รีวิว คอนโด เอ สเปซ ไอดี อโศก-รัชดา a space ID Asoke-Ratchada
a space ID อโศก-รัชดา จาก บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ ตั้งอยู่บนถนนดินแดง เขตดินแดง กทม. ใกล้ MRT พระราม 9, เซ็นทรัล พระราม 9, ฟอร์จูน, บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส, เอสพลานาด รัชดา และ ร.พระราม 9
เอ สเปซ ไอดี อโศก-รัชดา เป็นคอนโด High Rise 29 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการขนาด 2-1-83.70 ไร่ ห้องพักจำนวน 534 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 33.00-72.10 ตร.ม. สร้างเสร็จพร้อมอยู่ปี 2559
สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการครบครัน อาทิ โถงต้อนรับ, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ซาวน่า, สวนพักผ่อน, ห้องประชุมม ห้องสมุด, ประตูคีย์การ์ด, ที่จอดรถ, กล้องวงจรปิด, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท*
ชื่อโครงการ | เอ สเปซ ไอดี อโศก-รัชดา a space ID Asoke-Ratchada |
เจ้าของโครงการ | อารียา พร็อพเพอร์ตี้ / Areeya Property |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง | 1 Bed / 33 ตร.ม. 2 Bed / 66.86 ตร.ม. และ 72.10 ตร.ม. |
เนื้อที่ทั้งหมด | 2 ไร่ 1 งาน 83.70 ตร.ม. |
จำนวนตึก | 1 อาคาร |
จำนวนชั้น | 29 ชั้น |
จำนวนห้อง | 543 ยูนิต |
ที่จอดรถทั้งหมด | 40% |
โซน | รัชดา, ห้วยขวาง, พระราม 9, เพชรบุรี |
ขนส่งสาธารณะ | รถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9, ทางด่วน พระราม 9 |
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ |
กำหนดการ | n/a |
ปีที่สร้างเสร็จ | พ.ศ. 2559 |
ราคา | เริ่มต้น 3.69 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | เริ่มต้นประมาณ 111,818 บาท/ ตร.ม. |
สถานที่สำคัญใกล้เคียง |
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ |
คอนโดพร้อมอยู่ ย่าน New CBD ที่ให้คุณเป็นตัวเองได้มากกว่า กับฟังก์ชั่นห้องที่เลือกได้ตาม ไลฟ์สไตล์ พร้อม Exclusive Foyer หน้าห้องให้ความเป็นส่วนตัวเหมือนอยู่บ้าน และผ่อนคลาย สดชื่นไปกับสวนขนาดใหญ่กว่า 1 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าครึ่งของโครงการ |
คอนโดใกล้เคียง
ที่ตั้งโครงการ
ถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ A Space ID อโศก – รัชดา เป็นโครงการคอนโด High Rise 29 ชั้น ในที่ดินของอารียา ที่ในที่ดินนั้นจะมีโครงการรุ่นพี่คือ A Space อโศก – รัชดา และ A Space Hideaway อโศก – รัชดา ที่อยู่ตั้งอยู่บนถนนดินแดงฝั่งมุ่งหน้าแยกพระราม 9 หรือมุ่งหน้าบางกะปิ ห่างจากแยกพระราม 9 ประมาณ 500 เมตร ถือว่าเป็นทำเลที่น่าสนใจอีกทำเลนึง เนื่องจากบริเวณแยกพระราม 9 นั้นเป็นที่จับตามองกันอยู่ว่ามีศักยภาพที่จะกลายเป็น New CBD ได้ สังเกตได้จากความเจริญและความหนาแน่นของทั้งอาคารสำนักงานและคอนโดที่ไหลมาจากเส้นอโศก ที่เห็นได้ชัดๆสำหรับตอนนี้คือบนเส้นรัชดาภิเษกที่มีอาคารสำนักงาน ทั้งที่มีอยู่เดิมและเปิดใหม่ผุดขึ้นมาหลายอาคารด้วยกันทั้ง AIA Capital, ตลาดหลักทรัพย์ไทย, G Land และอื่นๆ นอกจากนั้นยังมี Central พระราม 9 และ Fortune Town ที่เป็นจุดเด่นของทำเลแถวนี้อีกด้วย
และจากการที่ตัวโครงการตั้งอยู่บน ถ.ดินแดง ทั้งความคึกคักในเวลากลางวันและกลางคืนอาจจะไม่เท่าถนนเส้นอื่นๆ เช่น รัชดาภิเษก แต่ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ที่ อยู่อาศัยใกล้ๆที่ทำงานในย่านรัชดา, อโศก, พระราม 9 ใกล้แหล่งความเจริญ แต่มีความสงบมากกว่าหน่อยและยังเดินทางได้สะดวกอยู่ค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์สำหรับโครงการนี้สะดวกแน่นอนค่ะ เพราะความได้เปรียบของโครงการนี้คือทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้สี่แยกพระราม 9 เราสามารถออกจากโครงการแล้วเลี้ยวไปได้ทั้งสี่ทิศโดยไม่มีทางบังคับเลี้ยว ตอนเช้าๆเวลาจะไปทำงานบนเส้นอโศก, รัชดาภิเษก หรือพระราม 9 ก็ถือว่าสะดวกสบายอยู่พอตัวเลยค่ะหรือหากจะออกไปทางดินแดง วิภาวดี จุดกลับรถก็อยู่ไม่ไกลจากปากทางโครงการ เสียอย่างเดียวคือแถวนี้รถจะติดมากหน่อยค่ะ
นอกจากการใช้เส้นทางหลักแล้วยังมีเส้นทางลัดอีกทางคือจากถนนรัชดาภิเษกสามารถเข้ารัชดา ซอย 3 มาทะลุถนนดินแดงบริเวณซอยก่อนถึงโครงการได้ด้วยค่ะ
ส่วนทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม. ใช้เวลาเดินทางจากโครงการไปประมาณ 4 – 5 นาทีก็ถึงแล้ว (.. แต่ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนก็เผื่อเวลากันอีกซักนิดค่ะ)
ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็ถือว่าสะดวกพอตัวอยู่ค่ะ เพราะรอบๆนี้จะมีทั้ง MRT สถานีพระราม 9 ที่ห่างจากโครงการประมาณ 700 เมตร ถ้าขยันๆหน่อยจะเดินก็พอเดินได้อยู่แต่ถ้าขี้เกียจหรือวันไหนรีบๆ ก้มีพี่วินคิวใหญ่เบิ้ม(..หมายถึงเค้ามีกันหลายคันมากๆน่ะ) หน้าโครงการคอยให้บริการอยู่ ถ้าจะนั่งมา MRT พระราม 9 ฝั่งหน้า Fortune Town ก็จะมีค่าโดยสาร 20 บาท และสำหรับใครที่ต้องเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิก็สามารถใช้แอร์พอร์ตลิงค์สถานีมักกะสันที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3.3 กม. ใช้เว้ลาเดินทางจากโครงการประมาณ10 นาทีค่ะ
ส่วนการใช้รถเมล์ก็จะมีป้ายรถเมล์ห่างจากโครงการประมาณ 250 เมตร โดยจะมีสาย 73, 73ก, 98ร, 171ร, 172ร, 514, 529ร, 555 ส่วนรถ Taxi ก็จะมีวิ่งผ่านหน้าโครงการบนถนนดินแดง สามารถเรียกได้ตลอดค่ะ
