Written by : Nin Yanin
สวัสดีค่า วันนี้ทีมงาน Condonayoo จะพาคุณผู้อ่านไปชมคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ กับโครงการ Aspire Erawan Prime จากทาง AP ที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพโซนบางนา-สมุทรปราการ ที่ติดถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้า ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก และทางด่วนบางนา เชื่อมต่อโซนพระราม 3-สาทร
และที่สำคัญเลยก็คือ ติดทางขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีช้างเอราวัณ เพียงก้าวเดียว ต่อเดียวถึงย่านออฟฟิศใจกลางเมือง (CBD) และย่านศูนย์รวมการค้าชั้นนำ เช่น สยาม, The Em District, Mega บางนา และ Bangkok Mall บางนา
แอสปาย เอราวัณ ไพร์ม เป็น High Rise Condominium Generation ใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาจากแบรนด์ Aspire ที่เพิ่มทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการนำ Smart Application และ New Standard Hygiene เข้ามาใช้ การอัปเกรดวัสดุบางส่วนให้เทียบเท่าแบรนด์ Life ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ Segment สูงกว่า
โดยโครงการมี 1 อาคาร สูง 30 ชั้น ตั้งบนพื้นที่โครงการขนาด 6-1-63.5 ไร่ มีจำนวนห้องพักอาศัย 1,275 ยูนิต และร้านค้าด้านหน้าโครงการอีก 5 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกหลากหลายกับ Lay Out หน้ากว้าง ทั้งแบบ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 27.00-48.5 ตร.ม. ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานภายในโครงการครบครัน ทั้งยังใส่ใจความต้องการของคนทุกไลฟ์สไตล์ ด้วย Facilities ถึง 30 จุด บนพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 3 ไร่ เช่น Welcome Lobby, Grand Lobby, Co-Meeting Room, Co-Working Space, Multi-Sport,
Swimming Pool, Health Complex, Battle Room, Board Game Room, Mini Theatre, Sunset Parlour ได้ความเป็นส่วนตัวกว่า กับระบบจองพื้นที่ส่วนกลาง On Demand Reservation ทั้งหมดนี้ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท* เท่านั้นค่ะ
โครงการนี้จะมีความน่าสนใจกว่า Aspire ตัวก่อน ๆ อย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก https://bit.ly/3pnIsR7
คอนโด Aspire ทำเลอื่นๆ ที่น่าสนใจ…
Aspire รัตนาธิเบศร์-เวสต์ตัน
Aspire รัตนาธิเบศร์
Aspire รัตนาธิเบศร์ 2
Aspire งามวงศ์วาน
Aspire อโศก-รัชดา
Aspire พระราม 4
Aspire เอราวัณ
Aspire เอราวัณ ไพรม์
Aspire พระราม 9
Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง
Aspire สุขุมวิท 48
| ชื่อโครงการ | แอสปาย เอราวัณ ไพร์ม Aspire Erawan Prime |
| เจ้าของโครงการ | เอพี ไทยแลนด์ / AP Thailand |
| เนื้อที่ทั้งหมด | 6-1-63.5 ไร่ |
| จำนวนตึก | 1 อาคาร |
| จำนวนชั้น | 30 ชั้น |
| จำนวนห้อง |
|
| ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
| ที่จอดรถทั้งหมด | 516 คัน คิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน |
| จำนวนลิฟต์ |
|
| โซน | สุขุมวิท-สมุทรปราการ |
| เส้นทางคมนาคม |
|
| ที่ตั้ง | ถนนสุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ |
| กำหนดการ | ก.ย. 2562 |
| ปีที่สร้างเสร็จ | ก.พ. 2565 |
| ราคา | เริ่ม 1.99 ล้านบาท* (กพ. 65) |
| ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | เริ่ม 74,000 บาท/ตร.ม.* (กพ. 65) |
| ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
| สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
โรงพยาบาล
อื่น ๆ
|
| สิ่งอำนวยความสะดวก | 1st Floor
7th Floor
Rooftop
ETC
|
| Tel | 1623 |
| Website | https://www.apthai.com |
[condo-bts-three-headed-elephant]
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนสุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
พิกัด : 13.621309, 100.589747
ทำเลที่ตั้ง Aspire Erawan Prime ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทตอนปลาย ฝั่งขาเข้า ซึ่งตำแหน่งของโครงการจะอยู่ตรงรถไฟฟ้า BTS สถานี ช้างเอราวัณ และห่างจากจุดขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกเพียง 800 เมตรเท่านั้นค่ะ เรียกได้ว่าเป็นทำเลศักยภาพที่มีความสะดวกสบาย เพราะเดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถไฟฟ้า
และยังใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งของในทำเลนี้เอง หรือจะเป็นของทำเลใกล้เคียงก็ไปได้สะดวก ทั้งห้างสรรพสินค้า, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, ตลาดสด, สถานศึกษาชื่อดัง, โรงพยาบาลชั้นนำ, หน่วยงานราชการ รวมไปถึงแหล่งงานและย่านออฟฟิศ เป็นต้น
การเดินทางด้วยรถยนต์ โครงการอยู่ติดถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้าเมืองมุ่งหน้าไปทางสี่แยกบางนา ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของโครงการ ถือว่าเป็นทำเลที่มีความสะดวกสบายสำหรับคนที่ขับรถยนต์ส่วนตัว เพราะสามารถไปไหนมาไหนได้ง่าย ขับรถช่วงสั้น ๆ เพียง 20-25 นาที ก็ถึงเอกมัย-ทองหล่อแล้ว ตรงไปอีกนิดเดียวก็คือโซนอโศกและสุขุมวิทตอนต้น ซึ่งเป็น CBD ของกรุงเทพฯ หรือถ้าจะไปโซนพระราม 3-สาทร-สีลม ก็ให้เลี้ยวซ้ายตรงแยกพระโขนงเข้าถนนพระราม 4 ค่ะ
