EP.234 รีวิว คอนโด คอนเนอร์ ราชเทวี CONNER Ratchathewi ใกล้รถไฟฟ้า BTS ราชเทวี และเพียง 0 เมตร จากรถไฟฟ้าสีส้ม MRT ราชเทวี
Written by : Gift Pannida Chayasit
สวัสดีผู้อ่านชาว CONDONAYOO ทุกคนค่ะ วันนี้ทีมงานจะขอพามาชมทำเลโครงการ CONNER Ratchathewi จาก The Creators HQ บนทำเลราชเทวี ตัวโครงการตั้งติดถนนเพชรบุรี เดินทางสะดวก 300 เมตร จาก BTS ราชเทวี และ 0 เมตร จาก MRT ราชเทวี (สถานี Interchange รถไฟฟ้าสายสีส้ม โครงการในอนาคต) เพียง 1 สถานีถึง สยาม รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและความอุดมสมบูรณ์มากมาย ทั้งห้างใหญ่ เช่น Siam Paragon, Siam Discovery, Siam Center, โรงแรม, ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารเล็กใหญ่ให้เลือกหลากหลาย
ใกล้สถานศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน และ โรงพยาบาลพญาไท, หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
และใกล้อาคารสำนักงาน และ Life Style Community ในอนาคต อาทิ Spring Tower, JRK Tower, BTS Complex Phyathai และแหล่งช้อปปิ้ง และไลฟ์สไตล์ เช่น Stadium One, The Market by Platinum, Pathum Wananurak Park, King Place Market, Smile Square เป็นต้น
คอนเนอร์ ราชเทวี เป็นโครงการคอนโด High Rise 38 ชั้น ระดับ Luxury มูลค่าโครงการ 3.2 พันล้านบาท จำนวนยูนิตเพียง 294 ยูนิต บนที่ดิน 1-3-21 ไร่ มีแบบห้องให้เลือกแบบ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedrooms ขนาด 35.4 – 69 ตร.ม. และแบบ 1 Bedroom Loft ขนาด 30 – 42 ตร.ม.(ไม่รวมพื้นที่ชั้นลอฟท์มากกว่า 15 ตร.ม.) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Future Standard of Living” ยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตแห่งอนาคตของคนเมือง ที่นำลักษณะการใช้ชีวิตของคนเมืองในแง่ต่างๆมาช่วยใช้ในการออกแบบเพื่อแก้ส่งเสริมไลฟ์สไตล์และแก้ปัญหาในจุดต่างๆ ซึ่งเราจะได้ชมกันในรายละเอียดต่อไปค่ะ โดยตัวโครงการคาดว่าแล้วเสร็จ ไตรมาส 4/2564
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในครบครัน Lobby Lounge, บริการ Concierge, Waiting Lounge, Delivery Box & Storage, Study Area (Auditorium, Personal Pods และ Meeting Rooms), The Club, Meeting Room, สวน Step Garden, Hideaway Courtyard, Observation Deck, Outdoor Terrance, Private Sky Fitness, Yoga Box, สระว่ายน้ำ, ห้องฟิตเนส, ห้องซักรีด และระบบรักษาความปลอดภัย Access Card Control, CCTV พร้อมรปภ. 24 ชม. ที่จอด Automatic Parking 232 คัน (78.9%) + ที่จอดรถ On Ground 15 คัน ราคาขายเริ่มต้น 8.72 ล้านบาท (ก.ย.2561)
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ : http://conner-ratchathewi.com/
ชื่อโครงการ | คอนเนอร์ ราชเทวี / CONNER Ratchathewi |
เจ้าของโครงการ | บริษัท C09 จำกัด ภายใต้เครือ บริษัท ครีเอเตอร์ส เอชคิว จำกัด / The Creators HQ |
เนื้อที่ทั้งหมด | 1-3-21 ไร่ |
จำนวนตึก |
|
จำนวนชั้น | 38 ชั้น + ใต้ดิน 3 ชั้น |
จำนวนห้อง | 294 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | 232 คัน คิดเป็น 78.9% (Auto-Parking) และจอดแบบ On-ground 15 คัน |
จำนวนลิฟต์ | ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว Service Lift 1 ตัว |
โซน | ราชเทวี |
ขนส่งสาธารณะ |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ถนนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. |
กำหนดการ |
|
ปีที่สร้างเสร็จ | คาดว่าแล้วเสร็จ ไตรมาส 4/2564 |
ราคา | ราคาเริ่มต้น 8.72 ล้านบาท* (ก.ย.61) |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | ราคาเฉลี่ยประมาณ 260,000 บาท/ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง |
ห้าง
สถานศึกษา
โรงพยาบาล
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | CONNER Ratchathewi จาก The Creators HQ คอนโด High Rise ระดับ Luxury บนทำเลศักยภาพทำเลทอง แห่งใหม่ใจกลางกรุง เพียง 300 เมตรจาก BTS ราชเทวี และ 0 เมตร จาก MRT ราชเทวีในอนาคต เริ่ม 8.7 ลบ. (ก.ย. 61) |
ที่ตั้งโครงการ
ถนนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.
พิกัด : 13.753970, 100.529263
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ Conner ราชเทวี ตั้งอยู่ติดถนนเพชรบุรี ฝั่งมุ่งหน้าพระราม 8 ระหว่างซอยเพชรบุรี 12 และ 10 ใกล้ BTS ราชเทวีในระยะเดินเพียง 300 เมตร ถือว่าเป็นโครงการทำเลกลางเมือง ที่ยังถือเป็นโซนพักอาศัยที่มีความสงบพอสมควร แต่ก็ยังมีความคึกคัก และมีความอุดมสมบูรณ์สูง หาของกินได้ง่ายๆรอบโครงการเลยและยังใกล้ศูนย์กลางแฟชั่นและธุรกิจอย่างสยาม ซึ่งสามารถเดินทางได้สะดวก เพียงแค่ 1 สถานีจากราชเทวีก็ถึงแล้วค่ะ
ส่วนสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการจะมีทั้งอาคารพาณิชย์ดั้งเดิม, โรงแรมใหญ่ๆ, คอนโดทั้งแบบ High Rise และ Low Rise ซึ่งจริงๆแล้วทำเลราชเทวียังเป็นที่ต้องการอยู่มากทั้งจากชาวไทยและ Expat โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในอนาคตจะมีโปรเจ็ค Office Building และ Life Style Community ใหม่ๆขึ้นในโซนนี้ อย่าง Spring Tower, JRK Tower, BTS Complex พญาไท (ยังไม่คอนเฟิร์มชื่อนะ) ในขณะที่ปัจจุบันยังมีโครงการคอนโดรอบๆให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ โครงการนี้จึงเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของ Luxury Condo ที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ
การเข้าถึงโครงการ สะดวกทั้งการใช้รถสาธารณะและใช้รถยนต์ส่วนตัว โดยจุดเด่นเค้าจะอยู่ที่การเดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นหลัก โดยจากโครงการจะใกล้ BTS ราชเทวี ในระยะเดินเท้า 300 – 500 เมตร แล้วแต่เส้นทางที่เราจะเลือกเดิน ซึ่งจาก BTS จะสามารถใช้ได้ 2 เส้นทางคือ เดินเลียบถนนใหญ่เพชรบุรี ก็จะมีระยะทาง 300 เมตร ถึงโครงการ เส้นนี้เดินได้ท้ังกลางวันและกลางคืนเพราะอยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ค่อยเปลี่ยว
ส่วนอีกเส้นทางเหมาะสำหรับใครที่จะเดินแวะหาของทานระหว่างก็สามารถใช้ซอยพญานาค ข้างโรงแรมเอเชียได้ อย่างในภาพเราลงโลเคชั่นร้านอาหารมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ก็จะมีทั้งร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหารและค่าเฟ่ให้นั่งทานขนม นอกจากนั้นก็ยังมีร้านเล็กร้านน้อยเยอะแยะค่ะ ซึ่งเส้นนี้วัดระยะทางได้ประมาณ 500 เมตร แต่เส้นนี้ดึกๆอาจจะไม่เหมาะกับสาวๆเท่าไหร่ เพราะค่อนข้างเงียบและไม่ค่อยมีร้านอะไรเปิดแล้วค่ะ
โดยทั้ง 2 ทางใช้เวลาประมาณ 3 – 5 นาที (ระยะจาก Google Map ไม่รวมเวลาเดินซื้อของทานนะคะ ;D)
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สะดวกแน่นอนแต่อาจจะรถติดหน่อย โดยตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่เพชรบุรี ซึ่งถนนเส้นนี้จะเชื่อมต่อกับถนนสายหลักๆอีกหลายสาย ถ้ามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกก็จะวิ่งไปสิ้นสุดที่แยกอุรุพงศ์จุดตัดถนนพระราม 6 ซึ่งตรงนี้ก็จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนยมราช ซึ่งถ้าเราวิ่งตรงต่อไปก็สามารถไปถึงสามเสน, พระราม 8, ยมราชได้ ส่วนถนนเพชรบุรีฝั่งตะวันออกก็จะมีทางด่วนบางนา – ดาวคะนอง ถ้าตรงต่อไปเรื่อยๆก็จะพาเราไปอโศก, สุขุมวิท ยาวไปถึงพัฒนาการค่ะ
โดยถ้าเราออกจากโครงการมาบนเส้นเพชรบุรี เส้นทางของเราจะถูกบังคับเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปแยกอุรุพงศ์ ส่วนถ้าอยากใช้เส้นทางไปทางฝั่งประตูน้ำก็สามารถออกจากโครงการขึ้นสะพานข้ามแยกทางขวามือได้ แต่ค่อนข้างอันตราย แนะนำว่าให้ใช้ทางซอยเพชรบุรี 10 ไปออกถนนบรรทัดทองแล้วค่อยมุ่งหน้าขึ้นสะพานข้ามแยก เสียเวลาหน่อยแต่ปลอดภัยกว่าเยอะนะคะ
สำหรับจุดขึ้นทางด่วนใกล้ๆโครงการจะมี 2 เส้นคือทางด่วนเฉลิมมหานครและทางด่วนศรีรัช โดยจากโครงการไปยังจุดขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร ด่านเพชรบุรี ประมาณ 2.7 กม.ใช้เวลาประมาณ 4 – 10 นาที
จากโครงการไปยังจุดขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร ฝั่งมุ่งหน้าดอนเมือง ประมาณ 3.5 กม.ใช้เวลาประมาณ 6 – 10 นาที
จากโครงการไปยังจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช ฝั่งมุ่งหน้าประชาชื่น, ปากเกร็ด ประมาณ 1.5 กม.ใช้เวลาประมาณ 3 – 7 นาที
จากโครงการไปยังจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช ฝั่งมุ่งหน้าเข้าสาทร ประมาณ 1.9 กม.ใช้เวลาประมาณ 4 – 7 นาทีค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์โซนนี้ ไม่ต้องพูดอะไรมากหลายคนก็คงรู้กันอยู่ นอกจากโซสยามที่สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งเป็นแหล่งกระจุกตัวของความเจริญทั้งห้างใหญ่ๆอย่าง Siam Paragon, Siam Center, Siam Discovery, Central World หรือจะเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นอย่าง Siam Square หรือถ้ามา BTS สนามกีฬา ก็มี MBK และหอศิลป์กรุงเทพสำหรับใครที่ชอบใช้เวลาว่างเสพอาหารสมอง
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆก็ยังมีอีกมากมายเลย ทั้งเพชรบุรีซอย 10 เดินจากโครงการไปนิดเดียวก็จะมีตลาดกิ่งเพชร ร้านอาหารราคาย่อมเยาให้เลือกมากมาย และร้านสะดวกซื้อก็มีค่ะ
หรือจะเป็นตามทางเดินมาโครงการตอนค่ำๆก็มีร้านส้มตำ จิ้มจุ่มเจ๊ก้อย คนเยอะทุกวัน หรืออย่างที่เกริ่นไปตอนต้นในซอยพญานาคที่มีร้านให้เลือกหลายร้าน ทั้งซูชิมาสะ, ร้านไก่ทอดเกาหลี และคาเฟ่ต่างๆ คึกคักมากในเวลาค่ำ ขยับออกมาหน่อย ติด BTS ก็เป็น Coco Walk แหล่งรวมร้านอาหาร, ขนมและร้านดนตรีกลางคืน
ไกลไปอีกหน่อยบนถนนเพชรบุรีฝั่งตะวันออกก็มี ประตูน้ำและ The Platinum แหล่งขายเสื้อผ้าราคาส่งค่ะ
การเดินทาง
สำหรับการเดินสำรวจเส้นทางไปยังโครงการวันนี้ เราจะมีให้ชม 2 แบบ คือเดินเท้าจาก BTS และการเดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งการเส้นทางเดินเท้าก็จะมีแยกเป็น 2 เส้น คือเดินฟุตบาทเลียบถนนเพชรบุรี และอีกเส้นเข้าทางซอยพญานาค ดูบรรยากาศคร่าวๆกันค่ะ
เริ่มจากเดินเท้าไปยังโครงการ เส้นทางแรกลงจาก BTS ราชเทวีทางออก 3
ลงมาเจอฟุตบาทกว้างๆ และคิวพี่วิน
มีติดป้ายค่าโดยสารไว้ให้ชัดเจน ใครจะนั่งไปซอยไหนก็เรียกได้เลย
ข้างสถานีจะเป็นธนาคารกรุงไทย
เดินย้อนขึ้นไปดูอีกนิดเป็นร้านวังไข่มุก มีซอยด้านข้างสามารถเดินลัดไปโครงการได้เช่นกัน
ใครหิวก็เดินย้อนมาทางตัวสถานีอีกหน่อยแวะซื้อของที่ 7-11 ก่อนก็ได้ค่ะ
กลับที่ฟุตบาท ทางที่เรากำลังจะเดินไปโครงการกันอีกครั้ง ฟุตบาทใช้เดินกว้างขวางค่ะ ระหว่างทางก็จะเป็นอาคารพาณิชย์เกือบตลอดทาง ซึ่งจะมีเปิดเป็นร้านเสริมสวน ร้านสปา เป็นต้น
ถึงโค้งแรกเราเลี้ยวซ้ายตามทางกันไป
เดินๆมาก็จะผ่านซอยเพชรบุรีซอย 16 เป็นซอยที่เชื่อมกับซอยข้างร้านวังไข่มุก
ในซอยนี้จะมี Hostel กับคาเฟ่ให้นั่งกินด้วยค่ะ
เราเดินต่อมาผ่านโครงการ Condolette Ice เพื่อนบ้าน ทางซ้ายมือ
ถัดมาเราจะผ่านซอยเพชรบุรี 14 และร้านส้มตำเจ๊อร ตอนกลางคืนจะคึกคักมากค่ะ
เดินต่อมาอีกหน่อย จะผ่านศูนย์ส่งเสริมคุณภาพผู้พิการทางสติปัญญา
ถัดมาจะถึงเพชรบุรีซอย 12 เป็นซอยที่เชื่อมไปซอยพญานาคได้ ซึ่งถ้าเราเดินหาของกินในซอยพญานาคแล้วมาโครงการก็จะออกมาทางเส้นนี้แหละ
สภาพแวดล้อมแถวนี้ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ยาวๆ
ผ่านเพื่อนบ้านอีกโครงการทางซ้ายมือ
ระหว่างทางจะมีพื้นที่ล้อมรั้วก่อสร้างอยู่บ้างค่ะ
เดินต่อมาอีกหน่อยก็ถึงที่ตั้งโครงการทางซ้ายมือแล้วค่า
