งซ้ายบริเวณนี้เป็นมุมนั่งพักและชั่งน้ำหนัก
ถัดเข้าไปด้านในมีชุดดัมเบลให้เลือกใช้งานหลายขนาด
มุมยกดัมเบลบริเวณนี้สามารถมองเห็นวิวของสระว่ายน้ำและต้นไม้ได้ด้วย
ส่วนนี้เป็นมุมสำหรับเล่นโยคะ ห้องฟิตเนสมีอุปกรณ์เป็นเสื่อและลูกบอลโยคะรวมถึงมีกระจกบานใหญ่ให้ด้วย
มาต่อกันที่ส่วนกลางชั้น 32 ซึ่งเป็นสวนอินฟินนิตี้กันเลย
สำหรับสวนอินฟินนิตี้เมื่อเปิดประตูออกมาจะเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง อาจไม่เหมาะแก่การมาใช้บริการในช่วงกลางวันเท่าไหร่ แต่หากมาในช่วงเวลาเย็นๆ สามารถมองเห็นวิวเมืองได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ
ตรงกลางและด้านข้างมีการตกแต่งด้วยสวนเล็กๆ และโมเดลนกสีขาวนวล มีเบาะนอนเล่นพร้อมหมอนอิงสำหรับนั่งชมวิวมาให้ทางฝั่งซ้ายของภาพ
มีเปลนั่งเล่นในสวนให้ชมวิวโดยรอบแบบกว้างเต็มสายตา
ถัดมาเป็นพื้นที่ส่วนกลางชั้น 35 ฝั่งซ้ายมีประตูเข้าไปยังจุดชมวิว (Sky Lounge) และฝั่งขวามีประตูเข้าไปยังสวนดาดฟ้า (Roof Garden) เดี๋ยวเราเข้าไปดูจุดชมวิวกันก่อนเลยค่ะ
เมื่อเข้ามาด้านในฝั่งซ้ายมีเคาน์เตอร์บาร์ไม้พร้อมอ่างล้างมือวางชิดติดกำแพง ด้านข้างตกแต่งด้วยชั้นวางของ
ถัดมามีโต๊ะสำหรับนั่งทำงานหรือทำกิจกรรมสังสรรค์ต่างๆ ด้านบนประดับด้วยโคมไฟห้อยเพดานสุดเก๋
ส่วนฝั่งขวามีประตูออกไปยังจุดชมวิว โดยมีทางขึ้น-ลง 2 ทาง คือนอกจากมีบันได 2 สเต็ปสำหรับคนทั่วไปแล้ว ยังมีทางลาดสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นจัดเตรียมไว้ให้ด้วย
มุมมองย้อนกลับไปทางเข้าห้องค่ะ เดี๋ยวเราไปดูจุดชมวิวด้านนอกกันต่อเลย
เมื่อออกมายังจุดชมวิว บรรยากาศโล่งแจ้งมีมุมพักผ่อนรองรับหลายจุดลมพัดอยู่ตลอดเวลาไม่ร้อนอบอ้าว มองเห็นวิวได้แบบรอบทิศทางค่ะ
มุมฝั่งขวาเมื่อขึ้นบันไดมามีเบาะนอนเล่นให้หลายตัว ตกแต่งด้วยต้นไม้เพิ่มความร่มรื่นได้เป็นอย่างดี ด้านหลังมีกันตกเป็นกระจกใสทำให้มองเห็นวิวด้านนอก ช่วงกลางคืนก็สามารถมองเห็นแสงสีจากตัวตึกและถนนด้านล่างได้อย่างชัดเจน
เรากลับไปดูที่มุมรับรองส่วนอื่นๆ กันต่อเลย
มาที่ฝั่งซ้ายจะมีมุมรับรองให้หนึ่งจุด วางโซฟาเก้าอี้หวายเบาะนุ่มพร้อมโต๊ะกลางให้ได้ใช้งาน ด้านข้างเป็นกำแพงทึบกันตกทาด้วยสีเหลืองเฉดเดียวกับตัวอาคาร มีพุ่มไม้ต้นไม้ใหญ่พร้อมโรยกรวดหินตกแต่งให้ความเป็นธรรมชาติ
เดินต่อเข้าไปด้านในมีโต๊ะเคาน์เตอร์บาร์ไม้เนื้อแข็งทรงยาวพร้อมเก้าอี้รองรับอีกหลายตัว สามารถนั่งทำงานได้แบบชิวๆ แล้วมองเห็นวิวสวยๆ ได้เลยค่ะ
มุมมองย้อนกลับไปยังทางเข้า
มาที่สวนดาดฟ้ากันบ้าง บริเวณนี้มีการปลูกพืชผักสวนครัวอยู่หลายชนิด ลำดับถัดมาเราจะไปชมแบบแปลนห้องและห้องตัวอย่างกันต่อเลยค่ะ
::: แบบห้อง :::
โครงการ Lumpini Suite เพชรบุรี-มักกะสัน มีแบบห้องทั้งหมด 7 แบบ ได้แก่
แบบห้อง Studio
แบบห้อง 1 Bedroom
แบบห้อง 1 Bedroom
แบบห้อง 1 Bedroom
แบบห้อง 2 Bedrooms
แบบห้อง 2 Bedrooms
แบบห้อง 2 Bedrooms
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo จะพาท่านผู้อ่านของเราไปชมห้องตัวอย่าง 3 แบบ คือ
โดยทางโครงการขายห้องพักแบบ Fully Fitted สิ่งที่ลูกค้าจะได้ก็คือ ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวางทีวี, เคาน์เตอร์ครัวพร้อมซิงค์ล้างจาน, เครื่องปรับอากาศ, Digital Door Lock ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปติดตามกันเลยค่ะ
แบบห้อง Studio ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23 ตร.ม. พื้นที่การออกแบบแยกเป็นสัดส่วน เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นมีพื้นที่กว้าง ในห้องส่วนแรกคือพื้นที่ครัวขนาดไม่ใหญ่นัก ห้องนี้เป็นห้อง Studio ที่แบ่งพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอนด้วยตำแหน่งการวางโฟซา ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้ห้องดูเป็นสัดส่วนค่ะ
ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นอยู่ติดกัน ห้องนั่งเล่นนั้นติดกับระเบียงทำให้สว่าง ในพื้นที่ห้องนั่งเล่นยังวางชั้นวางของและโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้ ส่วนห้องนอนนั้นวางเตียงขนาด 5 ฟุต พื้นที่ด้านข้างก็จะเหลือให้วางโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้า ติดกับเตียงมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้สว่างทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่น ติดกับตู้เสื้อผ้าก็จะเป็นห้องน้ำ ขนาดห้องน้ำกว้างสะดวกต่อการใช้งาน
ประตูห้องจะเป็นประตูสีเทาควันบุหรี่ มือจับเป็นแบบก้านโยก ประตูจะมีตาแมวและป้ายหมายเลขห้องให้ด้านข้างประตู
พื้นห้องจะเป็นลามิเนตหนา 8 มม. สีไม้น้ำตาลอ่อน ตัวจบตรงพื้นเป็นลามิเนตสีน้ำตาลอ่อน
เปิดเข้ามาด้านในจะเห็นพื้นที่เกือบทั้งหมดของห้อง โดยห้องนี้ไม่ได้กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น อีกทั้งห้องนั่งเล่นนั้นติดกับระเบียง เตียงนอนติดกับหน้าต่างกระจก จึงทำให้ห้องนี้ดูสว่างและโปร่ง และเนื่องจากห้องไม่ได้กั้นแต่เชื่อมต่อกับแบบนี้เลยทำให้ห้องยิ่งดูกว้างค่ะ
เข้ามาในห้องด้านซ้ายมือเป็นพื้นที่ครัว ตรงนี้ทางโครงการจะมีให้นะคะ โดยด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของและช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า ด้านบนเป็นชั้นวางของและมีตู้เก็บของให้
เคาน์เตอร์ท็อปครัวเป็นหินสังเคราะห์ พื้นที่เคาน์เตอร์ไม่ใหญ่นัก ดังนั้นอ่างล่างจานจึงเป็นขนาดกระทัดรัด ด้านข้างมีพื้นที่เหลือเล็กน้อย ถ้าวางเตาก็มีพื้นที่ให้เตรียมอาหารไม่มาก เหนือเคาน์เตอร์ผนังจะเป็นกระเบื้องเซรามิกทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย
ด้านบนเหนือเคาน์เตอร์เป็นช่องและตู้เก็บของ ตรงนี้มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟให้ แต่ถ้าจะติดตั้งเครื่องดูดควันคงต้องดูเรื่องตำแหน่งและพื้นที่ใช้สอยว่าสามารถติดตั้งได้หรือไม่นะคะ
ด้านล่างใต้อ่างล้างจานเป็นตู้เก็บของ ด้านข้างเป็นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า ตรงนี้ทางโครงการจะเดินระบบน้ำและไฟให้เรียบร้อยเลยค่ะ
ส่วนถัดไปจะเป็นพื้นที่ของส่วนนั่งเล่นและทานอาหาร ส่วนนี้อยู่ติดกับระเบียงจึงทำให้ได้แสงธรรมชาติส่องสว่างเข้ามาภายในห้อง
ติดกับประตูเป็นตำแหน่งวางตู้เย็น เหนือตู้เย็นทำเป็นชั้นวางเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของตรงนี้ได้
ข้างกันนั้นจะเป็นตำแหน่งของชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงาน/โต๊ะทานอาหาร ด้านบนเหนือโต๊ะทำงานทำเป็นชั้นวางของแบบนี้ได้ ห้องจริงที่ได้จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ
ขนาดโต๊ะทำงานกว้าง สามารถวางเป็นโต๊ะทานอาหารแทนได้ เพียงพอสำหรับวางเก้าอี้ 2 ตัว หรือถ้าทำเป็นโต๊ะทำงานวางโต๊ะเล็กกว่านี้อีกนิด เพื่อที่จะมีพื้นที่ด้านข้างวางชั้นวางรองเท้า ก็ทำให้ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน
มุมนี้เป็นมุมนั่งเล่นค่ะ ส่วนนี้อยู่ติดกับระเบียงจึงทำให้ดูโปร่ง สบายตา พื้นที่ระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีนั้นมีระยะให้เดินผ่านได้สะดวก อาจวางโต๊ะกาแฟตัวเล็กๆ ด้านหน้าก็ยังใช้งานได้ไม่ติดขัด
ด้านตรงข้ามเป็นตำแหน่งติดตั้งทีวี ด้านล่างวางทีวีหรือจะติดตั้งแบบนี้ก็ได้ ตรงชั้นก็มีพื้นที่ให้เก็บของ ด้านบนยังมีเหลือให้ทำเป็นชั้นวางของ หรือตู้เก็บของได้อีกค่ะ
มุมนั่งเล่นขนาดพื้นที่วางโซฟา 2 ที่นั่งได้ วางตัวใหญ่ที่มีพนักพิงสบายๆ กว่านี้ก็ได้เช่นกัน ตัวโซฟาจะเป็นตัวที่แบ่งพื้นที่ระหว่างส่วนนั่งเล่นกับห้องนอน ทำให้ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น
ประตูระเบียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีดำ กระจกเขียวตัดแสง
ธรณีประตูยกสูงช่วยกันฝุ่นหรือน้ำฝนเข้าในห้องได้ยากขึ้น
ขนาดระเบียงกว้างใช้งานได้จริง สามารถวางเครื่องซักผ้า ราวกันตกเป็นเหล็กระแนงโปร่งทำให้ระเบียงดูกว้าง ด้านบนแขวนคอมเพลสเซอร์แอร์ทำให้ระเบียงให้งานได้ทั้งหมด