และจากถนนสุขุมวิทยังเชื่อมต่อกับถนนเส้นและเส้นทางลัดอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถนนปู่เจ้าสมิงพราย, ถนนเลียบทางรถไฟสายเก่า, วงแหวนกาญจนาภิเษก, ถนนเทพารักษ์, ถนนบางนา-ตราด ไปออกถนนศรีนครินทร์ได้ หรือจะไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เท่านั้น ถ้ากลับรถบนถนนสุขุมวิทก็ใช้วิ่งออกเมืองไปทางบางปูและโซนสมุทรปราการได้สบายเลย
ทางด่วน จุดเด่นหนึ่งของโครงการนี้ก็คือ อยู่ใกล้กับจุดขึ้น-ลงทางด่วนหลายจุด ซึ่งที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็นวงแหวนกาญจนาภิเษกฝั่งใต้ ถ้าออกซ้ายจะเป็นขาเข้าเมืองค่ะ ใช้เชื่อมต่อกับถนนวงแหวนอุตสาหกรรม เพื่อเข้าสู่โซนพระราม 3-สาทรได้ง่าย หรือ ใช้ไปโซนพระราม 2-บางขุนเทียนก็ได้ หรือถ้าออกขวา ก็จะเป็นขาออกเมือง ใช้เส้นนี้ไปสุวรรณภูมิได้สะดวกเหมือนกัน
ส่วนจุดถัดมาฝั่งเข้าเมืองจะเป็นทางพิเศษเฉลิมมหานครด่านบางนา ใช้วิ่งไปทางพระราม 2-สาทรได้เช่นกัน ส่วนฝั่งออกเมืองจะเป็นทางพิเศษบูรพาวิถี ใช้วิ่งไปทางสุวรรณภูมิได้อีกทาง
:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ นับเป็นไฮไลต์ของโครงการนี้เลยค่ะ เพราะที่ตั้งของโครงการจะอยู่ติดกับทางขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีช้างเอราวัณ ใกล้แบบก้าวเดียวจริง ๆ ถ้าเดินออกมาด้านหน้าโครงการก็สามารถเดินขึ้นรถไฟฟ้าได้เลย โดยจะเป็นทางออกหมายเลข 4 ซึ่งเป็นบันไดเลื่อน และทางออกหมายเลข 6 เป็นลิฟต์ ไม่ต้องเสียเวลาเดินขึ้นบันไดให้เหนื่อย
และถ้าเราใช้รถไฟฟ้านั่งเข้าเมือง จะใช้เวลาประมาณ 20-25 นาทีถึงโซนเอกมัย-ทองหล่อ และจะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีถึงโซนสยาม มันสะดวกจริง ๆ ค่ะ กะเวลาการเดินทางง่าย โดยห่างจากสถานีช้างเอราวัณออกไปเพียง 2 สถานี ก็จะเป็นจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่สถานีสำโรงด้วย
ความอุดมสมบูรณ์ ทำเลนี้ก็ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ในตัวนะคะ เพราะถัดจากโครงการไปนิดเดียวก็จะมี Big C Jumbo หรือไปบริเวณสำโรงก็จะมีทั้ง Imperial World สำโรง, สำโรงเซ็นเตอร์, ตลาดใหม่สำโรง และตลาดเอี่ยมเจริญ ถัดลงไปทางแพรกษาก็จะมี Robinson แพรกษา หรือออกไปเส้นศรีนครินทร์ที่มี Shopping Mall และ Hypermarket ครบทุกแบรนด์
และมีอีกทางเลือกตรงเส้นบางนา-ตราดที่มีห้างขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Central บางนา, Mega & Ikea บางนา รวมร้านค้าและร้านอาหารเอาไว้มากมาย และในอนาคตก็จะมี Bangkok Mall ซึ่งจะเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในไทยมาเปิดอีกด้วย
สะดวกกว่านั้นก็คือที่หน้าโครงการเองจะมีร้านค้าถึง 5 ยูนิตมาเปิดเพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้าน โดย 1 ในนั้นจะเป็นร้านสะดวกซื้อยอดนิยมอย่าง 7-Eleven ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชม. ไม่ต้องเดินไปไหนไกลค่ะ
:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
โรงพยาบาล
อื่น ๆ
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
เราจะเดินทางไปตัวโครงการโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ทางพิเศษเฉลิมมหานคร > ถนนสุขุมวิท > กลับรถ > โครงการ Aspire Erawan Prime
เราเริ่มต้นการเดินทางโดยใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร เชื่อมต่อทางพิเศษสาย S1 ลงทางออก 17 B มุ่งหน้าไปสมุทรปราการค่ะ
ลงมาจากทางยกระดับจะเข้าสู่ถนนสุขุมวิท โดยเราจะขับผ่าน BTS สถานี บางนา
ตรงไปอีกเป็นสถานีแบริ่ง
จากนั้นเราจะผ่านย่านสำโรงค่ะ โซนนี้จะมีทั้ง Imperal World, ตลาดสำโรงเซ็นเตอร์ และตลาดเอี่ยมเจริญ
ตรงต่อไปเรื่อย ๆ เราจะผ่าน BTS สำโรง
ก่อนถึง BTS ปู่เจ้า จะมี Big C Jumbo อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ
คราวนี้เราให้ดูป้ายสมุทรปราการเอาไว้แล้วขับตรงไปทางฝั่งขวา
เราจะขับผ่านพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
ตรงไปเรื่อย ๆ จนมาเจอสถานีช้างเอราวัณ ให้เราตรงไปอีก 500 เมตรแล้วกลับรถ
ชิดขวาแล้วกลับรถที่จุดกลับรถข้างหน้าเลย
จากนั้นให้เราชิดซ้าย ขับผ่านคอนโด The Trust และ Aspire Erawan มาแล้ว ก็จะเจอโครงการ Aspire Erawan Prime อยู่ทางฝั่งซ้ายมือค่ะ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
จากภาพกราฟิกจะเห็นว่าโครงการ Aspire Erawan Prime นั้นตั้งอยู่ติดกับถนนสุขุมวิทและ BTS สถานีช้างเอราวัณเลยค่ะ เวลาไปไหนมาไหนคือสะดวกมาก ส่วนรอบ ๆ โครงการก็จะมีคอนโดเพื่อนบ้านขึ้นอยู่ 2 โครงการ, ที่ดินเปล่า, อาคารพาณิชย์ และอาคารพักอาศัย ส่วนใหญ่ก็จะมีความสูงไม่เกิน 2-4 ชั้นค่ะ
เรามาเดินดูบรรยากาศโดยรอบโครงการกันก่อนค่ะ เริ่มจากที่ด้านหน้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวสถานีช้างเอราวัณ
