EP.208 รีวิว คอนโด เดอะ ฟายน์ แบงค็อค ทองหล่อ-เอกมัย THE FINE Bangkok Thonglor-Ekkamai
สวัสดีค่ะผู้อ่านชาว CONDONAYOO ที่รักทุกคน วันนี้เราจะพามาชมโครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งเป็นคอนโด High rise จาก Sankyo Home (Thailand) และ Keihan Real Estate ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ ตัวโครงการอยู่ใน ซ.เอกมัย 12 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย 1.3 กม. เดินทางสะดวกใกล้ ถนนสุขุมวิท, ถนนเพชรบุรี และใกล้ 2 ด่วนหลัก ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และ ทางด่วนเฉลิมมหานคร
เดอะ ฟายน์ แบงค็อค ทองหล่อ-เอกมัย เป็น High rise Condominium สูง 31 ชั้น ระดับพรีเมี่ยม ภายใต้คอนเซ็ปต์ Luxury Modern Japanese มี 1 อาคาร จำนวน 220 ยูนิต บนเนื้อที่ 1-1-5 ไร่ มีห้อง 3 ขนาดคือ 1 Bedroom เริ่มต้น 34.5 ตร.ม., 2 Bedrooms เริ่มต้น 50.5 ตร.ม. และ Penthouse เริ่มต้น 76.5 ตร.ม. โดยทางโครงการจะเริ่มเปิดขายในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 นี้แล้ว
สิ่งอำนวยความสะดวก ของทางโครงการจะเน้นเป็นพิเศษ จัดสรรเนื้อที่มาให้อย่างหลากหลายระดับพรีเมี่ยม แถมยังเอาใจลูกค้าคอญี่ปุ่น อาทิ Lobby, Co-working Room, สวนชั้น 23, สวนชั้น 27, Swimming Pool, Hot Pool, Sauna, Wine Lounge, Karaoke Room, Kids Room, Co-Kitchen Room, Fitness, Golf Club, Shuttle Bus, ระบบรักษาความปลอดภัย และ ระบบกล้องวงจรปิด ราคาเริ่มต้นที่ 5.8 ล้านบาท
เชิญติดตามอ่านที่ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท คลิก : http://www.thefinebangkok.com/
ชื่อโครงการ | เดอะ ฟายน์ แบงค็อค ทองหล่อ-เอกมัย The FINE Bangkok Thonglor-Ekkamai |
เจ้าของโครงการ | Sankyo Home (Thailand) และ Keihan Real Estate |
เนื้อที่ทั้งหมด | ประมาณ 1-1-5 ไร่ |
จำนวนตึก | 1 อาคาร |
จำนวนชั้น | 31 ชั้น |
จำนวนห้อง | 220 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | คิดเป็น 70% หรือ 154 คัน |
จำนวนลิฟต์ |
|
โซน | เขตวัฒนา |
ขนส่งสาธารณะ |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ซอยเอกมัย 12 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. |
กำหนดการ |
|
ปีที่สร้างเสร็จ | คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2563 |
ราคา | เริ่มต้น 5.8 ล้านบาท* |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | เริ่มต้น ประมาณ 180,000 บาท/ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถานและอื่นๆ
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก | Facilities :
|
จุดเด่นของโครงการ | The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย คอนโด High Rise 31 ชั้น ระดับพรีเมียม จาก Sankyo Home (Thailand) และ Keihan Real Estate บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า BTS เอกมัย และ ทางด่วนหลัก 2 สาย ราคาเริ่มต้น 5.8 ล้านบาท* |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ซอยเอกมัย 12 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.
พิกัด : 13.730653, 100.587424
ทำเลที่ตั้ง โครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย ตั้งอยู่ใน ซ.เอกมัย 12 ห่างจากหน้าปากซอยเพียง 100 เมตรเท่านั้นค่ะ ซ.เอกมัย 12 เป็นซอยที่เชื่อมระหว่าง ซ.สุขุมวิท 63 (เอกมัย) และ ซ.สุขุมวิท 71 (ปรีดี พนมยงค์) และยังเชื่อมกับ ซ.เอกมัย 5 ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อไปยัง ซ.สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ได้อีกด้วย จัดว่าทำเลนี้เป็น Prime Zone ของ ซ.เอกมัยเลยนะคะ
เป็นที่รู้ๆ กันดีค่ะว่าย่านนี้นั้นเป็นย่านที่ฮอตมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเป็นแหล่งของการสังสรรค์และเข้าสังคม ที่คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน แถมยังขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหารชิคๆ เก๋ๆ, สถานบันเทิงที่มีชื่อ และ Community Mall อีกทั้งยังเป็นทำเลทองของย่านธุรกิจ เพราะเป็นอีกหนึ่งศูนย์รวมของพวก Office Building
นอกจากนี้ ยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยยอดนิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เพราะมีคอนโดระดับ Luxury และ Residential Building อยู่อีกหลายเจ้า ที่ดินในย่านนี้จึงมีราคาสูง และก็ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนอย่างมากอีกด้วย
หนึ่งในนั้นก็คือบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ยักใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือบริษัท Keihan Real Estate ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่ให้ความไว้วางใจของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะมีประสบการณ์การพัฒนาที่อยู่อาศัยครอบคลุมทุก Segment และทุกระดับราคา และอยู่ในกลุ่มของบริษัท เคฮัง โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่เป็นผู้ให้บริการรถไฟรายใหญ่ในภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ.1910 แล้วค่ะ
ซึ่งทางบริษัทได้เล็งเห็นประสิทธิภาพของทำเลในย่านนี้ จึงจับมือร่วมกับ บริษัท ซันเคียวโฮม (ไทยแลนด์) พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับ Luxury นั่นก็คือโครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย นั่นเอง
เดิมที ซ.ทองหล่อ ที่อยู่คู่ขนานกับ ซ.เอกมัย นั้นจะได้คะแนนนิยมที่สูงกว่า แต่ปัจจุบัน ซ.ทองหล่อ นั้นมีความหนาแน่นที่สูงมากแล้ว ซ.เอกมัย จึงถูกพัฒนาเพื่อรองรับ Demand ที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำเลนี้เองก็นับว่าเป็นทำเลศักยภาพที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพราะมีความคล่องตัวทั้งการใช้ชีวิต และการเดินทางเข้า-ออกเมืองที่สะดวกค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ ซ.เอกมัย เป็นเส้นที่เชื่อมระหว่าง ถ.สุขุมวิท และ ถ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่รู้ๆ กันอยู่ว่ารถติดมากทีเดียว เนื่องด้วยปริมาณของคนที่อยู่อาศัย, ทำงาน และสัญจรผ่านไปมาก็ได้ใช้ ซ.เอกมัย เป็นเส้นทางสำหรับเข้า-ออกเมืองฝั่งสุขุมวิท จึงพลอยทำให้ถนนเส้นนี้มีการจราจรที่หนาแน่นไปด้วย แต่ตัวโครงการนั้นตั้งอยู่ใน ซ.เอกมัย 12 จึงค่อนข้างได้เปรียบในการเดินทางค่ะ เพราะสามารถเชื่อมไปยัง ซ.ปรีดี พนมยงค์ และ ซ.ทองหล่อ ซึ่งเป็นถนนคู่ขนานที่อยู่ทั้ง 2 ฝั่งได้โดยตรง นอกจากนี้ ซ.เอกมัย 19 และ 21 ก็สามารถใช้เชื่อมต่อกับเส้นทองหล่อ และ ซ.เอกมัย 28 ก็สามารถเชื่อมกับต่อเส้นปรีดี พนมยงค์ ได้อีกทาง