นอกจากนั้นในอนาคตเมื่อรถไฟฟ้าสายสีส้มก่อสร้างเสร็จจะมีสถานีรถไฟฟ้าที่สามารถเชื่อมไปเส้นทางอื่นๆได้อยู่ในละแวกนี้เพิ่มขึ้นอีก โดยจะมีสถานี Interchange ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม ทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นอีกค่ะ แผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้จะเริ่มในปี 2560 กว่าโครงการจะเสร็จจริงก็ประมาณ 2563 ก็ดูดีมีอนาคตทีเดียวเชียวค่ะ
(คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูเป็นภาพใหญ่ได้นะคะ)
โดยรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้จะเป็นรถไฟฟ้าสายหลักที่ใช้เชื่อม ฝั่งตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพมหานคร แบ่งเป็น 2 ช่วง
จะมีสถานี Interchange จุดแรกคือเชื่อมต่อสถานีสายสีแดงและสีน้ำเงินที่สถานี บางขุนนนท์ ถัดมาเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานียมราช เชื่อมต่อ Airport Rail Link ที่สถานีราชปรารภ เชื่อมต่อสายสีน้ำเงินที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม เชื่อมต่อสายสีเหลืองที่สถานีลำสาลี และเชื่อมต่อสายสีชมพูที่สถานีมีนบุรี รวมระยะทางประมาณ 39.8 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังมีอาคารจอดรถที่สถานีคลองบ้านม้า จอดรถยนต์ได้ประมาณ 1,200 คัน และสถานีมีนบุรี (เป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพูกับสีส้ม) จอดรถยนต์ได้ประมาณ 3,000 คัน
เป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดินระยะทางประมาณ 30.6 กิโลเมตร มีสถานีใต้ดิน จำนวน 23 สถานีและโครงสร้างทางวิ่งยกระดับ ระยะทางประมาณ 9.2 กิโลเมตร มี สถานียกระดับ จำนวน 7 สถานี
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : http://www.mrta-orangeline.net/
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการทำเลนี้ภายในโครงการจะมี 7 – 11 ใหญ่มาเปิด นอกโครงการในระยะเดินจะมีตลาดขวัญพัฒนา ห่างจากโครงการประมาณ 200 เมตร นอกนั้นก็จะเป็นพวกอาคารพาณิชย์ ที่เปิดเป็นร้านอาหารและอื่นๆ ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้เคียงที่สำคัญๆ ในระยะ 1 กม. จะมี Fortune Town และ Central พระราม 9 สามารถนั่งพี่วินไปได้สบายๆ นอกจากนั้นบนถนนรัชดาก็จะมี ร้านอาหารให้พึ่งพาเยอะ หายห่วงเลยค่ะ ส่วนห้างอื่นๆ ที่ขึ้นไปทางแยกเทียมร่วมมิตรจะมี Tesco Lotus ที่รวบอยู่ใน Fortune Town, Esplanade , The Street และ BigC ค่ะ
การเดินทาง
การเดินทาง เริ่มจาก แยกโบสถ์แม่พระ > ถนนดินแดง > A Space ID อโศก – รัชดา *ใกล้ซอยข้างชุมสายโทรศัพท์ ติดคลองนาซอง
การเดินทางเราเริ่มจาก แยกโบสถ์แม่พระบนถนนดินแดง ที่มาจากแยกดินแดง วิ่งตรงมาไป แยกพระราม 9 ผ่านโครงการ Casa อโศก – ดินแดง
วิ่งตรงมาเรื่อยๆ ไม่ขึ้นสะพานลอยนะคะ อยู่ทางเลนซ้ายไว้ค่ะ อีกประมาณ 400 เมตร ถึงโครงการค่ะ
ถึงโครงการ A Space อโศก – รัชดา , A Space Hideaway อโศก – รัชดา และ A Space ID อโศก – รัชดา จะอยู่ที่ตั้งเดียวกันเลยค่ะ
บริเวณด้านหน้าทางเข้า Sales Gallery ของ A Space ทั้ง 3 โครงการค่ะ
ถนนและแยกที่สำคัญรอบๆโครงการ เช่น
สถานที่สำคัญรอบๆโครงการ เช่น
การเดินทางด้วย MRT พระราม 9
เริ่มจากรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพระราม 9 เรามาถึงกันแล้วก็เดินทางตามป้ายไปทางออก 1 อาคารฟอร์จูน ทาวน์ค่ะ
ออกมาที่ทางออก 1 หันหน้ามาดูตัวสถานีเต็มๆซะหน่อย
เริ่มออกเดินไปโครงการ เดินมุ่งหน้าไปทางแยกพระราม 9 นะคะ ขวามือคือห้างฟอร์จูน ทาวน์ เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใกล้โครงการและเดินทางมาถึงได้สะดวกที่สุดค่ะ
ถนนเส้นที่เรากำลังจะเดินอยู่ตอนนี้คือถนนรัชดาภิเษกนั่นเองค่ะ
ฟุตบาทแถวนี้กว้าง เดินสะดวก แต่อาจจะมีร้านหาบเร่แผงลอยมาตั้งบ้างช่วงหน้าห้างฟอร์จูนทาวน์
ผ่านโรงแรม M Grand Mercure
ถึงแยกพระราม 9 ซึ่งเป็นแยกที่ถนนรัชดา – พระราม 9 – อโศก ดินแดง มาตัดกันค่ะ
เราก็ยงคงเดินเลาะไปเรื่อยๆ ตอนนี้เรามาอยู่บนถนนดินแดงแล้วค่ะ
ฟุตบาทแถวนี้จะแคบลงนิดนึง กลางคืนน่าจะเปลี่ยวหน่อย
ระหว่างทางที่เดินไปโครงการจะต่อจากนี้จะเป็นอาคารพาณิชย์เกือบทั้งหมดเลยค่ะ ซึ่งคนแถวนี้ก็จะใช้เปิดเป็นธุรกิจส่วนตัวกัน ตั้งแต่ร้านอาหารเล็กๆ, ร้านเสริมสวย, ร้านทอง, อู่ซ่อมรถ, ร้านขายของชำ, คลินิก และอื่นๆ บรรยากาศตอนกลางวันคึกคักปานกลาง แต่กลางคืนหลังจากที่เค้าปิดร้านกันแล้วก็อาจจะเปลี่ยวหน่อยค่ะ
ลักษณะของร้านอาหารที่เปิดก็จะเป็นร้านเล็กๆ – ร้านขนาดกลาง หรือร้านตามสั่งประมาณนี้ค่ะ
ผ่านซอยเกียรติชัย
ซอยนี้สามารถไปเชื่อมกับรัชดาภิเษกซอย 3 ออกไปทะลุถนนรัชดาภิเษกได้ค่ะ
ผ่านซอยเกียรติชัยมาได้อีกหน่อยจะเจอร้าน Pizza Hut Delivery
ซอยถัดไปที่เราจะต้องเดินผ่านคือซอยอยู่เจริญและมี 7 – 11 บริเวณหน้าปากซอยค่ะ
ภายในซอยจะมีตลาดอยู่เจริญ เป็นตลาดสด
มีคิวพี่วินอยู่หน้าปากซอยด้วย
ร้านอาหารหน้าปากซอย
เราเดินต่อไปเรื่อยๆ สภาพแวดล้อมยังเป็นอาคารพาณิชย์ยาวตลอดทางค่ะ
ผ่านซอยเลิศแก้ว ซอยนี้ก็สามารถไปเชื่อมกับรัชดาภิเษก ซอย 3 ได้เช่นกันค่ะ
หน้าปากซอยจะมีร้านทองหงส์รัชดาอยู่
เดินต่อมาเรื่อยๆผ่านธนาคารไทยพาณิชย์
ผ่านสถานีไฟฟ้าย่อยแสนแสบ
ผ่านซอยทรัพย์ธานี
ที่หน้าปากซอยจะมีธนาคารกสิกรไทยอยู่
ซอยถัดมาคือซอยสรงปรางค์ และเช่นเคย ซอยนี้ก็สามารถทะลุไปรัชดา ซอย 3 ได้อีกเช่นกัน
หน้าปากซอยมีร้านอาหารตามสั่ง
และร้านขายของชำ
เดินต่อมาเรื่อยๆค่ะ
ผ่านซอยวัดโพธิ์ปั้น
หน้าปากซอยมี 7 – 11
เดินต่อมาเรื่อยๆ ผ่านไปรษณีย์ไทย สาขาดินแดง
ผ่านอาคารสำนักงานเก่า
ผ่านอาคารพาณิชย์ที่เปิดป็นบริษัท พงษ์ภรณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด
เดินมาเรื่อยๆถึงสะพานข้ามคลองแสนแสบ
จากตรงนี้เราสามารถมองเห็นตัวโครงการได้แล้วค่ะ