ถัดไปจะเป็นส่วนที่นอน ห้องนี้กว้างและดูโปร่ง เนื่องจากมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ริมเตียง โดยหลังจากโซฟาก็เป็นห้องนอนเลย จริงๆ ถ้าอยากทำให้เป็นส่วนตัวจะกั้นประตูบานเลื่อน หรือทำเป็นผ้าม่านปิดห้องนอนก็ทำได้ค่ะ
เตียงสามารถวางขนาด 5 ฟุตได้ พื้นที่ข้างเตียงจะเหลือให้วางโต๊ะหัวเตียง ปลายเตียงเหลือพื้นที่เดินผ่านได้สะดวก อาจวางตู้เก็บของหรือทำเป็นชั้นวางของได้ค่ะ
ข้างเตียงวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะหัวเตียง เหนือโต๊ะหัวเตียงก็ทำเป็นชั้นวางของแบบนี้ได้
ด้านนี้เป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า ขนาดพอเหมาะสำหรับ 1 คนค่ะ
ปลายเตียงจะเห็นเป็นมุมแบบนี้ค่ะ จะเห็นไปถึงทีวีที่ติดอยู่มุมนั่งเล่นเลย
ด้านข้างโซฟามีพื้นที่เหลือสามารถทำเป็นชั้นวางของหรือโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้ได้ ทำหน้าบานให้เป็นกระจกก็สะดวกต่อการใช้งานเวลาแต่งตัวมากยิ่งขึ้น
ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำ
พื้นห้องน้ำระดับเดียวกับพื้นห้องด้านนอกแต่มีธรณีประตูสูงกั้นขึ้นมา ดังนั้นเวลาล้างห้องน้ำก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเลอะเทอะออกมาข้างนอกห้อง พื้นห้องเป็นแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม.
ด้านในแบ่งสัดส่วนเป็นโซนแห้งและเปียกชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำ
เข้ามาด้านในด้านขวามือจะเป็นตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ของ American Standard ด้านบนมีที่แขวนผ้าขนหนู
ตรงกับประตูจะเป็นอ่างล้างหน้า ขอบอ่างมีพื้นที่ให้วางของได้พอสมควร เหนืออ่างมีกระจกเงาให้ ด้านล่างมีชั้นและตู้เก็บของ
ส่วนอาบน้ำจะมีฉากกั้นอาบน้ำให้ ทำให้แบ่งโซนแห้งและเปียกได้ สะดวกต่อการใช้งานและทำความสะอาด
พื้นที่ใช้สอยภายในส่วนอาบน้ำก็กว้างขวาง สะดวกเพียงพอต่อการใช้งาน
ฝักบัวและที่วางสบู่ ตรงนี้คงต้องซื้อชั้นวางของมาติดตั้งเพื่อวางแชมพูหรือของใช้เพิ่มนะคะ
มาต่อกันที่แบบห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 27 ตร.ม. กันเลยค่ะ เมื่อเข้ามาภายในห้องส่วนแรกเจอกับมุม Pantry มีเคาน์เตอร์ครัวและมุมโต๊ะรับประทานอาหาร ถัดเข้าไปด้านในเป็นมุมนั่งเล่นมีพื้นที่เหมาะสำหรับวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง จากนั้นเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ระเบียงด้านนอก ส่วนห้องนอนมีทางเข้าอยู่ระหว่างมุมนั่งเล่นกับมุม Pantry เมื่อเข้ามาภายในห้องนอนฝั่งซ้ายสามารถวางเตียงได้ขนาด 6 ฟุต ภายในห้องมีหน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติได้ดี ส่วนฝั่งขวามีการบิวท์อินเป็นโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้าขนาดกลาง พื้นที่บริเวณนี้สามารถใช้เป็นมุมแต่งตัวได้เพียงพอ และถัดมาจะเป็นห้องน้ำค่ะ
หลังจากที่เราได้ชมแปลนแบบห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 27 ตร.ม. กันไปแล้ว ถัดมาเราจะไปชมห้องตัวอย่างที่อยู่ชั้น 16 กันต่อเลยนะคะ โดยเริ่มที่บริเวณทางเข้าห้องมีป้ายหมายเลขห้องระบุเอาไว้แบบเด่นชัดที่ด้านข้างประตู
หันกลับมามองที่บริเวณโถงทางเดินหน้าห้องกันก่อนค่ะ
ประตูห้องเป็นบานสำเร็จรูปสีครีม
มือจับสแตนเลสเป็นแบบก้านโยก ข้างล่างด้านนอกมีรูเสียบกุญแจและมีตัวหมุนล็อคประตูที่ด้านใน
ที่ประตูมีตาแมวสำหรับดูความปลอดภัยบริเวณหน้าห้อง เหนือประตูด้านนอกมีสัญญาณแจ้งเตือนอัคคีภัย ส่วนด้านล่างภายในห้องมี Door Stopper หรือตัวกันชนประตูมาให้ด้วย
หลังจากที่เราเปิดประตูเข้ามาด้านในห้อง ฝั่งซ้ายเป็นมุม Pantry มีเคาน์เตอร์ครัว ขยับเข้าไปด้านในเป็นมุมนั่งเล่นและทางเข้าห้องนอน พื้นห้องเป็นลามิเนตสีไม้น้ำตาลอ่อนหนา 8 มม. เพดานสูง 2.6 เมตร
ด้านบนเพดานติดตั้งโคมไฟดาวน์ไลท์ อุปกรณ์ตัวจับควัน และสปริงเกอร์ดับเพลิงมาให้