จากหน้าโครงการหันไปทางฝั่งขวามือ จะเห็นว่าหน้าโครงการอยู่ติดกับทางขึ้นรถไฟฟ้าเลย ซึ่งจุดนี้จะเป็นบันไดเลื่อนด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นวันที่ต้องรีบเร่งก็ยังเดินทางได้สบาย
ด้านหน้าโครงการจะเป็นร้านค้าค่ะ มีทั้งหมด 4 ยูนิต ส่วนอีกยูนิตจะอยู่ฝั่งด้านใน
1 ในนั้นก็คือ 7-Eleven ร้านสะดวกซื้อยอดนิยมที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชม. มันดีมากตรงที่เราไม่ต้องเดินไปไหนไกล ออกมาตอนกลางคืนก็ไม่น่ากลัว บริเวณด้านหน้าร้านมีชุดโต๊ะ-เก้าอี้จัดเอาไว้ให้ด้วยนะคะ เผื่อใครซื้อของแล้วอยากนั่งทานก่อนขึ้นรถไฟฟ้า
ถัดมาคือโครงการ Aspire Erawan ขายหมดไปแล้วนะคะโครงการนี้ เลยมีโครงการที่ 2 อย่าง Aspire Erawan Prime ตามมา
ติดกันคือคอนโดเพื่อนบ้านอย่าง The Trust
มองไปที่ฝั่งตรงข้าม พื้นที่ที่ติดถนนใหญ่ส่วนมากก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ค่ะ พอเข้าไปด้านในซอยก็จะเป็นส่วนของบ้านพักอาศัย
ถ้าเราตรงไปทางฝั่งนี้ ก็จะมี Robinson แพรกษา ที่สามารถไปเดินชอปปิงซื้อของกันได้
กลับมาที่บริเวณด้านหน้าโครงการ หันไปทางฝั่งซ้ายมือ ติดกับโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์ และเราจะเห็นทางออกหมายเลข 6 ซึ่งตรงนี้จะเป็นลิฟต์นะคะ เผื่อวันไหนต้องขนสัมภาระเยอะ ก็ใช้ลิฟต์ได้เลย
ใต้อาคารพาณิชย์เปิดเป็นคาเฟ่ ใครอยากมานั่งพักดื่มกาแฟก็เดินมาได้ค่ะ
เรามองไปที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคารพาณิชย์ทั้งแถบ เปิดเป็นร้านค้าและร้านอาหาร และยังมี 7-Eleven อีก 1 สาขาด้วย
ไม่ไกลจะมีป้ายรถเมล์ค่ะ อยู่ตรงหน้าสำนักงาน กศน. จังหวัดสมุทรปราการพอดี
จากโครงการตรงไปแค่ 800 เมตรก็จะถึงจุดขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกแล้ว ใครจะเข้าเมืองไปโซนพระราม 3-สาทร คือใช้เป็นทางเชื่อมกับถนนวงแหวนอุตสาหกรรมได้เลย
:::: ตัวโครงการ ::::
สำหรับโครงการ Aspire Erawan Prime จะตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 6 ไร่ เป็น High Rise Condominium สูง 30 ชั้น มีจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,275 ยูนิต และ Shop ร้านค้าอีก 5 ยูนิตบริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งความน่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ การพัฒนาแบรนด์ Aspire ให้มีความ Prime มากขึ้นตามชื่อ ตั้งแต่เรื่องของรูปลักษณ์อาคารและพื้นที่ภายในโครงการ ที่ถูกออกแบบมาให้ดูโมเดิร์นแต่ดูหรูหรามากกว่า
และที่สำคัญเลย ก็จะเป็นในเรื่องของการนำ Smart Application และ New Standard Hygiene เข้ามาใช้ภายในโครงการ เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย
มาดูผังของโครงการกันค่ะ เริ่มจากที่ชั้น G จากทางเข้า-ออกโครงการจะต้องผ่านป้อม รปภ. และระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Smart Access พอผ่านป้อม รปภ. มาแล้วจะเจอกับจุด Drop-Off สำหรับรับ-ส่งลูกบ้าน และจุดพักรับ-ส่งบริการ Delivery แยกเป็นสัดส่วนจากโซนพักอาศัย ซึ่งถือว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ New Normal ได้ดี ถ้าเลี้ยวซ้ายวนไปตามเข็มนาฬิกา จะเข้าสู่อาคารจอดรถ เป็นการจอดแบบ Conventional Parking ค่ะ
จากจุด Drop-Off จะเชื่อมต่อกับ Welcome Lobby เป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor แยกออกมาก่อนเข้าสู่ตัวอาคารสำหรับใช้รองรับแขก พอเข้าไปด้านในอาคารส่วนแรกจะเป็น Grand Lobby เชื่อมต่อกับ Lift Lobby, Meeting Room, Co-Working Space และ Mingle Space พอทะลุออกมาด้านหลังอาคารก็จะเป็นส่วนของพื้นที่สีเขียวสำหรับกิจกรรมนันทนาการ ซึ่งจะมีทั้งมุมสำหรับนั่งพักผ่อน, มุมสนามเด็กเล่น และมุมสำหรับเล่นกีฬา-ออกกำลังกาย
เรามาดูภาพบรรยากาศจริงของตัวโครงการกันค่ะ เริ่มจากการเข้า-ออกโครงการก็จะใช้เป็นระบบ Smart Access ซึ่งเป็นระบบการจำเลขทะเบียนรถ ลูกบ้านของโครงการสามารถผ่านเข้ามาในโครงการได้แบบอัตโนมัติ
นอกจากนี้ก็ยังมีฟังก์ชัน Pre-Register เป็นการลงทะเบียนสำหรับแขกคนพิเศษด้วยเลขทะเบียนรถ ให้แขกของเราผ่านเข้ามาภายในโครงการได้อัตโนมัติ รวมไปถึง Smart Notification เป็นการแจ้งเตือนเมื่อแขกมาถึง และฟังก์ชัน E-Stamp ประทับตราผ่านทางมือถือ รวมไปถึงวันที่เราต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ก็จะมี Do not Disturb Mode เพื่อไม่ให้ใครเข้าพบค่ะ
ด้านข้างมีป้อม รปภ. และติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อความปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบทางเดินสำหรับคนเดินเข้า-ออก เชื่อมมาจากทางเท้าและบริเวณร้านค้าหน้าโครงการ
พอตรงเข้ามาด้านในแล้วจะเป็นพื้นที่ใต้อาคาร ซึ่งเป็นจุด Drop-Off สำหรับส่งลูกบ้านเข้าอาคาร
หรือเลี้ยวไปทางด้านข้างวนตามเข็มนาฬิกา เพื่อเข้าสู่อาคารจอดรถ ซึ่งเป็นแบบ Conventional Parking ตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 รวมแล้วมีที่จอดรถอยู่ 516 คัน หรือคิดเป็น 40% ไม่รวมการจอดแบบซ้อนคัน ซึ่งทางโครงการยังเพิ่มระบบ Car Directory ที่สามารถช่วยค้นหาทะเบียนรถได้ทันที เพื่อแก้ปัญหาการจอดรถขวางค่ะ