เดินต่อมาเรื่อยๆ ฟูตบาทหน้าโครงการดูจะขรุขระ ต้องเดินด้วยความระมัดระวังนะคะ
มีทางม้าลายสามารข้ามฝั่งได้ สำหรับใครที่ใช้บริการรถสาธารณะอย่างรถเมล์หรือ Taxi แล้วไม่อยากต้องนั่งไปกลับรถก็สามารถที่จะข้ามถนนเพื่อไปขึ้นรถอีกฝั่งได้ค่ะ
เดินต่อมาอีกไม่ไกลก็ถึงโครงการแล้วค่าา
หน้าโครงการจะมีคิวพี่วิน แบบว่าหลายคันมากๆ คอยให้บริการ
Sale Gallery จะอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ๆกับคิวพี่วินเลยค่ะ
ภายใน Sale Gallery ตกแต่งมาแบบสวยงาม มีที่นั่งรับรองหลายชุดค่ะ
รอบๆโครงการ
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านต่างๆ หน้าโครงการหรือทิศใต้จะติดถนนใหญ่ คือถนนดินแดงฝั่งมุ่งหน้าไปแยกพระราม 9 ฝั่งตรงข้ามจะเป็นบริษัท Toyota Tsusho ทิศเหนือติดกับโครงการรุ่นพี่คือ A Space อโศกา ทิศตะวันออกติดกับคลองแสนแสบ และทิศตะวันตกติดกับอาคารจอดรถของ A Space สูงประมาณ 8 – 9 ชั้น ส่วนทิศตะวันตกบริเวณนอกเขตที่ดินก็จะติดกับธนาคารกรุงเทพ และอพาร์ทเมนท์สูง 10 – 12 ชั้นค่ะ
สภาพแวดล้อมโดยรวมของโครงการจะไม่พลุกพล่าน ต่างกับทำเลใกล้เคียงอย่างเส้นรัชดาภิเษกที่จะมีอาคารสำนักงานอยู่ค่อนข้างเยอะแค่เฉพาะบนเส้นรัชดาช่วงแยกพระราม 9 ถึงบริเวณแยกเทียมร่วมมิตรก็มีทั้ง Uniliver, Unicity Marketing, อาคารภคินท์, AA Capital รัชดา, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, AIA Capital Center, True Tower และ RS Tower ซึ่งแน่นอนว่ามีความอุดมสมบูรณ์แล้วความคึกคักที่มากกว่า เพราะฉะนั้นใครที่ทำงานบนเส้นรัชดาแต่อยากได้ความสงบที่มากกว่าอีกหน่อย และยังคงอยู่ไม่ ไกลจากที่ทำงาน เดินทางสะดวก ตัวโครงการนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเหมือนกันค่ะ
ตัวโครงการ
โครงการ A Space I.D. อโศก – รัชดา เป็นโครงการ High Rise สูง 29 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งสิ้น 543 ยูนิต และส่วนพาณิชย์ 4 ยูนิต พื้นที่โครงการรวมประมาณ 2 – 1 – 83 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่มีขนาดกลางๆค่ะ สถานะของโครงการตอนนี้กำลังก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยเหลือเก็บรายละเอียดงานตกแต่งอีกบางส่วน สำหรับใครที่สนใจสามารถติดต่อสำนักงานขายเพื่อเข้าชมโครงการจริงทั้งส่วนกลาง ห้องตัวอย่าง และห้องจริงได้ทุกวัน เวลา 9.30-19.00 น. ไม่เว้นวันหยุดค่
มาเริ่มที่ผังรวมของโครงการกันก่อน ดูจากผังแล้วจะเห็นว่าทางเข้าของโครงการจะอยู่ถัดจากถนนใหญ่เข้ามาเล็กน้อย โดยใช้ถนนทางเข้าร่วมกับโครงการ A Space อโศก ที่เป็นโครงการรุ่นก่อนหน้า A Space I.D. อโศก – รัชดาภิเษกตัวนี้ค่ะ เมื่อเข้ามาทางถนนร่วมแล้ว ทางเข้าหลักของตัวอาคารจะถูกแยกมาไว้ในแปลงที่ดินของโครงการ โดยจะแบ่งแยกทางเข้า – ออกค่อนข้างชัดเจน มีซุ้มรปภ. และรั้วกั้นไม้กระดกที่ต้องใช้ Key Card Access แตะ เพื่อที่จะผ่านเข้ามาในโครงการค่ะ
เมื่อเข้ามาในโครงการแล้วจะเจอถนนที่วิ่งลัดรอบอาคาร โดยเมื่อผ่านป้อมรปภ.มาแล้วเราต้องเลี้ยวซ้ายวนไปเข้าที่จอดรถด้านหลังอาคาร ซึ่งที่จอดรถของโครงการนี้จะเป็นแบบ Automatic Parking เข้าจอดพร้อมๆกันได้ 4 ช่องจอด มีความจุรถประมาณ 112 คัน ที่ลูกบ้านสามารถขับรถไปจอดในถาดจอดแล้วเดินทะลุมาในตัวอาคารได้เลย ไม่ต้องเดินไปเข้าทาง Lobby ค่ะ ส่วนการทำงานของ Automatic Parking นำเข้าจากผู้นำด้านระบบจอดรถอัตโนมัติในประเทศญี่ปุ่น สามารถเข้าจอด พร้อมๆกันได้ 4 ช่องจอด มีความจุรถประมาณ 112 คัน ที่ลูกบ้านสามารถขับรถไปจอดในถาดจอดแล้วเดินทะลุมาในตัวอาคารได้เลย ไม่ต้องเดินไปเข้าทาง Lobby ค่ะ ส่วนการทำงานของ Automatic Parking จะเป็นระบบออโต้ทั้งหมดค่ะ แค่เราเอารถไปจอด ในถาด ระบบก็จะนำรถไปเข้าที่จอดเอง ซึ่งเราสามมารถเช็คตำแหน่งที่จอดได้จากจอแสดงที่จะมีติดไว้ให้ใน Lobby และ Lounge ค่ะ
นอกจากนั้นยังมีอาคารจอดรถแบบธรรมดา อยู่บริเวณข้างโครงการ ซึ่งมีการกำหนดพื้นที่ช่องจอดแยกโครงการชัดเจน สามารถจอดได้อีกประมาณ 106 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน) รวมทั้งหมด สามารถจอดรถได้ 218 คันหรือประมาณ 40%
ส่วนด้านหน้าโครงการจะเป็นส่วนกลางจุดแรกของที่นี่ มีสระว่ายน้ำแบบ Free Form และสวนสาธารณะแบบเล่นระดับรวมพื้นที่ประมาณ 1 ไร่
สำหรับตัวอาคารของโครงการนี้จะวางไว้ตรงกลางแปลงที่ดิน และมีถนนวิ่งรอบโครงการค่ะ ด้านหน้าอาคารจะมีทางเข้า 2 ส่วนคือ ส่วน Lobby และ ส่วนของ Shop โดย Shop จะมีทั้งหมด 4 Shop ค่ะ แว่วมาว่าจะมี 7 – 11 ตัวใหญ่มาเปิดนะ เมื่อเข้ามาในตัวอาคารจะเจอกับส่วน Lobby เพดานสูงโปร่ง จาก Lobby สามารถเชื่อมต่อไปยัง ทางเข้าที่จอดรถ และโถงลิฟท์ได้ค่ะ โดยลิฟท์ของที่นี่จะมีทั้งหมด 3 ตัว เป็นลิฟท์โดยสาร 2 ตัวและ Service Lift 1 ตัว ส่วนการใช้ลิฟท์โดยสารของที่นี่จะต้องใช้ Key Card แบบ Lock ชั้น สามารถใช้จอดได้ที่ชั้นพักอาศัยและชั้นของส่วนกลางคือชั้น Ground, M1, M2 และชั้นที่อยู่อาศัยได้เท่านั้น ไม่สามารถจะไปจอดชั้นอื่นๆได้ ทำให้มีความปลอดภัยในการพักอาศัยมากขึ้นค่ะ
ลองมาดูตัว Model บ้าง จะได้เห็นภาพกันนะคะ เริ่มจากทางเข้าออกโครงการ ที่เชื่อมต่อกับถนนที่ใช้ร่วมกับโครงการ A Space ตัวเก่า
ขับรถวนมาด้านหลังอาคาร และขับรถเข้าถาดจอด เมื่อเราจะออกจากโครงการก็สามารถเรียกรถเราลงมาแล้วก็ขับออกไปได้จากจุดนี้เลยค่ะ
วนขวา
ออกมาด้านหน้าโครงการ ซ้ายมือจะเป็นทางเข้าหลักสู่ Lobby ส่วนทางขวาจะเป็นส่วนของ Shop มีโต๊ะและเก้าอีกไว้สำหรับนั่งพักผ่อนด้วยค่ะ
ส่วนกลางที่หน้าโครงการจะมีสระว่ายน้ำและสวนสาธารณะ
เมื่อส่วนกลางเสร็จเรียบร้อยก็จะมีหน้าตาประมาณนี้ เป็นภาพที่มองจากพื้นที่นั่งพักผ่อนไปยังตัวอาคารค่ะ
