EP.171 รีวิว คอนโด แอทโมซ ลาดพร้าว 15 Atmoz Ladprao 15 ราคาเริ่มต้นที่ 1.69 ล้านบาท
สวัสดีค่ะผู้อ่านชาว CONDONAYOO ที่รักทุกคน วันนี้เราจะพามาชมโครงการ Atmoz ลาดพร้าว 15 ซึ่งเป็นคอนโดโครงการใหม่ล่าสุด จาก AssetWise กันค่ะ ตัวโครงการ ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ใกล้ รถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว เพียง 1 กม. รวมถึง MRT พหลโยธิน และ BTS ลาดพร้าว ใกล้ บิ๊กซี ลาดพร้าว, เซ็นทรัล ลาดพร้าว และ ยูเนี่ยนมอลล์ เดินทางสะดวกเพราะเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง และใกล้ ถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดี-รังสิต และ ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์
แอทโมซ ลาดพร้าว 15 เป็นคอนโด Low-Rise สูง 8 ชั้น มีทั้งหมด 3 อาคารด้วยกัน รวมทั้งหมด 570 ยูนิต พร้อมร้านค้าอีก 2 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 4-0-15.1 ไร่ จากแนวคิด “Serene” ความสงบที่ซ่อนอยู่ในตัวเมือง ผสมผสานกับธรรมชาติที่โอบล้อม โดยโครงการจะมีห้องให้เลือกทั้งหมด 3 แบบด้วยกันคือ ห้อง 1 Bedroom, 1 Bedroom Exclusive และ 1 Bedroom Plus ขายห้องแบบ Fully Furnished
พร้อมทั้ง Bluetooth Sound System และ Health Solution เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง เช่น Thermostat ควบคุมอุณหภูมิห้อง และระบายอากาศ, LED Lighting Motion Sensor ใต้เตียง และ Rescue Alarm สัญญาณฉุกเฉินภายในห้องน้ำ ที่แถมให้มากับตัวห้องเลย ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 25 ตร.ม. โดยทางโครงการจะเปิดห้องตัวอย่างให้ชมกันในวันที่ 18 พฤษภาคม นี้แล้วค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก ภายในโครงการมีขนาดใหญ่ถึงสองเท่ากับ “Double Facilities” ประกอบด้วย Double Ceiling Lobby & Library, Foyer Parking , Co-Working Space, Co-Living Lounge & Pantry, Cinema Lounge, Game Room (VR), Party Zone, Unwind Space Area, Sky Water Club, Panoramic Sky Pool, Aqua Bike , Yoga Deck, Barefoot Garden – Serenity Courtyard, Reflective Oasis Pool, Passive & Active Fitness, Boxing Corner, Multi-Function Room, Laundry Corner, Shuttle Service, CCTV, Access Card Control และ 24 Hours Security Guard ในราคาเริ่มต้นที่ 1.69 ล้านบาท (เริ่มต้นเฉลี่ย ตร.ม.ละ 67,600 บาท)
เชิญติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ
ลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลด 100,000 บาท* คลิก : http://bit.ly/atmoz15_Review8
ชื่อโครงการ | แอทโมซ ลาดพร้าว 15 Atmoz Ladprao 15 |
เจ้าของโครงการ | บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด/ AssetWise |
เนื้อที่ทั้งหมด | 4-0-15.1 ไร่ |
จำนวนตึก | 3 อาคาร |
จำนวนชั้น | 8 ชั้น |
จำนวนห้อง |
|
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | 45% |
จำนวนลิฟต์ |
|
โซน | เขตจตุจักร |
ขนส่งสาธารณะ |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. |
กำหนดการ |
|
ปีที่สร้างเสร็จ | คาดว่าจะแล้วเสร็จ ประมาณปลาย Q1 ปี 2563 |
ราคา | เริ่มต้น 1.69 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | เริ่มต้น ตร.ม.ละ 67,600 บาท |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถาน
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | AssetWise เตรียมเปิดตัวโครงการ Atmoz ลาดพร้าว 15 คอนโดใหม่ บนทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย ติดบิ๊กซี ลาดพร้าว ใกล้เซ็นทรัล ลาดพร้าว และ ยูเนี่ยนมอลล์ แล้วพบกันเร็วๆ นี้ |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
พิกัดที่ตั้งโครงการ : 13.814561, 100.570541
ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
พิกัดสำนักงานขาย : 13.806580, 100.573200
ซอยลาดพร้าว 21 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
แผนที่จากทางโครงการ
ทำเลที่ตั้ง โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 ห่างจากถนนลาดพร้าว 800 เมตร ในช่วงลาดพร้าวตอนบน ซึ่งอยู่ห่างจาก MRT สถานีลาดพร้าวเพียง 1 กม. เท่านั้นค่ะ ภายในซอยเป็นแหล่งของบ้านพักอาศัยหลังใหญ่ๆ ดั้งเดิมในย่านนี้ เงียบสงบและบรรยากาศดีทีเดียว พอออกมาที่ถนนใหญ่ลาดพร้าวจะเป็นเส้นที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีทั้งออฟฟิศ, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, อพาร์ทเม้นท์, คอนโดมิเนียมทั้ง High rise และ Low rise และบ้านพักอาศัย ซึ่งซอยลาดพร้าว 15 เอง ก็มีซอยทางลัดที่สามารถทะลุออก Big C ลาดพร้าวได้ในระยะที่เดินถึง
เรื่องอาหารการกินนั้นก็หาทานได้ง่าย ตอนนี้ลาดพร้าวก็เรียกได้ว่าเป็นย่าน Vertical Living Area หรือ พื้นที่อยู่อาศัยในแนวตั้งอีกหนึ่งย่าน นั่นก็เพื่อการรองรับความเจริญของศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) ย่านห้าแยกลาดพร้าว-รัชดาภิเษก-พระราม 9 ซึ่งเป็น CฺBD ใหม่ของกรุงเทพมหานครนั่นเอง
จากตัวโครงการนั้นสามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทางจากถนนใหญ่ที่ล้อมรอบทั้ง 3 เส้นด้วยกัน ทางหลักๆ เลยก็คือ ซอยลาดพร้าว 15 และจากถนนลาดพร้าวยังสามารถใช้ ซอยลาดพร้าว 1 และ 3 ในการลัดเลาะไปถึงถึงตัวโครงการได้ด้วย นอกจากนี้ซอยพหลโยธิน 22 และ 24 จากเส้นพหลโยธิน, ซอยข้างศาลอาญา และ ถนนในสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม จากเส้นรัชดาภิเษก ก็สามารถใช้ลัดเลาะเข้า-ออกตัวโครงการได้เช่นกัน
จะเห็นว่าที่ตั้งของโครงการนี้มีทางหนีทีไล่อยู่พอสมควรเลย ใครพอจะจำซอยได้แม่นๆ ก็สามารถใช้ลัดเลาะหนีรถติดได้สบายๆ ค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ การเดินทางถือว่าสะดวกมาก หากมองในมุมมองของคนที่ทำงานอยู่ในช่วง รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว-วิภาวดี เพราะโครงการอยู่ห่างจากถนนลาดพร้าวเพียง 800 เมตร จากถนนลาดพร้าวจะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายสาย ทั้ง พหลโยธิน ใช้วิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ต่อไปถึงอโศก หรือออกไปทางสะพานใหม่ได้, วิภาวดี-รังสิต วิ่งขนานกับเส้นพหลโยธิน แต่มีการจราจรที่คล่องตัวกว่าค่ะ
ตัวโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี, รัชดาภิเษก ตัดกับถนนลาดพร้าวตรงแยกลาดพร้าว-รัชดา ใช้วิ่งลงไปทางพระราม 9 ได้, ประดิษฐ์มนูธรรม มีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ เป็นอีกตัวเลือกที่สามารถใช้ออกไปทางบางนาได้ หรือจะวิ่งขึ้นไปทางวัชรพลก็ได้ค่ะ