การเข้าสู่ตัวอาคารก็จะมีระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้นโดยการใช้ Key Card ทางโครงการเลยออกแบบ Welcome Lobby เป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor แยกออกมาเพื่อใช้รองรับแขก และเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกบ้านมากขึ้น
โดยจะมีชุดเก้าอี้ โซฟา ม้านั่ง รวมไปถึง Sunken Seat จัดเอาไว้ให้เยอะเลยค่ะ รอบ ๆ มีการออกแบบ Landscape ให้สวยงาม เหมือนเป็นพื้นที่สวนหน้าบ้านเลย
อีกเรื่องที่สำคัญก็คือ โครงการได้นำ New Standard Hygiene เข้ามาใช้ เพื่อรองรับการใช้ชีวิตในยุคที่มีการแพร่ระบาดของ Covid 19 เพิ่มความปลอดภัยและความสบายใจในการอยู่อาศัยในโครงการ อย่างการออกแบบพวกประตูหลัก ๆ อย่าง Main Entrance รวมไปถึงประตูโถงลิฟต์ ก็จะออกแบบให้เป็นประตูอัตโนมัติเพื่อลดการสัมผัส และ มีการติดตั้งจุดจำหน่ายแอลกอฮอล์ตามประตูทางเข้า-ออก
พอเข้ามาภายในอาคาร ส่วนแรกก็คือ Grand Lobby ภายในมีการออกแบบให้ดูทันสมัยและหรูหรา มีฝ้าเพดานสูง และมีผนังกระจกเต็มบานเพื่อรับแสงธรรมชาติ และเพื่อเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนภายนอก
มีชุดโซฟาขนาดใหญ่นั่งสบาย ๆ จัดเอาไว้ให้หลายชุดเลยค่ะ เขาออกแบบมาได้ดี ทำบรรยากาศได้สวยเลย ทางโครงการยังเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น ด้วยการติดตั้ง Plasma Cluster ภายในพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการฟอกอากาศจากแบรนด์ Sharp ช่วยฆ่าเชื้อรา, เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสที่อยู่ในอากาศ ให้ลูกบ้านสามารถหายใจได้อย่างเต็มปอด
ส่วนพื้นที่ด้านข้าง Grand Lobby ก็คือห้องนิติบุคคลและ Mail Room
ภายใน Mail Room มีการตกแต่งล้อมาจาก Grand Lobby ดูสะอาดตาและหรูหรา
มีการออกแบบถังขยะสำหรับใส่เศษกระดาษให้ด้วย
และจาก Grand Lobby จะมีโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยังห้องน้ำ ส่วนประตูที่อยู่ปลายโถงจะเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถค่ะ การเข้า-ออกก็ต้องใช้ Key Card เช่นกัน
ห้องน้ำที่ทางโครงการเตรียมให้แยกห้องชาย-หญิงและห้องน้ำแบบ Unisex
ภายในห้องน้ำชาย
ภายในห้องน้ำหญิง
และห้องน้ำแบบ Unisex รองรับได้ทั้งผู้สูงอายุ และผู้ที่ใช้รถเข็น การตกแต่งในห้องน้ำก็ดูสะอาดตาน่าใช้งาน ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าอับเลยค่ะ
ตรงเข้าไปด้านใน ทางฝั่งซ้ายคือประตู Lift Lobby ตรงกลางคือประตูเชื่อมต่อไปยัง Facilites ฝั่งด้านหลังอาคาร ส่วนทางฝั่งขวาที่เป็นห้องกระจก 2 ห้องก็คือ Co-Meeting Room
สำหรับพวกพวกมือจับประตูในพื้นที่ส่วนกลาง รวมไปถึงปุ่มกดภายในลิฟต์ ก็จะมีการติดฟิล์ม Antibacterial และ Virus ให้
Co-Meeting Room รองรับการทำงาน, การคุยงาน และการประชุมแบบออนไลน์ได้ ซึ่งทางโครงการยังมีระบบ On demand Reservation เป็นระบบการจองพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อการใช้งานแบบส่วนตัว จะเป็นการใช้งานคนเดียว หรือการใช้งานแบบกลุ่มก็ได้ นับว่าตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบเลยค่ะ
เรามาดู Facilities ฝั่งด้านหลังอาคารกันต่อ
ห้องแรกก็คือ Co-Working Space พื้นที่ห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก ๆ มีการออกแบบโดยใส่ความเป็น Café ลงไป เพื่อให้เรารู้สึกเหมือนกับว่า เราไม่ได้อยู่แต่ภายในโครงการ แต่ว่าออกมาเปลี่ยนบรรยากาศนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือนั่งทำงานที่ Café ข้างนอก บรรยากาศก็จะดูสนุกขึ้นมาหน่อยค่ะ
ภายในมีการจัดมุมนั่งทำงานเอาไว้หลายแบบเลือกได้ตามชอบ ใครมากับเพื่อนเป็นกลุ่ม ก็จะมีชุดโซฟาเป็นมุมจัดเอาไว้ให้
ใครมาคนเดียวอยากได้ความเป็นส่วนตัว ก็จะมีที่นั่งแบบเดี่ยว ๆ พร้อม Partition กั้นส่วนให้
หรือถ้าใครเป็นสายชอบเข้าสังคม ก็จะมีโต๊ะบาร์แบบนั่งรวมอยู่ตรงกลางห้อง เลือกนั่งได้ตามใจชอบเลยค่ะ
ภาพบรรยากาศภายใน Co-Working Space อีก 1 มุม
แต่สำหรับคนที่ชอบนั่งรับลมและอากาศธรรมชาติ ก็จะมีพื้นที่ Mingle Space เชื่อมต่อมาจาก Co-Working Space ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้จะถูกออกแบบมาในลักษณะ Semi-Outdoor ประตูกระจกสามารถเปิดได้กว้างรับลมได้เต็มที่ และมีพัดลมตัวใหญ่ติดอยู่บนฝ้าเพดานเพื่อช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดีมากขึ้น
จาก Mingle Space ทะลุออกมาด้านหลังอาคารจะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ถูกจัดเป็นฟังก์ชันต่าง ๆ อีกมากมาย
มีทั้ง Pavilion และ Sunken Seat สำหรับนั่งพักผ่อนชมสวน
มีสนามเด็กเล่นพร้อมสไลเดอร์ พื้นปูด้วยแผ่นยางกันกระแทกเพื่อความปลอดภัย
ด้านข้างเป็นพื้นที่สนามหญ้าขนาดใหญ่ โดยออกแบบ Running Loop โดยรอบสำหรับสายวิ่งออกกำลังกายกลางแจ้ง
และยังมีพื้นที่ Multi-Sport ที่รองรับการเล่นกีฬาได้หลายชนิด ได้ทั้ง สตรีทบาส, ฟุตซอล, แบตมินตัน โดยที่ด้านข้างจะมีการออกแบบม้านั่งเหมือนเป็นอัฒจันทร์สำหรับนั่งพักและนั่งเชียร์กีฬา
และพื้นที่ด้านหลังยังมีมุมสำหรับนั่งพักผ่อน, มุมยืดเส้น และมุมสำหรับ Sit Up จัดเอาไว้ให้ด้วย