มุมมองย้อนกลับไปยังประตูทางเข้าห้อง สำหรับมุม Pantry ทางโครงการได้บิวท์อินเคาน์เตอร์ครัวมาให้สองฝั่ง
มาดูกันที่เคาน์เตอร์ครัวขนาดใหญ่ก่อนมีตู้และชั้นเก็บของมาให้ ด้านหลังเคาน์เตอร์มีการกรุกระเบื้องกันเปื้อนหรือ Backsplash ให้ดูเป็นตัวอย่าง หากน้ำมันกระเด็นขณะประกอบอาหารก็สามารถเช็ดออกได้ง่ายค่ะ
บนเคาน์เตอร์ทางโครงการเลือกใช้วัสดุท็อปครัวแบบหินสังเคราะห์สีขาวมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อการใช้งานเช็ดออกง่าย พร้อมติดตั้งซิงค์ล้างจานแบบหลุมเดี่ยว มีปลั๊กไฟฟ้าให้ที่มุมขวา แต่บริเวณนี้ลูกบ้านอาจต้องติดตั้งเตาไฟฟ้าหรือเครื่องดูดควันเพิ่มเติมหากต้องการประกอบอาหารภายในห้อง
ชั้นวางของช่องใหญ่สามารถวางตู้ไมโครเวฟได้อย่างพอดิบพอดี ช่องด้านบนมีการติดตั้งแผงควบคุมไฟมาให้ ส่วนช่องอื่นๆ ก็สามารถใช้เป็นที่อุปกรณ์เครื่องครัว รวมถึงเครื่องปรุงรสต่างๆ เพื่อให้สะดวกต่อการหยิบมาใช้งาน
ส่วนเคาน์เตอร์ด้านล่างมีตู้เก็บของมาให้เช่นเดียวกัน ช่องนี้อาจใช้เก็บพวกน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก หรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม และมีช่องว่างเว้นไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าได้อีกด้วย
มาดูกันที่มุมฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นเคาน์เตอร์ครัวขนาดเล็กลงมาหน่อย มีตู้เก็บของมาให้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ด้านข้างมีพื้นที่เหลือให้วางตู้เย็น
ซึ่งบริเวณเคาน์เตอร์ท็อปครัวอาจใช้เป็นจุดพักอาหารหรือจุดเตรียมวัตถุดิบก็ได้
เข้ามาดูที่มุมนั่งเล่นกันต่อเลยค่ะ
มุมนั่งเล่นอยู่ติดกับประตูทางออกไปยังพื้นที่ระเบียงด้านนอก ประตูเป็นแบบกระจกบานเลื่อนทำให้ภายในห้องได้รับแสงสว่างเข้ามาได้เยอะห้องดูไม่มืดทึบ แต่หากต้องการให้ห้องมืดลงหน่อยก็สามารถติดตั้งผ้าม่านบังแดดได้
มุมนี้ทางโครงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้แบบเรียบหรู วางโซฟาเบาะนุ่มขนาด 2 ที่นั่ง ด้านข้างมีชั้นวางของขนาดเล็ก ส่วนด้านหลังตกแต่งด้วยฉากไม้มีแผงไฟ LED ให้ความสว่างทั่วบริเวณ
ระยะห่างของการนั่งดูทีวีมีขนาดที่กำลังพอเหมาะ
มุมนี้ทางโครงการบิวท์อินเป็นเคาน์เตอร์ไม้ทรงยาวสำหรับวางทีวีมาให้แล้ว นอกจากนี้ยังเหลือพื้นที่สำหรับทำเป็นโต๊ะทำงาน นั่งอ่านหนังสือ หรือจะทำเป็นมุมรับประทานอาหารก็ได้ ทั้งยังมีการตกแต่งเป็นชั้นวางของหรือชั้นวางหนังสือได้อีกด้วย
เคาน์เตอร์ไม้ทรงยาวฝั่งขวามีตู้ชั้นเก็บของ มีสวิตช์ไฟ ปลั๊กไฟ และหลอดไฟเล็กๆ ให้แสงสว่างเพิ่มเติม
ทางฝั่งซ้ายก็มีชั้นเก็บของมาให้เช่นเดียวกัน
มีลิ้นชักสำหรับใส่ของขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ
ด้านล่างมีตู้สำหรับเก็บรองเท้าจำนวน 2 ช่อง
เราออกไปดูต่อที่ระเบียงด้านนอกกันบ้างค่ะ โดยประตูเป็นบานเลื่อนกระจกเขียวตัดแสง
พื้นที่ระเบียงมีขนาดกว้างพอสมควรเพียงพอต่อการวางเครื่องซักผ้า ที่พื้นมีท่อระบายน้ำไว้ให้เผื่อฝนตกแล้วสาดเข้ามา หรือตากผ้าแล้วระเบียงพื้นเปียกน้ำสามารถระบายลงท่อได้
ที่ผนังมีการติดตั้งราวตากผ้าขนาดเล็กมาให้ ส่วนด้านข้างมีกันตกเป็นกระจกเทมเปอร์แข็งแรงทนทาน
ราวตากผ้ายืดหยุ่นสามารถพับเก็บหรือกางออกเพื่อใช้งานได้
ที่ตั้งของคอมเพลสเซอร์แอร์แขวนอยู่ด้านบนวางได้ 2 ตัว โดยหันเป่าลมออกด้านนอก ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้อย่างเต็มที่
มุมท่อระบายน้ำและก็อกน้ำ นอกจากนี้ทางโครงการยังต่อท่อยาวสำหรับกันน้ำจากคอมเพลสเซอร์แอร์หยดให้อีกด้วย
มุมมองจากระเบียงห้องตัวอย่างชั้น 16 ลงไปที่บริเวณสระว่ายน้ำชั้น 10 ค่ะ
ถัดมาเราเข้าไปดูห้องนอนกันต่อเลย
เมื่อเข้ามาภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ โซนพักผ่อน และโซนห้องน้ำ บริเวณโซนพักผ่อนทางโครงการได้จัดวางเตียงขนาด 6 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ห้องกว้างขวางกำลังดีไม่แออัดเหลือพื้นที่ให้เดินได้รอบเตียง หรือจะเปลี่ยนมาวางเตียงขนาด 5 ฟุตเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานภายในห้องก็ยังได้
ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือสามารถเดินผ่านได้ แต่หากอยากวางทีวีไว้ในห้องแนะนำให้ติดตั้งทีวีไว้บนผนังจะสะดวกต่อการใช้งานมากกว่าค่ะ
มีที่เหลือรอบเตียงสามารถเดินผ่านหรือเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้สบายๆ
ช่องแสงภายในห้องมีขนาดใหญ่เป็นหน้าต่างบานกระทุ้งและบานฟิกซ์ ทำให้ภายในห้องรับแสงธรรมชาติและถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี
ข้างหัวเตียงมีสวิทช์ไฟและปลั๊กไฟ รวมถึงมีการบิวท์อินเป็นชั้นวางของเล็กๆ ซึ่งบริเวณนี้สามารถวางโคมไฟเพื่อเพิ่มแสงสว่างได้
สวิทช์ไฟภายในห้องค่ะ
มุมมองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้า
เราไปต่อกันที่ด้านข้างเตียงอีกฝั่ง บริเวณนี้เป็นโซนห้องน้ำและมุมแต่งตัว หน้าห้องน้ำสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดกลางได้อย่างพอเหมาะ
มีพื้นที่ข้างเตียงให้ยืนแต่งตัวขนาดกำลังดีไม่อึดอัดจนเกินไป
เราเข้าไปดูในห้องน้ำกันบ้างค่ะ
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับจากพื้นห้องนอน และมีธรณีประตูสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกมายังห้องนอน
ภายในห้องน้ำถูกแยกเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้งแบบชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ปูพื้นและฝาผนังด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาอ่อน
มีการติดตั้งกระจกเงาขนาดใหญ่พร้อมเคาน์เตอร์ลอยติดผนังมีอ่างล้างหน้า
ใช้อ่างล้างหน้าจาก Charmer มีพื้นที่ด้านข้างอ่างเหลือให้วางของตกแต่ง สบู่เหลว และที่วางแปรงสีฟัน ส่วนก็อกน้ำจะเป็นแบบปัดขึ้นค่ะ
เคาน์เตอร์ใต้อ่างล้างหน้าเป็นตู้มีบานเปิดผสมกันบานโล่งสำหรับวางของใช้ต่างๆ
มีราวสแตนเลสติดผนังสำหรับแขวนผ้าขนหนูหรือเสื้อผ้าค่ะ
ส่วนโถสุขภัณฑ์เป็นแบบแยกชิ้นระบบ Dual Flush จาก American Standard มีที่แขวนทิชชู่ให้ทางฝั่งขวา และมีสายฉีดชำระทางฝั่งซ้าย พื้นที่นั่งใช้งานสะดวกไม่แออัด
พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นติดตั้งมาให้เรียบร้อย เป็นกระจกใสแบบบานเลื่อนใช้วัสดุอลูมิเนียม
ติดตั้งฝักบัวและชั้นวางสบู่ของ American Standard และเครื่องทำน้ำอุ่นจาก Stiebel Eltron
มาถึงแบบห้องสุดท้ายที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้เลยนะคะเป็นแบบห้อง 2 Bedrooms ขนาดพื้นที่ใช้สอย 40.5 ตร.ม. พื้นที่การออกแบบแยกเป็นสัดส่วน ภายในมีทั้งหมด 2 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำ เข้ามาส่วนแรกจะเจอกับครัวและมุมโต๊ะทานอาหาร มุมนี้วางโต๊ะสำหรับ 4 ที่นั่งได้สบายๆ โต๊ะทานอาหารจะอยู่หน้าห้องนอน 2 ค่ะ ส่วนห้องครัวจะอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น
สำหรับห้องนั่งเล่นจะอยู่ระหว่างห้องนอน 2 ห้อง พื้นที่ห้องนั่งเล่นไม่กว้างนักเพียงพอให้วางโซฟา 2 ที่นั่งได้ ห้องนอนเล็กพอให้วางเตียง 3.5 ฟุตและตู้เสื้อผ้า ส่วนห้องนอนใหญ่วางเตียง 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะหัวเตียงได้ พื้นที่ห้องดูกว้างแต่เป็นส่วนทางเดินไปยังห้องต่างๆ มากกว่าทำให้การใช้งานดูไม่อึดอัด อีกทั้งยังมีหน้าต่าง, ประตูระเบียงที่เป็นกระจกจึงทำให้มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้อง
พื้นห้องจะเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ลายไม้น้ำตาลอ่อน ตัวจบตรงพื้นเป็นลามิเนตสีน้ำตาลอ่อน
เข้ามาด้านใน ทางซ้ายมือคือมุมทานอาหาร ติดกันนั้นคือห้องนอน 2 ด้านขวามือจะเห็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น โดยด้านนี้จะมีครัว ห้องน้ำและห้องนอนใหญ่ค่ะ
ทางซ้ายมือเมื่อเข้ามาในห้องจะเป็นมุมทานอาหาร วางโต๊ะและชั้นวางของแบบนี้ได้ หรือจะขยับโต๊ะไปใกล้ผนังอีกด้านหนึ่ง เพื่อที่จะได้วางชั้นวางของหรือชั้นวางรองเท้าใกล้ๆ ประตูได้