นอกจากนี้บนเส้นลาดพร้าวก็ยังมีทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ได้จาก ซอยลาดพร้าว 41 และ ถนนโชคชัย 4 เข้าถนนลาดพร้าววังหิน และ ถนนนาคนิวาส เชื่อมต่อกับถนนสุคนธสวัสดิ์ ใช้ออกเกษตร-นวมินทร์ได้สะดวก จากเส้นเกษตร-นวมินทร์ยังมีซอยมัยลาภ ใช้เป็นทางลัดออกถนนรามอินทราได้อีกด้วย บนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยโชคชัยร่วมมิตร ที่สามารถใช้เข้าถนนวิภาวดี-รังสิตได้ จากถนนวิภาวดี-รังสิตจะเชื่อมกับซอยพหลโยธิน 18 (ซอยวิภาวดี-รังสิต 3) ออกเส้นพหลโยธินตรงแยกกำแพงเพชรพอดี
แต่ข้อเสียของถนนลาดพร้าวก็คือ เป็นถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณรถที่มากตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีแยกไฟแดงและทางกลับรถอยู่อีกเป็นระยะๆ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ถนนซอยเล็กๆในการลัดเลาะไปออกถนนเส้นอื่นๆ ประกอบด้วย จะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมากค่ะ
ทางด่วน จากตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ในระยะเพียง 4.4 กม.เท่านั้น ซึ่งถ้ารถไม่ติดมากใช้เวลาขับไปไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงค่ะ โดยจากโครงการให้ออกมาที่ปากซอยลาดพร้าว 15 มุ่งหน้าไปถนนพหลโยธิน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายออกถนนพหลโยธินไปกลับรถอีกที เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหอวัง (ตรง รร.หอวัง) จากนั้นพอวิ่งออกมาที่ทางคู่ขนานวิภาวดี-รังสิต ตรงนั้นจะมีทางแยกฝั่งซ้าย เป็นด่านเก็บเงินลาดพร้าวขาออกขึ้นทางยกระดับค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ ภายในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 ถือว่ามีความสงบและเป็นส่วนตัวมาก เพราะส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวเกือบทั้งหมด ส่วนสภาพแวดล้อมบนถนนลาดพร้าวและบริเวณใกล้เคียงมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงทีเดียวค่ะ เพราะเป็นย่านของแหล่งที่พักอาศัยในแนวดิ่ง ซึ่งคนส่วนมากอาจจะไม่ได้ปรุงอาหารทานกันเองในทุกๆ มื้อ ก็ต้องออกมาพึ่งร้านอาหารข้างทางกันนี่แหละ สะดวกและรวดเร็วที่สุดแล้ว ดังนั้นตลอดถนนเส้นนี้ก็จะมีทั้งร้านอาหารทั้งร้านทั่วไปและพวก Chain Restaurant, ร้านสะดวกซื้อก็เห็นมีกระจายอยู่, ร้านขายของชำ, ร้านขายยา, ร้านอินเตอร์เน็ต, คลีนิกเสริมความงาม, คลีนิกทันตกรรม ถ้าเข้าไปตามตรอกซอกซอยก็มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะค่ะ อย่างเส้นลาดพร้าววังหิน, ถนนโชคชัย 4 และถนนนาคนิวาสนี่ก็อุดมสมบูรณ์มากๆ
ส่วนแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในย่านนี้ก็คงหนีไม่พ้นเซ็นทรัลลาดพร้าวกับแฟชั่นมอลล์อย่าง Union Mall อยู่บริเวณทางออกรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินพอดีค่ะ ถ้าจะดูเป็น Hypermarket เพื่อซื้อของเข้าบ้านก็จะมี Gourmet Market สาขา MRT ลาดพร้าว, Big C ลาดพร้าว 2 และ Tesco Lotus อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าว ออกไปทางจตุจักรก็มีพวก JJ Mall, JJ Green และตลาดนัดจตุจักรให้เลือกเดินในวันสบายๆ ออกไปทางเส้นเลียบด่วนรามอินทราจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์, The Crystal และ CDC เลยขึ้นไปบนเส้นเกษตรนวมินทร์จะเป็นแหล่ง Community Mall และตลาดนัดขนาดใหญ่ จากตัวโครงการสามารถไปได้สะดวกนะคะ
นอกจากนี้ยังตัวโครงการยังอยู่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาล, สถานศึกษาทั้ง รร.หอวัง, ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ ม.เกษตรศาสตร์ ใกล้ธนาคารซึ่งสะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยรวมแล้วคือมีสาธารณูปโภคคอยรองรับอย่างครบครันที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ สำหรับการเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกสบายมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าภายในซอยลาดพร้าว 15 ช่วงบริเวณหน้าโครงการนั้นจะยังไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน แต่ก็อยู่ห่างจากถนนลาดพร้าวเพียง 800 เมตร ที่ถนนลาดพร้าวมีรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านอยู่ตลอด ถ้าวันไหนไม่เร่งรีบมาก อยากประหยัดเงินก็สามารถขึ้นรถเมล์ได้ค่ะ สายที่ผ่านก็มีสาย 8, 8ปอ, 44, 92, 96, 122ร, 145, 502, 517 และ 545
ในปัจจุบันตัวโครงการอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว เพียง 1 กม.เท่านั้น (ทางออกที่ 3) สามารถเชื่อมต่อไปยัง BTS หมอชิต ได้เพียง 2 สถานี
ที่มากไปกว่านั้นก็คือในอนาคต สถานีลาดพร้าว จะเป็นสถานี Interchange กับ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าว-พัฒนาการ ที่ สถานีรัชดา ส่วน สถานีพหลโยธิน ที่อยู่ถัดไป 1 สถานีจะเป็นสถานี Interchange กับ สถานีห้าแยกลาดพร้าว ของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต-คูคต ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วง บางซื่อ-รังสิต ที่ สถานีบางซื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการในอนาคต นั่นก็คือ รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วง วัชรพล-ทองหล่อ บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราอีก 1 สายค่ะ
จากหน้าโครงการเดินออกมาที่ถนนลาดพร้าวเพียง 12 นาทีก็ถึง MRT สถานีลาดพร้าวแล้วค่ะ ฝั่งของโครงการจะเป็นทางออกที่ 3 เดินประมาณ 1 กม. สามารถโทรเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้มารับที่หน้าโครงการก็จะสะดวกมากขึ้นนะ
สถานีพหลโยธินก็อยู่ไม่ไกล ทางออกที่ใกล้ที่สุดคือทางออก 1 เร็วๆ เลยก็นั่งวินไปค่ะ ทางออกจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Union Mall ถ้าเดินลงสถานีพหลโยธินเดินข้ามไปที่ทางออกที่ 3 จะไปโผล่ที่หน้าเซ็นทรัลลาดพร้าวเลย
หรือถ้าจะไป BTS สถานีหมอชิตเลยก็อยู่ไม่ไกลนะ จากเส้นลาดพร้าวเลี้ยวซ้ายเข้าพหลโยธิน ตรงไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว ที่ใกล้ที่สุดคือทางออกที่ 4 ค่ะ
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัว โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 15 โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา) > ถนนลาดพร้าว > แยกรัชดา-ลาดพร้าว > ถนนลาดพร้าว > ซอยลาดพร้าว 15 > ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 > โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 15