นอกจากนี้ ยังมีทางลัดที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้ นั่นก็คือ ซ.เอกมัย 10 หรือตรง Heath Land จะสามารถใช้วิ่งลัดเลาะมาออกที่บริเวณ ซ.สุขุมวิท 65 ได้ ถ้าต้องการเข้าเมืองทาง ถ.พระราม 4 ก็จะมี ซ.สุขุมวิท 36 และ 40 ฝั่งตรงข้าม ที่สามารถใช้เชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ ส่วน ซ.สุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจาก ถ.พระราม 4 กลับเข้ามายัง ถ.สุขุมวิทได้ค่ะ
ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ตัวโครงการยังใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์, ทางพิเศษศรีรัช และ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทั้งขาเข้าและออกเมืองอีกด้วย จะเห็นว่าจากโครงการนั้นสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย ทั้งจาก ถ.สุขุมวิทไปทางสยาม, ถ.เพชรบุรีไปทางพญาไท หรือ ถ.พระราม 4 ไปทางสาทร-สีลม ก็ได้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าถนนโดยรอบจะเป็นถนนที่รถติด แต่ทุกเส้นพอจะมีทางลัดเอาไว้ให้พอลัดเลาะเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรบางช่วงได้อยู่บ้างค่ะ
ทางด่วน จากตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ด้วยค่ะ ถ้าจะออกไปทางรามอินทรา-วัชรพล หรือเชื่อมต่อกับ ทางพิเศษศรีรัช ไปทางปากเกร็ดหรือชลบุรี จะขอแนะนำให้ใช้จุดขึ้นทางด่วนตรงถนนเพชรบุรี-พัฒนาการค่ะ เราจะวิ่งจาก ซ.เอกมัยไปเข้า ถ.เพชรบุรีเลยก็ได้ หรือจะใช้ทางลัดจาก ซ.เอกมัย 12 ไปออก ปรีดี พนมยงค์ เข้า ถ.เพชรบุรี และเลี้ยวซ้ายขึ้นทางยกระดับตรงแยกใต้ด่วนพัฒนาการก็ได้เหมือนกัน
อีกจุดขึ้นทางด่วนนึงที่อยู่ไม่ไกลก็คือทางพิเศษเฉลิมมหานคร ใช้ออกเมืองไปทางพระราม 2 จาก ถ.สุขุมวิทไป ถ.พระราม 4 ผ่าน ซ.สุขุมวิท 40 และจาก ถ.พระราม 4 วิ่งผ่าน ถ.กล้วยน้ำไทเข้า ถ.อาจณรงค์เพื่อขึ้นทางด่วนค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ ความอุดมสมบูรณ์ของ ซ.เอกมัยจะโดดเด่นอยู่ตรงช่วงเอกมัยตอนใต้ ใกล้กับ ถ.สุขุมวิท ตลอดทั้ง 2 ข้างทางเลยค่ะ ไม่ไกลจากตัวโครงการก็จะมี Big C เอกมัย อยู่ข้างๆ กับ Index Living Mall ที่ฝั่งตรงข้ามก็มี Park Lane เป็น Life Style Mall ภายในรวบรวมร้านค้า, ร้านอาหารหลากแนว, สปา, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ศูนย์การเรียนรู้ และสวนสนุกของคุณหนู เอาไว้
ส่วนที่เป็นที่นิยมก็จะอยู่ตรง ซ.เอกมัย 5 หรือ ซ.ทองหล่อ 10 ที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างเอกมัยกับทองหล่อ ตรงนั้นจะมีร้านอาหารชิคๆ ดังๆ บรรยากาศก็ดี แถมยังอยู่ใกล้กับตัวโครงการมากๆ เลยนะคะ ส่วนตรงเอกมัยตอนเหนือใกล้ ถ.เพชรบุรี ความคึกคักและสีสันจะลดลงมาหน่อย จะเป็นพวกร้านค้าและร้านอาหารแนว Street food มากกว่า ถ้าเข้าไปใน ซ.แจ่มจันทร์ ก็จะมีร้านที่น่าสนใจอีกหลายร้านค่ะ
ออกมาที่เส้นสุขุมวิทในระยะใกล้ๆ จะมีศูนย์การค้าอย่าง Gateway เอกมัย ตกแต่งเอาใจคอญี่ปุ่น, Major เอกมัย, Rain Hill, ท้องฟ้าจำลอง, Tops market ถ้านั่งรถไฟฟ้าไปแค่ 2 สถานีก็ถึง Emquatier กับ Emporium ซึ่งในอนาคตก็จะมี Emsphere อยู่ฝั่งเดียวกับ Emporium ติดกับสวนเบญจสิริอีกด้วยค่ะ
ร้านเด็ดในซอยเอกมัย 5
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : http://www.bkkmenu.com/restaurant/Patisserie-Rosie
Patisserie Rosie ร้านขนมฝรั่งเศส สไตล์วิจเทจน่ารักๆ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : http://www.bkkmenu.com/restaurant/Wine-Republic-Bar–Bistro
Wine Republic Bar & Bistro ร้านอาหารสำหรับคนรักไวน์ นอกจากอาหารรสชาติดีแล้วในร้านจะมีไวน์ให้เลือกกว่า 200 ชนิดค่ะ
ร้านเด็ดในซอยแจ่มจันทร์
ขอบคุณภาพประกอบจาก : http://www.edtguide.com/eat/63960/tuba-design-furniture-restaurant
ร้าน Tuba Design Furniture & Restaurant ร้านอาหารประเภท Pub & Restaurant มีทั้งอาหารอิตาเลียน เยอรมัน และไทย ด้านในตกแต่งด้วยของเก่าทั้งร้าน และยังสามารถเลือกซื้อของแต่งบ้านจากในร้านติดไม้ติดมือกลับไปได้อีกด้วยค่ะ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.bkkmenu.com/restaurant/Moose
ร้าน Moose ร้านอาหารไทยกึ่งบาร์บรรยากาศเท่ๆ ภายในประดับด้วยงานศิลปะและของตกแต่ง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่แปลกตา เน้นโชว์ความดิบของ texture ไม้ กระจกและเหล็ก สไตล์ Industrial มีทั้งส่วน Out Door และ In Door ให้เลือกนั่ง และในคืนวันพุธ – ศุกร์ – เสาร์ จะมีวงดนตรีมาเล่นสดให้ฟังอีกด้วยค่ะ
ขอบคุณภาพจาก : รีวิวร้าน Cheesecake House http://www.bkkmenu.com/restaurant/Cheesecake-House-n-Restaurant-Thonglor
Cheesecake House & Restaurant ร้านชีสเค้กที่อยู่มาแต่ดั้งเดิมในซอยเอกมัย เป็นร้านชีสเค้กร้านแรกๆของประเทศไทย ส่วนเมนูในร้านนอกจากชีสเค้กขึ้นชื่อแล้วก็จะมีทั้งอาหารคาว ไทย จีน ซีฟู้ดให้เลือกทานค่ะ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : http://bk.asia-city.com/restaurants/bangkok-restaurant-reviews/wwa-cafe-x-chooseless
WWA Chooseless Cafe ร้านคาเฟ่เก๋ๆ ที่มีทั้งร้านอาหารและร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับรวมอยู่ในร้านเดียว โดยอาหารในร้านจะมีทั้งอาหารไทยที่เมนูจะวนเวียนไปในแต่ละวัน และอาหารยอดนิยมอย่างพวกสปาเก็ตตี้ สลัดต่างๆก็มีให้เลือกทานค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ การเดินทางด้วยรถสาธารณะก็นับว่าสะดวกสุดๆ เพราะตัวโครงการอยู่ห่างจาก ซ.เอกมัย เพียง 100 เมตร ซึ่งบน ซ.เอกมัย ก็มีรถสาธารณะวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา ทั้งรถเมล์สาย 23, 72 และ 545ร รถแท็กซี่ก็เรียกได้ไม่ยาก ส่วนคิววินมอเตอร์ไซค์ก็มีอยู่ภายใน ซ.เอกมัย 12 ด้วยค่ะ
ในส่วนของรถไฟฟ้า BTS สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีเอกมัย ห่างจากหน้าโครงการประมาณ 1.3 กม. ถ้าเดินไปจะใช้เวลา 15 นาที และถ้านั่งรถไปจะใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้นค่ะ ซึ่งทางโครงการจะมี Shuttle Service บริการรถ Bus ไปส่งถึงสถานีรถไฟฟ้าเลย