สระว่ายน้ำและสวนสาธารณะที่สร้างเสร็จแล้วบางส่วน
ภาพรวมจากพื้นที่สวนสาธารณะเล่นระดับค่ะ
มีทางลาดให้เดินเล่นชมวิวแบบนี้
ด้านใน Lobby ตกแต่งให้ดูหรูหรา ฝ้าเพดานสูงโปร่งแบบ double volume ด้านในสุดจะเป็นที่ตั้งของห้องนิติ
ส่วนนั่งพักผ่อนใน Lobby จะสามารถมองเห็น ฟิตเนส, Meeting Room และ Library Room ได้ค่ะ
มองจากภายใน Lobby ออกไปยังประตูทางเข้า ที่ใช้กระจกบานสูงถึงฝ้าเพดานทำให้ภายในโถงดูโปร่งมากขึ้นค่ะ
มีจอแสดงภายในที่จอดรถให้เราดูว่าตอนนี้รถเราอยู่ที่ตำแหน่งไหนแล้วค่ะ
มาดูภายในส่วน Lounge กันบ้างค่ะ
ภายในส่วน Lounge ในห้องนี้จะมีจอแสดงตำแหน่งที่จอดรถมาให้ด้วยค่ะ
และภายใน Library Room
ชั้น Mezzanine หรือ M1 ชั้นนี้จะเป็นเสมือนชั้นลอยของชั้น Lobby เลยค่ะ ในชั้นนี้ประกอบไปด้วย Facility ส่วนที่ 2 จะมีห้องประชุม และ Fitness ข้างฟิตเนสจะมีห้องห้องน้ำสำหรับชั้นนี้ไว้ให้บริการด้วยค่ะ
เข้ามาดูภายใน Fitness ที่เสร็จแล้วบางส่วนค่ะ
ภายในฟิตเนสค่อนข้างกว้างขวาง ประกอบไปด้วย จักรยานไฟฟ้า 2 ตัว, ลู่วิ่งไฟฟ้า 2 ลู่, เครื่องบริหารกล้ามเนื้อรวมทั้งร่างกาย
ดัมเบล 2 ชิ้นและอุปกรณ์ช่วย Sit up 2 เครื่อง
วิวที่ได้จากฟิตเนสจะเป็นวิวที่มองออกไปยังสวนสาธารณะหน้าโครงการ
อีกมุมนึงค่ะ
ภายในห้อง Meeting สามารถนั่งประชุมพร้อมกันได้ 15 ที่นั่ง หรือมากกว่านั้นค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น Mezzanine B หรือ M 2 ชั้นนี้ก็ยังคงเป็นส่วนของ Facility ประกอบด้วยห้อง Steam & Sauna แยกหญิงชาย และห้อง Laundry ซึ่งของโครงการนี้จะเปิดให้ร้านซักรีดเข้ามาเปิดให้บริการภายในโครงการ ไม่ใช่แบบวางเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญไว้ให้แบบโครงการอื่นๆค่ะ ข้อดีคือถ้าใครที่ขี้เกียจซักรีดเสื้อผ้าเองก็สามารถเอามาให้ร้านได้ง่ายๆ เพราะอยู่ในตัวอาคารอยู่แล้ว ส่วนข้อเสียคือเราต้องติดตั้งเครื่องซักผ้าไว้เองในห้องถ้าไม่อยากเสียเงินจ้างร้านซักรีดค่ะ
ถัดจากส่วน Facility เรามาดูในส่วนชั้นพักอาศัยกันต่อ ผังของส่วนพักอาศัยดูแล้วก็เข้าใจได้ง่ายๆค่ะ เพราะออกจากโถงลิฟท์มาก็จะเจอกับโถงทางเดินยาวๆ ตรงๆ ความกว้างโถงทางเดินประมาณ 2.5 เมตร ที่มีการออกแบบใน Concept Refreshing Corridor มี Vertial Garden ขนาบทั้ง 2 ข้างทาง และมี Exclusive Foyer หรือชานหน้าห้องที่ให้ความรู้สึกเหมือนชานหน้าบ้าน สำหรับนั่งพัก หรือนั่งใส่รองเท้าก่อนจะเข้าไปในห้องค่ะ พร้อม ตู้จดหมายส่วนตัว โดยผังห้องของชั้นพักอาศัยนี้จะแบ่งเป็น 2 แบบคือแบบที่จัดวางยูนิตพักอาศัยไว้เต็มชั้น
กับผังอีกแบบที่การวางแบบห้องพักจะเหมือนกับแบบบนเลยแต่จะถูกลดยูนิตพักอาศัยออกไปชั้นละ 1 ห้อง บริเวณหน้าโถงลิฟท์ เพื่อให้เป็นช่องเปิดสำหรับ มุมสวนพักผ่อน ที่มีส่วนช่วยให้ลมธรรมชาติโกรกเข้ามาในตัวอาคารได้ดี ทำให้ภายในโถงทางเดินไม่อบอ้าวและอับชื้นค่ะ โดยชั้นที่ถูกลดยูนิตไปเป็น Vertical Garden ลักษณะเป็นโถงเปิดสูงๆ จะมีชั้น 4, 5, 6, 7 / 10, 11/ 14, 15, 16/ 18, 19, 20/ 23, 24, 25/ 28 และ 29 โดยชั้นที่สามารถเดินออกไปยังสวนได้จะเป็นชั้น 4, 10, 14, 18, 23 และ 28 ค่ะ
โถงทางเดินกว้างประมาณ 2.5 เมตร ที่ขนาบด้วย Vertical Garden หน้าห้องแต่ละห้อง โดยตัว Vertical Garden นี้จะใช้ต้นไม้ใบไม้ปลอมมาประดับ เพื่อให้ง่ายกับการดูแลรักษา นอกจากนั้นหน้าห้องทุกห้องจะมีตู้จดหมายเป็นของตัวเอง เมื่อมีจดหมายหรือพัสดุมา ทางนิติก็จะเอามาแจกจ่ายตามห้องเหมือนไปรษณีย์เลยค่ะ ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่มีห้อง Mail Room นะคะ
Vertical Garden ภายนอกอาคารที่ใช้พื้นที่ของห้องพักอาศัยชั้นละ 1 ห้อง มาทำเป็นสวนเปิดแบบนี้ค่ะ
ให้ดูภาพรวมของมุมสวนพักผ่อนบนตัวอาคารที่ทำเป็นช่องเปิดจากมุมสูง
แบบห้องภายในโครงการ
ห้อง 1 Bedroom Type A ขนาดพื้นที่ประมาณ 32.84 ตร.ม.ออกแบบใน Style uniquely ผังห้องเน้นความเป็นสัดส่วนของการใช้งาน มีจำนวนทั้ง 319 ห้อง แบ่งเป็นชั้นละประมาณ 12 ห้อง
ห้อง 1 Bedroom Type B ขนาดพื้นที่ประมาณ 32.84 ตร.ม.ออกแบบใน Concept ของ Flexible planning ผังห้องเน้นความโปร่งโล่งของพื้นที่ มีจำนวนทั้งสิ้น 168 ห้อง แบ่งเป็นชั้นละประมาณ 8 ห้องค่ะ
แบบห้อง 2 Bedroom Type a ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 66.86 ตร.ม. มีจำนวนทั้งสิ้น 28 ห้อง แบ่งเป็นชั้นละ 1 ห้องเป็นห้องมุมค่ะ
แบบห้อง 2 Bedroom Type B ขนาดพื้นที่ประมาณ 72.10 ตร.ม. มีจำนวนทั้งสิ้น 28 ห้อง มีชั้นละ 1 ห้อง เป็นห้องมุมค่ะ
วิวรอบๆโครงการ
เนื่องจากเป็นโครงการ High Rise หลายๆคนคงอดถามถึงวิวรอบๆโครงการไม่ได้ วันนี้เราเลยเก็บภาพมาให้ชมกันค่ะ โดยจากภาพมุมสูงจะเห็นว่ารอบๆโครงการจะมีอาคารสูงที่ Block วิวในระยะใกล้อยู่บ้างในทิศ
วิวทางทิศตะวันตกไม่มีตึสูงบังเลย สามารถมองเห็นถนนดินแดง และวิวเมืองได้ไกลค่ะ
ทางทิศตะวันออกจะมีอาคารสำนักงานเก่า แต่ด้วยความที่ห้องพักหันในทิศเหนือใต้ จึงทำให้ไม่ค่อยเห็นวิวนี้ค่ะ
ทิศใต้ หรือทางหน้าโครงการจะหันไปทางด้าน Airport Link มีโครงการคอนโดของศุภาลัย สูงประมาณ 29 ชั้นกับอาคารสำนักงานของ Toyota ตั้งขวางบังวิวอยู่บ้างค่ะ
ทิศเหนือหรือด้านหลังโครงการแทบจะไม่มีตึกสูงบังวิวเลย แต่หลังโครงการจะมี A Space อโศก ซึ่งเป็นโครงการรุ่นพี่ของ A Space ID ตั้งอยู่ เป็นโครงการคอนโดสูง 8 และ 14 ชั้น แต่จากการออกแบบอาคารที่จัดให้ Automatic Parking อยู่ด้านล่างชั้น พักอาศัย ทำให้ห้องชั้น 2 ของที่นี่สูงเท่ากับประมาณชั้น 11 ของตึกทั่วๆไป เพราะฉะนั้นหากเลือกห้องพักประมาณชั้น 4-5 ของที่ นี่ ก็จะไม่เห็นโครงการบังแล้วค่ะ