มุมนี้สามารถวางโต๊ะสำหรับ 4 ที่นั่งได้สบายๆ สามารถนั่งและใช้งานเข้า-ออกได้สะดวก
ติดกันนั้นเป็นห้องนอน 2 พื้นห้องจะเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ลายไม้น้ำตาลอ่อน ตัวจบตรงพื้นเป็นลามิเนตสีน้ำตาลอ่อน
เข้ามาด้านในห้องจะสว่างเพราะมีหน้าต่างกระจก ภายในห้องขนาดไม่ใหญ่นักเหมาะสำหรับเป็นห้องนอนเด็กหรือห้องทำงาน
เตียงวางขนาด 3.5 ฟุตได้ ถ้าหัวเตียงไม่หนาแบบห้องตัวอย่างพื้นที่ปลายเตียงก็จะเหลือให้พอเดินผ่านได้ จะง่ายต่อการทำความสะอาดและปูที่นอน อาจทำฐานเตียงให้เป็นลิ้นชักเก็บของ ก็จะทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่ม
หัวเตียงวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆ หรือจะทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งด้านบนมีกระจกเงาแบบนี้ก็ได้ค่ะ
ใกล้กันนั้นก็จะเป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า ขนาดพอเหมาะสำหรับ 1 คน
ด้านนี้จะเป็นหน้าต่างทั้งหมดเกือบเต็มพื้นที่ผนัง ทำให้ห้องดูกว้างและสว่าง กรอบหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมสีดำ กระจกเขียวตัดแสง หน้าต่างเป็นบานกระทุ้งและแบบบานปิด
คราวนี้ไปดูอีกฝั่งหนึ่งของห้องกันบ้าง เมื่อเข้ามาในห้องหันไปทางซ้ายมือก็จะเป็นมุมแบบนี้ ด้านขวาเป็นครัว ด้านซ้ายคือห้องนั่งเล่น ส่วนประตู 2 บานที่เห็นนั้น ประตูทางขวาที่ติดกับครัวคือประตูห้องน้ำ ประตูทางซ้ายคือห้องนอนใหญ่
พื้นที่ครัวและตำแหน่งวางตู้เย็น สามารถวางตู้ใบใหญ่กว่านี้ได้เพราะด้านบนยังมีพื้นที่เหลือ เหนือตู้เย็นทำเป็นชั้นวางของหรือตู้เก็บของได้ มุมนี้ทางโครงการจะมีให้ตามนี้เลยนะคะยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้า นั่นคือได้เคาน์เตอร์ครัวพร้อมตู้เก็บของเหนือเคาน์เตอร์และอ่างล้างจาน
ท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ พื้นที่เคาน์เตอร์เมื่อวางอ่างล้างจานแล้ว ยังมีพื้นที่เหลือให้เตรียมอาหารได้สะดวกและยังพอให้วางเตาไฟฟ้าได้ด้วยค่ะ เหนือเคาน์เตอร์ปูด้วยกระเบื้องจึงสะดวกต่อการทำความสะอาด
ด้านบนเป็นตู้และชั้นเก็บของให้แบบนี้ สามารถติดตั้งเครื่องดูดควันได้
ด้านล่างจะมีตู้ ลิ้นชักเก็บของ ช่องวางไมโครเวฟและช่องวางเครื่องซักผ้า โดยโครงการจะเดินระบบประปาและไฟเตรียมไว้ให้
ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ มุมนี้พื้นที่พอเหมาะสำหรับ 2-3 ที่นั่งได้ ส่วนนี้ติดกับระเบียงจึงดูสว่างและโปร่ง
มุมวางโซฟาจะวางเป็นโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่งแบบนี้ ถ้าวางตัวใหญ่กว่านี้อีกนิดก็พอได้ หรือจะวางเป็นโซฟาเดี่ยวอีกตัวเพื่อเพิ่มการใช้สอยมุมนี้ก็ทำได้เช่นกัน
ด้านตรงข้ามเป็นตำแหน่งติดตั้งทีวี ด้านล่างจะวางทีวีหรือจะติดตั้งแบบนี้ก็ได้ ตรงชั้นก็มีพื้นที่ให้เก็บของ ด้านบนยังมีเหลือให้ทำเป็นชั้นวางของ หรือตู้เก็บของได้อีกค่ะ
พื้นที่ระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวี สามารถวางโต๊ะกาแฟตัวเล็กด้านหน้าและยังเดินผ่าน ใช้งานได้สะดวก ไม่เกะกะ
ประตูระเบียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีดำ กระจกเขียวตัดแสง
ธรณีประตูจะยกสูง เพื่อกันฝุ่นหรือน้ำฝนไม่ให้เข้ามาในห้อง
ขนาดระเบียงกว้างใช้งานได้จริง สามารถวางเครื่องซักผ้า ราวกันตกเป็นกระจกทำให้ระเบียงดูกว้าง ด้านบนแขวนคอมเพลสเซอร์แอร์ทำให้สามารถใช้พื้นที่บริเวณระเบียงได้ทั้งหมด
ด้านในสุดของห้องจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำและห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำจะอยู่ติดกับพื้นที่ครัว
พื้นห้องน้ำระดับเดียวกับพื้นห้องด้านนอกแต่มีธรณีประตูสูงกั้นขึ้นมา ดังนั้นเวลาล้างห้องน้ำก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเลอะเทอะออกมาข้างนอกห้อง พื้นห้องเป็นแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม.