วันนี้เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือที่คุ้นหูกว่าก็คือเลียบด่วนรามอินทรานั่นเองค่ะ บริเวณที่เราอยู่ตอนนี้ก็คือช่วง CDC จากตรงนี้จะใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 20 นาทีถึงโครงการ
วิ่งผ่าน CDC มาแล้วก็ให้เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆ สังเกตป้ายประดิษฐ์มนูธรรมให้ชิดไปทางเลนขวาค่ะ
จากนั้นจะเห็นป้ายพระราม 9 ให้เราชิดขวาตรงไปตามทางนั้นเลยเพื่อขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าว 86
ชิดขวาขึ้นสะพานข้ามแยกไปเลยค่า
เมื่อลงจากสะพานมาแล้วให้เรารีบชิดเลนขวาเพื่อกลับรถ
เมื่อกลับรถมาอีกฝั่งนึงแล้วให้ดูป้ายโชคชัย 4 เอาไว้ค่ะ
ดูป้ายโชคชัย 4-รัชดาภิเษกเอาไว้ ให้เราชิดซ้ายนะ
ข้างหน้าถ้าชิดขวาจะขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าว 86 ไปทางรามอินทราค่ะ แต่เราจะชิดซ้ายเอาไว้
จากนั้นให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว ถ้าออกทางขวาจะยูเทิร์นกลับไปอีกฝั่งนะ
เข้ามาที่ถนนลาดพร้าวจะเป็นถนนขนาด 6 เลนมีเกาะกลางแบ่งอย่างชัดเจน ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของถนนจะเป็นที่ตั้งของอาคารพาณิชย์และคอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise หลากหลายแบรนด์ ขับไปเรื่อยๆ เราจะวิ่งผ่านตลาดสะพาน 2 อยู่ฝั่งขวามือของเราค่ะ
วิ่งตรงไปเรื่อยๆผ่านแยกรัชดา-ลาดพร้าว
เลยแยกไปไม่ไกลเราจะเห็นทางออก MRT สถานี ลาดพร้าว
ขับไปเรื่อยๆ ให้เราชิดขวาเอาไว้นะคะ พอเห็นสะพานลอยข้างหน้าจะมีทางกลับรถ ให้เราเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 15 ได้เลย
จากถนนลาดพร้าวเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 15 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าแยกที่ 1 ตรงเข้าไปตามซอยจนสุดซอยให้เลี้ยวขวา รวมระยะทางประมาณ 800 เมตร เราก็จะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ
เข้ามาในซอยลาดพร้าว 15 เป็นถนนขนาด 2 เลน รถขับสวนกันได้สะดวก ช่วงต้นๆ ของซอยจะเป็นตึกแถว เราจะเห็นแยก 1 ทางซ้ายมือให้เราเลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ
จากนั้นให้เราวิ่งตรงเข้าไปจนสุดซอย บรรยากาศภายในซอยจะเงียบสงบมาก เพราะภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวทั้งหมด
พอเราตรงเข้ามาจนสุดซอย จะเห็นทางตันอยู่ข้างหน้า ให้เราเลี้ยวขวาเลยค่ะ
พอเราเลี้ยวขวาแล้ว จะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านซ้ายมือของเราแล้วค่ะ ตอนนี้ทางโครงการได้ล้อมรั้วปิดเอาไว้แล้ว
ส่วน Sales Office ของโครงการจะอยู่บนถนนลาดพร้าว ระหว่างซอยลาดพร้าว 19 และ 21 ภายในอาคาร Move Amaze ชั้น 2-3 นะ
หากภายในอาคาร Move Amaze มีที่จอดรถไม่เพียงพอ ทางโครงการได้มีการเตรียมที่จอดรถเพิ่มเติมเอาไว้ให้ภายใน ซ.ลาดพร้าว 21 ค่ะ ซึ่งอยู่ห่างจาก Sales Office เพียง 150 เมตรเท่านั้น (เข้า ซ.ลาดพร้าว 21 ประมาณ 90 เมตร)
พื้นที่จอดรถภายใน ซ.ลาดพร้าว 21 ค่ะ
ภายรวมของพื้นที่จอดรถ ด้านหลังจะเห็นอาคารสำนักงานสูง 7 ชั้น
สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถาน
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
บนถนนลาดพร้าวที่ดินที่ติดกับถนนจะเป็นออฟฟิศ, คอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise, ธนาคาร และอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นกิจการอย่างหลากหลายตั้งแต่ร้านอาหาร, ห้างทอง จนไปถึงคลีนิกเสริมความงามค่ะ
ถัดเข้าไปภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยสูงตั้งแต่ 1-3 ชั้น มีทั้งอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียมกระจายตัวกันอยู่ด้วย โดยตัวโครงการจะอยู่ลึกเข้ามาจากถนนลาดพร้าวประมาณ 800 เมตร บรรยากาศภายโดยรอบเงียบสงบ เพราะส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวหลังใหญ่ที่มีเนื้อที่มาก ตัวบ้านแต่ละหลังจะอยู่ค่อนข้างห่างกัน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ
บริเวณที่ตั้งโครงการเคยเป็นลานจอดรถค่ะ ตอนนี้ทางโครงการก็ได้มาสร้างรั้วล้อมรอบขอบเขตพื้นที่โครงการแล้ว
ตรงเข้าไปในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 จะเป็นซอยตันแล้วนะคะ
ฝั่งตรงข้ามตัวโครงการเป็นอาคารสูง 1 ชั้น
และพื้นที่ลานจอดรถ
จากบริเวณลานจอดรถตรงไปข้างหน้าก็คือซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-11 แต่ถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะกลับออกไปยังซอยลาดพร้าว 15 ค่ะ
ภาพมองย้อนกลับเข้าไปภายในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10
ภาพ Panorama พื้นที่โครงการที่ล้อมรั้วเอาไว้
ภาพ Panorama พื้นที่โครงการที่ล้อมรั้วเอาไว้
ภาพ Panorama พื้นที่ฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการ
จากซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 กลับออกมา จะเป็นทางสี่แยก ตรงไปข้างหน้าคือซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-11 ถ้าเลี้ยวซ้ายจะกลับเข้าซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 ออกสู่ถนนลาดพร้าว ส่วนทางขวามือจะเป็นทางตันค่ะ
มองตรงออกไปทางหน้าปากซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 ทั้ง 2 ข้างทางจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวดั้งเดิมของคนในย่านนี้ทั้งหมดเลย จะเห็นได้ว่าบรรยากาศภายในซอยดูสงบ และเป็นส่วนตัวมากๆ
ออกมาที่หน้าปากซอยบนถนนลาดพร้าว ฝั่งซ้ายมือติดกับปากซอยจะเป็นอาคารพาณิชย์ มีสะพานลอยให้เดินข้ามฟากได้อยู่ใกล้ๆ
มีคลีนิกเวชกรรม, คลีนิกเสริมความงาม และร้านขายเสื้อผ้าก็มี ใกล้ๆ นี้มีสารพัดร้านค้าเลยค่ะ
เดินผ่านสะพานลอยมาเราจะเจอโครงการขึ้นใหม่ เป็นคอนโด High rise สูง 30 ชั้น
ถัดมาเราจะเจออาคารพาณิชย์ ร้านแรกเป็นกิจการเกี่ยวกับยางยนต์
มีร้านอาหารหลากหลายร้านเปิดรอให้บริการอยู่ ตามทางเดินจะมีร้านอาหารแผงลอยขายตั้งแต่ช่วง 10 โมงจนถึงบ่าย 3
เดินมาจากตัวโครงการประมาณ 1 กม. เราก็มาถึง MRT สถานีลาดพร้าวค่ะ ฝั่งนี้คือทางออก 3 นะ
จากทางออกที่ 3 ของสถานี MRT ลาดพร้าว เราเดินตรงไปอีกหน่อยผ่านซอยลาดพร้าว 19 มา จะเห็นอาคาร Move Amaze
ซึ่งในส่วนของชั้น 2 และชั้น 3 ของอาคารนี้ (ส่วนที่มี Facade ตกแต่งอยู่) จะเป็นพื้นที่ Sales Office ของทางโครงการ Atmoz ลาดพร้าว 15 นั่นเอง
จากอาคาร Move Amaze เราเดินเลยมาอีกเพียง 100 เมตร ก็จะถึงอาคาร Park&Ride MRT ลาดพร้าว (ทางออก 4) แล้ว
เดินลงเข้ามาภายในสถานี ตอนนี้มี Gourmet Market มาเปิดให้บริการแล้วด้วยนะคะ
จากปากซอยลาดพร้าว 15 เราเดินไปสำรวจทางฝั่งขวามือกันบ้าง ตรงหัวมุมมีร้าน The Fat Cow เป็นร้านเล็กๆ มีบรรยากาศภายในที่เป็นกันเองมาก สามารถนั่งชิลล์จิบ Craft beer ที่เจ้าของร้านได้คัดสรรมาแล้ว แกล้มกับเบอร์เกอร์เนื้อหรือจะเป็น Fish&Chip ก็มีคนแนะนำมาว่าเด็ดนะ