ห้องตัวอย่าง
ห้องตัวอย่างของโครงการนี้จะมีแค่ 2 ห้องเท่านั้นค่ะ เป็นห้อง Type 1 Bedroom คือ
โดยจะเห็นว่าภายในห้องจะมีพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชั่นการใช้งานที่เท่ากัน ความแตกต่างของ 2 แบบนี้คือการจัดวางแปลนค่ะ โดยทางโครงการได้ทำผัง 1 ห้องนอนออกมา 2 แบบ สำหรับคนที่มี Life Style ที่แตกต่างกัน
มาเริ่มที่แบบแรกค่ะ เราจะพามาดูห้อง Type B ซึ่งเป็นการจัดห้องแบบทั่วไปกันก่อนค่ะ ตัวห้องจะเป็นห้องแนวลึกนะคะ มีห้องน้ำหน้าห้อง เริ่มจากโถงทางเดินเข้ามาในตัวห้อง จะต้องผ่านพื้นที่ชานเล็กๆหน้าห้อง ซึ่งพื้นที่ชานตรงนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของห้องทุกห้องเลยค่ะ เปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวแบบเปิด มีชุดเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว Built – in ครบชุด พร้อมซิงค์ล้างจาน, เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันมาให้พร้อม เนื่องจากเป็นครัวเปิดจึงเหมาะกับการทำครัวเบาๆ แต่ถ้าใครคิดว่าจะทำอาหารจริงจังหน่อยก็สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ค่ะ ติดกับพื้นที่ครัวจะเป็นห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งอย่างชัดเจนด้วยกระจกกั้นอาบน้ำที่ทางโครงการติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
ถัดจากครัวเป็น Living Area ที่สามารถจัดพื้นที่เป็นส่วนทานอาหาร หรือจัดเป็นห้องรับแขก็ได้ค่ะ ถัดจากส่วนทานอาหารจะถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนด้านในเป็นห้องนอน ที่สามารถเชื่อมออกไปยังส่วนระเบียงได้ค่ะ
ใครนึกภาพไม่ออกลองมาดูภาพสามมิติที่จะช่วยให้เข้าใจแปลนห้องได้ง่ายขึ้นค่ะ
ดูแปลนห้องกันไปแล้วเรามาดูของจริงกันบ้างดีกว่าค่ะ เริ่มจากโถงทางเดิน จะตกแต่งด้วย Vertical Garden มีรั้วเตี้ยๆกั้นระหว่างโถงทางเดินกลางกับพื้นที่ชานหน้าห้อง จริงๆแล้วทางโครงการจะมีชื่อเรียกชานหน้าห้องนี้ว่า Exclusive Foyer แต่เราจะขอเรียกว่าชานหน้าห้องแล้วกันเนอะ จะได้เข้าใจกันง่ายๆ
ตู้ไปรษณีย์ที่จะติดตั้งมาให้ที่หน้าห้องทุกห้อง เวลามีจดหมายมาส่งทางนิติก็จะเอาขึ้นมาแจกจ่างตามห้องเหมือนบุรุษไปรษณีย์เลยค่ะ
พื้นที่ชานหน้าห้องนี้จะได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของห้องแต่ละห้อง เราสามารถจะวางรองเท้าหรืออะไรก็ได้เหมือนชานพักก่อนเข้าตัวบ้านค่ะ
ก่อนเข้าห้องจะต้องผ่านประตูรั้วเล็กๆก่อน
หน้าห้องจะมีโคมไฟติดผนังแบบนี้มาให้ทุกห้องนะคะ
พื้นที่ชานหน้าห้องนี้ไม่กว้างเท่าไหร่ ประมาณ 70 ซม. และทางโครงการจะมีแถมชั้นเก็บรองเท้าแบบนี้ให้ด้วย โดยชั้นวางรองเท้านี้สามารถจะใช้เป็นเก้าอี้สำหรับนั่งใส่รองเท้าหน้าห้องได้ด้วย
อีกฝั่งของพื้นที่ชานหน้าห้องจะมีช่องลม ซึ่งเชื่อมต่อกันทุกชั้น ช่วยให้ภายในโถงทางเดินโปร่งไม่อับชื้นและเย็นสบายดีค่ะ
ช่องลมจะมีตะแกรงโปร่งๆกั้นไว้แบบนี้
ช่องลมด้านบนค่ะ
ประตูเข้าห้องลายไม้
มือจับและตัวล็อคแบบก้านโยก พร้อม Digital Door Lock ยี่ห้อ Samsung
เข้ามาในห้องพื้นจะเป็นกระเบื้องเซรามิคสีเทา มีตัวจบกั้นไว้ให้เรียบร้อยค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนครัวทางซ้ายและห้องน้ำทางขวา ซึ่งครัวที่ได้จะได้เป็นครัวแบบเปิด สำหรับใครที่ไม่ค่อยจะได้ทำกับข้าวทานเองก็สามารถจะเปิดครัวไว้โล่งๆ แบบนี้ได้เลย แต่ถ้าใครที่ชอบทำอาหารทานเอง แนะนำให้กั้นห้องนะคะ ไม่งั้นกลิ่นจะเข้าไปส่วนอื่นๆของห้องได้ค่ะ ส่วนการกั้นห้องสำหรับพื้นที่จำกัดแบบนี้เราก็แนะนำให้กั้นห้องด้วยวัสดุที่จะไม่ทำให้ห้องทึบตัน อย่างประตูบานกระจกค่ะ
หลังบานประตูจะมีตัว Stopper ติดตั้งมาให้ป้องกันประตูกระแทกกับเคาน์เตอร์ครัวค่ะ
มาดูพื้นที่ครัวทางซ้ายมือกันก่อนค่ะ เนื่องจากทางโครงการส่งมอบห้องเป็น Fully Fitted ชุดเคาน์เตอร์ครัวที่เราเห็นอยู่นี้จะได้ครบชุด ทั้งเคาน์เตอร์ครัว, ซิงค์ล้างจาน, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควันและตู้แขวนผนัง ตามแบบภาพขวาเลยค่ะ
อ่างล้างจานทรงสี่เหลี่ยม American Standard
พร้อมก๊อกน้ำค่ะ
เตาไฟฟ้าผิวเซรามิค 2 หัว ยี่ห้อ Teka
ชุดเคาน์เตอร์ครัวชิ้นแรกเป็นเคาน์เตอร์ครัว Lixil มีช่องเก็บของใต้อ่างล้างจานและลิ้นชักเก็บของอีก 3 ช่อง
ชุดตู้เก็บของด้านบนจะมีทั้งหมด 3 ชุด 2 ชุดแรกเป็นชั้นเก็บของ 2 – 3 ชั้น
ตู้เก็บของอีกชุดจะอยู่เหนือพื้นที่วางตู้เย็น
ด้านในเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น
อีกฝั่งของห้องครัวจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำ สำหรับบานประตูห้องน้ำที่ได้จริงจะเป็นบาน PVC สีขาว มือจับก้านโยกค่ะ
พื้นห้องน้ำมีธรณีกั้นสูงประมาณ 2 ซม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา
ด้านในห้องน้ำจะแยกส่วนแห้งส่วนเปียกมาให้ชัดเจนพร้อมสุขภัณฑ์ครบชุด
ได้ไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวง พร้อมเครื่องดูดอากาศ
โถสุขภัณฑ์ American Standard พร้อมสายชำระและที่วางกระดาษชำระ
สายชำระพลาสติกแบบธรรมดา ขนาดพอดีๆ
อ่างล้างมือแบบฝังเคาน์เตอร์ ขนาดค่อนข้างกว้างและลึก มีพื้นที่วางของข้างอ่างได้นิดหน่อย
ก๊อกน้ำของอ่างล้างมือยี่ห้อ American Standard
ติดกับอ่างล้างมือเป็นส่วนของพื้นที่อาบน้ำ
มาที่ส่วนอาบน้ำจะมีกระจกกั้นอาบน้ำไว้ให้ บานสไลด์ผลักเข้าไปด้านในห้องอาบน้ำ
ภายในพื้นที่อาบน้ำจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศ 2 บาน ซึ่งหน้าต่างบานนี้จะเชื่อมอยู่กับส่วนของชานหน้าบ้าน บริเวณช่องลมค่ะ
มือจับจับสะดวก สามารถนำผ้าขนหนูมาวางพาดไว้ได้ด้วยค่ะ
พื้นห้องอาบน้ำมีธรณียกสูงขึ้นมาประมาณ 2 ซม.