เรากลับเข้ามาภายในอาคาร เข้าไปดูในส่วนของ Lift Lobby กันต่อ ส่วนนี้ใช้เป็นประตูอัตโนมัตินะคะ เพราะถือว่าเป็นอีกประตูที่ทุกคนต้องใช้ผ่านเข้า-ออกทุกวัน
ภายในโถงลิฟต์จะมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 6 ตัวด้วยกัน
เป็นลิฟต์ของ Mitsubishi รองรับได้ 1000 กก. หรือ 15 คน/เที่ยว พวกปุ่มกดภายในลิฟต์ก็จะมีฟิล์ม Anti-Bacterial และ Virus ติดเอาไว้ให้ค่ะ
ขึ้นมาบนชั้น 7 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักอีกชั้น ซึ่งจะเป็นพื้นที่แบบ Indoor และ Outdoor ส่วนพื้นที่อีกครึ่งของอาคารจะเป็นห้องพักอาศัย ซึ่งในชั้นนี้จะมีทั้งหมด 41 ห้องค่ะ
เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในชั้นนี้ ทางโครงการเลยออกแบบประตู Key Card แยกส่วนห้องพักอาศัยในชั้นนี้ออกไปอีก 1 ชั้น
จากโถงลิฟต์ตรงออกไปที่ฝั่ง Facilities จะมีการแบ่งเป็นโซน Indoor และ Outdoor
มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง เราออกไปดูทางฝั่งซ้ายก่อนค่ะ
ทางฝั่งซ้ายเป็นส่วนของ Lounge เป็นห้องที่มีผนังกระจกรับแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ โดยพื้นที่ด้านหน้าเป็นส่วนของ Breezing Balcony เป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนรับลมธรรมชาติ
ภายใน Lounge มีการแบ่งออกเป็นฟังก์ชันหลายส่วน ส่วนแรกจะเป็นห้อง Battle Room มีโต๊ะพูลจัดเอาไว้ให้ดวลกันสนุก ๆ
ถัดมาเป็นห้อง Board Game ในนี้จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้จัดเอาไว้ให้หลายชุด นัดเพื่อน ๆ มาเล่นกันภายในโครงการได้เลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอก
ถ้าวันไหนอากาศดีไม่อยากเปิดแอร์ ก็สามารถเปิดประตูรับลมเชื่อมต่อกับ Balcony ได้นะ
ห้องด้านในสุดคือ Mini Theatre พร้อมหน้าจอ Projector ขนาดใหญ่รองรับการดูหนัง ถ้าจะดูหนังตอนกลางวันก็สามารถปิดผ้าม่านรอบห้องเพื่อกันแสงได้ค่ะ
มาที่อีกฝั่งจะเป็น Health Complex หรือห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ มีผนังกระจกขนาดใหญ่รับแสงธรรมชาติ ฝ้าเพดานก็สูงโปร่ง ทำให้บรรยากาศเหมาะสำหรับการออกกำลังกาย ในนี้มีเครื่องออกกำลังกายจัดเอาไว้ให้เยอะเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น Cardio หรือ Weight Training Machine
มีม้านั่งราบแบบปรับเบาะได้ พร้อมชุดดัมเบลแบบคละน้ำหนัก ที่ผนังติดกระจกเงาให้เราสำหรับดูท่าเวลาออกกำลังกาย ซึ่งส่วนนี้ช่วยทำให้ห้องดูโปร่งและกว้างมากขึ้นด้วย
ส่วนที่น่าสนใจก็คือ ทางโครงการมีการติดตั้ง Partition กระจกกั้นระหว่าง Cardio Machine แต่ละชิ้นให้ เพื่อความปลอดภัยตามมาตรฐานของ New Standard Hygiene ตามที่เห็นนี้ก็มีทั้งลู่วิ่งไฟฟ้า, เครื่องเดินวงรี และจักรยานไฟฟ้าค่ะ
และมีพื้นที่สำหรับนั่งพักคอยและตู้กดน้ำเตรียมเอาไว้ให้
เราออกมาที่โซน Outdoor กันบ้าง ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้ถือเป็นอีก 1 ไฮไลต์ของโครงการเลยค่ะ โดยทางโครงการมีการออกแบบ Landscape ได้สวยงามล้อมรอบสระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือค่ะ มีขนาดใหญ่เลย
ภายในแบ่งเป็นโซนสระเด็กและ Jacuzzi เอาไว้ให้
รอบ ๆ สระมีการออกแบบพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนให้หลายส่วน ยกตัวอย่างนะคะ มีจุดที่เป็น Pool Terrace พร้อม Day Bed สำหรับนอนรับลมชมวิว
มี Poolside Pavilion สำหรับนั่งพักผ่อนริมสระ
Social Court เป็นมุมนั่งพบปะพูดคุย Mingle กับเพื่อน ๆ
มุมเล่นโยคะกลางแจ้ง
มุมยืดเส้นด้านหน้า Health Complex
และมุม Stone Therapy สำหรับนวดเท้าเพื่อสุขภาพ
โดยรอบออกแบบเป็นทางเดิน สามารถเดินเล่นพักผ่อนรับลมได้
ภาพบรรยากาศโดยรวม จะเห็นว่าทางโครงการทำออกมาได้สวยงามทีเดียว
นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนที่เป็น Shower สำหรับล้างตัวก่อนลงสระ โดยจะเชื่อมต่อกับทางเดินไปยังห้องน้ำค่ะ
ห้องน้ำจะแยกโซนชาย-หญิงให้เป็นสัดส่วน ภายในออกแบบมาดูดีสะอาดตาน่าใช้งาน
บริเวณด้านหน้าห้องจะเป็นตู้ล็อกเกอร์สำหรับเก็บของ
ถัดมาเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ
ด้านในเป็นโซนห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และห้องสตีม
ภายในห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และห้องสตีม
ตั้งแต่ชั้น 9-30 จะเป็นชั้นพักอาศัยเต็มชั้นเลยค่ะ โดยจะมีจำนวนห้องพักอาศัยอยู่ที่ 50 ห้อง/ชั้น แต่ด้วยการออกแบบอาคารที่แบ่งออกเป็น 2 ปีก เลยทำให้ไม่รู้สึกว่ามีความหนาแน่นมากนัก
โถงลิฟต์ของชั้นพักอาศัยจะมีการตกแต่งแบบเรียบ ๆ เพื่อปรับโหมดสำหรับการพักผ่อน
ทางโครงการออกแบบโถงทางเดินแบบ Double Corridor คือวางห้องพักอาศัยเอาไว้ที่ทั้ง 2 ฝั่งของโถง โดยตัวโถงจะมีความกว้างประมาณ 1.4 เมตร เป็นระยะที่คนเดินสวนกันได้สะดวก
Rooftop เป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกชั้น ซึ่งทางโครงการจะออกแบบให้เป็น Sunset Parlor เป็นมุมพักผ่อนชมวิวบนชั้นสูงสุดของโครงการ และมี Sky Jogging สำหรับวิ่งออกกำลังกาย เรียกว่าทางโครงการได้ให้พื้นที่ส่วนกลางมาแบบจัดเต็ม มีความทันสมัย และมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น รวมแล้วเป็นพื้นที่ถึง 3 ไร่เลย นับว่าคุ้มค่ามาก ๆ สำหรับโครงการในระดับราคานี้ค่ะ