เดินเลยไปหน่อยจะเจอร้านขายยานิอรเภสัช ที่เปิดขายอยู่ในย่านนี้มานานแล้ว
ข้างๆ ร้านขายยามี 7-Eleven ห่างจากหน้าปากซอยลาดพร้าว 15 แค่ 35 เมตรเท่านั้น
เจอร้านอาหารอีกร้าน เป็นร้านอาหารอีสาน จุดขายของร้านคือเมนูจากเป็ดค่ะ
เดินเลยไปอีกหน่อยจะมี Big C Eatra ค่ะ ภายในมี HomePro อยู่ด้วย ตรงนี้แต่เดิมเคยเป็นโรงเรียนปานะพันธุ์วิทยาเก่า แล้วต่อมาก็เป็นห้างคาร์ฟูร์ จนหมุนมาเป็น Big C ในปัจจุบันค่ะ
ไม่ไกลกันจะเจอ The Zest เป็น คอนโด High rise ค่ะ อยู่ตรงหัวมุมซอยลาดพร้าว 7
ตรงปากซอยลาดพร้าว 5 จะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น Jirafu สุดชิคสไตล์ Sushi & Izakaya สำหรับคอซูชิและเบียร์ ในร้านจะมีเชฟปั้นซูชิกันให้ชมแบบสดๆ อีกทั้งยังมี Craft Beer นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นกว่า 30 ชนิด
ฝั่งตรงข้ามจะเห็นธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทยตั้งอยู่คู่กันพอดี
และไปรษณีย์สามแยกลาดพร้าวค่ะ
ถัดไปเป็นสนง.ควบคุมความประพฤติกรุงเทพมหานคร
รวมถึงอาคารสำนักงานและอพาร์ทเม้นท์พร้อมพันธุ์
มีร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักๆอยู่ข้างปากซอยลาดพร้าว 1/1 ด้วยนะ
มาถึงช่วงอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นร้านรวงต่างๆ ตรงนี้เปิดเป็นธนาคารออมสิน
มีทั้งสปา, คลีนิกเวชกรรม, ร้านเสริมสวย รวมถึงคลีนิกทันตกรรม
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ตั้งของธนาคาร TMB
เดินตรงไปจนใกล้ถึงซอยลาดพร้าว 1 จะมีสะพานลอยให้ข้ามฟากได้
ช่วงตีนสะพานก็มีร้านค้าอยู่อีกหลายร้าน ตรงนี้เป็นร้านขายรองเท้า, ร้านสะดวกซื้อ และร้านขายขนมไทยค่ะ
ตรงนี้ก็จะมีร้านขายดอกไม้ด้วยนะ
ถัดไปมีห้างทองและร้านขายโจ๊กมัลลิกา ขายกันมาร่วม 30 ปีเห็นจะได้ มีการปรับปรุงหน้าร้านให้ดูทันสมัยมากขึ้น ช่วงกลางวันจะมีขายก๋วยจั๊บเพิ่มด้วยนะ ต้องมาลองทานกันดู
เดินตรงไปจนถึงหน้าปากซอยลาดพร้าว 1 ตรงหัวมุมคือ Union mall แล้ว ข้างในซอยลาดพร้าว 1 จะเป็นชุมชนที่ค่อนข้างหนาแน่น เพราะมีตลาดและอพาร์ทเม้นท์อยู่เยอะ
บริเวณหน้าห้าง Union Mall คือ MRT สถานีพหลโยธิน ทางออกที่ 5 ค่ะ
เรากลับมาที่หน้าตึก Move Amaze สำนักงานขายของโครงการจะอยู่บนชั้น 2 และชั้น 3 ค่ะ เดี๋ยวเราจะเดินเข้าไปดูด้านในด้วยกันเลย
ทางเข้าอาคาร
เข้ามาแล้วจะเจอโถงลิฟท์และโถงบันไดแบบนี้ค่ะ
สำนักงานขายของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 2 และชั้น 3
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ภายในสำนักงานขายจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ ซึ่งจะคอยให้ข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับตัวโครงการ รวมถึงพาเดินชมห้องตัวอย่างด้วยค่ะ
ภายในมีพื้นที่นั่งพักคอย และมีโมเดลตั้งให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการ
บรรยากาศภายในสำนักงานขายชั้น 3
บรรยากาศภายในสำนักงานขายชั้น 3
:::: ตัวโครงการ ::::
โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 15 เป็นคอนโดมิเนียม Low rise สูง 8 ชั้น มีทั้งหมด 3 อาคารด้วยกัน รวมทั้งหมด 570 ยูนิต พร้อมร้านค้าอีก 2 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 4-0-15.1 ไร่ จากแนวคิด “Serene” ความสงบที่ซ่อนอยู่ในตัวเมือง ที่เน้นความกว้างขวางของสเปซ ผสมผสานกับธรรมชาติที่โอบล้อม สร้างบรรยากาศ “Atmosphere” ที่น่าอยู่ ให้รู้สึกผ่อนคลาย และหายใจได้เต็มปอดไปกับต้นไม้ชุ่มฉ่ำ
อีกทั้งยังตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ กับหน้าตาคอนโดดูโมเดิร์นเรียบง่าย เล่นเส้นสายในแนวดิ่ง เน้นสีสันโทนสีขาว-เทา และใช้เส้นสีทองแดง ตัดกับลายหินอ่อนสีขาว ดูเรียบหรู และส่วนกลางภายในโครงการมีให้ถึงสอเท่า “Double Facilities” เรียกได้ว่าให้ Facilities มามากที่สุดแล้วสำหรับคอนโด Low rise ช่วงลาดพร้าวตอนต้นค่ะ
มาดูในส่วนของผังโครงการกันค่ะ ชั้น G ทางเข้า-ออกหลักของโครงการจะอยู่ใน ซ.ลาดพร้าว 15 แยก 1-10 ระหว่างอาคาร A และ B ผ่านระบบรักษาความปลอดภัย ทั้ง CCTV และระบบ Access Control พอเข้ามาภายในตัวโครงการจะเป็นส่วนของ Drop-off, ที่จอดรถใต้อาคาร และที่จอดรถ Auto Parking รวมทั้งหมด 45% ที่ใต้อาคาร A, B และ C จะมีโถง Lobby ฝ้าเพดานสูง Double Volume แยกให้ทุกอาคาร ซึ่งจะเชื่อมสู่โถงลิฟท์ ระบบการผ่านเข้า-ออก และระบบการกดชั้นในลิฟท์จะต้องใช้ Key Card ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยค่ะ
นอกจากนี้ ที่ใต้ตึก A จะมีพื้นที่ร้านค้าให้ 2 Shops เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้าน, มี Laundry ที่ใต้ตึก C และมี Main Facilities ตรง Court ระหว่าง อาคาร B และ C ประกอบด้วย Reflective Oasis Pool และ Serenity Courtyard เป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ท่ามกลางสวนสวยอันเงียบสงบ
ชั้นที่ 2 ตั้งแต่ชั้นนี้ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมดค่ะ
ชั้นที่ 3-7 จะเป็น Typical Floor Plan มีจำนวนยูนิตมากที่สุด อาคาร A มีทั้งหมด 29 ยูนิต/ชั้น (รวมทั้งหมด 185 ยูนิต) อาคาร B มีทั้งหมด 29 ยูนิต/ชั้น (รวมทั้งหมด 182 ยูนิต) และอาคาร C มีทั้งหมด 30 ยูนิต/ชั้น (รวมทั้งหมด 203 ยูนิต) แต่ละอาคารมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว คิดเป็นสัดส่วนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์อยู่ที่ A 93 : 1, B 91 : 1 และ C 102 : 1 ถือว่าให้มาพอดีๆ ค่ะ ไม่ต้องรอลิฟท์นาน
ชั้นที่ 8 ที่ชั้นนี้จะแบ่งอาคารออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนห้องพักอาศัย และส่วน Facilities อาคาร A จะมีทั้ง Co-Living Lounge (&Pantry) Party Zone เลาน์จสำหรับการพักผ่อนและการจัดปาร์ตี้ พร้อมทั้งแพนทรี่สำหรับการเตรียมเครื่องดื่มและอาหาร สามารถนำออกไปนั่งทานที่ Unwind Space Area และ Co-Working Space ภายนอกอาคารได้ อีกทั้งยังมี Cinema Lounge สำหรับดูหนัง และ Game Room (VR) อีกด้วย
อาคาร C จะมี Fitness ขนาดใหญ่ ประกอบด้วย Boxing Corner, Multi-Function Room และ Passive & Active Fitness พร้อมทั้งห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้อย่างดี
ชั้น Rooftop ที่อาคาร B จะเป็นส่วนของ Sky Water Club ประกอบด้วย Panoramic Sky Pool, Aqua Bike รวมถึง Day Bed สำหรับนอนพักผ่อนภายในสระ และ Pool Deck พร้อมมุมพักผ่อน ส่วนนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยัง สวน Barefoot Garden, Yoga Deck และ Facilities ที่ชั้น 8 ของอาคาร A ได้ด้วยค่ะ