กลับมาที่ BTS ราชเทวี เราจะลองเข้าทางซอยพญานาคกันบ้าง ดูจากป้ายบนสถานี เรามองหาโรงแรมเอเชีย ออกทางออก 1 นะคะ
ออกมาจากตัวสถานีก็จะเห็นป้ายบอกทางไปโรงแรมเอเชียแบบนี้
บนสถานีจะแยกเป็น 2 ทาง ทางแรกคือทางขวามือเดินลงจากสถานีปกติ อีกทางคือเดินผ่านโรงแรมเอเชียเข้าไป ก็จะไปโผล่ที่ซอยพญานาคเหมือนกัน แต่วันนี้เราขอใช้เส้นทางปกติคือทางขวามือนะคะ
ลงมาจากสถานีราชเทวีแล้ว
ให้เดินย้อนไปด้านหลังบันได กลับไปฝั่งโรงแรมเอเชียค่ะ
คิวพี่วินโรงแรมเอเชีย ถ้าใครขี้เกียจเดินเข้าซอยไปจะใช้บริการพี่วินก็ได้นะคะ บอกว่าไปปากซอยเพชรบุรี 12
อัตราค่าโดยสารของพี่วินเค้าค่ะ
หน้าปากซอยจะติดกับโครงการ Pyne by Sansiri และโรงแรมเอเชีย
ภายในซอยจะมีฟุตบาทให้เดินเลียบถนนทางขวามือ ระหว่างทางก็จะเป็นตึกแถวยาวๆ
ความอุดมสมบูรณ์ในซอยจะมีร้านเล็กร้านน้อยมากมายหลายร้านค่ะ และจะมีร้านดีๆอยู่ 2 – 3 ร้าน อย่างขวามือจะเป็นร้านซูชิ มาสะ ซ้ายมือเป็นร้านลอยชาย
ถัดมาอีกหน่อยมีร้านไก่ทอดเกาหลี และร้านสะดวกซื้อ 7-11
เจอทางแยกแรกเราสามารถเดินเลี้ยวขวาไปได้เลย จะไปโผล่ที่ปากซอยเพชรบุรี ซอย 12 แต่ถ้าขับรถมาใช้เส้นนี้ไม่ได้นะคะ เพราะเพชรบุรี 12 เค้าเดินรถทางเดียว
ที่ทางแยกนี้จะมีร้านอาหารร้านใหญ่อยู่ตรงหัวมุมด้วย ขายอาหารหลากหลายประเภทค่ะ
ในเพชรบุรี 12 ก็มีความเป็นชุมชนสูงเช่นกัน มีร้านรวงต่างๆมากมาย เดินตรงต่อไปก็จะทะลุปากซอยเพชรบุรี ซอย 12 แล้วเลี้ยวซ้ายตามเส้นทางเดิมนะคะ
การเดินทางด้วยรถยนต์
สรุปการเดินทาง ถนนพระราม 1 > แยกปทุมวัน > ถนนพญาไท > แยกราชเทวี > ถนนเพชรบุรี > Conner ราชเทวี
เริ่มการเดินทางกันบนถนนพระราม 1 บริเวณหน้าห้าง Mercury Ville และ BTS ชิดลม
ขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านถนนหลังสวนทางซ้ายมือ ซึ่งเราสามารถใช้วิ่งไปแยกหลังสวนและสวนลุมพินีได้
ขับตรงต่อมาอีกหน่อย จะผ่านห้าง Amarin ทางซ้ายมือ
ตรงต่อมาเรื่อยจะถึงแยกราชประสงค์ จากแยกนี้ซ้ายมือสามารถวิ่งไปสีลม ศาลาแดงได้ ห้ามเลี้ยวขวาค่ะ ส่วนเราขับตรงผ่านแยกต่อไปนะคะ
ผ่านแยกมาแล้วก็จะเห็นรพ.ตำรวจทางซ้ายมือ และ Central World ทางขวามือ
ขับตรงมายาวๆ จะผ่านแยกเฉลิมเผ่า ซ้ายมือสามารถวิ่งไปถนนพระราม 4 ได้ ส่วนขวามือจะเห็นห้าง Paragon ค่ะ
บนถนนเส้นนี้จะมีห้างต่างๆมากมายค่ะ รวมไปถึงศูนย์รวมวัยรุ่นอย่างสยามทางซ้ายมือ เมื่อเราขับมาถึงประมาณห้าง Siam Discivery แล้วให้เบี่ยงขวาเพื่อเตรียมเลี้ยวขวาที่แยกปทุมวันค่ะ
ถึงแยกปทุมวันแล้วเราเลี้ยวขวาเข้าถนนพญาไท
เลี้ยวขวามาแล้วจะผ่านหอศิลป์ทางซ้ายมือ
ขับตรงต่อไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานหัวช้าง
ลงจากสะพานหัวช้างมาแล้ว ขับต่อมาอีกหน่อยจะถึงตัวสถานี BTS ราชเทวี
เราจะผ่านซอยพญานาคที่สามารถใช้วิ่งลัดไปเพชรบุรีซอย 10 และถนนบรรทัดทองได้
เราขับตรงต่อมาถึงแยกราชเทวีแล้วเราเลี้ยวซ้าย เข้าถนนเพชรบุรี
จากแยกเราขับตรงต่อมาประมาณ 260 เมตร จะเห็นที่ตั้งโครงการ Conner ราชเทวี ทางซ้ายมือค่า
เข้ามาในพื้นที่สำนักงานขายจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยอำนวยความสะดวกให้
ใครขับรถมาก็สามารถเข้ามาจอดด้านในได้เลย มีที่จอดรถรองรับหลายช่องจอดค่ะ
ตัวอาคารสำนักงานขายสไตล์โมเดิร์น ซ่อนอยู่ด้านหลังต้นไม้ เข้ากับภาพรวมของตัวอาคาร
เข้ามาด้านในสำนักงานขายจะเจอโถงฝ้าเพดานสูง
ซ้ายมือเป็นเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย คอยให้คำแนะนำ และชุดโต๊ะเก้าอี้รับรองค่ะ
ขวามือจะมีโมเดลอาคารจัดแสดงอยู่ ส่วนด้านในถัดเข้าไปจะเป็นห้องตัวอย่าง
ติดกับโถงมีห้องแยกจัดเป็น Vertical Forest แบบที่ใช้ในโครงการมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
ถนนและแยกที่สำคัญรอบโครงการ
สถานที่สำคัญรอบๆโครงการ
ห้าง
สถานศึกษา
โรงพยาบาล
รอบๆโครงการ
ด้านหน้าโครงการติดถนนเพชรบุรี
ติดกับโครงการทางขวามือเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 4.5 ชั้น
ไปดูทางซ้ายมือกันต่อ จะเห็นว่าฟุตบาทด้านหน้าก็ยังกว้าง เดินได้สะดวกอยู่ โดยอาคารพาณิชย์ข้างๆก็จะเปิดเป็นร้านขายของและร้านนวดสปาค่ะ
ถัดจากอาคารพาณิย์มาจะเป็นโรมแรมสำราญ เพลส สูงประมาณ 8 ชั้น
ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นที่ดินโล่งๆและอพาร์ทเมนท์ สูง 8 ชั้น
ถัดมาเป็นโรงแรม Bangkok City มีชาวต่างชาติพักเยอะค่ะ
พื้นฟุตบาทกว้างสะอาดดีค่ะ
ถัดมาเป็นอาคารสำนักงาน ศูนย์ซื้อขายทองคำ กรุงเทพ อาคารนี้สูงประมาณ 9 – 10 ชั้นค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์ทั้งหมด
ถัดมาเป็นโรงแรม Diamond Bangkok ชั้นล่างมี 7-11 และซุ้มร้านขายอาหารเล็กๆ
ถึงเพชรบุรีซอย 10 หรือซอยกิ่งเพชร ซอยนี้ของกินราคาย่อมเยาเพียบค่ะ
บรรยากาศภายในซอยจะมีร้านอาหารเปิดทั้ง 2 ข้างทาง
ด้านหน้ามีสะพานลอย สามารถข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้
ตัวโครงการ
โครงการ CONNER Ratchathewi เป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น ห้องพักอาศัย 294 ยูนิต จาก The Creators HQ ตัวอาคารออกแบบมาโดยใช้แนวคิด “ The Future is Just Around the Corner” ออกแบบโดย Tandem Architect (2001)
ซึ่งโครงการนี้ได้รางวัลออกแบบการันตีมาถึง 2 รางวัล คือ Five Stars Best Residential High-rise Architecture Thailand 2018 – 2019 และ Award Winner Residential High rise Architecture Thailand จากงาน Asia Pacific Property Awards
โครงการนี้จะมีอาคารหลัก 1 อาคาร ดูจากตัวโมเดลภาพรวมตัวโครงการ ที่จอดรถจะอยู่ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น + บนดิน 3 ชั้น จอดได้ทั้งหมด 232 คัน 78.9% ระบบจอดรถ Automatic Parking ช่องเข้าจอด 2 สล็อต และช่องออก 2 สล็อต โดยที่ใช้ระบบ Smart Park Gen 3 ซึ่งจะต่างจากระบบทั่วๆไป ที่เป็นระบบถาด ที่สามารถปรับขนาดให้พอดีกับล้อของรถเพราะฉะนั้นจะปลอดภัยต่อรถ และใช้ระยะเวลาการรอไม่เกิน 2 นาที ต่อ 1 คัน + ที่จอดรถ Visitor On Ground อีก 15 ช่องจอด