และถ้าเรานั่งไปถึง Terminal 21 ลงที่ สถานีอโศก จะเป็นสถานี Interchange กับ สถานีสุขุมวิท ของ MRT ค่ะ ในอนาคตจะมี รถไฟฟ้าสายสีเทา วิ่งมาจากวัชรพลผ่านถนนประดิษฐ์มนูธรรมเส้นทองหล่อ มา Interchange ที่ สถานีทองหล่อ อีกด้วย ถ้าจะนั่งขึ้นไปทางวัชรพลไปแถวๆ CDC และเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ จากตัวโครงการไปขึ้นรถไฟฟ้าที่ สถานีทองหล่อ 10 จะสะดวกที่สุด
จากบริเวณโครงการมาถึงทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีเอกมัย ทางออกที่ใกล้ที่สุดคือทางออกที่ 1 นะ ถ้าเราจะไป Gateway เอกมัยก็ให้ลงที่ทางออกที่ 4 ค่ะ
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ > ถ.พัฒนาการ > ถ.เพชรบุรี > ซ.สุุขุมวิท 63 (เอกมัย) > ซ.เอกมัย 12 > The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย
วันนี้เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากบนทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์กันค่ะ โดยจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาที เราจะมุ่งหน้าไปทางบางนา-ดาวคะนอง
มุ่งหน้าไปตามป้ายบางนา-ดาวคะนองเลยค่ะ
สังเกตป้าย ถ.พัฒนาการเอาไว้ แล้วให้เราชิดซ้ายเตรียมลงที่ทางออก 5 นะ
ชิดซ้ายแล้วลงที่ทางออก 5 เลยค่า
เมื่อขับลงมาจากทางด่วนแล้วจะมีทางแยก 2 ทางเพื่อเข้า ถ.พัฒนาการแบบนี้ ให้เราชิดขวาเพื่อออกไปทาง ถ.เพชรบุรีค่ะ
เมื่อเลี้ยวขวามาแล้วบนเส้นพัฒนาการจะเจอคอนโด The Leaf อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ให้เราขับชิดเลนซ้าย หรือขึ้นสะพานข้ามแยกก็ได้เหมือนกัน
ถ้าไม่ได้ขึ้นสะพานให้เราขับไปตามป้ายเพชรบุรีนะคะ
จะมาเจอแยกไฟแดงแบบนี้ให้เราอยู่เลนกลางเพื่อข้ามแยกค่ะ ถ้าออกซ้ายจะเข้า ซ.สุขุมวิท 71 หรือ ปรีดี พนมยงค์นั่นเอง ทางนั้นก็สามารถใช้เดินทางไปตัวโครงการได้เช่นกัน
เมื่อเราขับข้ามแยกมาแล้วจะเข้า ถ.เพชรบุรี เป็นจุดที่สะพานข้ามแยกเมื่อสักครู่ขับมาลงพอดีค่ะ
จากนั้นให้เราขับชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้า ซ.สุขุมวิท 63 หรือ เอกมัยนั่นเอง
เมื่อเราเข้า ซ.เอกมัยมาแล้วจะเห็นตึก SSP Tower 1 เด่นสง่าอยู่ทางขวามือของเราก่อนเลย ตรงนี้จะเป็นเอกมัยตอนเหนือค่ะ
ให้เราขับตรงไปเรื่อยๆ จนถึงแยกไฟแดง ซ.เอกมัย 12 ให้เราชิดซ้ายเลี้ยวเข้าซอยไปเลยค่ะ
จากนั้นให้เราตรงเข้าซอยมาประมาณ 100 เมตร เราก็จะเห็นที่ตั้งโครงการและสำนักงานขายอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ
สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถานและอื่นๆ
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
ตัวโครงการตั้งอยู่ใน ซ.เอกมัย 12 ลึกจาก ซ.สุขุมวิท 63 เข้ามา 100 เมตร ซึ่งบริบทโดยรอบโครงการภายในซอยจะมีทั้ง Residential Building, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ และบ้านพักอาศัยของคนในละแวกนั้น ถ้าออกไปที่ ซ.สุขุมวิท 63 ทั้ง 2 ฝั่งของถนนจะเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์, ร้านอาหารดังๆ รวมถึง Office Building ค่ะ
ตอนนี้เราอยู่ที่หน้า Sales Gallery กันแล้วค่ะ เพิ่งเร่งสร้างเสร็จไปหมาดๆ เดี๋ยวเราเข้าไปดูภายในด้วยกันเลย
ป้ายหน้า Sales Gallery
ภายใน Sales Gallery ค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ ซึ่งจะคอยให้ข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับตัวโครงการ รวมถึงพาเดินชมห้องตัวอย่างด้วย
และมีโมเดลตั้งให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพรวมของทั้งโครงการ
เรามาเดินดูทำเลและบรรยากาศโดยรอบโครงการด้วยกันเลยค่ะ เริ่มจากฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการ จะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนบุคคลสูง 2 ชั้น
มองไปทางฝั่งซ้ายมือ เห็นภาพรวมภายใน ซ.เอกมัย 12 นอกจากจะมีคอนโดมิเนียมขึ้นเป็นบางส่วนขึ้นแล้ว ส่วนมากก็ยังคงเป็นบ้านดั้งเดิมของคนในละแวกนี้อยู่ค่ะ บรรยากาศดูไม่หนาแน่นแออัด ซอยนี้มีความกว้าง 4 เลน รถวิ่งผ่านมากพอสมควรเพราะเป็นซอยที่เชื่อมระหว่าง ซ.เอกมัย กับ ซ.ปรีดี พนมยงค์ และสามารถเชื่อมไปถึง ซ.ทองหล่อ ได้เลย
ติดกับตัวโครงการจะเป็นคอนโด CEIL by Sansiri สูง 7-17 ชั้น ค่ะ มี 3 อาคารเรียงกันเข้าไปด้านใน
ถัดมาเป็นผับกึ่งร้านอาหารชื่อ Es Ca Pe ค่ะ บรรยากาศในร้านนั่งสบายๆ เหมือนนั่งปาร์ตี้อยู่ที่บ้านเพื่อน มีให้เลือกนั่งทั้ง Indoor และ Outdoor ในร้านมีดนตรีสดให้ฟัง และได้ยินมาว่าเมนูอาหารของร้านก็น่าสนใจทีเดียว
ลึกเข้าไปในซอยก็จะเป็นบ้านพักอาศัยดั้งเดิมของ ซ.เอกมัย 12 ค่ะ
กลับมาที่หน้าโครงการ เราจะเดินออกไปที่ ซ.เอกมัย กันค่ะ
ติดกับตัวโครงการจะเป็นอาคารสูง 5 ชั้น เป็นอาคารที่ให้เช่าพื้นที่และห้องพักอาศัย
ถัดมาคือคอนโด M ทองหล่อ 10 สูง 22 ชั้น
ข้ามมาที่ฝั่งตรงข้ามมีร้านกาแฟร้านเล็กๆ ชื่อร้าน Ekkamai Macchiato ในร้านมีเมนูอาหารจานเดียวและขนมหวานให้บริการควบคู่กับกาแฟ แต่เขาบอกว่ากาแฟที่นี่โดดเด่นทีเดียวนะ คอกาแฟต้องลองมาโดนสักที
จากหน้าร้านกาแฟ เราจะเดินตรงออกไปที่สี่แยกหน้าปากซอยเลยค่ะ
พอถึงสี่แยกเราเลี้ยวซ้าย แล้วมองกลับไป ที่ฝั่งซ้ายมือคือ ซ.เอกมัย 5 สามารถทะลุไปยัง ซ.ทองหล่อได้ และถ้าเราเลี้ยวขวา ก็คือ ซ.เอกมัย 12 ที่เราเพิ่งเดินออกมาเมื่อสักครู่นี้ค่ะ
คราวนี้เราจะเดินหน้าไปทาง ถ.สุขุมวิทเพื่อสำรวจทำเลกันเลย
เดินมาไม่กี่ก้าวเท่านั้น มีร้าน Ekkanek เป็น Bar&Bistro ชั้นบนเปิดเป็น Hostel ข้างๆ กันมีร้าน Broken Eggs เป็นร้านอาหารสเปนประเภท Tapas สไตล์ดั้งเดิม
ที่ฝั่งตรงข้ามก็คืออาคารสำนักงาน Modern Town ค่ะ
เดินต่อมาไม่ไกลก็จะเจอ 7-Eleven อยู่ 1 สาขา
พอเราเดินผ่าน ซ.เอกมัย 10 มาจะเจอ Heath land เป็น Spa&Massage ที่มีบริการนวดอย่างหลากหลาย ราคาก็ไม่แรงตามย่านค่ะ
ถัดมามีร้าน Sherbet และ Piano Forte ที่เป็น Nightlife Club
และร้านอาหารคุณหญิง ขายอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมมาหลายสิบปีแล้วค่ะ
กลับมาที่ฝั่งเดิม ตรงข้ามกับร้านอาหารคุณหญิงจะมี Big C และ Index Living Mall ค่ะ ภายในก็จะมีร้านอาหาร, ธนาคาร และ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตรงนี้อยู่ห่างจากตัวโครงการเพียง 550 เมตรเท่านั้น
เดินผ่านซอย 6 มาไม่ไกลกันก็จะเจออาคารกสิกรไทยค่ะ
ติดกับอาคารพาณิชย์คืออาคาร Bangkok Business Center เป็นอาคารสำนักงานสูง 33 ชั้น
ข้างๆ กับอาคาร Bangkok Business Center ก็คือปั๊ม Shell ค่ะ