สำหรับ Sunset Parlour จะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนขนาดใหญ่ มีการจัดเอาไว้ให้หลายมุมโดยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งของอาคาร
มีชุดโต๊ะเก้าอี้โซฟาจัดเอาไว้หลายชุดเลยค่ะ น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน
มีอยู่มุมหนึ่งที่มองออกไปจะเห็นตึกของโครงการ Aspire Erawan
จากฝั่งทิศตะวันออกจะมี Sky Jogging เชื่อมต่อไปยังฝั่งตะวันตก
การจัดมุมนั่งเล่นจะทำแบบเดียวกันเลยค่ะ ที่แตกต่างก็คือจะได้วิวคนละฝั่งกัน
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ภายในโครงการมีห้องพักอาศัยให้เลือกทั้งหมด 5 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้ค่ะ
TYPE A1 Studio 27 ตร.ม.
TYPE A1M Studio 27 ตร.ม.
TYPE A2 1 Bedroom 27 ตร.ม.
TYPE A3 1 Bedroom 27 ตร.ม.
TYPE B1 1 Bedroom 32 ตร.ม.
TYPE B2 1 Bedroom 32 ตร.ม.
TYPE B3 1 Bedroom 34.5 ตร.ม.
TYPE C1 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม.
TYPE C2 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม.
TYPE C3 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม.
TYPE C4 1 Bedroom Plus 38 ตร.ม.
TYPE D1 2 Bedrooms 46 ตร.ม.
TYPE D2 2 Bedrooms 48.5 ตร.ม.
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้งหมด 2 ห้องด้วยกันนะคะ เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. ไปชมกันเลยค่ะ
::: ห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. :::
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. จะเป็นขนาดห้องเริ่มต้นของโครงการ แต่จะมีความแตกต่างจากห้อง Studio ตรงที่จะมีผนังทึบกั้นส่วนแยกพื้นที่ห้องนอนออกไป ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า หน้าห้องจึงออกแบบมาให้มีความกว้างมากกว่า เพื่อให้พื้นที่ห้องลงตัวมากขึ้น ส่วนแรกของห้องจะเป็น Living Area รวมพื้นที่ครัว, ส่วนรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่นเอาไว้ด้วยกัน จากส่วนนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับระเบียง ห้องน้ำจะอยู่ฝั่งหน้าห้อง เข้าได้จากทางห้องนอนเพียงทางเดียว ภาพรวมของห้องนี้จะเหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยประมาณ 1-2 คนค่ะ
เริ่มจากประตูทางเข้าห้องใช้ประตูบานทึบติดมือจับประตูแบบก้านโยกสแตนเลส และมีตาแมวติดตรงกลางบาน
ห้องของโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted ได้ชุดครัว, ห้องน้ำสำเร็จรูป และเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type 2 ตัว ส่วนวัสดุที่ได้ พื้นจะปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. ผนังฉาบเรียบทาสี และฝ้าเพดานฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลต์สูง 2.5 เมตร โดยการวางผังในห้องนี้จะเป็นแบบ Open Plan เชื่อมต่อหลายฟังก์ชันเข้าด้วยกัน
เริ่มจากส่วนแรกเป็นห้องครัวแบบเปิด
เราได้ชุดเคาน์เตอร์ครัวมากับห้องแบบนี้ ใต้เคาน์เตอร์และบนตู้ลอยมีช่องสำหรับเก็บอุปกรณ์เครื่องครัว มีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าและเตาไมโครเวฟได้ หน้าบานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนต ใช้บานเปิดแบบ Soft Close ค่ะ
มีการติดตั้งเตาเซรามิกขนาด 2 หัว, เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานขนาด 1 หลุมของ Teka ให้ โดยใช้ Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว ส่วน Backsplash ติดกระเบื้องมาให้
เตาเซรามิกขนาด 2 หัว
เครื่องดูดควันติดเอาไว้ที่ตำแหน่งเดียวกัน
อ่างล้างจานขนาด 1 หลุมของ Teka
ส่วนฝั่งตรงข้ามยังเหลือพื้นที่ให้เราวางตู้เย็น จะเพิ่มตู้เก็บของหรือตู้เก็บรองเท้าเพิ่มอีกสักตัวก็ยังทำได้ค่ะ
ติดกับครัวจะเป็นส่วนรับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่น
ซึ่งห้องตัวอย่างจัดเป็นโซฟาตัวยาวแบบ 4 ที่นั่ง, สตูล กับโต๊ะกลมอีก 1 ตัวเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งรับประทานอาหารและนั่งพักผ่อนได้ในเวลาเดียวกัน นับว่าเป็นไอเดียที่ดีเลยนะ เพราะทำให้เราวางโซฟาขนาดใหญ่แบบนี้ได้ในห้องขนาด 27 ตร.ม. แต่ถ้าใครที่ชอบนั่งทานอาหารแบบจริงจังกว่านี้ จะเปลี่ยนเป็นวางเก้าอี้ 2 ตัว แล้วหดโซฟาให้เหลือเป็นขนาด 2-3 ที่นั่งแทนได้
ส่วนฝั่งตรงข้ามก็วางเป็นชั้นวางทีวี จะทำ Built-in เป็นลิ้นชักและชั้นวางของเพิ่มก็ทำได้
ด้านข้างส่วนนั่งเล่นนี้ก็จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ เป็นประตูบานเลื่อนกรอบอะลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสงแบบ 2 ตอน
เปิดออกไปก็จะเป็นพื้นที่ระเบียงขนาดกำลังพอดี ๆ ใช้ตากผ้าและทำงานซักล้างได้ ที่พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ผนังด้านข้างมีก๊อกสนามติดตั้งมาให้
ส่วนพวก Compressor จะถูกแขวนไว้อยู่บนฝ้า เพื่อให้เราสามารถใช้พื้นที่ได้แบบเต็มประสิทธิภาพค่ะ