เรามาดูที่โมเดลของโครงการกันต่อ จะได้เห็นภาพรวมแบบ 3 มิติกันค่ะ
เริ่มจากฝั่งทิศเหนือค่ะ ตัวโครงการจะอยู่ติดกับ ซ.ลาดพร้าว 15 แยก 1-10 หรือส่วนของอาคาร A และ C
ซึ่งทางเข้าโครงการจะอยู่ระหว่างอาคาร A และ B ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไป เจอกับส่วน Drop-off ใต้อาคาร B และลานจอดรถ
ภาพโมเดลโครงการจากฝั่งทิศตะวันตก
ภาพโมเดลโครงการจากฝั่งทิศใต้
ภาพโมเดลโครงการจากฝั่งทิศตะวันออก
ภาพโมเดลโครงการในมุมสูง เห็นภาพรวมของตัวโครงการและ Facilities ที่จุดต่างๆ
ภาพโมเดลโครงการ บนชั้น 8 อาคาร A เป็นส่วนของ Cinema Lounge, Game Room, Co-living Lounge (&Pantry) Party Zone เชื่อมต่อกับพื้นที่ Outdoor Unwind Space Area และ Co-Working Space
ภาพโมเดลโครงการ จากชั้น 8 อาคาร A จะเชื่อมกับ ชั้น Rooftop ของอาคาร B ผ่านบันไดทางเชื่อม สร้างบรรยากาศแบบ Common Area
ภาพโมเดลโครงการ ชั้น Rooftop ของอาคาร B เป็นส่วนของ Sky Water Club มีพื้นที่มุมนั่งเล่นอยู่ข้างสระ Panoramic Sky Pool ในสระมี Aqua Bike สำหรับการออกกำลังกายในน้ำ และ Day Bed สำหรับนอนพักผ่อนชมวิวเมือง
ภาพโมเดลโครงการ จากบริเวณ Sky Water Club จะเชื่อมต่อกับสวนด้านหลัง เป็นส่วนของ Barefoot Garden และ Yoga Deck สร้าง Activities ในความสงบ
ภาพโมเดลโครงการ Court ระหว่างอาคาร B และ C ที่ชั้น G จะเป็น Facilities อีกส่วนค่ะ
ภาพโมเดลโครงการ Court ระหว่างอาคาร B และ C จะเป็นส่วนของ Reflective Oasis Pool และ Serenity Courtyard สร้างบรรยากาศความสงบด้วยความร่มรื่นของต้นไม้
คราวนี้เรามาดูภาพบรรยากาศจำลองของโครงการกันบ้างค่ะ นี่คือภาพบรรยากาศจำลองบริเวณซุ้มทางเข้าโครงการ
ภาพบรรยากาศจำลองของตัวอาคาร ดีไซน์ออกมาในสไตล์โมเดิร์น ใช้รูปทรงที่เรียบง่าย เน้นโทนสีขาว-เทาเข้ม-เทาอ่อน เป็นหลัก ผนังประดับด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนวางสลับกันเป็นจังหวะสร้างลูกเล่น ตัดด้วยเส้นสีทองแดง
ภาพบรรยากาศจำลองในมุมสูงของตัวโครงการ ที่นี่จะมี Facilities แบบ Double เลยค่ะ คือมีสวนพักผ่อน 2 สวน และสระว่ายน้ำ 2 สระ โดยสระว่ายน้ำและสวนส่วนหนึ่งจะอยู่บนชั้น Rooftop อีกส่วนหนึ่งจะอยู่ตรง Court ระหว่างอาคารทั้ง 3 อาคาร สระว่ายน้ำชั้น Rooftop จะเป็น Panoramic Sky Pool สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ ภายในสระจะมีส่วนของ Aqua Bike ด้วยนะ
ภาพบรรยากาศจำลองในมุมสูงของตัวโครงการ เห็น Facilities ที่อยู่ใจกลางโครงการระหว่าง 3 อาคาร ประกอบด้วย Serenity Courtyard และ Reflective Oasis Pool
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Serenity Courtyard และ Reflective Oasis Pool
ภาพบรรยากาศจำลอง ภายในโถง Lobby อาคาร A ค่ะ เป็นส่วน Foyer ที่เชื่อมจากลานจอดรถ ภายในห้องดีไซน์ Space แบบ Double Volume ฝ้าสูง ดูโปร่งโล่ง ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนตัดด้วยเส้นสีทองแดง ดูเรียบหรู
ภาพบรรยากาศจำลองภายในโถง Lobby & Library อาคาร B ดีไซน์ Space แบบ Double Volume ในส่วนของพื้นที่นั่งพักคอย และลดระดับฝ้าลงมาบริเวณมุมหนังสือ ช่วยแบ่งพื้นที่ห้องอย่างเป็นสัดส่วน
ภาพบรรยากาศจำลองภายในโถง Lobby & Library อาคาร B
ภาพบรรยากาศจำลองภายในโถง Lobby อาคาร C เล่น Space แบบ Double Volume ใช้ผนังกระจกทั้งผืน เชื่อมพื้นที่ภายในอาคารกับส่วน Serenity Courtyard และ Reflective Oasis Pool
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-Living Lounge & Party Zone เป็น Lounge ขนาดใหญ่ สำหรับพักผ่อน หรือจะใช้จัดปาร์ตี้ก็ได้ ภายในมี Pantry รองรับการทำเครื่องดื่มและเตรียมอาหารว่างได้ค่ะ
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-Living Lounge & Party Zone
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ห้องของโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบหลักๆ ด้วยกันได้แก่
ทางโครงการขายห้องแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์มาครบ, เครื่องปรับอากาศ พร้อมทั้ง Digital Door Lock, Bluetooth Sound System และ Health Solution เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง เช่น Thermostat ควบคุมอุณหภูมิห้องและการระบายอากาศ, LED Lighting Motion Sensor ใต้เตียง และ Rescue Alarm สัญญาณฉุกเฉินภายในห้องน้ำ ที่แถมให้มากับตัวห้องเลย เรียกว่ามาแต่ตัวกับเสื้อผ้าก็เข้าอยู่ได้เลย เรามาดูผังพื้นของห้องแต่ละ Type กันค่ะ
แบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.03 ตร.ม.
แบบห้อง 1 Bedroom Exclusive ขนาด 28.21 ตร.ม.
แบบห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 36.42 ตร.ม.
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
สำหรับห้องตัวอย่างที่เราพามาชมในวันนี้ มี 2 แบบ นั่นก็คือ แบบห้อง 1 Bedroom Exclusive ขนาด 28.60 ตร.ม. และ แบบห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.44 ตร.ม. ตามลำดับ เราไปดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของตัวห้องกันเลยค่า
::: แบบ 1 Bedroom Exclusive ขนาด 28.60 ตร.ม. :::
แบบห้อง 1 Bedroom Exclusive ขนาด 28.60 ตร.ม. สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1-2 คน ภาพรวมภายในห้องสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ดี ขนาดห้องไม่เล็กจนเกินไป ด้วยหน้าห้องที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร จึงสามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัวง่าย โดยห้องจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ก็คือ ส่วน Living Area, ห้องครัว, ห้องนอน, ห้องน้ำ และ ระเบียง ความพิเศษของห้องนี้ก็คือจะได้ครัวปิด ช่วยกันกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง อีกทั้งยังอยู่ติดกับส่วนระเบียง ช่วยระบายอากาศได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนบริเวณ Living Area กับห้องนอนจะแบ่งส่วนกันโดยใช้ประตูบานเลื่อนกระจก เป็นจุดที่ทำให้ห้องดูกว้างขวาง และไม่รู้สึกอึดอัด
ซึ่งทางโครงการขายห้องแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์มาครบพร้อมเข้าอยู่ อีกทั้งยังได้ เครื่องปรับอากาศ, Digital Door Lock, Bluetooth Sound System และ Health Solution ได้แก่ Thermostat ควบคุมอุณหภูมิห้อง และการระบายอากาศ, LED Lighting Motion Sensor ใต้เตียง และ Rescue Alarm สัญญาณฉุกเฉินภายในห้องน้ำอีกด้วยค่ะ
เราจะเดินเข้าไปชมห้องตัวอย่างพร้อมๆ กันเลย ประตูทางเข้าห้องจะใช้บาน HDF ลายไม้ เดินร่อง ใช้ประตูบานสูง 2.2 เมตร