ด้านในแบ่งสัดส่วนเป็นโซนแห้งและเปียกชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ผนังห้องน้ำเป็นโทนสีขาวทำให้ห้องดูกว้างและสะอาดตา
เข้ามาด้านในด้านขวามือเป็นตำแหน่งของอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ของ American Standard ด้านล่างอ่างล้างหน้าจะมีตู้และชั้นเก็บของให้แบบนี้
ด้านบนเหนืออ่างล้างหน้าเป็นกระจกเงา ส่วนเหนือโถสุขภัณฑ์จะเป็นที่แขวนผ้าขนหนู
ส่วนอาบน้ำจะมีฉากกั้นอาบน้ำให้ ทำให้แบ่งโซนแห้งและเปียกได้ สะดวกต่อการใช้งานและทำความสะอาด
พื้นที่ใช้สอยภายในส่วนอาบน้ำก็กว้างขวาง สะดวกเพียงพอต่อการใช้งาน
ฝักบัวและที่วางสบู่ ตรงนี้คงต้องซื้อชั้นวางของมาติดตั้งเพื่อวางแชมพูหรือของใช้เพิ่มนะคะ
ติดกันนั้นคือห้องนอนใหญ่ ประตูจะอยู่ติดกับชั้นวางทีวีค่ะ พื้นห้องเป็นลามิเนตแบบเดียวกัน ตัวจบเป็นลามิเนต
ห้องนี้จะกว้างว่าห้องนอน 2 ในห้องสว่างเพราะมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่
เตียงสามารถวางขนาด 5 ฟุตได้ ปลายเตียงมีพื้นที่ว่างเดินผ่านได้สะดวก
หัวเตียงด้านข้างมีพื้นที่เหลือ จะวางโต๊ะหัวเตียงด้านข้างได้ อีกด้านตรงที่ติดหน้าต่างเว้นระยะทำให้ใช้งานและปูเตียงได้สะดวก
ข้างเตียงจะมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า ด้านข้างติดกับประตูทำเป็นชั้นวางของตื้นๆ ได้ อาจทำเป็นเหมือนโต๊ะเครื่องแป้งได้เช่นกัน
ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่ มีแบบบานกระทุ้งและบานปิด กรอบเป็นอลูมิเนียมสีดำ กระจกเขียวตัดแสง
:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (พฤศจิกายน 2561) ::::
วัสดุโดยรวม
ห้องน้ำและสุขภัณฑ์
งานไฟฟ้า
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ
:::: ราคา (พฤศจิกายน 2561) ::::
แบบห้อง 1 Bedroom
– พื้นที่ใช้สอย 27 ตร.ม 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ
– ราคา 4.02 ลบ.
แบบห้อง 2 Bedrooms
– พื้นที่ใช้สอย 40.5 ตร.ม 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ
– ราคา 5.63 ลบ.
แบบห้อง 2 Bedrooms
– พื้นที่ใช้สอย 61 ตร.ม 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
– ราคา 9.11 ลบ.
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ Lumpini Suite เพชรบุรี-มักกะสัน ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ไม่ไกลจากแยกอโศก-เพชรบุรี และแยกมิตรสัมพันธ์ จึงเชื่อมกับถนนหลายสายเดินทางได้สะดวก และเส้นนี้จะมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า รวมถึงสถานศึกษา และสถานที่ราชการก็เดินทางไปได้ไม่ยาก
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสะดวกมากทีเดียว เพราะถนนเพชรบุรีตัดใหม่เป็นถนนที่เชื่อมกับถนนหลายสาย และไปยังถนนหลักได้ไม่ยากทั้งสุขุมวิท, เพลินจิต, พระราม 9, ดินแดง สำหรับที่ตั้งโครงการจะอยู่ใกล้กับแยกมิตรสัมพันธ์ ซึ่งเป็นแยกที่ไปยังถนนสุขุมวิทและถนนนิคมมักกะสัน เส้นนี้เป็นถนนเส้นยาวที่เชื่อมกับถนนเพชรบุรีสามารถตรงไปยังแยกประตูน้ำ วิ่งเข้าถนนราชปรารภ ตรงไปยังเขตพระนครได้ไม่ยาก หรือถ้าวิ่งผ่านแยกอโศก-เพชรบุรี ก็เลี้ยวไปยังถนนอโศก-ดินแดง วิ่งเข้าถนนรัชดาภิเษกและพระราม 9 ได้ค่ะ หรือจากแยกอโศก-เพชรบุรีก็จะตรงไปยังพัฒนาการและลาดกระบังได้ หรือถ้าเลี้ยวขวาก็จะตรงไปยังแยกอโศก
สำหรับถนนสุขุมวิทเป็นถนนเส้นหลักที่เชื่อมต่อกับถนนหลายสาย สามารถตรงไปยังถนนพระราม 1 มุ่งตรงไปยังเสาชิงช้าและสนามหลวงผ่านห้างใหญ่ๆ และย่านช้อปปิ้งอย่างสยาม ซึ่งตรงไปเรื่อยๆ ก็ข้ามไปยังฝั่งธนบุรีได้ไม่ยาก จากแยกอโศกนั้นไปสุขุมวิทช่วงปลายหรือบางนา หรือจะมุ่งไปยังเส้นพระราม 3 ก็ได้ จึงทำให้มีรถมาใช้เส้นนี้กันเยอะทีเดียวค่ะ และเนื่องจากเป็นถนนเส้นหลักและเป็นย่านธุรกิจ ที่มีทั้งอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ร้านค้าร้านอาหารดังๆ ห้างสรรพสินค้าใหญ่หลายแห่ง ทำให้เส้นนี้การจราจรจึงคึกคักพอสมควร และช่วงเวลาเร่งด่วนการจราจรอาจมีติดขัดบ้าง ดังนั้นจะเดินทางก็เช็คช่วงเวลากันดีๆ นะคะว่าช่วงไหนควรเลี่ยงเส้นไหน หรือควรลัดเลาะไปทางไหน