เดินเลยมาหน่อยเราจะเจอ Goodrich Gallery เป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์สูง 5 ชั้น
เดินมาถึง ซ.เอกมัย 2 ภายในจะมีเวิ้งร้านอาหารและร้านนั่งชิลล์อยู่อีกหลายร้าน
ตรงหัวมุมเลยคือร้าน Ekkamai Beer House พอช่วงเย็นๆ ก็จะเริ่มมีคนมานั่งจิบเบียร์กันแล้ว ตอนกลางคืนก็จะคึกคักมากขึ้น
เดินเลยมาอีกหน่อยเราจะเจอ 7-Eleven อีก 1 สาขาค่ะ
มองไปฝั่งตรงข้ามคือ Park Lane ภายในมีทั้งร้านค้า, ร้านอาหาร, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ศูนย์การเรียนรู้ รวมถึงสวนสนุกด้วยนะ
ติดๆ กันเราจะเห็น Bourbon St. Restaurant & Oyster Bar เป็นร้านอาหารสไตล์อเมริกัน ตกแต่งอย่างลำลองแต่แฝงไปด้วยความหรูหรา พร้อมกับบรรยากาศการนั่งเชียร์กีฬา และถัดมาคือ MK Gold ที่เราคุ้นเคยกันดี
กลับมาที่ฝั่งเดิม เราจะเดินผ่านคอนโด Noble Reveal สูง 27 ชั้น
และอาคาร Horizon เป็นอาคารให้เช่าพื้นที่เปิดเป็นร้านค้าและออฟฟิศ ด้านหน้ามีร้านไอศกรีม Baskin Robbins ด้วย
ติดๆ กันคือ Civic Horizon เป็น Hotel&Residences
ฝั่งตรงข้ามยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ Kuroda เปิดให้บริการคออาหารญี่ปุ่นด้วย จะเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์ก็ได้นะ
กลับมาที่ฝั่งเดิมค่ะ เราเดินมาเจอร้านบ้านไร่กาแฟ
จากร้านบ้านไร่กาแฟ เราเดินตรงไปอีกหน่อยก็จะถึงสี่แยก ถ.สุขุมวิทแล้ว เราเลี้ยวซ้ายมาแล้วมองย้อนกลับไปหน่อย ตรงนี้จะมีทางม้าลายเดินข้ามฟากได้
ฝั่งตรงข้ามบริเวณสี่แยกคือ Major เอกมัย อาคารนี้สามารถเดินเชื่อมได้จากบน BTS เลยนะ
หันกลับไปทางเดิม เราก็จะเจอทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีเอกมัยแล้วค่า
เดินขึ้นไปบนสถานี มองลงมาบน ถ.สุขุมวิท บางช่วงเวลารถก็จะหนาแน่นกว่านี้เยอะค่ะ ฝั่งซ้ายมือคือทางเดินเชื่อมไปยัง Major เอกมัยเมื่อสักครู่นะคะ
เดินเข้ามาในตัวสถานี ถ้าจะเข้า ซ.เอกมัยให้เราออกที่ทางออกหมายเลข 1
จากบนสถานีเราสามารถเดินเชื่อมไปยัง Gateway เอกมัยได้เช่นกัน โดยให้ใช้ทางออกหมายเลข 4 ค่ะ
:::: ตัวโครงการ ::::
โครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งเป็นคอนโด High rise จาก Sankyo Home (Thailand) และ Keihan Real Estate ซึ่งบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น อาคารสูง 31 ชั้น เป็นโครงการระดับพรีเมี่ยม ภายใต้คอนเซ็ปต์ Luxury Modern Japanese มี 1 อาคาร จำนวน 220 ยูนิต บนเนื้อที่ 1-1-5 ไร่ ออกแบบโดย A49 โดยใช้ฤดูกาลในประเทศญี่ปุ่นมาเป็นแนวคิดการออกแบบทั้ง Exterior และ Interior ตัวอาคารดูโมเดิร์นเรียบง่าย แฝงไปด้วยความอบอุ่นสไตล์ญี่ปุ่น และยังคงความหรูหราสวยงาม เน้นสีสันโทนสีขาวผสมกับไม้ ภายในประกอบด้วยห้องชุดขนาด 1 Bedroom, 2 Bedrooms และ Penthouse มี Facilities มาให้อย่างครบครัน ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนดังนี้ค่ะ
มาดู Master Plan ของโครงการกันค่ะ รูปทรงที่ดินของตัวโครงการจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทางเข้า-ออกของตัวโครงการอยู่บน ซ.เอกมัย 12 ซึ่งมีเพียงทางเดียว พอวิ่งผ่านจุดรักษาความปลอดภัยเข้ามาแล้วขับตรงเข้าไปจะเข้าสู่ส่วน Drop-off วนไปด้านหลังอาคารจะมีที่จอดรถ เป็นแบบ Auto Parking รวมทั้งหมด 70% ถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ
ชั้นที่ 1 โดยรอบตัวอาคารจะจัด Landscape อย่างสวยงาม ที่จุดด้านหน้าและด้านหลังจะมีสวนพักผ่อน Spring Garden เรียกว่าโซน Greenery เข้าสู่ตัวอาคารจะเป็นส่วนของโซน Fine Lounge ประกอบด้วย โถง Lobby แบบ Double Volume ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อสู่พื้นที่ Co-Working Room ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ Private Meeting Room บริเวณชั้นลอย, Mail Room, Waiting Area สำหรับรอรถ และจะเชื่อมสู่โถงลิฟท์ ส่วนระบบการผ่านเข้า-ออกอาคาร, Private Zone และระบบการกดชั้นภายในลิฟท์จะต้องใช้ Key Card ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยค่ะ
ชั้นลอย Private Meeting Room ที่เชื่อมต่อกับ Co-Working Room จากชั้นที่ 1 ทางบันไดวน
ชั้นที่ 2-8 ชั้นลานจอดรถ รวมทั้งหมด 70%
ชั้นที่ 9-22 ตั้งแต่ชั้น 9 ขึ้นไปจะเข้าสู่ Private Zone เป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดค่ะ การวางผังอาคารทำแบบเรียบง่าย จัดเรียงห้องทั้ง 2 ฝั่งของโถงทางเดินแบบ Double Corridor วางห้อง 2 Bedrooms เอาไว้ที่ปลายอาคารทั้ง 2 ฝั่ง จำนวน 4 ห้อง และห้อง 1 Bedroom อยู่ตรงกลางทั้งหมดอีก 8 ห้อง รวมทั้งหมดมีจำนวน 12 ยูนิต/ชั้น เท่านั้นค่ะ นับว่าดีเลยเพราะจะเป็นส่วนตัวและไม่แออัด ภายในโถงลิฟท์มีลิฟท์โดยสารอยู่จำนวน 2 ตัว (ใช้ระบบล็อคชั้น) และเซอร์วิสลิฟท์อีก 1 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนจำนวนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์อยู่ที่ 110 : 1 ยังอยู่ในค่าที่พอรับได้ค่ะ โดยชั้นนี้จะเป็น Typical Floor Plan นะ
ชั้นที่ 23 มีการวางผังเหมือนที่ชั้น 9-22 เลยค่ะ แต่จะมียูนิตลดลงมาเหลืออยู่ 10 ยูนิต/ชั้น พื้นที่ของ 2 ห้องที่หายไปจะกลายเป็น Sky Garden ที่สามารถออกมานั่งพักผ่อนและชมวิวได้ จะเห็นว่าจะมี 2 ยูนิตค่ะที่ได้วิวสวนไปเต็มๆ เลย
ชั้นที่ 24-26 มีการวางผังเหมือนที่ชั้น 23 ทุกประการค่ะ แต่จะต่างกันที่ตัดพื้นที่สวนออกไป สังเกตจากรูปลักษณ์อาคารที่เหมือนขั้นบันได ชั้นบนๆ ก็จะมีจำนวนยูนิตน้อยลงไปอีกค่ะ
ชั้นที่ 27 จะเห็นว่าพื้นที่อีก 2 ห้องหายไป กลายเป็น Sky Garden อีกจุด ตั้งแต่ชั้นนี้ขึ้นไปจะเป็นห้องแบบ Penthouse ทั้งหมด มีเพียง 4 ห้อง/ชั้นเท่านั้น
ชั้นที่ 28-29 วางผังเหมือนชั้น 27 ทุกประการค่ะ แต่ตัดพื้นที่ Sky Garden ออกไป
ชั้นที่ 30 ตั้งแต่ชั้นที่ 30 ขึ้นไปจะเป็นส่วน Main Facilities ค่ะ ซึ่งสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศากันเลย ชั้นที่ 30 จัดเป็น Wet Floor หรือโซน Fine Retreat ประกอบด้วย Swimming Pool ขนาดยาวถึง 20 เมตร, Pool Bar ออกแบบให้เป็น Sunken Seat ล้อมรอบด้วยสระน้ำ, The Edge View Point เป็นจุดชมวิว, Hot Pool แบบกลางแจ้ง ที่มีความคล้ายคลึงกับ Onsen (แต่ยังไม่ถึงกับเป็น Onsen นะ) และห้อง Sauna ที่อยู่ภายในห้องน้ำ จากในห้องน้ำเราจะสามารถชมวิวผ่านทางช่องกระจกได้ด้วย
ชั้นที่ 31 พอขึ้นไปชั้นที่ 31 จัดเป็นโซน Fine Sky ประกอบด้วย Wine Lounge, Karaoke Room, Kids Room, Co-Kitchen Room, Fitness และ Golf Club กับพื้นที่ Sky Seat สำหรับชมวิวเมืองบนชั้น Roof Top ค่ะ