พร้อมอุปกรณ์ Digital Door Lock Set ของ Yale
พื้นห้องปูด้วยไวนีลลายไม้ เก็บขอบรอยต่อให้เรียบร้อย
เข้าไปภายในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ที่ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องครัว ซึ่งเชื่อมกับห้องน้ำและส่วนระเบียง และด้านในสุดติดริมหน้าต่างคือห้องนอน ส่วนผนังของห้องเป็นผนังฉาบเรียบทาสีค่ะ
ฝ้าเพดานในส่วนของโถงหลักสูง 2.4 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลท์หลอด LED มาให้เหมือนกันทั้งหมด ส่วนแอร์ที่ได้มากับตัวห้องจะเป็นแบบ Wall Type ขนาด 9,000 BTU 2 ตัว ติดเอาไว้ให้ใน Living Area และห้องนอน
ภายในห้องจะติด Thermostat ช่วยควบคุมอุณภูมิและระบายอากาศภายในห้อง ถึงแม้จะปิดห้องทิ้งเอาไว้หลายเดือนก็จะไม่มีกลิ่นอับค่ะ นอกจากนี้ยังติด Bluetooth Sound System มาให้พร้อมเลย
เรามาดูรายละเอียดในส่วนของ Living Area กันต่อ
เริ่มจากส่วนของห้องนั่งเล่น เราจะได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งแบบนี้มากับตัวห้องด้วยเลยค่ะ
ได้มาเข้าเซ็ทกับชั้นวางทีวี Built-in ตัวนี้
ใต้ชั้นวางทีวีพอมีช่องและลิ้นชักให้จัดเก็บของได้เป็นอย่างดี
ชั้นลอยส่วนนี้ก็ได้มาด้วยนะคะ
ระยะดูทีวีของห้องนี้ไม่ถึงกับกว้างมาก เหมาะกับการดูทีวีจอขนาด 42 นิ้วจะกำลังดีค่ะ
ในส่วนรับประทานอาหาร เราจะได้ชุดโต๊ะเก้าอี้ชุดนี้ค่ะ
ชุดนี้ประกอบด้วย โต๊ะและเก้าอี้อย่างละ 1 ตัว วางเข้ามุมพอดี
คราวนี้เราเข้าไปดูในส่วนของห้องนอนกันต่อ โดยจะแบ่งส่วนจาก Living Area ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกกรอบอลูมิเนียมสีดำ 3 ตอนแบบนี้ค่ะ ข้อดีก็คือทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากกว่าและได้แสงธรรมชาติมากกว่าเมื่อเทียบกับการกั้นห้องด้วยผนังทึบ
มือจับบานประตูแบบเซาะร่อง
พื้นห้องนอนก็ปูด้วยไวนีลลายไม้ต่อเนื่องเข้าไป
พื้นที่ภายในห้องนอนมีขนาดพอๆ กับส่วน Living Area ค่ะ สามารถวางเตียงนอน Queen Bed ได้พอดี
ภายในห้องนี้ เราก็จะได้ฐานเตียงนอนขนาด Queen Size มาด้วย (แต่ไม่แถมฟูกนะจ๊ะ)
ตรงฐานเตียงก็มีลิ้นชักสามารถใช้เก็บพวกผ้าปูที่นอนได้นะ
พอวางเตียง Queen Bed แล้วก็จะยังเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงอยู่ เราสามารถวางโต๊ะข้าง หรือลิ้นชักเก็บของเพิ่มเติมได้อีก
พื้นที่ปลายเตียงก็ยังเหลือให้เดินผ่านและทำเตียงได้สะดวก ส่วนปลายเตียงทางโครงการจะติด LED Lighting Motion มาให้ด้วยนะ ประโยชน์ของมันก็คือ เวลาเราจะลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน ไฟส่วนนี้ก็จะติดขึ้นมาโดยอัตโนมัติค่ะ
มองไปทางฝั่งปลายเตียง เราสามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังแทนได้แบบนี้ ส่วนฝั่งขวามือคือตู้เสื้อผ้า Built-in ที่ทางโครงการให้มาด้วย
ตู้เสื้อผ้าของห้องนี้ ทางโครงการออกแบบมาให้เป็นแบบบานเลื่อนเปิดทั้ง 2 ฝั่ง ช่วยประหยัดพื้นที่ ภายในประกอบด้วยราวแขวนเสื้อผ้า, ลิ้นชักเก็บของ และชั้นลอย
ลิ้นชักเก็บของภายในตู้เสื้อผ้า
ดูดีเทลมือจับประตูหน่อยค่ะ ทำเป็นครีบเฉียงออกมาแบบนี้
ส่วนช่องแสงหลักของห้องจะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งและหน้าต่างบานฟิกซ์เต็มผนังแบบนี้
ส่วนของหน้าต่างบานกระทุ้ง สามารถเปิดรับลมในวันที่อากาศดีได้
ภาพมองย้อนกลับออกไปที่ Living Area
คราวนี้เราไปดูในส่วนของห้องน้ำ, ห้องครัว และระเบียงกันต่อค่ะ
ซึ่งจะกั้นส่วนออกจากโถงหลักด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบนี้
พื้นด้านในปูด้วยไวนีลลายไม้ต่อเนื่องเข้าไป
มองไปทางฝั่งซ้ายของโถงจะเป็นส่วนของห้องน้ำค่ะ
ที่พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 60 ซม. ทำธรณีกั้นส่วนขึ้นมาแบบนี้
ส่วนผนังกรุด้วยกระเบื้องสีขาวและสีเทา ขนาด 30 x 60 ซม. ใช้สุขภัณฑ์จาก Cotto หรือเทียบเท่า ภายในห้องน้ำดูขาวสะอาดตาน่าใช้งานทีเดียว นอกจากนี้ภายในห้องน้ำยังจะมี Rescue Alarm เป็นสัญญาณของความช่วยเหลือ ซึ่งจะดังอยู่ภายในห้องและห้องใกล้เคียงค่ะ
มาดูรายละเอียดของสุขภัณฑ์กันค่ะ เริ่มจากอ่างล้างมือ เป็นอ่างล้างมือฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูป ใต้เคาน์เตอร์มีชั้นสำหรับช่วยจัดเก็บของ
อ่างมีขนาดกำลังดี ใช้งานได้สะดวก ขอบอ่างพอวางของได้เล็กน้อย
ก็อกน้ำก็ใช้ทรงที่จับถนัดมือ
ข้างๆ อ่างมีที่แขวนผ้าเช็ดมือให้
ถัดเข้าไปวางโถสุขภัณฑ์ ระบบ Dual Flush ช่วยประหยัดน้ำ มีระยะนั่งกำลังพอดี ไม่อึดอัด ติดตั้งมาพร้อมกับที่ใส่แกนกระดาษชำระ และสายฉีดชำระค่ะ
ที่ใส่แกนกระดาษชำระ และสายฉีดชำระค่ะ
ส่วนฝั่งในสุดเป็นโซน Shower ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย
ภายในมีพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้างกำลังดี
ติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำพร้อมราวปรับระดับ และก๊อกสนามมาให้เรียบร้อย
ขนาดหัวฝักบัวใหญ่ดีค่ะ เทียบกับมือให้ดูเลย สามารถปรับระดับของสายน้ำได้ด้วย
ก๊อกสนาม สะดวกสำหรับการซักล้างทำความสะอาด
และข้างๆ โซนอาบน้ำจะติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้พร้อมเลย
ออกมาจากห้องน้ำ เรามองไปทางฝั่งขวามือของโถงจะเป็นส่วนของห้องครัวค่ะ
ภายในห้องครัวทางโครงการก็จะทำเคาน์เตอร์ Built-in และชั้นเก็บของมาให้เราเรียบร้อยเลย แต่จะไม่ได้ให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วยนะ
ในส่วนของเคาน์เตอร์ครัวที่ได้มา จะวางเตาปรุงอาหาร และอ่างล้างจานเต็มพอดี
อ่างล้างจานขนาดกำลังพอดีค่ะ สามารถล้างจานได้สะดวก ใช้ของ MEX
เตาเซารามิคขนาด 2 หัว ใช้ของ MEX เหมือนกัน ติดตั้งมาพร้อมกับฮู้ดดูดควัน
ฮู้ดดูดควันค่ะ ติดตั้งมาในตำแหน่งเดียวกัน
ใต้เคาน์เตอร์พอมีช่องให้เก็บของและเก็บจานชามได้บ้าง
ส่วนชั้นลอยก็มีช่องสำหรับเก็บของได้อีก 3 ช่อง ภายในนี้ติดตั้งตู้ Load Center เอาไว้ด้วย ใช้ของ Schneider Electric
ส่วนฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ ก็มีตู้ Built-in มาให้อีก 1 ตู้ สำหรับเก็บจาน-ชาม และเครื่องปรุงต่างๆ พร้อมทั้งชั้นสำหรับวางไมโครเวฟ
ซึ่งจะเหลือระยะระหว่างเคาน์เตอร์และตู้เก็บของประมาณ 90 ซม. เป็นระยะที่สามารถทำอาหารหรือเดินผ่านได้สะดวกค่ะ
จากห้องครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียง กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเขียวตัดแสงบานกรอบอลูมิเนียมสีดำ
พื้นที่ระเบียงจะมีระแนงปิดกั้นเอาไว้เพื่อบังสายตาเวลาตากเสื้อผ้า มองจากภายนอกเข้ามา รูปด้านอาคารก็จะยังคงดูเรียบร้อยค่ะ
พื้นที่ระเบียงอาจไม่กว้างมากนัก แต่ก็พอวางเครื่องซักผ้าได้ 1 ตัว และยังตากผ้าได้ ที่พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม.