การเดินทางโดยรถสาธารณะ ถือว่าสะดวกมากค่ะ หน้าโครงการมีรถประจำทางวิ่งผ่านตลอด แท็กซี่ก็เรียกได้ไม่ยาก ในปัจจุบันรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีเพชรบุรี ซึ่งโครงการมีบริการรถรับ-ส่ง (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) หรือจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปก็ได้ อีกทั้งที่ตั้งโครงการก็อยู่ไม่ไกลจากคลองแสนแสบ จึงสามารถใช้บริการเรือโดยสารได้ค่ะ สำหรับท่าเรือที่ใกล้และสะดวกต่อการเดินทางคือท่าเรือนานาเหนือซึ่งอยู่ใกล้กับแยกมิตรสัมพันธ์
การออกแบบโครงการ และวัสดุ สำหรับการออกแบบโครงการมี 1 อาคาร ยูนิตต่อชั้นไม่มากนัก จึงมีความเป็นส่วนตัวและไม่วุ่นวาย โดยมีพื้นที่ส่วนกลางและลานจอดรถกระจายไปหลายชั้น ส่วนการออกแบบห้องแบ่งเป็นสัดส่วนเหมาะสำหรับพักอาศัย 1-4 คน เพราะส่วนใหญ่ย่านนี้เป็นย่านสถานศึกษา และย่านที่ทำงานออฟฟิศจึงมีแบบห้องให้เลือกทั้ง Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedrooms ห้องมีพื้นที่ระเบียงและหน้าต่างบานใหญ่ทำให้ดูโปร่งและสว่าง
เมื่อเข้ามาภายในห้องมุมต่างๆ ถูกจัดเป็นสัดส่วน พื้นห้องใช้ลามิเนตลายไม้หนา 8 มม. เพดานสูง 2.6 เมตร ทางโครงการได้บิวท์อินเคาน์เตอร์ครัวพร้อมซิงค์ล้างจานมีท็อปครัว, ชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้ามาให้เสร็จสรรพ กรอบประตูหน้าต่างอลูมิเนียมเคลือบสีดำกระจกสีเขียวตัดแสง พื้นห้องน้ำเป็นแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม. พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30×30 ซม. Accessories ภายในห้องน้ำและสุขภัณฑ์ใช้ของ American Standard และ Charmer
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ถือว่าให้มาแบบครบครันทีเดียว โดยมีทั้ง Co-Living Zone, สระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Infinity Edge Pool พร้อมพื้นที่นั่งเล่นรอบสระ, ลานพักผ่อน, ลานฟิตแอนด์เฟิร์ม, Kid’s Fun Zone, ห้องฟิตเนส, ห้องซาวน่า, ห้องสตรีม, สวนหย่อม, สวนอินฟินนิตี้, จุดชมวิว, สวนดาดฟ้า, ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว, ลิฟต์ขนของ 1 ตัว, บริการรถรับ-ส่งประจำโครงการ, กล้อง CCTV, รั้วไม้กระดก และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
:::: คะแนน ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.0 | อยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นย่านพักอาศัยไม่ไกลจากสถานศึกษา, โรงพยาบาล, สำนักงาน และสถานที่ราชการ ไปยังร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าได้ไม่ยาก ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเท่าใดนัก |
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว | 8.0 | เดินทางสะดวกเชื่อมต่อออกไปได้หลายเส้นทาง ทั้งรัชดาภิเษก, พระราม 9, เพลินจิต, อโศกมนตรี, สุขุมวิท และไม่ไกลจากทางด่วน |
การเดินทางโดยรถสาธารณะ | 8.0 | หน้าโครงการมีรถโดยสารประจำทางวิ่งผ่านอยู่ตลอด และสามารถเรียกแท็กซี่ได้ไม่ยาก วินมอเตอร์ไซค์ก็อยู่ไม่ไกล และเดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้สะดวก |
ห้องและวัสดุ | 7.5 | ห้องขายแบบ Fully Fitted สิ่งที่ลูกค้าจะได้ก็คือ ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวางทีวี, เคาน์เตอร์ครัวพร้อมซิงค์ล้างจาน, เครื่องปรับอากาศ, Digital Door Lock แปลนห้องแบ่งได้เป็นสัดส่วนลงตัว หน้าต่างบานใหญ่ทำให้ห้องสว่างและโปร่งโล่ง |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 8.0 | Co-Living Zone, สระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Infinity Edge Pool พร้อมพื้นที่นั่งเล่นรอบสระ, ลานพักผ่อน, ลานฟิตแอนด์เฟิร์ม, Kid’s Fun Zone, ห้องฟิตเนส, ห้องซาวน่า, ห้องสตรีม, สวนหย่อม, สวนอินฟินนิตี้, จุดชมวิว และสวนดาดฟ้า |
ความคุ้มค่ากับราคา | 7.5 | ห้องราคาเริ่มต้นที่ 4.07 ลบ. ได้ทำเลใกล้รถไฟฟ้า, ไม่ไกลจากโรงเรียน, ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการและตลาดสด เดินทางง่ายใกล้คมนาคม มีส่วนกลางหลากหลาย |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 7.8 | ดี |
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 02-689-6888
WEBSITE : http://www.lpn.co.th
FACEBOOK : https://www.facebook.com/condolumpiniofficial/
หากเพื่อนๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น