คราวนี้เรามาดู Model ของโครงการกันบ้าง จะได้เห็นภาพรวมว่าตัวอาคารมีหน้าตาเป็นอย่างไร 😉
ฝั่งทิศใต้ เป็นฝั่งที่ติดกับ ซ.เอกมัย 12 ทางเข้าโครงการ (หันหน้าไปทาง ถ.สุขุมวิท) ฝั่งนี้จะเป็นฝั่งที่มีวิวดีที่สุดเพราะไม่มีอาคารสูงมาบังวิวเลย และฝั่งทิศตะวันตก ที่ฝั่งนี้จะเห็นโครงการ M ทองหล่อค่ะ แต่พอพ้นจากชั้น 22 ก็จะได้วิวเปิดโล่งของฝั่งทองหล่อเลย
ฝั่งทิศเหนือ ที่ฝั่งนี้ก็ได้วิวเปิดโล่งเหมือนกัน เพราะอยู่ติดกับอาคารสูง 5 ชั้น ซึ่งชั้นพักอาศัยของโครงการจะเริ่มที่ชั้น 9 ค่ะ และ ฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งอยู่ติดกับ Ceil by Sansiri แต่ตำแหน่งที่อยู่ตรงกับโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์และอาคารจอดรถซึ่งสูงเพียง 7 ชั้นค่ะ (ตัวอาคารสูงร่นเข้าไปอยู่ด้านในเลยไม่บังวิวโครงการเรา)
ทางเข้าโครงการอยู่บน ซ.เอกมัย 12 ค่ะ ทางรถของโครงการจะวนทวนเข็มนาฬิกานะ
เข้ามาภายในโครงการจะผ่านส่วน Spring Garden ตรงเข้าไปสู่จุด Drop-off ที่จะเชื่อมเข้าสู่โถง Lobby และวนเข้าสู่ที่จอดรถแบบ Auto Parking
ชั้นที่ 23 และ 27 จะมีส่วน Sky Garden ชมวิวฝั่งสุขุมวิทแบบเปิดโล่งไม่มีอะไรมาบังเลย เราจะเห็นบล็อกแก้วข้างบน คือ Facilities โซน Fine Retreat และ Fine Sky ชั้นที่ 30-31
บล็อกแก้วชั้นบนคือชั้นที่ 30-31
ชั้นที่ 30 จะเป็นโซน Fine Retreat หรือ Wet Floor และชั้นที่ 31 จะเป็นโซน Fine Sky
และที่ชั้น Roof Top จะเป็นส่วน Golf Club และมีพื้นที่ข้างๆ ที่เป็น Sky Seat สามารถนั่งชมวิวเมืองแบบเปิดโล่งเลย เพราะตัวโครงการสูงที่สุดในละแวกนี้แล้วค่ะ
มีโมเดลขยายส่วนของชั้นที่ 30-31 ให้เราดูง่ายๆ ด้วย
ผนังโดยรอบของ 2 ชั้นนี้กั้นด้วยกระจกใส ทุกกิจกรรมภายในอาคารจะสามารถชมวิวเมืองได้ทั้งหมด
บนชั้น Roof Top ค่ะ
นี่คือภาพบรรยากาศจำลองของตัวโครงการค่ะ เห็นบริบทโดยรอบในมุมสูง พื้นที่ส่วนมากภายใน ซ.เอกมัย 12 จะยังคงเป็นบ้านดั้งเดิมของคนในย่านนี้ ที่เหลือก็จะมีทั้ง ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, อพาร์ทเม้นท์ รวมถึง คอนโด Low rise และ High rise ค่ะ
ภาพบรรยากาศจำลองของ Facilities ชั้นบนสุดของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool และ ฟิตเนส ที่ล้อมด้วยผนังกระจกทั้ง 3 ด้าน ทำให้เห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ ได้โดยรอบ
ภาพบรรยากาศจำลองของสระว่ายน้ำ บริเวณสระก็จะมีส่วนของ Swimming Pool สำหรับหรับนอนพักผ่อน, Pool Bar นั่งชมวิวเมืองกรุงเทพฯ ระดับเดียวกับผิวน้ำ และ Hot Pool สระน้ำร้อนค่ะ ตรงจุดนี้มีการคำนวณทิศทางของเงาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันก็สามารถขึ้นมานอนเล่นได้
ภาพบรรยากาศจำลองโซน Fine Greenery ส่วน Spring Garden ด้านหน้าโครงการ จุดนี้เขาได้แนวคิดการออกแบบมาจากพระราชวังในญี่ปุ่นที่นิยมการนั่งชมพระจันทร์กัน ตรงกลางจะมีสระน้ำที่สามารถนั่งแช่เท้าพร้อมกับชม Lighting ที่ออกแบบให้คล้ายคลึงกับแสงของพระจันทร์ เราเหลือบไปมองที่ฝั่งขวาภายในอาคารจะเป็นส่วน Co-Working Room เชื่อมต่อกับพื้นที่สวนด้วยผนังกระจกทั้งแผง และเชื่อมต่อกับ Private Meeting Room ที่ชั้นลอย (เราจะเห็นบันไดวนอยู่ภายในค่ะ)
ภาพบรรยากาศจำลองภายในโถง Lobby ออกแบบมาให้ฝ้าสูงแบบ Double Space เพื่อความโปร่งโล่ง โทนสีดูเรียบหรูด้วยโทนสีเทาและสีไม้เข้ม การตกแต่งคล้ายกับสวนหิน สังเกต Lighting ในส่วนของฝ้าเพดานที่ได้แนวคิดมาจากดอกอุเมะ
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Wine Lounge ยังคงคุมโทนสีแบบเดียวกับ Lobby ค่ะ ถึงแม้ว่าจะดูหรู แต่ก็ยังได้บรรยากาศของการพักผ่อน โทนสีของห้องค่อนข้างมืด จึงเป็นจุดเสริมทำให้วิวเมืองในยามค่ำคืนเด่นมากๆ ถือว่าออกแบบสร้างบรรยากาศมาดีได้ทีเดียว
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ห้องของโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบหลักๆ ด้วยกันค่ะ ได้แก่
ทางโครงการขายห้องแบบ Fully Furnished จะได้ เคาน์เตอร์ครัว, ชุด Built-in, สุขภัณฑ์, เครื่องปรับอากาศ พร้อม Furniture Package มากับตัวห้องค่ะ เดี๋ยวเราจะไปดูผังพื้นของห้องแต่ละ Type กันเลย
1 Bedroom Type 1A ขนาด 34.5-35.0 ตร.ม.
1 Bedroom Type 1BM ขนาด 35.0 ตร.ม.
2 Bedrooms Type 2A ขนาด 55.5 ตร.ม.
2 Bedrooms Type 2A-1 ขนาด 50.5-56.5 ตร.ม.
Penthouse Type PHA ขนาด 76.5-92.0 ตร.ม.
Penthouse Type PHB ขนาด 76.5-92.0 ตร.ม.
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
สำหรับห้องตัวอย่างที่เราพามาชมในวันนี้ มี 2 แบบ นั่นก็คือห้อง 2 Bedrooms Type 2A ขนาด 55.5 ตร.ม. และ 1 Bedroom Type 1BM ขนาด 35.0 ตร.ม. ตามลำดับ เราไปดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของตัวห้องกันเลยค่า
::: 2 Bedrooms Type 2A ขนาด 55.5 ตร.ม. :::
เรามาดูห้อง 2 Bedrooms Type 2A ขนาด 55.5 ตร.ม. กันค่ะ แปลนจะเป็นแบบ Confidential ก่อนนะคะ การวางแปลนห้องจะค่อนข้างเน้นในเรื่องของความ Private พอเข้ามาในห้องจะเจอส่วน Foyer ที่เหมือน Genkan สำหรับการถอดรองเท้า และยกเสต็ปขึ้นไปบนพื้นห้อง เดินเข้าไปตามโถงทางเดินจะเจอส่วนของห้องน้ำ 2 และห้องนอน Master Bedroom แยกออกมาจากส่วน Living Area เพื่อความเป็นส่วนตัว จากนั้นจะเข้าสู่ส่วน Living Area ค่ะ รวมส่วนครัว, ส่วนรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นไว้ในโถงเดียว จากโถงนี้จะเชื่อมสู่ห้องนอนเล็ก และระเบียงห้อง ภายในห้องนอนเล็กเองก็จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำ 2 ด้วยค่ะ
ซึ่งทางโครงการขายห้องแบบ Fully Furnished ไปดูรายละเอียดแบบเจาะลึกกันเลยค่า
ประตูทางเข้าห้องใช้บานไม้กรุด้วยลามิเนตพร้อม Digital Door Lock
Digital Door Lock ใช้ของ Alpha ค่ะ สามารถใช้ได้ 3 แบบ ทั้ง Key Card, กดรหัส และ ใช้กุญแจไข
จากโถงทางเดินเข้าสู่ภายในห้องจะเจอส่วน Foyer ปูด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนผิวด้าน ขนาด 60 x 60 ซม.
จุดนี้เป็นเสมือนหน้าบ้านที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “Genkan” เป็นจุดถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน เพื่อไม่ให้เศษดินหรือฝุ่นเข้ามาในตัวบ้านด้วย
พอเข้าสู่พื้นที่ห้อง จะทำพื้นยกระดับขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ ปูด้วยลามิเนตหนา 12 มม.