พื้นที่เหนือหัวใช้ติดคอยล์แอร์ได้อีก ไฟตรงระเบียงใช้เป็นไฟกิ่งติดผนัง ติดหลอด LED ให้เหมือนเดิม
ภาพมองย้อนกลับเข้าไปภายในห้องครัวค่ะ
::: แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35.44 ตร.ม. :::
แบบห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.44 ตร.ม. สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1-3 คน ภาพรวมภายในห้องจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยคล้ายกับห้อง 1 Bedroom Exclusive ค่ะ ได้ครัวปิดเหมือนกัน แต่จะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้อง ซึ่งจะเป็นส่วนที่เชื่อมกับระเบียง โดยห้องจะแบ่งออกเป็น 6 ส่วน ก็คือ ส่วน Living Area, ห้องนอน, ห้องน้ำ, ห้องครัว, ห้องอเนกประสงค์ และ ระเบียง ส่วนบริเวณ Living Area กับห้องนอนจะแบ่งส่วนกันโดยใช้ประตูบานเลื่อนกระจกเหมือนเดิม
ซึ่งทางโครงการขายห้องแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์มาครบพร้อมเข้าอยู่ อีกทั้งยังได้ เครื่องปรับอากาศ, Digital Door Lock, Bluetooth Sound System และ Health Solution ได้แก่ Thermostat ควบคุมอุณหภูมิห้อง และการระบายอากาศ, LED Lighting Motion Sensor ใต้เตียง และ Rescue Alarm สัญญาณฉุกเฉินภายในห้องน้ำอีกด้วยค่ะ
เข้าไปชมห้องด้วยกันเลย ประตูทางเข้าห้องจะใช้บาน HDF ลายไม้ เดินร่อง ใช้ประตูบานสูง 2.2 เมตร พร้อมอุปกรณ์ Digital Door Lock Set ของ Yale
เข้าไปภายในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ที่ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ, ห้องครัว และห้องอเนกประสงค์ ที่เชื่อมกับ ส่วนระเบียง และด้านในสุดติดริมหน้าต่างคือห้องนอน พื้นห้องปูด้วยไวนีลลายไม้ ส่วนผนังของห้องเป็นผนังฉาบเรียบทาสี
ฝ้าเพดานในส่วนของโถงหลักสูง 2.4 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลท์หลอด LED มาให้เหมือนกันทั้งหมด ส่วนแอร์ที่ได้มากับตัวห้องจะเป็นแบบ Wall Type ภายในห้องจะติด Thermostat และ Bluetooth Sound System มาให้เหมือนเดิม
เรามาดูรายละเอียดในส่วนของ Living Area กันต่อ
บริเวณหน้าห้องเราจะได้ตู้เก็บของและชั้นวางรองเท้า Built-in มาแบบนี้เลย
ถัดเข้ามาเราได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาเหมือนเดิมค่ะ หน้าตาและสีตามมาตรฐานของโครงการ
ฝั่งตรงข้ามเราได้ชั้นวางทีวีเซ็ทเดิมมา ติดตั้งเอาไว้บนผนังระหว่างห้องน้ำและห้องครัว
ระยะดูทีวีของห้องนี้ก็พอๆ กับห้องที่แล้วค่ะ ใช้ทีวีจอขนาด 42 นิ้วจะกำลังดี
ถัดมาเป็นส่วนรับประทานอาหาร
เซ็ทนี้เราจะได้โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง และเก้าอี้อีก 2 ตัวแบบนี้เลย
เรามาดูในส่วนของห้องน้ำกันต่อ
ทั้งวัสดุและสุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกับห้องที่แล้วทุกประการค่ะ
เริ่มจากอ่างล้างมือ เป็นอ่างฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูปรุ่นเดิม
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์ระบบ Dual Flush ติดตั้งมาพร้อมกับ Accessories ประกอบการใช้งาน
ด้านในสุดเป็นโซน Shower ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย
พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้างกว่าห้องที่แล้วพอสมควร
ภายในเราได้ชุดฝัวบัวชุดเดิมมา
ที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากห้องที่แล้วก็คือ ทางโครงการได้เจาะผนังทำช่องสำหรับวางสบู่ให้ด้วยค่ะ ตรงนี้คือดีเลย
ภายในห้องน้ำจะไม่มีหน้าต่างระบายอากาศนะคะ ทางโครงการจึงได้ติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้เรียบร้อย
ตามด้วยห้องครัว เป็นครัวแบบปิดเหมือนเดิม กั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก
พื้นที่ภายในห้องครัวมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยค่ะ ทางโครงการทำเคาน์เตอร์ Built-in และชั้นเก็บของมาให้เราแล้ว
ซึ่งเราก็จะได้อ่างล้างจานของ MEX มาเหมือนเดิม ใต้เคาน์เตอร์มีพื้นที่ให้เก็บของชิ้นใหญ่ๆ ได้
พร้อมเตาเซรามิคขนาด 2 หัวและฮู้ดดูดควัน ใต้เคาน์เตอร์มีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้เพิ่มเติม
ส่วนชั้นลอยก็มีช่องสำหรับเก็บของเพิ่มมากขึ้นค่ะ
คราวนี้เราเข้าไปดูในส่วนของห้องนอนกันต่อ โดยจะแบ่งส่วนจาก Living Area ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกกรอบอลูมิเนียมสีดำ 3 ตอนแบบนี้
พื้นที่ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงนอน Queen Bed ได้พอดี
ที่ฝั่งขวามือของเตียง ทางโครงการทำตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ เป็นแบบบานเปิดคู่
ส่วนเตียงนอนจะต้องวางชิดริมหน้าต่างสักหน่อย เราจะได้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตมาเหมือนเดิมค่ะ ส่วนปลายเตียงทางโครงการจะติด LED Lighting Motion มาให้เหมือนเดิม
ส่วนฝั่งปลายเตียง เราสามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังได้แบบนี้
ช่องแสงหลักของห้องจะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งและหน้าต่างบานฟิกซ์เต็มผนังแบบเดิม
ภาพมองย้อนกลับออกไปที่ Living Area
มาดูห้องอเนกประสงค์กันต่อค่ะ เป็นห้องสุดท้ายกันแล้ว
ภายในห้องอเนกประสงค์มีขนาดค่อนข้างกระทัดรัดค่ะ สามารถวางเตียง Single Bed ได้พอดี เรามาสามารถจัดห้องนี้ให้เป็นห้องนอนเล็กสำหรับรองรับแขก หรือจะจัดเป็นห้องทำงาน-อ่านหนังสือก็ได้เหมือนกัน
ในห้องนี้เราจะได้ฐานเตียงขนาด Single Size มาด้วย
พร้อมทั้งชั้นลอย Built-in ขนาดกระทัดรัดแบบนี้ค่ะ
จากห้องอเนกประสงค์จะเชื่อมกับระเบียง
พื้นที่ระเบียงสำหรับการซักล้าง, ตากผ้า และเป็นพื้นที่สำหรับแขวนคอยล์แอร์
ซึ่งมีขนาดกว้างขวางขึ้นจากห้องที่แล้วพอสมควรเลย ทำให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นค่ะ
ลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลด 100,000 บาท* คลิก : http://bit.ly/atmoz15_Review8
*พิเศษ* เปิดลงทะเบียนออนไลน์ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เพื่อรับส่วนลดถึง 150,000 บาท***
:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (พฤษภาคม 2561) ::::
วัสดุโดยรวม
ห้องน้ำ และสุขาภิบาล
งานไฟฟ้า
เฟอร์นิเจอร์
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ
:::: ราคา (พฤษภาคม 2561) ::::
แบบ 1 Bedroom
แบบ 1 Bedroom Exclusive
แบบ 1 Bedroom Plus
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 ห่างจากถนนลาดพร้าว 800 เมตร ซึ่งอยู่ห่างจาก MRT สถานีลาดพร้าวเพียง 1 กม. ภายในซอยเป็นแหล่งของบ้านพักอาศัยหลังดั้งเดิมในย่านนี้ พอออกมาที่ถนนใหญ่ลาดพร้าวจะเป็นเส้นที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีทั้งออฟฟิศ, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, อพาร์ทเม้นท์, คอนโดมิเนียมทั้ง High rise และ Low rise และบ้านพักอาศัย เรียกได้ว่าเป็นย่าน Vertical Living Area หรือ พื้นที่อยู่อาศัยในแนวตั้งอีกหนึ่งย่าน นั่นก็เพื่อการรองรับความเจริญของศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) ย่านห้าแยกลาดพร้าว-รัชดาภิเษก-พระราม 9 ซึ่งเป็น CBD ใหม่ของกรุงเทพมหานครนั่นเอง
แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในย่านนี้มี เซ็นทรัลลาดพร้าว กับ Union Mall อยู่บริเวณทางออกรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินพอดีค่ะ ส่วน Hypermarket ก็จะมี Gourmet Market สาขา MRT ลาดพร้าว, Big C ลาดพร้าว 2 (อยู่ห่างจากโครงการเพียง 350 เมตรเท่านั้น) และ Tesco Lotus อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าว ออกไปทางจตุจักรก็มีพวก JJ Mall, JJ Green และตลาดนัดจตุจักรให้เลือกเดิน ออกไปทางเส้นเลียบด่วนรามอินทราจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์, The Crystal และ CDC เลยขึ้นไปบนเส้นเกษตรนวมินทร์จะเป็นแหล่ง Community Mall และตลาดนัดขนาดใหญ่ จากตัวโครงการสามารถไปได้สะดวก
นอกจากนี้ยังตัวโครงการยังอยู่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาล, สถานศึกษาทั้ง รร.หอวัง, ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ ม.เกษตรศาสตร์ ใกล้ธนาคารซึ่งสะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยรวมแล้วคือมีสาธารณูปโภคคอยรองรับอย่างครบครันที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางถือว่าสะดวกเพราะสามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทางจากถนนใหญ่ถึง 3 เส้น ทั้ง เส้นลาดพร้าว, พหลโยธิน และรัชดาภิเษก ซึ่งสามารถวิ่งเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ๆได้อีกหลายสาย เข้า-ออกเมืองได้สะดวก อีกทั้งยังอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี
บนเส้นลาดพร้าวก็ยังมีทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ได้จาก ซอยลาดพร้าว 41 และ ถนนโชคชัย 4 เข้าถนนลาดพร้าววังหิน และ ถนนนาคนิวาส เชื่อมต่อกับถนนสุคนธสวัสดิ์ ใช้ออกเกษตร-นวมินทร์ได้สะดวก จากเส้นเกษตร-นวมินทร์ยังมีซอยมัยลาภ ใช้เป็นทางลัดออกถนนรามอินทราได้อีกด้วย บนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยโชคชัยร่วมมิตร ที่สามารถใช้เข้าถนนวิภาวดี-รังสิตได้ จากถนนวิภาวดี-รังสิตจะเชื่อมกับซอยพหลโยธิน 18 (ซอยวิภาวดี-รังสิต 3) ออกเส้นพหลโยธินตรงแยกกำแพงเพชรพอดี
แต่ข้อเสียของถนนลาดพร้าวก็คือ เป็นถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณรถที่มากตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีแยกไฟแดงและทางกลับรถอยู่อีกเป็นระยะๆ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ถนนซอยเล็กๆ ในการลัดเลาะไปออกถนนเส้นอื่นๆ ประกอบด้วย จะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมากค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ สำหรับการเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกสบายมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าภายในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 ช่วงบริเวณหน้าโครงการนั้นจะยังไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน แต่ก็อยู่ห่างจากถนนลาดพร้าวเพียง 800 เมตร ที่ถนนลาดพร้าวมีรถเมล์, รถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านอยู่ตลอด โดยในปัจจุบันตัวโครงการอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว เพียง 1 กม.เท่านั้น (ทางออกที่ 3) สามารถเชื่อมต่อไปยัง BTS หมอชิต ได้เพียง 2 สถานี ซึ่งทางโครงการจะมีบริการ Shuttle Service ไปถึงสถานีลาดพร้าว และ สถานีพหลโยธินเลยค่ะ รับรองว่าสะดวกสุดๆ
ในอนาคตการเดินทางจะสะดวกมากยิ่งขึ้น สถานีลาดพร้าว จะเป็นสถานี Interchange กับ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วง ลาดพร้าว-พัฒนาการ ที่ สถานีรัชดา ส่วน สถานีพหลโยธิน ที่อยู่ถัดไป 1 สถานีจะเป็นสถานี Interchange กับ สถานีห้าแยกลาดพร้าว ของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต-คูคต ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วง บางซื่อ-รังสิตที่ สถานีบางซื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการในอนาคต นั่นก็คือ รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วง วัชรพล-ทองหล่อ บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราอีก 1 สายค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น มี 3 อาคาร ทั้งหมด 570 ยูนิต และร้านค้าอีก 2 ยูนิต บนพื้นที่ 4-0-15.1 ไร่ ห้องแต่ละ Type ก็ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นที่ลงตัว แบ่งสัดส่วนห้องมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่ห้อง 1 Bedroom Exclusive ขึ้นไปจะได้ครัวปิด ส่วน Living Area จะแบ่งส่วนกับห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง ภายในห้องนอนมีขนาดกำลังดี สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ วัสดุและสุขภัณฑ์ที่ได้มาก็มีคุณภาพดี
โดยทางโครงการขายห้องแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์มาครบ แถมยังได้ เครื่องปรับอากาศ, Digital Door Lock, Bluetooth Sound System และ Health Solution ได้แก่ Thermostat ควบคุมอุณหภูมิห้อง และการระบายอากาศ, LED Lighting Motion Sensor ใต้เตียง และ Rescue Alarm สัญญาณฉุกเฉินภายในห้องน้ำอีกด้วยค่ะ ตอนนี้ราคาของโครงการเริ่มต้นที่ ตร.ม.ละ 67,600 บาทค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการนับว่าจัดเต็ม เทียบกับคอนโด Low rise ในช่วงลาดพร้าวตอนต้นถือว่ามีมาให้เยอะที่สุดแล้ว เพราะให้มาแบบ Double Facilities กันเลยทีเดียว เทียบกับสัดส่วนห้องพักอาศัยแล้วถือว่าผ่านค่ะ ภายในโครงการให้ที่จอดรถมา 45% ถือว่าใช้ได้ จำนวนลิฟท์ภายในอาคารก็เพียงพอต่อการใช้งาน แถมยังมีบริการ Shuttle Service อีกด้วย
นอกจากนี้ระบบรักษาความปลอดภัยก็ถือว่าได้มาตรฐาน ประกอบไปด้วยกล้อง CCTV, Security guard ตลอด 24 ชม. พร้อมทั้ง Access card สำหรับเข้าสู่โถงลิฟท์ รวมถึงระบบลิฟท์แบบล็อคชั้น และ Digital Door Lock ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ
:::: คะแนน ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.0 | อยู่ใน ซ.ลาดพร้าว 15 แยก 1-10 ห่างจาก ถ.ลาดพร้าว 800 เมตร และห่างจาก รฟฟ.สถานีลาดพร้าวอยู่ 1 กม. สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง |
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว | 7.8 | สามารถเดินทางได้สะดวก เข้า-ออกได้หลายเส้นทางจากถนนใหญ่ 3 เส้น แต่รถจะติดมาก ต้องหาซอยคอยลัดเลาะเอา |
การเดินทางโดยรถสาธารณะ | 8.2 | ไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่านหน้าโครงการ แต่ทางโครงการมี Shuttle Service ขับไปถึง รฟฟ.สถานีลาดพร้าว (1 กม.) และสถานีพหลโยธิน |
บ้านและวัสดุ | 8.0 | ห้องให้มาแบบ Fully Furnished วัสดุและสุขภัณฑ์ได้มาตรฐาน ห้องวางผังได้ลงตัว มีของแถมมากับห้องเยอะ |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 8.5 | สิ่งอำนวยความสะดวกให้มาแบบจัดเต็ม เพียงพอกับจำนวนห้องพักอาศัย เทียบกับราคาด้วยแล้วถือว่าดีมากค่ะ |
ความคุ้มค่ากับราคา | 7.9 | โครงการเหมาะสำหรับครอบครัวขนาด 1-3 คน ต้องการอาศัยอยู่ในตัวเมือง ทำเลดี ราคาไม่แรงนัก เดินทางด้วยรถสาธารณะได้สะดวก |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 8.06 | ดีมาก |
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 02 168 0000
WEBSITE : http://assetwise.co.th
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น