ภายในห้องอาบน้ำจะได้ฝักบัว 2 ชุด เป็นฝักบัวธรรมดาแบบปรับระดับได้ และฝักบัวแบบ Rain Shower ยี่ห้อ Bathroom Design
ฝักบัวขนาดพอดีๆค่ะ
พื้นที่ในห้องอาบน้ำขนาดประมาณ 1.40 x 0.8 เมตร ขนาดของห้องอาบน้ำสามารถอาบได้แบบพอดีๆ ไม่อึดอัดเกินไปค่ะ
ถัดไปเราจะมาดูในส่วนของ Living Area กันบ้างค่ะ
พอเข้ามาในส่วน Living Area แล้วพื้นจะเปลี่ยนจากกระเบื้องเซรามิคเป็นพื้นลามิเนตลายไม้สีอ่อน
สำหรับห้องตัวอย่างจะจัดพื้นที่บริเวณนี้ให้เป็น Living Area สำหรับนั่งดูทีวีและเขียนหนังสืออย่างเดียว ไม่มีโต๊ะทานอาหารนะคะ จะเอาข้าวมานั่งทานบนโซฟาไปดูทีวีไปก็ได้ สบายๆ แต่ถ้าใครอยากทำให้เป็นกิจลักษณะก็สามารถลองจัดและปรับพื้นที่ให้วางโต๊ะทานข้าวได้นะคะ หรืออาจจะปรับโต๊ะเขียนหนังสือเป็นมุมโต๊ะอเนกประสงค์ เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งานก็ได้ค่ะ
ส่วน Living Room ได้ไฟดาวน์ไลท์มา 2 ดวง
ห้องนี้จัดส่วน Living แบ่งเป็น 2 ส่วนคือโซฟานั่งดูทีวี และโต๊ะทำงานค่ะ
ถ้าจัดห้องตามแบบห้องตัวอย่างก็จะสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้แบบพอดีๆ แต่ถ้าใครไม่จะเป็นต้องใช้โต๊ะทำงานก็สามารถที่จะวางโซฟาขนาด 3 – 4 ที่นั่งได้ค่ะ
ด้านข้างโซฟาติดตั้งโต๊ะทำงานแบบพับได้มาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งถือว่าเป็นไอเดียที่ดีช่วยในการประหยัดพื้นที่ สามารถเก็บเอาไว้ใช้ได้นะคะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นที่วางทีวี ที่ทางโครงการ Built – in เป็นชั้นวางพร้อมผนังกั้นส่วนทีวีและครัวออกจากกันดูป็นสัดเป็นส่วนดีค่ะ
ระยะดูทีวีของห้องนี้อยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 32″ – 60″ ได้เลยค่ะ
จากส่วน Living Area เราจะเข้าไปดูส่วนของห้องนอนกันต่อค่ะ โดยห้องนอนนี้จะถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนคู่ขนาดใหญ่ ข้อดีของการใช้ประตูบานเลื่อนที่เป็นกระจกในการแบ่งห้องคือทำให้เราสามารถแบ่งพื้นที่ได้โดยไม่รู้สึกว่าต้องเสียความโปร่งของห้องไป โดยเฉพาะใกรณีที่มีเนื้อที่ห้องไม่เยอะเท่าไหร่อย่างในคอนโดแบบ 1 Bed หรือ Studio แต่จะมีข้อเสียอยู่หน่อยตรงที่จะเสียความ Privacy ในกรณีที่ช่วงไหนเรามีเพื่อนมาเยี่ยมเยียนบ่อยๆก็อาจจะดูไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่นัก แต่ข้อนี้สามารถแก้ได้ด้วยการติดม่านบังสายตาค่ะ
ชุดประตูบานเลื่อนคู่ของจริงที่เราจะได้ ถ่ายมาให้ดูแบบชัดๆ
มือจับและตัวล็อคแบบเซาะร่องของประตูกั้น Living Area และส่วนของห้องนอน
พื้นห้องนอนยังคงเป็นพื้นลามิเนตต่อเนื่องไปจากส่วน Living Area แต่จะมีรางเลื่อนของประตูเป็นตัวแบ่งพื้นที่ห้องให้อยู่กลายๆ
เข้ามาในส่วนของห้องนอน ห้องนี้ตกแต่งมาแบบคุมโทน ดูเป็นผู้ชายวัยทำงานที่มีสไตล์หน่อย
ส่วนของห้องนอนก็จะได้ไฟดาวน์ไลท์มา 2 ดวง
ทางโครงการวางเตียงขนาดควีนไซส์มาให้ดูเป็นตัวอย่าง จะเห็นว่ามีพื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ด้าน เหลือพอให้วางโต๊ะเล็กๆที่หัวเตียงได้
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งระเบียงเหลือประมาณ 50 ซม. วางโต๊ะข้างเตียงได้ 1 จุด
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับห้องนั่งเล่นเหลือประมาณ 80 ซม. หากฝั่งนี้ไม่วางโต๊ะข้างเตียงแบบในห้องตัวอย่างนี้ ก็สามารถปรับ เตียงให้ใหญ่ขึ้นเป็นขนาดคิงส์ไซส์ได้ ค่ะ
มุมมองจากภายในห้องนอนมองไปยังส่วน Living Area
พื้นที่ปลายเตียงทางโครงการจะมีตู้เสื้อผ้า Built – in ของ Lixil มาให้ 1 ใบ
ภายในตู้เสื้อผ้าจะแบ่งเป็น 2 ช่องแขวนเสื้อใหญ่, ช่องแขวนเสื้อ 1 ช่องเล็ก,ลิ้นชักสำหรับเก็บของอีก 3 ช่อง, และชั้นวางของด้านบนอีก 2 ช่องค่ะ
ระยะปลายเตียงที่เหลือก็สามารถใช้งานตู้เสื้อผ้าได้สบายๆ มีพื้นที่สำหรับให้พอยืนหมุนๆลองเสื้อผ้าได้
จากห้องนอนนี้สามารถเชื่อมตอไปยังระเบียงได้ ด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน บานกรอบอลูมิเนียมรมดำ กระจกเขียวตัดแสง ตัวนี้ได้เป็นประตูบานสูงถึงฝ้าเลยค่ะ ช่วยในเรื่องความโปร่งและช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้พอสมควร
มือจับและตัวล็อค
พื้นระเบียงลดระดับลงไปประมาณ 2.5 ซม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิค
ราวกันตกของระเบียงเป็นราวเหล็กกึ่งทึบกึ่งโปร่ง สีขาว
ด้านนอกระเบียงจะมีกริลล์สำหรับบังแอร์คอมเพรสเซอร์ ให้ภาพรวมที่มองมาจากภาพนอกดูเป็นระเบียงเรียบร้อยค่ะ ส่วนพื้นที่ระเบียงไม่กว้างเท่าไหร่ค่ะ กว้างประมาณ 60 ซม. พอให้ออกมายืนกินลมชมวิวได้แต่ถ้าอยากจะปลูกต้นไม้ก็แนะนำให้เลือกไม้ประดับเล็ก หรือไม่พุ่ม เตี้ยขนาดกระทัดรัดหน่อยค่ะ
แบบที่ 2 ที่เราจะมาดูกันเป็นแบบห้อง Type A Idealist ห้องนี้จะแตกต่างกับห้องแบบแรกตรงที่เค้าย้ายห้องน้ำมาอยู่ระหว่าง Living area และห้องนอนด้านในซึ่งเป็นการออกแบบมาสำหรับคนที่ชอบความเป็นสัดเป็นส่วนและความส่วนตัวที่มากกว่า ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่เรามีแขกมาเยี่ยมเยียนที่ห้องก็สามารถให้แขกอยู่เฉพาะส่วน Living Area ได้ โดยไม่สามารถมองเห็นภายในห้องนอนของเราได้เหมือนแบบที่แล้วค่ะ
ภาพสามมิติเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นค่ะ
พื้นที่หน้าห้องเป็น Vertical Garden
มีรั้วเตี้ยกั้นหน้าห้อง ได้โคมไฟและตู้เก็บรองเท้าแบบเดียวกับห้องที่แล้วค่ะ จะแตกต่างตรงที่ห้องนี้จะได้หน้าต่างบานใหญ่ บริเวณ ส่วนครัว ซึ่งเชื่อมต่อกับช่องลมหน้าห้อง ช่วยในเรื่องการระบายอากาศได้ค่ะ สำหรับใครที่ไม่ชอบแบบเปิดโล่ง ก็สามารถติดม่านบังสายตาภายในห้องเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ค่ะ
เข้ามาภายในห้องส่วนแรกที่เจอจะเป็น Living Area ตกแต่งมาด้วยโทนสีชมพู สวยหวาน
ของจริงจะได้ไฟดาวน์ไลท์ตรงส่วนนี้ 2 ดวงพร้อมเครื่องปรับอากาศ 1 ตัวค่ะ
อีกด้านของห้องฝั่งติดกับประตูทางเข้าจะเป็นส่วนของครัวเปิด ซึ่งลักษณะการจัดวางครัวแบบนี้ทำให้กั้นเป็นครัวปิดค่อนข้างยาก ถ้าอยากจะกั้นก็ต้องยอมเสียพื้นที่ส่วนนั่งเล่นไปนะคะ
ส่วนครัวเราจะได้ชุดเคาน์เตอร์ครัวของ Lixil, ซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำ American Standard, เตาไฟฟ้าผิวเซรามิคและเครื่องดูควัน Teka ตามนี้เลยค่ะ ยกเว้นเครื่องซักผ้าและของประดับตกแต่งบนเคาน์เตอร์ อันนั้นเค้าเอาไว้ตั้งโชว์เฉยๆนะคะ
หน้าเคาน์เตอร์ครัวจะมีหน้าต่างบานเลื่อนคู่ บานกรอบอลูมิเนียมสีขาว 1 จุด เป็นหน้าต่างยานที่เราเห็นจากนอกห้องเมื่อสักครู่นี้นั่นเองค่ะ
อีกด้านของห้องจะเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ซึ่งของจริงจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆมาให้นะคะ