จาก Foyer จะเชื่อมสู่โถงทางเดินเข้าไปในตัวห้อง บริเวณนี้ทางโครงการให้ตู้เก็บรองเท้า Built-in มาด้วยค่ะ ส่วนนี้ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลท์มาให้ ส่วนผนังห้องจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี
ตู้เก็บรองเท้าส่วนแรกทำเป็นบานเปิดคู่แบบนี้ค่ะ Built-in ภายในห้องทั้งบานเปิดและลิ้นชักใช้แบบ Soft-closed ทั้งหมดนะ
มือจับบานเป็นสี Rose Gold ท็อปตู้เป็นหินควอทซ์ลาย White Marble ซึ่งส่วนนี้เราสามารถวางแจกันดอกไม้, ของตกแต่ง หรือ Art Object สร้างความประทับใจตั้งแต่เข้ามาภายในห้อง
ส่วนตู้เก็บรองเท้าตู้ที่ 2 ทำสูงถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ
บานเปิดเซาะร่องเข้าไปแบบนี้ค่ะ เป็นดีเทลที่เรียบง่ายที่ทำให้ห้องดูเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น
ภาพมองย้อนกลับไปที่ Foyer
พอเดินเข้าไปในโถงทางเดิน มองทางฝั่งซ้ายมือก็คือประตูห้องน้ำ 2 ค่ะ
พื้นห้องน้ำจะยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อน
ส่วนพื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนขนาด 60 x 60 ซม. ใช้โทนสีเทาเข้มและเทาอ่อน ประตูทางเข้าน้ำจากโถงทางเดินจะเจาะเข้าบริเวณกลางห้องค่ะ ถ้าเรามองไปทางฝั่งขวามือจะเป็นโซนแห้ง มีอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ (ห้องน้ำจะเชื่อมต่อกับห้องนอนเล็กทางฝั่งนี้ด้วย) และมองไปทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นโซนเปียก สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำใช้ของ Toto ทั้งหมดนะคะ
มาดูที่อ่างล้างมือกันก่อน ด้านหลังเคาน์เตอร์ติดกระจกเงาทรงกลมมาให้ แต่ผนังจะกรุกระเบื้องทั้งหมดนะ กระจกเงาสีดำเป็นส่วนตกแต่งค่ะ
อ่างล้างมือเป็นแบบฝังบนเคาน์เตอร์ ปิดผิวแบบ High Gloss พอมีช่องสำหรับเก็บของได้บ้าง
อ่างล้างมือทรงสี่เหลี่ยมค่ะ มีขนาดกำลังดีใช้งานได้สะดวก ท็อปอ่างล้างมือใช้หินควอทซ์ลาย White Marble
ติดตั้งมาพร้อมกับก๊อกน้ำล้างมือ ทรงจับใช้งานได้สะดวก
ข้างอ่างล้างหน้าติดตั้งปลั๊กไฟมาให้ด้วยค่ะ ใช้ของ Panasonic สำหรับที่โกนหนวดไฟฟ้าหรือไดร์เป่าผม
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์ ใช้ระบบ Dual Flush ช่วยประหยัดน้ำได้ดี ติดตั้งมาพร้อมกับ Accessories ประกอบการใช้งาน
สายฉีดชำระ
และที่ใส่แกนกระดาษชำระค่ะ
มาดูที่ส่วนเปียกกันต่อค่ะ ทางโครงการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย เป็นบานกระจกนิรภัยเปลือยขอบ
พร้อมมือจับบานขนาดใหญ่ สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ด้วย
ภายในมีพื้นที่ยืนอาบน้ำขนาดกระทัดรัดกำลังดี โดยก่อธรณีขึ้นมาเพื่อกันน้ำไหลย้อน
ที่ผนังด้านในติดตั้งชุด Rain Shower พร้อมฝักบัวสายอ่อนและราวปรับระดับ
เทียบขนาดหัวฝักบัวให้ดูกับมือค่ะ มีขนาดใหญ่กำลังดี
ผนังด้านข้างเจาะเข้าไปทำเป็นช่องสำหรับวางขวาสบู่แชมพูได้
นอกจากนี้ก็จะมีราวแขวนผ้าเช็ดตัวข้างๆ โซนเปียกอีก 1 จุดค่ะ
ส่วนฝ้าเพดานภายในห้องน้ำเป็นฝ้าฉาบเรียบกันชื้น ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ และพัดลมดูดอากาศให้
ผนังห้องน้ำช่วงบนติดกับฝ้าจะมี Ma หรือ มะ ที่เป็นช่องแสงให้กับห้องน้ำค่ะ เพื่อให้ภายในห้องน้ำดูโปร่งและสว่างมากขึ้น
ออกมาจากห้องน้ำ มองไปทางฝั่งขวาของโถงทางเดิน เราจะเห็นประตูทางเข้าห้องนอน Master Bedroom ค่ะ
พื้นห้องนอนปูด้วยลามิเนตหนา 12 มม.เข้าไปแบบนี้
ภายในห้องนอน Master Bedroom จะเห็นว่าดูสว่างและโปร่งโล่งมากด้วยช่องแสงขนาดใหญ่และฝ้าที่สูงถึง 2.8 เมตร
ช่องแสงของห้องจะเป็นหน้าต่างบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง 1 บาน ใช้กรอบอลูมิเนียม Powder Coat สีดำ ติดกระจกเขียวตัดแสง
ภายในห้องนอนทางโครงการจะให้ฐานเตียงมาด้วย ขนาด 6 ฟุตค่ะ เป็นขนาดที่กำลังพอเหมาะกับพื้นที่ห้อง ใต้เตียงจะมีลิ้นชักสามารถใช้เก็บผ้าปูที่นอนได้
ข้างเตียงฝั่งขวา ทางโครงการให้โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกเงามาด้วยค่ะ
มีลิ้นชักเล็กๆ พอเก็บของได้ ตัว Built-in ชิ้นนี้ใช้ผิว High Gloss นะคะ
มองไปที่ฝั่งตรงข้ามกับหัวเตียงค่ะ เราได้ชุด Built-in เซ็ทนี้มาด้วย
ส่วนแรกเป็น Built-in ชั้นเก็บของ ผิวลายไม้ ทางโครงการติดปลั๊กไฟเอาไว้ให้แล้วนะ สามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังได้
ส่วนที่ 2 เป็นตู้เสื้อผ้า หน้าบานกระจกสีชา เป็นบานเปิดคู่ค่ะ ภายในมีราวแขวนเสื้อผ้า, ลิ้นชักเก็บของ และชั้นเก็บของด้านบน
ส่วนมือจับใช้สี Rose Gold เป็นตัว U แบบนี้
ลิ้นชักเก็บของภายในค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงก็ยังเหลือพอเดินผ่านได้และเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้สะดวกอยู่นะ
เรามองย้อนกลับไปที่ฝั่งประตูทางเข้าห้องค่ะ จะเห็นประตูบานซ้าย เป็นห้องน้ำในตัว
ที่พื้นทำธรณีประตูขึ้นมาให้กันน้ำไหลย้อนเหมือนเดิม
ภายในใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนกับห้องน้ำ 2 ทุกประการค่ะ จะมีเพิ่มเติมขึ้นมาก็คืออ่างอาบน้ำ และโถสุขภัณฑ์แบบ Washlet
มองไปที่ฝั่งทางขวา เป็นส่วนอ่างล้างมือ ได้กระจกเงาทรงกลมมาเหมือนเดิม ผนังกรุด้วยกระเบื้องทั้งหมด
อ่างล้างมือใช้รุ่นเดิมค่ะ แบบฝังบนเคาน์เตอร์ผิว High Gloss ท็อปด้วยหินควอทซ์ลาย White Marble
โถสุขภัณฑ์อัพเกรทขึ้นมาเป็นแบบ Washlet ระบบอัตโนมัติ
ซึ่งติดตั้งแผงควบคุมเอาไว้ให้ที่ผนังด้านข้างค่ะ
อ่างอาบน้ำค่ะ ใช้ของ Toto เช่นกัน ขนาดอ่างลงอาบได้ 1 คนพอดี
ที่ผนังติดตั้งชุด Rain Shower พร้อมฝักบัวสายอ่อนมาให้เหมือนเดิม
สังเกตที่ผนังส่วนบนค่ะ ทางโครงการทำช่องแสงมาให้เหมือนเดิม ช่วยให้ห้องน้ำดูโปร่งและสว่างมากยิ่งขึ้น
คราวนี้เราออกมาดูส่วน Living Area กันต่อ
ส่วนนี้จะประกอบด้วย ส่วนครัว, ส่วนรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่นค่ะ ฝ้าเพดานในส่วนนี้ก็สูงถึง 2.8 เมตรเลยนะ
เรามาเริ่มต้นที่ส่วนครัวกันก่อนค่ะ เราจะได้เคาน์เตอร์ Built-in แบบ L Shape มา ท็อปเคาน์เตอร์ใช้หินสังเคราะห์ ส่วนบานเปิดใช้ผิวลายไม้ และ High Gloss ค่ะ
ที่ใต้เคาน์เตอร์จะมีช่องและลิ้นชัก สามารถเก็บของ, ช้อนส้อม และวางเตาอบหรือเตาไมโครเวฟได้
ด้านหลังเคาน์เตอร์ติดกระจกเงาสีดำ เป็น Splash Board ให้มาด้วยเลย สามารถเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำมันได้ง่าย
บนท็อปครัวติดตั้งอ่างล้างจานให้ 1 หลุม ขนาดกระทัดรัดสามารถใช้งานได้สะดวก พร้อมก๊อกน้ำ หัวสามารถหมุนซ้าย-ขวาได้ ของ Teka
และเตาเซรามิกขนาด 4 หัวของ Teka เช่นกัน ตำแหน่งเดียวกันติดเครื่องดูดควันให้เรียบร้อย
อีกฝั่งนึงใต้เคาน์เตอร์จะเป็นที่วางเครื่องซักผ้าค่ะ แต่ต้องใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าเท่านั้นนะ
ชั้นลอย Built-in ค่ะ ทำมาให้ชนเพดานเลย แบ่งออกเป็น 2 ชั้น เพื่อให้ใช้งานได้สะดวก
ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัว เราสามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารได้แบบนี้ ฝั่งนึงชิดกับโซฟาเบดค่ะ ขนาด 4 ที่นั่งจะกำลังพอดี
พอเราวางโต๊ะรับประทานอาหารแล้วก็จะเหลือพื้นที่ยืนปรุงอาหารพอดีๆ แต่ไม่สามารถเดินผ่านได้เวลามีคนนั่งอยู่นะ
มาดูในส่วนนั่งเล่นกันต่อค่ะ จัดเอาไว้ชิดริมผนังกระจกเข้ามุมสูงถึงเพดาน ทำให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวห้องอย่างเพียงพอ
จากส่วนครัวและส่วนรับประทานอาหาร พื้นที่ก็ยังเหลืออยู่เยอะนะคะ สามารถวางโซฟาเบด พร้อมกับโต๊ะกาแฟได้เลย
ระยะดูทีวีของห้องนี้ก็กว้างพอสมควรค่ะ ใช้ทีวีขนาด 55 นิ้วได้สบาย
ภาพรวมของห้องอีก 1 มุม
เรามองไปที่ผนังกระจกด้านหลังโซฟา จะเป็นประตูบานเลื่อน สามารถเปิดเชื่อมกับระเบียงได้
มือจับประตูค่ะ แบบเซาะร่องมาตรฐาน
พื้นระเบียงลดระดับจากพื้นห้องเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนผิวด้านกันลื่นขนาด 30 x 60 ซม. ราวระเบียงเป็นกระจกนิรภัยค่ะ
พื้นที่วางคอยล์แอร์ด้านข้างทำ Grill ขึ้นมาปิดเพื่อความสวยงาม
ภาพมองจากส่วนนั่งเล่นย้อนกลับไปที่ครัวและโถงทางเข้าห้อง
จากส่วน Living Area จะเชื่อมกับห้องนอนเล็กอีก 1 ห้องค่ะ
ภายในห้องนอนเล็ก ก็มีขนาดไม่ต่างจาก Master Bedroom มากเท่าไหร่ ภายในห้องเราจะได้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต, ตู้เก็บของ และ Built-in ลิ้นชักเก็บของมาด้วยค่ะ
ช่องแสงของห้องก็ไม่ต่างจากห้องนอนใหญ่ค่ะ ได้หน้าต่างบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง
พอวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตแล้วก็จะเหลือพื้นที่รอบๆ สามารถเดินผ่านและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้อยู่
พื้นที่ปลายเตียงก็เช่นกันค่ะ
ไม่แนะนำให้วางอะไรเพิ่มนะ แต่สามารถแขวนทีวีได้
เรามองกลับไปที่อีกฝั่งนึง
เราได้ตู้เสื้อผ้าแบบเดียวกันกับห้องนอนใหญ่มาค่ะ
ส่วนชั้น Built-in ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนตกแต่งของห้องนะคะ ไม่ได้ให้มาด้วย
อย่างที่บอกค่ะว่าจากห้องนอนเล็กก็จะสามารถเชื่อมกับห้องน้ำ 2 ได้ด้วย
::: 1 Bedroom Type 1BM ขนาด 35.0 ตร.ม. :::
คราวนี้เรามาดูห้อง 1 Bedroom Type 1BM ขนาด 35.0 ตร.ม. กันต่อ การวางผังห้องใช้หลักเดียวกับห้อง 2 Bedrooms คือเน้นความเป็นส่วนตัว เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วน Foyer ก่อน จาก Foyer จะเชื่อมสู่ ส่วน Living Area และห้องนอน ส่วนห้องน้ำจะสามารถเข้าได้ 2 ทางค่ะ ทั้งจากโถงทางเดิน และจากห้องนอน ทางโครงการขายห้องแบบ Fully Furnished ไปดูรายละเอียดแบบเจาะลึกกันต่อเลยค่ะ
ประตูทางเข้าห้องใช้บานไม้กรุด้วยลามิเนตพร้อม Digital Door Lock เหมือนเดิมค่ะ
จากโถงทางเดินเข้าสู่ภายในห้องจะเจอส่วน Foyer ปูด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนผิวด้าน ขนาด 60 x 60 ซม. เป็นส่วน Genkan เป็นจุดถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน และภายในปูด้วยไม้ลามิเนตหนา 12 มม.