จุดเด่นของโครงการนี้คือ Vertical Forest ที่ชั้น 4 – 21 รวมความสูงทั้งหมดมากกว่า 80 เมตร และมีต้นไม้ทั้งหมดอีกมากกว่า 145,000 ต้น ใช้ระบบกระถางแขวนและระบบรดน้ำ Smart Irrigation System จากประเทศอเมริกา มีหัวรดน้ำแต่ละกระถางที่จะ Adjust ปริมาณน้ำที่ควรใช้รดต้นไม้ในแต่ละวันตามสภาพอากาศและชนิดของต้นไม้ จึงทำให้ดูแลรักษาง่าย มีรับประกัน 10 ปี โดยไม่รวมกับค่าส่วนกลาง
นอกจากนั้นส่วนกลางยังใช้ระบบน้ำ Hydrosmart จาก ออสเตรเลีย มาใช้ในคอนโดเป็นที่แรกซึ่งจะดีกว่าสระว่ายน้ำระบบเกลือธรรมดา โดยการสั่นสะเทือนโมเลกุล สลายตะกอนให้เล็กลงทำให้การเกิดคราบตะไคร่หรือคราบขาวในสระยากขึ้น ช่วยให้ดูแลง่ายขึ้น ซึ่งระบบน้ำนี้จะใช้กับหัวรดน้ำของ Vertical Forest ด้วย ทำให้สามารถลดค่า Maintenance และลดการใส่คลอรีนจากระบบเกลือได้อีก 70% และระบบนี้ไม่ได้ใช้แค่ส่วนกลางเท่านั้น ห้องของลูกบ้านทุกห้องผ่านระบบนี้หมดทุกห้องด้วยค่ะ
ในส่วนของชั้นพักอาศัยจะอยู่ที่ชั้น 4 – 38 โดยจะแบ่งเป็นชั้นห้อง Loft คือชั้น 4 – 21 ซึ่งจะมีส่วนกลางคั่นที่ชั้น 19 – 20 และชั้นห้อง Simplex คือชั้น 22 – 37 ส่วนชั้นบนสุด หรือชั้น 38 จะเป็น Penthouse ค่ะ
ภาพรวมตัวอาคารด้านหน้า ติดถนนเพชรบุรี จะดูผอมๆสูงๆ
ภาพรวมตัวอาคารด้านหลังโครงการ
ภาพรวมตัวอาคารทางฝั่งทิศตะวันออก
และภาพรวมอาคารทางฝั่งทิศตะวันตก ด้านนี้จะเห็นพื้นที่ส่วน Vertical Forest ชัดที่สุด
มาดูส่วนแปลนอาคารกันต่อ เริ่มที่ Master Plan เลี้ยวเข้ามาในโครงการแล้ว ด้านหน้ามี Gate ใช้ระบบ Key Card Access และป้อมรปภ. ถนนในโครงการกว้าง 6 เมตร เข้าไปยังที่จอดรถด้านหลัง
ติดกับถนนในโครงการจะมี Hideaway Courtyard เป็นสวนส่วนกลางที่ Sunken ลงไปประมาณ 2.1 เมตร ทำให้รู้สึกสงบ และลดเสียงรบกวนจากถนนด้านนอก รวมทั้งมีต้นไม้และน้ำตกที่ช่วยไล่อากาศร้อนขึ้นไปด้านบน ทำให้ได้อุณหภูมิที่เย็นลง นอกจากนั้นยังติดตั้งลำโพงให้ลูกบ้านได้ออกมาจัดปาร์ตี้ที่สวนด้านนอกได้ด้วยค่ะ
เมื่อเข้าไปในอาคาร ผ่านจุด Drop Off เข้าไปจะเจอเคาน์เตอร์ Concierge Service 2 เคาน์เตอร์ มีหน้าที่รับของที่มาส่ง เมื่อรับมาแล้วจะมีห้องสำหรับเก็บของแยกเป็น 2 ห้องคือ 1.Delivery Box มีตู้รักษาอุณหภูมิอาหารแต่ละประเภทไว้ โดยจะแยกเป็น 3 ตู้หลักๆ คือ อาหารร้อน อาหารเย็น และอาหารแช่แข็ง และ 2. Storage Room ใช้เก็บของทั่วๆไปที่ไม่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เหมาะกับลักษณะการใช้ชีวิตของคนยุคนี้ ที่มักจะสั่งของออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นพัสดุทั่วไปหรืออาหารต่างๆค่ะ
ส่วนจดหมายหรือ Mail Box จะมีติดอยู่ที่หน้าห้องทุกห้อง โดย Concierge จะเป็นมีหน้าที่จัดการหย่อนจดหมายต่างๆให้ลูกบ้านค่ะ
ถัดเข้ามาจะเป็น Lobby ที่ตั้งใจจะทำให้มีลักษณะเหมือน Sculpture เป็นสถาปัตยกรรมที่ลอยอยู่บนน้ำ และอยู่ต่ำลงไปกว่าพื้นน้ำ ให้ Effect เหมือนลอยอยู่บนน้ำ และใน Lobby Lounge จะมี Egg Chair แบรนด์ Fritz Hansenจากเดนมาร์ก มาให้ 2 ตัว ที่มีคุณสมบัติเป็น Iconic Chair ที่สามารถรองรับสรีระเราได้พอดี นั่งแล้วไม่ปวดหลัง (ตัวนึงราคาประมาณ 700k – 800k รวมทั้งโครงการจะมีมาให้ทั้งหมด 6 ตัว)
มาดูตัวโมเดลกันต่อ จะได้เห็นภาพชัดขึ้นนะคะ เริ่มจากทางเข้าโครงการ ติดกับถนนเพชรบุรี
เข้ามาด้านในจะต้องขับผ่าน Hideaway Courtyard และเข้าไปยังสล็อตรับรถของ Automatic Parking ด้านข้างอาคาร
ด้านหลังมีถนนให้ขับวนรถได้
สำหรับ Automatic Parking จะแยกสล็อตรับรถและส่งรถออกไว้คนละฝั่งของอาคาร ทำให้เราใช้เวลาในการรับส่งรถเร็วขึ้น
ภาพจำลองบรรยากาศด้านหน้าโครงการ ติดถนนเพชรบุรี และพื้นที่ติดกับโครงการจะเป็นตัวสถานี MRT สายสีส้ม ติดด้านหน้าโครงการเลย
ภาพบรรยากาศจำลองพื้นที่สวนพักผ่อน Hideaway Courtyard ที่ฝังตัวลึกลงไปจากระดับพื้นปกติ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและมีความสงบมากขึ้น
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Lobby Lounge ล้อมรอบด้วยน้ำ ดูสงบและของจริงน่าจะทำออกมาสวย เวลาเพื่อนมาหาก็สามารถโชว์ได้เลย
เราขึ้นมาที่ชั้น 4 กับชั้น 5 โดยชั้นนี้จะเป็นชั้นพักอาศัย โดยหลักๆจะมีห้อง 2 แบบหลักคือ ห้อง Loft ความสูงฝ้าเพดาน 4.5 เมตร ( ชั้น 4 – 21 ) และห้องแบบ Simplex (22 – 37) ความสูงฝ้าเพดาน 3 เมตร
ส่วนกลางที่ชั้น 4 – 5 จะมีห้อง Recreation Zone จัดให้เป็นพื้นที่ในการทำงาน สังสรรค์พูดคุย โดยความแตกต่างสำหรับกลุ่มลูกบ้านระหว่าง Recreation Zone ที่ชั้น 4 และ 5 คือ ที่ชั้น 4 จะเป็น Study Area จะเป็นลักษณะการทำงานที่ไม่เป็นทางการมาก มีส่วนที่เป็น Auditorium ไล่ระดับ, ห้องประชุม, Personal Pod นั่งทำงานคนเดียว เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่น/First Jobber/Young Adult ซึ่งจะมีบันไดเชื่อมขึ้นไปชั้น 5 ได้
โดยที่ชั้น 5 จะเรียกว่า The Club ที่จะมีคาแรคเตอร์เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีก เหมาะที่จะนั่งคุยธุรกิจแบบจริงจัง ห้องจะล้อมรอบด้วยน้ำ + มี Wine Cellar ทำให้บรรยากาศมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น พร้อมห้องน้ำให้บริการทั้ง 2 ชั้น
ส่วน Recreation Zone จะมีช่องเปิดขนาดใหญ่เชื่อมทั้ง 4 – 5 และเจาะสูงรวมชั้น 6 ไปด้วย ทำให้บรรยากาศในการใช้งานโปร่งโล่ง
ภาพบรรยากาศจำลอง Recreation Zone ในส่วน The Club ที่ชั้น 5 แค่ดูภาพก็รู้สึกถึงความสงบและเป็นส่วนตัว เหมาะกับการนั่งคุยธุรกิจ
ภาพบรรยากาศจำลองในส่วน Study Area จะดูผ่อนคลาย เหมาะที่จะมานั่งทำงาน หรือนัดเพื่อนมาคุยงานแบสบายๆ