แม้ว่าห้องนี้จะมีพื้นที่อยู่ 27 ตร.ม. แต่ก็ยังมีการแบ่งพื้นที่ห้องได้อย่างเป็นสัดส่วน อย่างพื้นที่ห้องนอนก็จะกั้นส่วนออกไปด้วยผนังทึบไปเลย เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้พื้นที่ห้องดูแคบเกินไปนะคะ
ภายในห้องนอนถือว่ามีพื้นที่กำลังดี เพราะวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้
โดยที่ขนาด 5 ฟุตจะเป็นขนาดกำลังดี ไม่ทำให้ห้องแน่นจนเกินไป
ด้านข้างเตียงนอนยังวางโต๊ะทำงานตัวเล็ก ๆ และวางตู้เสื้อผ้าขนาดมาตรฐานได้
ใครที่ชอบดูทีวีก่อนนอน แนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังที่ฝั่งปลายเตียงนะคะ ดูแล้วก็ยังเหลือพื้นที่รอบ ๆ เดินผ่านได้สะดวก
และในห้องมีช่องแสงขนาดใหญ่ โดยจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับเปิดระบายอากาศมาให้
ส่วนห้องน้ำจะเข้าได้จากทางฝั่งห้องนอนทางเดียว
เราได้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ซึ่งเจ้าห้องน้ำสำเร็จรูปมันมีข้อดีอยู่ตรงที่ มันสามารถควบคุมคุณภาพได้ง่ายกว่า พวกปัญหาการรั่วซึมต่าง ๆ ก็จะน้อยกว่าห้องน้ำแบบปกติค่ะ ภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีขาว-เทาดูสะอาดตา และใช้สุขภัณฑ์ของ Kohler ทั้งหมดเทียบเท่าแบรนด์ Life เลยค่ะ
มีอ่างล้างมือแบบแขวนผนัง ใต้อ่างมีดีเทลเป็นราวแขวนผ้าเช็ดมือ มีกระจกเงาบานใหญ่ติดตั้งมาให้เต็มผนัง และมี Lower Wall สำหรับวางของก่อมาให้
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้นระบบ Dual Flush พร้อมอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน
ด้านในห้องมีธรณีกั้นขึ้นมาเป็นโซน Shower แนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มนะคะ ใช้เป็น Tempered Glass หรือจะใช้ม่านกั้นอาบน้ำก็ได้
ผนังด้านในมีชุด Hand Shower พร้อมราวปรับระดับ, จานวางสบู่ และเดินระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นให้
ส่วนระบบการระบายอากาศจะมีพัดลมดูดอากาศติดมาให้บนฝ้า 1 ตัวค่ะ
::: 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. :::
สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. จะมีการวางผังคล้าย ๆ กับห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. เลยค่ะ มีการกั้นส่วนห้องนอนออกไปด้วยผนังทึบเหมือนกัน จุดที่ต่างออกไปก็คือ จะมีพื้นที่ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาต่อจากพื้นที่นั่งเล่น โดยจะกั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ระเบียงห้องจะย้ายมาอยู่ที่ฝั่งห้องนอนแทน ส่วนห้องน้ำจะอยู่ฝั่งหน้าห้องเหมือนเดิม แต่จะสามารถเข้า-ออกได้ 2 ฝั่ง ทั้งจากฝั่ง Living Area และจากฝั่งห้องนอน
สำหรับจุดเด่นของห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. ก็คือ การกั้นส่วนพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ทำให้ฟังก์ชันแต่ละส่วนยังดูเชื่อมต่อกัน ทำให้ห้องดูโปร่งมากยิ่งขึ้น และยังรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ค่ะ ซึ่งภายในห้องก็จะยังมีการวางแปลนแบบ Open Plan เช่นกัน
ส่วนแรกของห้องจะเป็นห้องครัวแบบเปิด เราได้ชุดเคาน์เตอร์ครัวชุดเดิม มี Hob, Hood, Sink ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ส่วนตู้เย็นก็สามารถวางเอาไว้ที่ด้านข้างประตูแบบนี้ แต่ถ้าใครชอบครัวปิด ก็สามารถกั้นประตูบานเลื่อนกระจกเพิ่มที่ส่วนนี้ได้นะ
ชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ได้มากับห้อง
ถัดเข้ามาด้านในเป็นส่วนรับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่น ซึ่งห้องนี้ก็ตกแต่งโดยใช้ไอเดียเดิมเพื่อให้เราสามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ มันก็ถือว่าสะดวกนะคะ คือใช้โต๊ะนี้เป็นโต๊ะกาแฟและโต๊ะรับประทานอาหารด้วยในตัว ส่วนโซฟาก็ใช้นั่งดูทีวี นั่งเล่นนอนพักผ่อน และนั่งรับประทานอาหารได้ในเวลาเดียวกัน
ถัดมาด้านในเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งกั้นส่วนจากโซน Living Area ด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 
ห้องนี้เราสามารถจัดเป็นห้องทำงาน หรือห้องสำหรับรองรับงานอดิเรกส่วนตัวคือได้ทั้งหมด แต่พื้นที่ห้องก็สามารถจัดเป็นห้องนอนเล็กได้อีก 1 ห้องเลยนะคะ
อย่างที่ห้องตัวอย่างจัดมาให้ดู ก็จะเป็นเตียงนอนขนาด 3 ฟุต ด้านข้างวางโต๊ะข้างและตู้เสื้อผ้าขนาดย่อม ๆ ได้อีก 1 ตัว เท่ากับว่าห้องนี้รองรับผู้อยู่อาศัยได้สูงสุดถึง 3 คนเลย
มองไปที่ฝั่งปลายเตียงจะมีประตูกระจกเป็นบานเปิด เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงห้อง
พื้นที่ระเบียงจะเชื่อมต่อกับห้องนอนด้วยเช่นกัน
ภาพบรรยากาศภายในห้องอเนกประสงค์อีก 1 มุม
สำหรับห้องน้ำก็จะตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าห้องด้านข้างห้องนอน
ภายในมีอ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์ และโซนอาบน้ำจัดเอาไว้ให้เรียบร้อย โดยจะเป็นห้องน้ำแบบ Jack and Jill คือเข้า-ออกได้ทั้งจากฝั่งห้องนอนและฝั่งห้องโถงภายนอก ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว เวลามีแขกมาเยี่ยมก็จะได้ไม่ต้องให้แขกผ่านเข้าห้องนอนค่ะ