มองตรงเข้าไปภายในโถงค่ะ จะเห็นว่ามีความ Private ไม่ต่างจากห้องที่แล้ว มีการใช้ตู้เก็บของและจุดวางของตกแต่งเป็นหน้าบ้านเหมือนเดิม ส่วนโถงฝ้าจะสูงที่ 2.6 เมตรนะ
ฝั่งซ้ายมือของโถง มีตู้เก็บรองเท้าให้แบบนี้ สูงถึงเพดานเหมือนเดิม
และตู้เก็บของด้านหน้าพร้อมจุดวางของตกแต่ง, แจกันดอกไม้ หรือพวก Art Object
มองไปทางฝั่งขวามือของโถงจะเป็นห้องน้ำค่ะ
พื้นห้องน้ำจะยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนให้เหมือนเดิม
ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์จะใช้เหมือนกับห้องที่แล้วทุกประการค่ะ ทั้งสุขภัณฑ์จาก Toto และกระเบื้องปูพื้นและผนังพอร์ซเลน
อ่างล้างมือฝังแบบครึ่งเคาน์เตอร์พร้อมก๊อกน้ำ
โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet
และอ่างอาบน้ำค่ะ เป็นโซนเปียก
อ่างอาบน้ำใช้ของ Mogen นะคะ เป็นแบบ Soaking Tub ขนาดอ่างจะพอสำหรับการนั่งแช่น้ำแบบญี่ปุ่น
ที่ผนังติดตั้งฝักบัวสายอ่อนมาให้ค่ะ ไม่ได้ Rain Shower มาเหมือนห้องที่แล้ว
และที่ผนังติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้
ฝั่งข้างโถสุขภัณฑ์ค่ะ จะเป็นประตูทางเชื่อมกับห้องนอน
คราวนี้เราออกมาดูที่โถง Living Area กันต่อ ไล่จากส่วนครัว, ส่วนรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่นเข้าไปตามลำดับ ส่วนนี้ฝ้าได้สูงถึง 2.8 เมตรเลย
ที่พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องค่ะ จุดนี้ดีมาก สามารถเช็ดล้างพวกคราบน้ำมันและอาหารได้ง่าย
เคาน์เตอร์ครัวเราได้แบบ L Shape มาเหมือนเดิมค่ะ ขนาดจะเล็กลงมานิดหน่อย
ได้อ่างล้างจานและเตาเซรามิกของ Teka เหมือนเดิม แต่เตาจะได้ขนาด 2 หัวนะ
ภาพจากห้องครัวมองไปที่ส่วนรับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่นค่ะ
โต๊ะรับประทานอาหารที่ทางโครงการจัดมาให้ดูนี่จริงๆ จะนั่งถึง 4 คนก็ยังพอนะ
ด้านข้างโต๊ะรับประทานอาหารเราได้ชั้นเก็บของ Built-in มาอีกชิ้นด้วยนะ
เรามาดูที่ส่วนนั่งเล่นกันต่อค่ะ
จะสามารถวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้พอดีๆ พร้อมโต๊ะกาแฟตัวเล็กๆ อีก 1 ตัว
ฝั่งตรงข้ามเราสามารถแขวนทีวีขนาด 32- 42 นิ้วได้ค่ะ เพราะระยะทีวีตรงนี้ไม่กว้างมาก
จากส่วน Living Area จะเชื่อมกับระเบียงห้อง ผ่านประตูบานเลื่อน ซึ่งจะเป็นช่องแสงของห้องด้วย
พื้นที่ระเบียงกว้างพอสมควรค่ะ สามารถวางเก้าอี้นั่งเล่นได้ 1 ตัว กล่องสีดำด้านล่างฝั่งขวาคือไฟระเบียงนะ
พื้นที่วางคอยล์แอร์ก็ติด Grill มาให้เหมือนเดิม
ภาพมองย้อนกลับเข้าไปในตัวห้อง
จากส่วน Living Area ก็จะเชื่อมต่อกับห้องนอนด้วยค่ะ
ภายในห้องนอนมีขนาดกำลังดี ดูโปร่งและสว่างด้วยช่องแสงขนาดใหญ่และฝ้าเพดานที่สูง ในนี้เราจะได้ฐานเตียงขนาด 6 ฟุต, โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า Built-in มาครบเซ็ท
พอวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงให้สามารถเดินผ่านได้
ส่วนปลายเตียงไม่แนะนำให้วางอะไรเพิ่มค่ะ แต่ที่ผนังแขวนทีวีได้
ภาพจากฝั่งริมหน้าต่างค่ะ
ที่ข้างเตียงเราจะได้ชุดโต๊ะเครื่องแป้งมาเหมือนห้องที่แล้วค่ะ แต่ไม่ได้เก้าอี้มาด้วยนะ
ตู้เสื้อผ้าก็เป็นตู้แบบมาตรฐานของทางโครงการเหมือนเดิม
จากห้องนอนก็จะสามารถเชื่อมกับห้องน้ำได้ค่ะ
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.blognone.com
นอกจากนี้ในทุกๆ ห้อง ทางโครงการจะติดตั้ง Nasket ที่เป็นระบบการสั่งซื้อของและจัดการธุรกรรมต่างๆ ผ่าน Application บนอุปกรณ์อัจฉริยะมาให้ด้วยค่ะ (ตำแหน่งที่ติดตั้งจะต้องรอสรุปกันอีกทีนะ)
ซึ่ง Nasket นั้นเป็นเป็น Start up ของไทยรายล่าสุด ที่แก้ปัญหาเรื่องประสบการณ์สั่งซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce ที่ยังยุ่งยากและซับซ้อน ด้วยการสร้าง Hardware ที่มีหน้าจอและตัวสแกน Barcode ช่วยให้กระบวนการสั่งซื้อง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก อยากได้อะไรก็เอาไปสแกนเพื่อสั่งซื้อได้ทันที โดยบริการของ Nasket จะมีทั้ง Grocery, Home Services, Food Ordering, Bill Payment, Video Door Bell และ Message Broadcasting ค่ะ
:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (มิถุนายน 2561) ::::
วัสดุโดยรวม
ห้องน้ำ และสุขาภิบาล
งานไฟฟ้า
เฟอร์นิเจอร์
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ
:::: ราคา (มิถุนายน 2561) ::::
ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท คลิก : http://www.thefinebangkok.com/
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย ตั้งอยู่ใน ซ.เอกมัย 12 ห่างจากหน้าปากซอยเพียง 100 เมตรเท่านั้นค่ะ ซ.เอกมัย 12 เป็นซอยที่เชื่อมระหว่าง ซ.สุขุมวิท 63 (เอกมัย) และ ซ.สุขุมวิท 71 (ปรีดี พนมยงค์) และยังเชื่อมกับ ซ.เอกมัย 5 ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อไปยัง ซ.สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ได้อีกด้วย จัดว่าทำเลนี้เป็น Prime Zone ของ ซ.เอกมัยเลยนะ โดยย่านนี้จะเป็นย่านดังไม่แพ้ทองหล่อ เป็นแหล่งของการสังสรรค์และเข้าสังคม ขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหารชิคๆ, สถานบันเทิง และ Community Mall
ทั้งนี้ทั้งนั้น ทำเลนี้ยังเป็นทำเลทองของย่านธุรกิจ และเป็นย่านที่อยู่อาศัยยอดนิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ สาธารณูปโภคและความอุดมสมบูรณ์ให้แจกแจงทั้งหมดก็คงไม่จบค่ะ เพราะเรียกว่าครบทุกวงจร ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, Community Mall, ร้านดังระดับ Hi-end ยันร้านข้างทางแนว Local แต่ลือชื่อเลยค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ความได้เปรียบก็คือ ตัวโครงการตั้งอยู่ใน ซ.เอกมัย 12 ที่เชื่อมระหว่าง ซ.ปรีดี พนมยงค์ และ ซ.ทองหล่อ สามารถทะลุผ่านกันได้เป็นเส้นตรงไม่มีซิกแซก ซ.เอกมัย เป็นเส้นที่เชื่อมระหว่าง ถ.สุขุมวิท และ ถ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีความติดหนึบ แต่หากเดินทางร่วมกับการใช้ทางลัดแล้วก็ถือว่าช่วยได้เยอะทีเดียว ยกตัวอย่างทางลัดที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้ก็มี ซ.เอกมัย 10 หรือตรง Heath Land จะสามารถใช้วิ่งลัดเลาะมาออกที่บริเวณ ซ.สุขุมวิท 65 ได้ แต่ถ้าต้องการเข้าเมืองทาง ถ.พระราม 4 ก็จะมี ซ.สุขุมวิท 36 และ 40 ฝั่งตรงข้าม ที่สามารถใช้เชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ ส่วน ซ.สุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจาก ถ.พระราม 4 กลับเข้ามายัง ถ.สุขุมวิทได้ค่ะ