แปลนชั้น 6 – 21 ก็จะเป็นห้องแบบ Loft ทั้งชั้นเช่นกัน แต่จะมีแบบห้องต่างกันประมาณ 13 – 14 Type ต่างกันที่ตำแหน่งห้องครัว กับตู้เสื้อผ้า ตามตัวอาคาร
แปลนอาคารชั้น 13 – 15 – 17 จะเป็นชั้นพักอาศัยเช่นกัน แต่จะมี Step Garden หรือ Observation Deck สำหรับออกมานั่งชมวิว Vertical Forest แทรกมา ซึ่งลูกบ้านจะสามารถมาใช้งานได้ทุกชั้นค่ะ
ตัว Vertical Forest ที่เป็นจุดเด่นของโครงการ ความสูงรวมมากกว่า 80 เมตร พร้อม Observation Deck ที่ชั้น 13, 15, 17 ให้ลูกบ้านได้ออกมาชมสวนด้วย
แปลนอาคารชั้น 19 จะมีสระว่ายน้ำรูปตัว U ได้วิว 360 องศา เป็นสระระบบ Hydrosmart ที่ Add on มานอกเหนือจากสระระบบเกลือ โดยใช้คลอรีนลดลงจากสระระบบเกลืออีก 70% ช่วยรักษาผมและผิวเรามากกว่าสระทั่วๆไปค่ะ ข้างสระมี Pool Terrace และห้องน้ำแยกชาย – หญิง
ภาพบรรยากาศจำลองพื้นที่ส่วนกลาง บริเวณสระว่ายน้ำ และ ห้องออกกำลังกาย
แปลนอาคารชั้น 20 เป็นห้องฟิตเนสแยกโซน Weight Training และ Cardio
ตัวสระจะมีทั้งโซนในร่มและ Outdoor
แปลนอาคารชั้น 21 จะเป็นชั้นพักอาศัยที่มีห้อง Loft ชั้นสุงสุด
แปลนอาคารชั้น 22 – 37 เป็นห้อง Simplex มียูนิตพักอาศัยทั้งหมดเพียง 6 ยูนิต ได้ความเป็นส่วนตัวสูงเหมือนกันทุกชั้น มีห้อง 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus เป็นห้องมุม มองเห็นวิวได้ 2 ฝั่ง และ 2 Bedrooms
แปลนอาคารชั้น 38 เป็นห้อง Penthouse 3 ยูนิต
ภาพบรรยากาศจำลองตัวอาคาร CONNER Ratchathewi
แบบห้อง
ห้องในโครงการขายแบบ Fully Fitted + เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว แบบมาตรฐานจะอยู่ที่ห้อง Loft กับ 1 Bedroom และตั้งแต่ห้อง 1 Bedroom Plus จะได้อัพเกรดแบบของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวให้มีสเปคสูงขึ้น โดยแบบห้องหลักๆจะมี 2 แบบ คือ ห้อง Loft ความสูงฝ้าเพดาน 4.5 เมตร และ ห้อง Simplex ความสูงฝ้าเพดาน 3 เมตร และจะแบ่งย่อยเป็นห้องอีก 4 แบบ คือ
ห้องตัวอย่าง
CONNER Ratchathewi มีห้องตัวอย่างให้ชม 2 แบบ ดังนี้ค่ะ
ห้องตัวอย่างแบบแรก ที่เราจะพามาชมกัน เป็นห้องแบบ Loft Type B3 ฟังก์ชั่นภายในห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.90 ตร.ม.
ตัวแปลนห้องส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ห้อง Living Room และห้องทานอาหาร ความสูงฝ้าเพดาน 4.5 เมตร จากโถงห้องนั่งเล่นจะเชื่อมไปยังห้องน้ำ และห้องครัว โดยครัวจะได้เป็นครัวแบบปิด พร้อมเคาน์เตอร์ Built -in และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบมาตรฐาน ส่วนภายในห้องน้ำจะมีขนาดที่ค่อนข้างกว้าง ใช้งานได้สะดวกสบาย แยกส่วนแห้งส่วนเปียก
ที่ชั้นบนส่วน Loft จะเป็นพื้นที่ห้องนอน ความสูงฝ้าเพดาน 2 เมตร มีตู้เสื้อผ้า Built -in ให้เรียบร้อย
เริ่มกันที่ประตูทางเข้าได้เป็นบานใหญ่ตามนี้เลย ด้านข้างประตูมี Mail Box และกริลระบายอากาศ
Mail Box ที่ติดตั้งไว้ให้ทุกห้องจะอยู่ติดกับประตูทางเข้าแบบนี้ เวลามีจดหมายถึงเจ้าของห้อง Concierge ก็จะมาหย่อนไว้ทางช่องด้านหน้าห้อง
เวลาลูกบ้านจะเช็คกล่องจดหมายก็เปิดช่องด้านหลังออกมาตามภาพทางซ้ายมือ ส่วนภาพทางขวามือจะเห็นกริล เป็นช่องระบายอากาศ (Ventilation Grill) เลือกเปิด – ปิด เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนอากาศภายในห้องให้ถ่ายเทออกไปยังโถงทางเดินด้านนอกได้
Digital Door Lock ใช้ของ Yale เปิดได้ 4 ระบบคือ กุญแจ, คีย์การ์ด, พาสเวิร์ด และสแกนลายนิ้วมือ
พื้นห้องส่วนแรกจะเป็นส่วนห้องนั่งเล่น ปูด้วย Engineering Wood หนา 10 มม. ส่วนห้องนอนชั้นบนก็ปูด้วยพื้นชนิดเดียวกันค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอพื้นที่โถงกว้าง สูงโปร่ง โดยจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 4.5 เมตร ส่วนแรกจะเป็นห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหาร ติดแอร์แบบ Conceal มาให้เรียบร้อย โดยจะติดมาให้ที่ส่วนห้องนั่งเล่น 1 ตัว และห้องนอนบนชั้น Loft อีก 1 ตัว
ช่องแสงภายในห้องจะได้เป็นบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง Full Height แบบนี้เลย
ติดกับประตูทางเข้าห้องจะมีตู้วางรองเท้าและเก็บของ Built -in ไว้ให้ หน้าตาแบบนี้เลย ตัวบานเป็นกระจกพร้อมไฟ LED ในตู้ แต่ในห้องจริงทางโครงการจะอัพเกรดให้เป็นตู้สูงขึ้นไปอีก 1 บานนะคะ (สูงขึ้นไปอีกประมาณ 1 เมตร) ก็จะมีพื้นที่ใช้เก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยเพิ่มขึ้นค่ะ
มาลองดูตัวอย่างการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องกันบ้าง เริ่มที่ห้องนั่งเล่น จะสามารถจัดชุดโซฟาและทีวีขนาดกลางๆได้พอดีๆ
ขนาดโซฟาที่ทางโครงการจัดมาให้ดูเป็นโซฟาขนาดประมาณ 3 – 4 ที่นั่ง ซึ่งถ้าใครอยากได้ตัวใหญ่กว่านี้ก็สามารถเพิ่มขนาดอีกได้ แต่ถ้าจะจัดวางประมาณในห้องตัวอย่างก็ไม่ควรเกิน 6 ที่นั่งนะ เพราะจะเกะกะทางเดินไปหน่อย
ฝั่งตรงข้ามจัดมาให้ดูเป็นชั้นวางทีวี ซึ่งตรงนี้เราสามารถ Built – in ชั้นวางให้เข้ากับตู้เก็บของด้านข้างได้ จะได้มีพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
ติดกับห้องนั่งเล่นจะมีประตูเชื่อมออกไประเบียงภายนอก
ขนาดระเบียงจะไม่กว้างเท่าไหร่ พอให้วางราวตากผ้าเล็กๆ หรือวางกระถางต้นไม้ได้ค่ะ
ผนังด้านข้างส่วนระเบียงจะมีเหล็กฉีกติดตั้งไว้แบบนี้เลยค่ะ
ผนังฝั่งนี้จริงๆจะมีช่องแสงอีก 1 บาน ความสูงประมาณประตูระเบียงค่ะ สามารถ Take View ด้านนอกได้กว้างขึ้น
จากห้องนั่งเล่นมองไปอีกฝั่งจะเป็นส่วนทานอาหาร และห้องด้านหลังจะเป็นห้องน้ำและห้องครัว ชั้นบนเป็น Loft ส่วนห้องนอน
ถ้าใครอยู่กัน 1 – 2 คน ก็สามารถจัดวางโต๊ะทานอาหารติดกับโซฟาแบบนี้ได้ ทานอาหารไปดูทีวีไปด้วยสบายๆ
พื้นที่ใต้บันไดจะมีห้องสำหรับเครื่องซักผ้า มีประตูกั้นมาให้เป็นสัดส่วน