ส่วนห้องนอนก็จะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น สามารถเพิ่มขนาดเตียงเป็น 6 ฟุตแล้วห้องยังดูโปร่งอยู่
พื้นที่ห้องยังวางโต๊ะข้าง, โต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าขนาดมาตรฐานได้ลงตัวพอดี
และถ้าเปิดประตูบานเลื่อนออกไปก็จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงค่ะ
:::: ราคา (กุมภาพันธ์ 2565) ::::
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก https://bit.ly/3pnIsR7
สอบถามข้อมูลและโปรโมชันเพิ่มเติม โทร 1623
***ข้อมูลราคา และโปรโมชันอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ สำหรับโครงการ Aspire Erawan Prime นั้นเรียกได้ว่าความ Prime ของโครงการก็ไม่ได้อยู่แค่ที่ตัวโปรดักต์อย่างเดียว แต่เป็นตัวทำเลที่เรียกว่ามีความ Prime เลยสำหรับในช่วงถนนสุขุมวิทตอนปลาย เพราะนอกจากโครงการจะอยู่ติดกับถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ไม่ไกลเมือง และเป็นจุดที่ใกล้กับจุดขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกแล้ว โครงการยังอยู่ติดกับทางขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีช้างเอราวัณอีกด้วย
โดยรอบโครงการก็มีความอุดมสมบูรณ์ของทำเล รวมไปถึงทำเลใกล้เคียงก็มีห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน, โรงพยาบาล และแหล่งงานอีกมากมาย ใช้ชีวิตได้ง่าย และทางโครงการยังเพิ่มร้านค้าอีก 5 ยูนิตให้ที่บริเวณด้านหน้า โดย 1 ในนั้นก็คือ 7-Eleven ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชม. ค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว สะดวกค่ะเพราะโครงการอยู่ติดกับถนนสุขุมวิท ซึ่งใช้เป็นเส้นทางหลักในการวิ่งเข้าเมือง-ออกเมืองได้เลย โดยถนนสุขุมวิทเองก็จะเชื่อมต่อกับถนนอีกหลายสาย รวมไปถึงยังอยู่ใกล้กับจุดขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษก ใช้เดินทางไปยังโซนต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือเชื่อมต่อถนนวงแหวนอุตสาหกรรมเพื่อเข้าไปยังโซนพระราม 3-สาทรได้สะดวก
การเดินทางโดยรถสาธารณะ โครงการตั้งอยู่ติดกับทางขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีช้างเอราวัณเลยค่ะ เดินออกไปด้านหน้าโครงการก็เดินขึ้นรถไฟฟ้าได้เลย สะดวกมากที่สุดแล้ว ถ้าเรานั่งเข้าเมือง ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาทีจะถึงโซนเอกมัย-ทองหล่อ และใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีจะถึงโซนสยาม โดยห่างจากสถานีช้างเอราวัณออกไปเพียง 2 สถานี ก็จะเป็นจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่สถานีสำโรงค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ นับว่าเป็นโครงการที่ถูกออกแบบมาให้ยกระดับคุณภาพชีวิต และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการนำ Smart Application หรือ New Standard Hygiene มาใช้ และยังตอบโจทย์ความต้องการของไลฟ์สไตล์คนในปัจจุบัน ด้วยพื้นที่ส่วนกลางถึง 30 จุด รวมเป็นพื้นที่กว่า 3 ไร่ ซึ่งมีการออกแบบพื้นที่แต่ละส่วนให้ดูน่าใช้งาน และสามารถใช้งานได้จริง ส่วนห้องพักอาศัยภายในโครงการก็จะเป็นห้องหน้ากว้าง มี Layout มาให้เลือกหลายแบบ ฟังก์ชันครบ ใช้สอยได้จริง และได้วัสดุที่มีคุณภาพค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย สำหรับโครงการระดับราคานี้ ถือว่าให้มาเยอะมาก ๆ และออกแบบมาได้ดี น่าใช้งาน โดยจะมี Facilities ถึง 30 จุด บนพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ 3 ไร่กว่า โดยจะแบ่งพื้นที่ส่วนกลางไว้ 3 ชั้น คือ
ชั้น 1 จะมีการออกแบบแยกส่วน Lobby สำหรับแขกและลูกบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงมีการออกแบบ Co-Working Space ขนาดใหญ่ที่ได้บรรยากาศแบบ Cafe และพื้นที่สีเขียวด้านหลังโครงการสำหรับกิจกรรมนันทนาการ
ชั้น 7 ถือเป็นไฮไลต์หนึ่งของโครงการเลยค่ะ มีการออกแบบ Facilities เป็นพื้นที่แบบ Indoor และ Outdoor ในส่วนของ Indoor ก็จะมี Lounge สำหรับรองรับกิจกรรมทั้งการเล่นเกมและการดูหนัง และ Health Complex เป็นห้องฟิตเนสขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์ครบครัน ที่มีการออกแบบ Partition กั้นส่วนตามมาตรฐานของ New Standard Hygiene ส่วนพื้นที่ Outdoor หลัก ๆ จะเป็นสระว่ายน้ำและพื้นที่พักผ่อนรอบ ๆ โดยมีการออกแบบ Landscape เอาไว้อย่างสวยงามน่าใช้งาน
และชั้นดาดฟ้า จะเป็นมุมพักผ่อนชมวิวบนชั้นสูงสุดของโครงการ พร้อมกับทางเดินที่ออกแบบมาให้วิ่งออกกำลังกายได้ ซึ่งนอกจากมาตรฐานความปลอดภัยในยุคโควิด 19 แล้ว ก็ยังมี รปภ. ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. รวมไปถึงระบบ On Demand Reservation สำหรับการจองการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางอย่างเป็นส่วนตัวค่ะ
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1623
WEBSITE : https://www.apthai.com/th/condominium/aspire-erawan-prime
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น