อีกทั้งตัวโครงการยังใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์, ทางพิเศษศรีรัช และ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทั้งขาเข้าและออกเมืองอีกด้วย จะเห็นว่าจากโครงการนั้นสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย และมีตัวช่วยลดปัญหาในเรื่องของการจราจรค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ ย่านนี้สามารถเดินทางด้วยรถสาธารณะได้สะดวกค่ะ ตัวโครงการเองอยู่ห่างจาก ซ.เอกมัย เพียง 100 เมตร ซึ่งบน ซ.เอกมัย ก็มีรถสาธารณะวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา ส่วนคิววินมอเตอร์ไซค์ก็มีอยู่ภายใน ซ.เอกมัย 12 ด้วย แถมโครงการยังมีบริการรถ Shuttle Bus ไปถึงรถไฟฟ้าสถานีเอกมัย (รายละเอียดของเส้นทางต้องถามทางโครงการอีกทีค่ะ) ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1.3 กม. ถ้าเดินไปจะใช้เวลา 15 นาที และถ้านั่งรถไปจะใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้นค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโดมิเนียมระดับ Luxury ภายใต้คอนเซ็ปต์ Luxury Modern Japanese มี 1 อาคาร จำนวน 220 ยูนิต บนเนื้อที่ 1-1-5 ไร่ มีจำนวนยูนิตต่อชั้นไม่หนาแน่น เน้นความเป็นส่วนตัว จะเห็นได้จากการวางผังของห้อง ที่จะมีส่วน Foyer เป็นจุดถอดรองเท้าและบังสายตาก่อนเข้าสู่พื้นที่ภายในห้อง ซึ่งมีการลดระดับพื้นปูด้วยกระเบื้อง เพื่อเป็นจุดดักจับฝุ่นจากรองเท้าก่อน ส่วนพื้นห้องปูด้วยลามิเนตหนา 12 มม. สัมผัสเหมาะแก่การอยู่อาศัย ฝ้าเพดานแบ่งออกเป็นส่วน ทั้งส่วนที่สูง 2.6 เมตร ในช่วงโถงทางเข้า และ 2.8 เมตร ใน Living Area ถือว่าสูงพอตัวค่ะสำหรับคอนโด
ภายในห้องก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in มาในทุกส่วนของห้อง เพื่อความสวยงามและการจัดเก็บของได้อย่างเป็นระเบียบ ให้มาเป็น Fully Furnished เลยนะคะ ขาดแต่พวกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอย่างโต๊ะรับประทานอาหาร, เก้าอี้ และโซฟาค่ะ การออกแบบห้องมีรายละเอียดสูง ยกตัวอย่างเช่น ช่องแสงบริเวณห้องน้ำ เพื่อให้ห้องน้ำไม่มืดทึบ วัสดุและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็เลือกมาเป็นอย่างดี ได้ในทั้งเรื่องคุณภาพและความสวยงาม โดยรวมแล้วห้องถือว่าลงตัวมากๆ ค่ะ
นอกจากนี้ทางโครงการยังกระซิบบอกว่ามา ทีมช่างที่จะเข้ามาดูแลการก่อสร้างโครงการจะเป็นทีมจากญี่ปุ่นของทาง Keihan Real Estate ด้วยนะ รับรองว่าได้งานดีงานละเอียดแน่นอน
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ที่นี่ให้ Facilities มาเยอะทีเดียวนะ เทียบกับจำนวนยูนิตของโครงการแล้วถือว่าดีมาก โดยแบ่งออกเป็น 4 โซนค่ะ ทั้ง Fine Lounge ที่ชั้น 1 ประกอบด้วย Lobby, Co-Working Room, Private Meeting Room, Mail room, Waiting Area (สำหรับรอรถ), Fine Greenery พื้นที่สีเขียวทั้งรอบๆ โครงการ Spring Garden และ พื้นที่สวน Sky Garden ชั้น 23 และชั้น 27, Fine Retreat ที่ชั้น 30 จัดเป็นโซนเปียกทั้งหมด ประกอบด้วย Swimming Pool ขนาด 5.6 x 20 เมตร , Pool Bar, Hot Pool, The Edge View Point จุดชมวิว และ Sauna Room มีกระจกให้ชมวิว ซึ่งทางโครงการออกแบบให้โซนนี้สามารถชมวิวขอบฟ้าได้ใกล้ที่สุด และ Fine Sky ที่ชั้น 31 เป็นพื้นที่ Lounge ที่ทุกกิจกรรมสามารถชมวิวเมืองได้ 360 องศา ประกอบด้วย Fitness, Karaoke room, Kids Room ,Wine Lounge และ Co-Kitchen และที่ชั้น Roof Top ประกอบด้วย Golf Club และ Sky Seat ค่ะ
ทางโครงการยังมีบริการ Nasket สั่งซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce โดยบริการของ Nasket จะมีทั้ง Grocery , Home Services , Food Ordering , Bill Payment , Video Door Bell และ Message Broadcasting ติดตั้งเอาไว้ให้ (ตำแหน่งยังไม่ระบุนะ)
นอกจากนี้ทางโครงการยังให้ที่จอดรถมากถึง 70% เป็นระบบ Auto Parking ทั้งหมด และระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ใช้ Key-Card ในการเข้า-ออกตัวอาคาร รวมถึงส่วน Private ต่างๆ ควบคู่กับ รปภ.ตลอด 24 ชม. และ CCTV System ค่ะ
:::: คะแนน ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 7.9 | อยู่ใน ซ.เอกมัย 12 ห่างจากหน้าปากซอยเพียง 100 เมตร เชื่อมต่อปรีดี พนมยงค์ และ ทองหล่อได้สะดวก |
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว | 7.9 | อยู่ใกล้ถนนใหญ่ เชื่อมต่อสู่ถนนสายอื่นได้ง่ายแต่รถติด มีทางลัดเลาะพอสมควร และอยู่ใกล้ทางด่วนทั้งขาเข้าและขาออกเมือง |
การเดินทางโดยรถสาธารณะ | 8.0 | มีรถสาธารณะวิ่งผ่านหน้าโครงการ อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสถานีเอกมัย และทางโครงการมีบริการรถ Shuttle Bus ให้ค่ะ |
บ้านและวัสดุ | 8.4 | ออกแบบมาได้ดีค่ะ สวยและน่าใช้งาน มีความลงตัวของฟังก์ชั่น และได้ความเป็นส่วนตัว |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 9.0 | ให้มาเยอะทีเดียวค่ะ จากภาพแล้วดูหรูหราและน่าใช้งานมาก |
ความคุ้มค่ากับราคา | 8.0 | โครงการเหมาะสำหรับครอบครัวตั้งแต่ 2 คน จนไปถึงครอบครัวใหญ่ ชอบความเป็นญี่ปุ่น อยากได้ห้องที่ตกแต่งมาครบ เข้าอยู่ได้เลย ซื้อเฟอร์เพิ่มอีกนิดหน่อย ชอบความเป็นย่านทองหล่อและเอกมัย ต้องการเดินทางด้วยรถสาธารณะสะดวก |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 8.2 | ดีมาก |
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
Tel : 065-219-2727
WEBSITE : http://www.thefinebangkok.com/
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น