ด้านในสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ โดยทางโครงการจะเดินระบบไฟ ระบบน้ำไว้ให้เรียบร้อย แต่ใน Type นี้จะไม่มีเครื่องซักผ้ามาให้นะ ต้องเป็น Type 1 Bedroom Plus ขึ้นไปถึงจะมีเครื่องซักผ้ามาให้ค่ะ
ถัดมา เรามาดูในส่วนห้องน้ำและห้องครัวกันต่อ
เริ่มที่ส่วนของห้องน้ำ
พื้นห้องน้ำจะเป็น Porcelain จะมีความด้าน กันลื่น และเราจะสังเกตว่าไม่มีธรณีประตูตรงส่วนห้องน้ำ เพราะทางโครงการถือว่าได้แยกส่วนแห้งส่วนเปียก และทำพื้น Slope เพื่อการระบายน้ำมาแล้วทั้งห้อง จึงไม่จำเป็นต้องมีธรณีประตูให้ขวางทางเดิน ลดการเกิดอุบัติเหตุด้วยค่ะ
ภายในห้องน้ำของจริงจะตกแต่งมาตามนี้เลย จะเห็นว่ามีขนาดที่ค่อนข้างกว้างค่ะ ใช้งานได้สะดวก
อ่างล้างมือได้เป็นทรงสี่เหลี่ยมแบบฝังเคาน์เตอร์ Top หินอ่อนสีเข้ม ของ TOTO มีพื้นที่ข้างอ่างสามารถวางของได้พอสมควร ใต้อ่างจะติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนมาให้ด้วยค่ะ
กระจกเงาได้เต็มบาน พร้อมช่องเก็บของด้านในแบบนี้เลย
ส่วนโถสุขภัณฑ์จะได้เป็น Auto Washlet พร้อมที่วางกระดาษชำระ ตามนี้เลยค่ะ
ห้องอาบน้ำมี Shower Box กระจกสีเข้ม บานประตูแบบผลัก ราวจับเป็นก้านยาว สามารถวางพาดผ้าขนหนูได้
ฝักบัวได้ทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower ของ Hansgrohe (ซึ่งเป็นแบรนด์ท็อปของ Grohe ด้วยค่ะ)
ขนาดห้องอาบน้ำพอให้ยืนอาบได้สะดวก
มาดูในส่วนห้องครัวกันต่อ โดยครัวจะได้เป็นครัวปิด ประตูบานสไลด์กระจก เปิด-ปิดได้ 2 ฝั่ง
พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้อง Cotto Italia ผิวด้าน
เข้ามาในห้องครัวจะได้ Built -in ตามนี้เลยค่ะ ทั้งเคาน์เตอร์ครัว, Hob & Hood, เตาไมโครเวฟและตู้เย็น Built -in หน้าบานตู้เป็นลามิเนต บานพับ Soft Closed ทั้งหมด
ขนาดห้องครัวพอให้เข้ามาช่วยทำครัว 2 คนได้พอดีๆ
Top หินอ่อน
ซิงค์ล้างจานเป็นแบบฝังเก็บของเรียบร้อย ส่วนก๊อกน้ำจะได้แบบดึงออกมาเป็นสายให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งหมดยี่ห้อ Teka
เตาไฟฟ้าเซรามิค 2 หัว ของ Gorenje by Ora’ito
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างจะแบ่งเป็นตู้และลิ้นชักเก็บของ พร้อมติดตั้งเครื่องกำจัดเศษอาหารของ TEKA ใต้ซิงค์ล้างจานมาให้ด้วย
ตู้ด้านบนติดตั้งเครื่องดูดควัน และตู้เก็บของ โดยในห้องจริงภายในตู้เก็บของจะมีแบ่งเป็นชั้นๆมาให้ด้วยนะคะ
ตู้เก็บของอีกฝั่งจะมีไมโครเวฟ Built – in ให้
เตาไมโครเวฟ ยี่ห้อ Gorenje by Ora’ito หน้าตาดูดี Built -in มาให้แบบนี้เลยค่ะ
ติดกับชุดเคาน์เตอร์ครัวเป็นตู้เย็น Built – in ให้มาตามแบบห้องตัวอย่างเลยเช่นกัน
ช่องแสงภายในห้องครัวจะได้เป็นช่องแสงบานใหญ่ กระจกฝ้า พร้อมทั้งมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานใหญ่อีกบาน ที่สามารถเปิดเพิ่มการระบายอากาศในห้องครัวได้
ออกมาจากห้องครัวจะเห็นภาพรวมภายในห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหารแบบนี้
ขึ้นไปดูบนชั้น Loft ด้านบนกันต่อ โดยตัวบันไดจะปิดผิวด้วย Engineering Wood สีเข้ากับพื้นทั้งห้อง ส่วนราวจับเป็นสแตนเลส
ความสูงฝ้าเพดานชั้นนี้ 2 เมตร ค่ะ เพราะฉะนั้นคนตัวสูงๆหน่อยก็ยังใช้งานได้สบาย
ขนาดห้องค่อนข้างกว้าง เมื่อวางเตียงควีนไซส์แล้วก็ยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงให้วางโต๊ะหัวเตียงได้สบายๆ ซึ่งพื้นที่ข้างเตียงของห้อง Loft จะเหลือมากกว่า 60 ซม.ทุก Type เป็นระยะที่สามารถใช้งานได้จริง ไม่อึดอัดค่ะ
ฝั่งปลายเตียงก็มีพื้นที่เหลือให้วางตู้เก็บของได้อีกหน่อย และจุดเด่นอีกอย่างคือตัวบานกระจกที่ทางโครงการกั้นมาให้จะเป็นแบบเต็มบานเลย ทำให้ห้องดูโปร่งและเป็นสัดส่วน
อีกฝั่งของห้องจะมีตู้เสื้อผ้า Built – in มาให้
สำหรับห้องแบบนี้จะได้เป็นตู้เสื้อผ้ารูปตัว U หน้าบานกระจก + ไฟซ่อน LED ตามนี้เลย แต่บาง Type ก็จะเป็นรูปตัว L แล้วแต่แปลนห้องค่ะ
พื้นที่ใช้สอยส่วนห้องแต่งตัว เหลือพอใช้งานได้สะดวกค่ะ
ภาพรวมอีกมุมภายในห้องนอนชั้น Loft
มองลงไปด้านล่างเห็นภาพรวมส่วนห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหาร
ห้องตัวอย่างแบบที่ 2 เป็นห้อง Simplex ความสูงฝ้าเพดาน 3 เมตร Type F ขนาดพื้นที่ใช้สอย 73 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ได้แอร์ Conceal ทั้งหมด 3 ตัว คือในห้องนอน 2 ห้องและห้องนั่งเล่น 1 ห้อง
ฟังก์ชั่นภายในห้องส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ห้องครัว โดยจะได้เป็นครัวเปิด ไม่มีฉากกั้นห้องมาให้ ต่อเนื่องไปยังโถงใหญ่แบ่งเป็นส่วนห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหาร และจากโถงก็จะแจกไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง โดยในห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว + Walk – in Closet ขนาดไม่ใหญ่มาก ส่วนห้องนอนรองจะใช้ห้องน้ำร่วมกับส่วนโถงกลางค่ะ
เข้ามาในห้องส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ห้องครัว มองตรงไปเป็นส่วนโถงห้องนั่งเล่นและส่วนทานอาหาร
หลังประตูทางเข้าเป็นตู้รองเท้า Built – in หน้าตาเหมือนห้องแบบที่แล้ว
พื้นที่ครัวจะได้เป็นครัวเปิดนะคะ ไม่ได้กั้นห้องมาให้
พื้นห้องครัวของห้อง Type นี้จะเน้นลายที่สวยขึ้น และมีความเงามากกว่าห้องแบบที่แล้ว เพราะทางโครงการจัดฟังก์ชั่นมาเป็นครัวเปิด จึงไม่เหมาะที่จะทำอาหารหนักจริงจังเท่าไหร่นัก จึงไม่จำเป็นต้องใช้แบบด้านเหมือนห้องที่แล้ว แต่ก็ยังทำความสะอาดได้ง่ายอยู่ค่ะ
ให้ดูภาพรวมส่วนครัว เราจะเห็นว่าถึงแม้ทางโครงการจะไม่ได้กั้นครัวปิดมาให้ แต่ถ้าลูกบ้านต้องการใช้ครัวแบบจริงจังก็สามารถกั้นฉากกั้นกระจกเองได้สบายๆค่ะ เพราะพื้นที่ครัวแบ่งมาค่อนข้างเป็นสัดส่วนอยู่แล้ว