มาดูในส่วน Living Area กันต่อ ส่วนนี้สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้แบบพอดีๆ ใหญ่กว่านี้ไม่น่าจะได้แล้วค่ะ เพราะจะไปเกะกะพื้นที่ครัวด้านข้าง
ฝั่งตรงข้ามจัดเป็นชั้นวางทีวีแบบ Built – in
ระยะดูทีวีประมาณ 2.7 เมตร สามารถวางทีวีจอใหญ่ๆ 50″ – 60″ ได้สบายๆเลยค่ะ
จากส่วน Living Area นี้จะมีประตูทางเชื่อมไปยังห้องน้ำและห้องนอนค่ะ โดยประตูบานทางซ้ายคือบานที่เชื่อมไปห้องนอน ส่วนบานทางขวาเชื่อมไปยังห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Living Area และ ห้องนอนค่ะ
ประตูของจริงที่ได้จะเป็นแบบนี้
เราไปดูส่วนของห้องน้ำกันก่อนนะคะ บานประตูห้องน้ำของจริงที่เราได้ จะได้เป็นประตูบานเลื่อน บานโครงไม้กรุอัดยาง กรุผิวลามิเนต วงกบไม้
มือจับแบบเซาะร่องโค้งมน พร้อมล็อคแบบกุญแจจากด้านนอกและลูกบิดจากด้านใน
พื้นห้องน้ำมีธรณีกั้นสูงประมาณ 2 ซม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา
ภายในห้องน้ำส่วนแรกจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room คือมีเฉพาะส่วนเปียกนะคะ ส่วนห้องอาบน้ำจะถูกกั้นแยกด้วยกระจก Temper ของ Bathroom Design
ได้ไฟดาวน์ไลท์มาทั้งหมด 2 ดวง
อ่างล้างมือแบบฝังเคาน์เตอร์ American Standard ขนาดค่อนข้างกว้างและลึก มีพื้นที่วางของข้างอ่างได้นิดหน่อย
อีกด้านของห้องจะเป็นส่วนของโถสุขภัณฑ์
โถสุขภัณฑ์ American Standard พร้อมสายชำระและที่วางกระดาษชำระ
ด้านบนโถสุขภัณฑ์มีพื้นที่เหลือ สามารถเอาตู้วางของน่ารักๆมาวางได้ค่ะ
มาที่ส่วนอาบน้ำจะมีกระจกกั้นอาบน้ำไว้ให้ บานเปิดแบบผลักเข้าไปด้านในห้องอาบน้ำ
โดยประตูกั้นอาบน้ำบานนี้เมื่อผลักเข้าไปแล้วก็จะกลายเป็นประตูที่ใช้กั้นระหว่างห้องอาบน้ำกับห้องนอนภายในตัวไปเลยค่ะ
มือจับจับสะดวก สามารถนำผ้าขนหนูมาวางพาดไว้ได้ด้วยค่ะ
มีล็อคไว้ให้เผื่อวันไหนเราอาบน้ำอยู่แล้วแขกต้องการใช้ห้องน้ำก็สามารถล็อคไว้ได้เพื่อความสบายใจ
พื้นที่ห้องอาบน้ำขนาดประมาณ 1.4 x 0.8 เมตร ขนาดพอดีอาบ ไม่อึดอัดค่ะ
ภายในห้องอาบน้ำจะมีช่องแสง 1 บาน เป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ กระจกฝ้า ช่วยให้ได้รับแสงจากระเบียงที่ผ่านเข้ามาในห้องนอนได้นิดหน่อย
ภายในห้องอาบน้ำจะได้ฝักบัว 2 ชุด เป็นฝักบัวธรรมดาแบบปรับระดับได้
และฝักบัวแบบ Rain Shower แบบฝังฝ้า ยี่ห้อ Bathroom Design
จากห้องอาบน้ำสามารถเชื่อมไปยังส่วนของห้องนอนได้ค่ะ
โดยจากห้องนอนเข้าไปในส่วนห้องน้ำจะมีชานเล็กๆ เว้าเข้าไปแบบนี้
มองจากห้องนอนเข้าไปในห้องน้ำก็จะเห็นห้องอาบน้ำก่อนแบบนี้ค่ะ
เรากลับมาที่ Living Area กันอีกรอบ เพื่อเริ่มเข้าไปดูส่วนห้องนอนตั้งแต่เริ่มเข้าประตูกันไปนะคะ โดยประตูบานที่เชื่อมระหว่าง Living Area กับ ห้องนอนนั้นของจริงจะได้เป็นบานประตูบานโครงไม้กรุอัดยาง กรุผิวลามิเนตสีขาว
มือจับประตูของจริงจะได้เป็นก้านโยกแบบนี้
พื้นห้องนอนปูด้วยลามิเนต ลายไม้
เปิดประตูเข้ามาจะเห็นโถงทางเดินสั้นๆ ซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้าตามแบบที่แถมให้ในห้องที่แล้ว ส่วนทางขวามือเป็นส่วนของห้องน้ำค่ะ
ตรงจุดนี้เราจะได้ไฟดาวน์ไลท์มา 1 ดวง
เข้ามาในส่วนของห้องนอนตกแต่งมาแบบหวานแหววเหมือน Living Area มีช่องแสง 1 จุด เป็นหน้าต่างบานเลื่อน 2 ตอน บานกรอบอลูมิเนียมสีดำ
ในห้องนอนจะได้ไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวง
ทางโครงการวางเตียงขนาดควีนไซส์มาให้ดูเป็นตัวอย่าง จะเห็นว่ามีพื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ด้าน เหลือพอให้วางโต๊ะเล็กๆที่หัวเตียงได้
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งระเบียงเหลือประมาณ 60 ซม.
พื้นที่ข้างเตียงอีกด้านเหลือประมาณ 50 ซม. จากระยะข้างเตียงที่เหลือจะเห็นว่าเราสามารถที่จะวางเตียงขนาดคิงส์ไซส์ได้ค่ะ โดยเหลือโต๊ะข้างเตียงฝั่งระเบียงไว้ฝั่งเดียว
ปลายเตียงวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานได้ค่ะ
ระยะปลายเตียงที่เหลือจริงๆ ประมาณ 1.2 เมตร สามารถใส่ฟังก์ชั่นโต๊ะทำงานได้แบบพอดีๆ
จากห้องนอนนี้สามารถเชื่อมตอไปยังระเบียงได้ ด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน บานกรอบอลูมิเนียมรมดำ กระจกเขียวตัดแสง ตัวนี้ได้เป็นประตูบานสูงถึงฝ้าเลยค่ะ ช่วยในเรื่องความโปร่งและช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้พอสมควร
พื้นระเบียงลดระดับลงไปประมาณ 2.5 ซม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิค พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 60 ซม. เหมือนกันกับห้อง Type B
ราวกันตกของระเบียงเป็นราวเหล็กกึ่งทึบกึ่งโปร่ง สีขาว ด้านนอกระเบียงจะมีกริลล์สำหรับบังแอร์คอมเพรสเซอร์ ให้ภาพรวมที่มองมาจากภาพนอกดูเป็นระเบียงเรียบร้อยค่ะ
สวิทช์และปลั๊กไฟใช้ของ Bticino
ราคา (มิ.ย. 59)
โปรโมชั่น
สำหรับโปรโมชั่นสำหรับแต่ละช่วงเวลาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง บ้างนะคะ สามารถสอบถามโดยตรงอีกครั้งได้ที่สำนักงานขาย หากสนใจโครงการสามารถเข้าไปชมโครงการจริงได้ทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 9.30-19.00 น. โดยสามารถชมได้ทั้งห้องตัวอย่าง ชมห้อง จริง สัมผัสบรรยากาศจริงในส่วนต่างๆของโครงการที่พร้อมให้ ลูกค้าเข้าอยู่ และสำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของทาง โครงการ รับส่วนลดพิเศษสูงสุด 100,000 บาท* ด้วยค่ะ ที่ http://www.areeya.co.th/aspaceid
โปรโมชั่นภายในงาน
รับโปรฯ แต่งครบ + เครื่องใช้ไฟฟ้า + ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนฯ พ
สรุป
ทำเลที่ตั้งโครงการ – โครงการ A Space I.D. อโศก – รัชดา อยู่ตั้งอยู่บนถนนดินแดงใกล้แยกพระราม 9 มีระยะห่างประมาณ 500 เมตร จากแยก และใกล้ MRT พระราม 9 ในระยะประมาณ 700 เมตร สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการในระยะใกล้ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ที่เปิดเป็นธุรกิจส่วนตัวต่างๆของคนในละแวกนี้ ส่วนสภาพแวดล้อมในวงกว้างออกมาหน่อยถือว่าเป็นทำเลที่น่าสนใจเพราะให้ทั้งความเงียบสงบแต่อยู่ไม่ไกลจากแหล่งความเจริญและอนาคต New CBD อย่างบริเวณแยกพระราม 9 ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในด้านความเจริญของอาคารสำนักงานที่ไหลมาจากเส้นอโศกเข้าสู่เส้นรัชดาภิเษก และพระราม 9 ค่ะ
ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์โดยรอบบริเวณนี้ก็ถือว่าค่อนข้างสูงมีห้างใหญ่ๆในระยะ 1 กม. ที่ใกล้สุดจะเป็น Fortune Town และ Central พระราม 9 ไกลออกไปหน่อยมี Esplanade รัชดา, The Street, Tesco Lotus, BigC ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินก็พอมีให้พึ่งพิงได้ทั้ง 7 – 11 ที่มีแพลนว่าจะเปิดในโครงการ และตลาดขวัญพัฒนาที่อยูไม่ไกลจากโครงการแค่ประมาณ 250 เมตรเท่านั้นค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว – การเดินทางด้วยรถยนต์สำหรับโครงการนี้สะดวก เพราะออกจากโครงการมาถึงแยกพระราม 9 ก็สามารถเลือกได้เลยว่าจะเลี้ยวไปเส้นไหน มีให้เลือกทั้งเส้นอโศก, รัชดาภิเษก และพระราม 9 เราสามารถออกจากโครงการแล้วเลี้ยวไปได้ทั้งสี่ทิศโดยไม่มีทางบังคับเลี้ยวหรือหากจะไปทางดินแดง วิภาวดี ก็มีจัดกลับรถอยู่ไม่ไกลจากโครงการ ตอนเช้าๆเวลาจะไปทำงานบนก็ถือว่าสะดวกสบายอยู่พอตัวเลยค่ะ แต่สำหรับช่วงเวลาเร่งด่วนก็อาจจะต้องเผื่อเวลากันซักเล็กน้อย
นอกจากการใช้เส้นทางหลักที่ใช้เข้าออกโครงการจาก ถ.ดินแดง แล้วยังมีเส้นทางลัดอีกทางคือจากถนนรัชดาภิเษกสามารถเข้ารัชดา ซอย 3 มาทะลุถนนดินแดงบริเวณซอยก่อนถึงโครงการได้ด้วยค่ะ ส่วนทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม. ใช้เวลาเดินทางจากโครงการไปประมาณ 4 – 5 นาทีค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ – การเดินทางด้วยรถสาธารณะถือว่าสะดวกเลยค่ะ มีตัวเลือกหลากหลายครบแทบทุกแบบทั้ง รถเมล์มีป้ายห่างจากโครงการประมาณ 250 เมตร หน้าโครงการก็มีคิวพี่วินคอยให้บริการและสามารถเรียก Taxi ได้ มีวิ่งผ่านไปมาหน้าโครงการตลอดค่ะ ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่เด่นที่สุดคงจะเป็น MRT พระราม 9 ที่มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 700 เมตร และ แอร์พอร์ตลิงค์สถานีมักกะสันที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3.3 กม. นอกจากนั้นในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีกค่ะ
การออกแบบโครงการและวัสดุ – การออกแบบโดยรวมของโครงการถือว่าทำออกมาแบบกลางๆ ให้ Facility มาครบแต่ทุกอย่างดูจะน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต เริ่มจากที่จอดรถ Automatic Parking ภายในตัวอาคารซึ่งทางโครงการได้พยายามชูให้เป็นหนึ่งในจุดเด่นแต่จำนวนที่จอดได้จริงๆแค่ 106 คัน ที่เหลือต้องไปจอดที่อาคารจอดธรรมดาอีก 106 คัน รวม 40% และยังต้องใช้ร่วมกันกับโครงการเก่าด้านหลังด้วย ก็ต้องมาลองดูว่าจะจัดสรรที่จอดรถกันได้ดีหรือเปล่านะคะ
สำหรับจุดเด่นอีกอย่างของโครงการที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คงจะเป็น Vertical Garden บริเวณโถงทางเดินซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างพิเศษกว่าโครงการอื่น จุดประสงค์คือต้องการสร้างบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวและ Relax จากการเห็นของสีเขียวๆ ซึ่งทำให้ดูพิเศษกว่าโครงการอื่นแน่นอน แต่ก็ต้องการการจัดการที่ดีในระดับนึงเหมือนกัน ในเรื่องฝุ่นและความสะอาด ซึ่งมันก็จะกลายเป็นเรื่องการจัดการภายในหลังเข้าอยู่ไปแล้วอีกค่ะ
การออกแบบห้องในตัว 1 Bedroom หน้าห้องมี Exclusive Foyer หรือชานหน้าห้องมาให้เพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนตัวให้อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ฟังก์ชั่นภายในถือว่าลงตัวดีค่ะ มีฟังก์ชั่นทุกอย่างครบครันและใช้งานได้แบบพอดีๆตามขนาดห้อง แต่อาจจะยังมีการจัดเฟอร์นิเจอร์ห้องตัวอย่างมาให้ดูเป็นไอเดีย 2 แบบ 2 สไตล์ ส่วนห้องจริงที่ได้เป็นห้อง Fully Fitted มีเฟอร์นิเจอร์มาให้แค่บางส่วน เราจึงสามารถจัดสรรพื้นที่กันเองได้สบายๆ
ส่วนตัววัสดุให้มามาตรฐานและค่อนข้างดี สำหรับรายละเอียด Spec ของที่ได้อาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้างบางส่วน ซึ่งต้องสอบถามกับทางโครงการเพิ่มเติมนะคะ ซึ่งตอนนี้จะอัพเดต Spec ให้กันคร่าวๆ คือพื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนได้เป็น พื้นลามิเนต, ห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงเป็นกระเบื้องแกรนิต ไฟในห้องเป็นไฟดาวน์ไลท์ทุกห้อง ส่วนช่องแสงและบานประตูภายในจะได้เป็นบานกรอบอลูมิเนียมสีขาวและดำ ภายในห้องน้ำฟังก์ชั่นครบ มีการแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกให้เรียบร้อยด้วยฉากกั้นกระจก สุขภัณฑ์ในห้องน้ำมี อ่างล้างหน้า American Standard, โถสุขภัณฑ์ American Standard, ฝักบัวแบบธรรมดาและ Rain Shower ของ Bathroom Design สวิทช์และปลั๊กไฟ Bticino
สิ่งอำนวยความสะดวก – ส่วนกลางให้มาครบแต่อาจจะน้อยไปหน่อยสำหรับโครงการ 543 ยูนิต โดยจะมี Facility ที่ชั้น 1 จะมีสวนหย่อมขนาดประมาณ 1 ไร่ และสระว่ายน้ำ Free Form ระบบเกลือ ที่มีบรรยากาศโดยรวมน่านั่งพักผ่อนดีค่ะ ชั้น 1 ภายในอาคารก็จะมี Lobby, Lounge และ Library ชั้น M1 และ M2 จะมี Sauna & Steam, Fitness, Meeting Room และ Laundry ที่ให้เปิดเป็นการพาณิชย์ พร้อมกับ Shop หน้าอาคารอีก 4 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะเป็น 7-11 ขนาดใหญ่ ก็ถือว่าสะดวกดีค่ะ
สำหรับที่จอดรถ Automatic Parking ภายในตัวอาคารสามารถจอดได้ 112 คัน ที่ เหลือสามารถจอดที่อาคารจอดธรรมดาอีก 106 คัน รวม 40% และยังต้องใช้ร่วมกันกับโครงการเก่าด้านหลังด้วย ก็ ต้องมาลองดูว่าจะจัดสรรที่จอดรถกันได้ดีหรือเปล่านะคะ โดยรวมแล้ว Facility ครบครัน แต่บางส่วน อาจจะดูจะน้อยไปบ้างเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต หากเข้าอยู่เต็มทุกยูนิต ส่วนลิฟต์ของโครงการมี 3 ตัว เป็นลิฟท์ โดยสาร 2 ตัวและ Service Lift 1 ตัว อาจจะต้องใช้เวลารอลิฟท์สักหน่อยในช่วงเวลาเร่วด่วน อย่างตอนเช้าและตอน เลิกงานค่ะ
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.5 | ใกล้ New CBD แต่ยังได้ความสงบ เดินทางสะดวก ความอุดมสมบูรณ์เยอะ |
การเดินทาง ใช้รถ | 8.0 | ที่ตั้งโครงการใกล้แยกพระราม 9 เดินทางสะดวกสามารถเชื่อมไปได้ทั้งถนนรัชดาภิเษก, อโศกและพระราม 9 |
การเดินทาง ไม่ใช้รถ | 8.0 | หน้าโครงการมีคิววินมอเตอร์ไซด์, ป้ายรถเมล์ก็อยู่ไม่ไกล,สามารถเรียก Taxi ที่หน้าโครงการได้ตลอด ไม่ไกลรถไฟฟ้า |
ห้องและวัสดุ | 8.0 | แปลนห้องแบ่งได้เป็นสัดส่วนลงตัว ไม่อึดอัด วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ออกแบบได้ลงตัวกับสไตล์ของโครงการ |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 6.5 | ส่วนกลางครบแต่บางส่วนน้อยไปหน่อย ลิฟท์ก็แน่นเกินไปอาจจะต้องใช้เวลารอนานในช่วงเวลาเร่งด่วน |
ความคุ้มค่ากับราคา | 7.5 | ราคาเริ่มต้นตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 111,818 บาท/ ตร.ม. เดินทางด้วยรถยนต์สะดวก เดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวก เสียตรงส่วนกลางน้อย เหมาะสำหรับคนที่หาคอนโดใกล้ที่ทำงานโซนอโศก รัชดา พระราม 9 |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 7.7 | พอใช้ |
สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 1797
Website : คลิกที่นี่
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น