สำหรับของที่ Built – in มาให้ในส่วนครัวจะได้ตามนี้เลย หน้าตาสวยงาม เคาน์เตอร์หินอ่อนทั้งหมด พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อัพเกรดจากห้องแบบที่แล้ว เดี๋ยวเราไล่ดูไปทีละส่วนกันค่ะ
ตัวเคาน์เตอร์ครัวได้เป็นทรง L – Shape มีพื้นที่เตรียมอาหาร/จัดเสิร์ฟ กว้างพอสมควร
ซิงค์ล้างจานขนาดใหญ่ขึ้น ดูแข็งแรงขึ้น ยี่ห้อ Teka
ก๊อกน้ำได้เป็นแบบทรงโค้ง ดึงออกมาได้ หมุนซ้ายขวาได้
เตาไฟฟ้าได้เป็นแบบ 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควัน ซึ่งแบบนี้จะเสียงเบากว่า และมีแอร์รีเฟรชในตัว
ได้เครื่องซักผ้าฝาหน้า ใต้ซิงค์ล้างจานมีเครื่องกำจัดเศษอาหาร
ได้เป็น Oven Combine ซึ่งจะเป็นทั้งเตาอบและไมโครเวฟในตัว
ตู้เก็บของด้านบนมี 1 ตู้ค่ะ
พื้นที่ใช้งานสามารถยืนทำครัวคนเดียวได้สะดวก
อีกฝั่งของครัวเป็นตู้เย็น Built – in และชั้นเก็บของเลื่อนเปิด – ปิดได้
ภายในตู้เย็นค่ะ
จากส่วนห้องครัว เรามาดูพื้นที่โถงห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหารกันต่อ
โดยช่องแสงในห้องนี้จะเป็นบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง ขนาดช่องแสงทั้งชุดกว้างเต็มผนัง ไม่ Full Height แต่ก็ถือว่ารับแสงธรรมชาติเข้าห้องได้เพียงพอค่ะ
เริ่มที่ส่วนห้องนั่งเล่น จะมีเจาะช่องสำหรับวางทีวีมาให้แบบนี้เลย ซึ่งช่องต่างๆก็จะสามารถใช้วางของโชว์ได้ด้วย
ขนาดโซฟาที่เหมาะสำหรับห้องนี้จะเป็นโซฟาขนาดประมาณ 4 – 5 ที่นั่ง จะดูเต็มพอดีกับพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น
ติดกับห้องนั่งเล่นอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่ส่วนห้องทานอาหาร
พื้นที่ส่วนห้องทานอาหารนี้เหมาะที่จะวางโต๊ะทานอาหารขนาดประมาณ 4 – 5 ที่นั่ง กำลังดีค่ะ
ติดกับห้องทานอาหารจะเป็นส่วนระเบียงภายนอก
ขนาดระเบียงไม่ใหญ่ พอๆกับห้องแบบที่แล้วค่ะ
อีกฝั่งก็มีเหล็กฉีกติดตั้งมาแบบนี้เลย
เราเข้าไปดูในห้อง Master Bedroom กันต่อค่ะ
สำหรับห้อง Master Bedroom จะมีพื้นที่ใช้งานกว้างพอสมควรเลย ใช้งานได้สบายๆ
พื้นที่ในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้
มีพื้นที่เหลือข้างเตียงสามารถวางโต๊ะทำงานได้ด้วย
ให้ดูระยะการใช้งาน สามารถเลื่อนเก้าอี้ทำงานเข้าออกได้ ไม่ติดเตียงค่ะ
พื้นที่ฝั่งปลายเตียงเหลือพอให้เดินผ่านได้สบายๆ สำหรับใครที่ชอบดูทีวีในห้องนอนก็แนะนำให้ติดแบบแขวนผนัง จะได้ไม่เกะกะทางเดินค่ะ
อีกฝั่งของห้องนอนจะเป็นส่วน Walk – in Closet และห้องน้ำในตัว
ระยะข้างเตียงฝั่งนี้ก็เหลือกว้างพอให้วางโต๊ะหัวเตียงได้แบบสบายๆ
ภายในส่วน Walk – in Closet จะมีตู้เสื้อผ้า Built – in ให้ตามนี้ พร้อมซ่อนไฟ LED
พื้นที่ใช้งานส่วนตู้เสื้อผ้า สามารถยืนแต่งตัวได้พอดีๆ แต่ถ้าคนตัวใหญ่อาจจะแน่นๆนิดนึงค่ะ
ติดกับ Walk – in Closet จะเป็นส่วนห้องน้ำในตัว
ภายในห้องน้ำตกแต่งมาดูดี มาตรฐานเหมือนห้องที่แล้ว
ชุดอ่างล้างหน้าและกระจกเงาได้ตามนี้ พร้อมเครื่องทำน้ำร้อนติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน
สุขภัณฑ์แบบ Automatic Washlet พร้อมที่วางกระดาษชำระ
ส่วนห้องอาบน้ำกั้น Shower Box กระจกสีเข้ม มาให้เป็นสัดส่วน ภายในห้องน้ำติดตั้ง Rain Shower และ Hand Shower ยี่ห้อ Hansgrohe
พื้นที่ห้องอาบน้ำสามารถยืนอาบได้พอดีๆ
ออกมาจากห้อง Master Bedroom แล้ว เราไปดูอีกฝั่งของโถงกลางกันต่อ ซึ่งจะเป็นส่วนของห้องนอนรองและห้องน้ำค่ะ
ห้องนอนรองและห้องน้ำจะอยู่ติดกันแบบนี้ โดยประตูทางขวามือคือห้องน้ำที่ห้องนอนรองใช้ร่วมกับโถงนั่งเล่น ส่วนประตูทางซ้ายมือเป็นห้องนอนรองนะคะ
ภายในห้องน้ำจะมีขนาดเล็กกว่าของห้อง Master Bedroom พอสมควร แต่ยังใช้งานได้สะดวกอยู่ค่ะ
ระยะการใช้งานในส่วนอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์แบบกระทัดรัด
ส่วนห้องอาบน้ำก็ยังมี Shower Box กั้นมาให้เป็นสัดส่วนเช่นกัน ภายในห้องติดตั้ง Rain Shower และ Hand Shower มาพร้อมใช้งาน
ขนาดห้องอาบน้ำกว้าง พอให้ยืนอาบได้สบายๆค่ะ
ถัดมา เราไปดูในส่วนห้องนอนรองกันต่อค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอตู้เสื้อผ้าทางขวามือก่อน
หน้าตาตู้เสื้อผ้าที่ได้ จะ Built – in มาเต็มผนังแบบนี้เลย หน้าบานกระจก + ซ่อนไฟ LED ในตู้
พื้นที่ยืนแต่งตัวเหลือพอสมควร สามารถยืนเลือกเสื้อผ้าได้สบายๆ
พื้นที่โดยรวมในห้องนอนรองถือว่าค่อนข้างใหญ่เลย สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ
ช่องแสงในห้องนี้จะเป็นชุดหน้าต่างบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง ขนาดใหญ่ สามารถเปิดระบายอากาศ และรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้พอสมควรค่ะ
อย่างในห้องตัวอย่าง ทางโครงการจัดเตียง 5 ฟุต มาให้ดูเป็นตัวอย่าง
เมื่อวางเตียง 5 ฟุต แล้ว ก็จะยังมีพื้นที่เหลือข้างเตียงให้สามารถจัดเป็นมุมนั่งทำการบ้านของเด็กๆ หรือจะวางเก้าอี้นั่งพักผ่อนตัวเล็กๆก็ยังได้ค่ะ
ส่วนพื้นที่ฝั่งปลายเตียงก็มีระยะให้สามารถเดินผ่านได้สะดวก ส่วนตรงผนังจะติดตั้งเต้าเสียบและเดินสัญญาณทีวีมาให้เรียบร้อย
ภาพรวมส่วนห้องนอนรอง มองย้อนไปทางประตูทางเข้าห้องค่ะ
สวิทช์และเต้าเสียบใช้ของ Schneider หน้าตาแบบนี้เลย
ราคา(ก.ย.2561)
ราคาที่ทีมงานเอามาลงจะเป็นราคาตัวอย่างของห้องแต่ละแบบ ถ้าใครอยากทราบราคายูนิตอื่นๆก็สามารถสอบถามโครงการได้โดยตรงนะคะ
สรุป
ทำเลที่ตั้งโครงการ : โครงการ CONNER ราชเทวี ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เพชรบุรี เพียง 300 เมตร จาก BTS ราชเทวี ใช้เวลาเดินจากตัวสถานีถึงโครงการประมาณ 3 – 5 นาที และติดสถานี MRT ราชเทวี (สายสีส้ม) บรรยากาศรอบๆโครงการค่อนข้างคึกคัก เพราะด้านหน้าก็ติดถนนใหญ่ ข้างๆก็มีอาคารพาณิชย์ และไม่ไกลก็มีซอยลัดเพชรบุรี 12 ก็เป็นแหล่งชุมชุนของคนในละแวกนี้
ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการค่อนข้างสูง ยิ่งในช่วงเวลาเย็นย่ำ นี่ก็จะเริ่มมีร้านอาหารต่างๆมาเปิดเยอะเลย หรือไม่ต้องรอถึงค่ำความอุดมสมบูรณ์โดยรวมก็ถือว่าเยอะอยู่ทั้งตลาดกิ่งเพชรในซอย 10, ร้านอาหารในซอยพญานาค, ร้านสะดวกซื้อ7 – 11 ก็อยู่แถวๆ BTS ราชเทวี ขยับออกมาหน่อยก็มี Coco Walk ที่จะคึกคักมากในช่วงเวลาค่ำ ออกไปทางถนนเพชรบุรีฝั่งตะวันออกก็มีประตูน้ำ, Platinum, พันทิพย์ ส่วนห้างใหญ่ๆก็อยู่ใกล้มากๆ แค่นั่ง BTS ไปสถานีเดียวก็ถึงสยามมีทั้ง Siam Paragon, Siam Center, Siam Discovery, Central World, Siam Square ไปสถานีสนามกีฬาก็มีห้างมาบุญครองและหอศิลป์ ส่วนสถานศึกษาใกล้ๆก็มีทั้ง มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์, เตรียมอุดมฯ ถ้ามีลูกเรียนอยู่ก็ถือว่าไปเรียนสะดวกเลยค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ : ถือว่าสะดวกสบาย ตัวโครงการติดถนนใหญ่เพชรบุรีซึ่งถนนเส้นนี้จะเชื่อมต่อกับถนนสายหลักๆอีกหลายสาย อย่าง ถนนพระราม 6 ซึ่งตรงนี้ก็จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนยมราช ซึ่งถ้าเราวิ่งตรงต่อไปก็สามารถไปถึงสามเสน, พระราม 8, ยมราชได้ ส่วนถนนเพชรบุรีฝั่งตะวันออกก็จะมีทางด่วนบางนา – ดาวคะนอง ถ้าตรงต่อไปเรื่อยๆก็จะพาเราไปอโศก, สุขุมวิท ยาวไปถึงพัฒนาการค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ : ถือว่าสะดวกมาก สามารถเดินเท้าจาก BTS ราชเทวีมายังโครงการด้วย 2 เส้นทางทั้งเดินเลาะริมฟุตบาทถนนเพชรบุรี และทางลัดเข้าซอยพญานาคได้ระยะทาง 300 เมตร ซึ่งทั้ง 2 ทางใช้เวลาประมาณ 3 – 5 นาทีเท่านั้น
นอกจากนั้นใครอยากใช้รถเมล์ก็สามารถเดินมาทางแยกราชเทวี ประมาณ 140 เมตร แถวๆหน้าคอนโดเลตไอซ์ก็จะมีป้ายรถเมล์ (สาย 2, 2ส, 16, 23, 23ส, 50, 59, 60, 79, 99ร, 183ร, 505) หรือจะไปใช้บริการรถเมล์ป้ายแถวๆใต้ BTS ก็มีหลายสายเหมือนกันค่ะ
การออกแบบโครงการและที่ดิน : โครงการ Conner ราชเทวี เป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น ห้องพักอาศัย 294 ยูนิต จาก The Creators HQ ตัวอาคารออกแบบมาสวยและน่าสนใจทั้งในแง่การใช้งานและหน้าตาอาคาร เรียกว่าเสร็จแล้วน่าจะเด่นสุดในละแวกนี้เลย ซึ่งตรงนี้ได้รางวัลการันตีมาด้วยถึง 2 รางวัลค่ะ
ในส่วนของห้องพักขายแบบ Fully Fitted คือชุดครัวครบชุด+ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว, ตู้เสื้อผ้า, สุขภัณฑ์ครบชุด + Shower Box โดยตั้งแต่ห้อง 1 Bedroom Plus จะได้อัพเกรดแบบของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวให้มีสเปคสูงขึ้น
แบบห้องหลักๆจะมี 2 แบบ คือ ห้อง Loft ความสูงฝ้าเพดาน 4.5 เมตร และ ห้อง Simplex ความสูงฝ้าเพดาน 3 เมตร ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้คือมีห้องแบบ Loft เป็นสัดส่วนที่เยอะพอสมควร และมีตั้งแต่ชั้น 4 – 21 จึงทำให้ความสูงโดยรวมของอาคารเพิ่มขึ้น และห้อง Simplex ที่ชั้นบนๆก็ได้วิวที่สูงขึ้นตามไปด้วยค่ะ ซึ่งขนาดห้องจะแบ่งย่อยเป็นห้องอีก 4 แบบ คือ
แปลนฟังก์ชั่นของห้องพักแต่ละแบบ มีการแบ่งแยกการใช้งานเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยรวมสำหรับห้อง Loft จะมีแปลนเหมือนๆกันทุกขนาด คือได้ครัวปิด และมีครัวเปิดสำหรับคนที่ชอบ Space ที่กว้างขึ้น และห้องนอนจะอยู่บนชั้น Loft แตกต่างกันแค่แบบตู้เสื้อผ้า ซึ่งตรงนี้จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งห้องในอาคารค่ะ
ส่วนห้องแบบ simplex จะแตกต่างที่ขนาดห้อง, จำนวนของห้อง และความกว้างของหน้าห้องที่รับวิว
วัสดุ เป็นโครงการที่ Built -in ห้องครัวมาได้สวยน่าใช้งานมาก บวกกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่ติดตั้งมาให้ด้วย ใครที่ชอบทำอาหารถ้าเข้ามาดูแล้วอาจจะตัดสินใจซื้อเพราะห้องครัวเลยก็ได้ค่ะ
ส่วนวัสดุอื่นๆก็สมกับราคา พื้นห้องปู Engineering Wood 10 มม. พื้นส่วนห้องน้ำปูกระเบื้อง Porclain พื้นห้องครัวปูกระเบื้อง Cotto Italia, สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ Grohe, ได้ Auto Washlet, Top อ่างล้างมือหินอ่อน พร้อมติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน, ฟังก์ชั่นห้องน้ำแยกส่วนแห้ง และส่วนเปียกให้ พร้อมกั้นฉากอาบน้ำกระจกนิรภัยแยกให้เป็นสัดส่วนค่ะ
สาธารณูปโภค : มีมาให้แบบน่ารักๆ ปริมาณพอเหมาะกับจำนวนยูนิต แต่ดีเทลการออกแบบดูมีความใส่ใจในหลายๆด้าน รวมถึงเทคโนโลยีที่นำเข้ามาใช้ในโครงการก็น่าสนใจและดูมีประโยชน์ในระยะยาวค่ะ
โดยจุดเด่นของโครงการนี้คือพื้นที่สีเขียวแนวตั้งในโครงการ ซึ่งก็คือ Vertical Forest ซึ่งใช้ต้นไม้จริง ทำให้อาคารสวยทั้งภายนอก และสภาพแวดล้อมในอาคารดูสดชื่นไปด้วย โดยลูกบ้านจะสามารถออกมานั่งพักผ่อนชมสวน(Observation Deck)ได้ในชั้น 13, 15, 17 ค่ะ
ที่ชั้น 1 จะมี Hideaway Courtyard, Lobby ขนาดไม่ใหญ่มาก เน้นบรรยากาศและความสวยงาม พร้อมมีบริการ Concierge ที่คอยรับพัสดุทั้งอาหารและพัสดุทั่วไป ซึ่งในส่วนอาหารจะมีตู้แช่แยกตามอุณหภูมิไว้ให้เลย
ชั้น 4 – 5 มี Recreation Zone พื้นที่สำหรับทำงานของลูกบ้าน ซึ่งจะแยกเป็น Study Area และ The Club เพื่อแบ่งการใชงานตามช่วงวัยอีกด้วยค่ะ
ส่วนกลางที่ชั้นบนจะมีที่ชั้น 19 – 20 คือสระว่ายน้ำและฟิตเนส ซึ่งสระจะใช้ระบบน้ำ Hydro Smart ที่ดีกว่าสระระบบเกลือแบบทั่วๆไป
คัดกรองลูกบ้าน เข้า-ออกโครงการ ด้วยระบบ Access Card Control มีกล้อง CCTV พร้อมมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ในส่วนของที่จอดรถ จะเป็น Automatic Parking (Smart Park Gen 3) จะอยู่ที่ชั้นใต้ดิน B1 – B3 และชั้น 2 – 3 คิดเป็น 78.9% ของห้องพัก + ที่จอดรถ Visitor On Ground อีก 15 ช่องจอด ลิฟท์โดยสารให้มา 3 ตัว Service Lift 1 ตัว อัตราส่วนเฉลี่ยประมาณ 1 : 98 ใช้งานได้สบายๆค่ะ
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.8 | คอนโดติดถนนใหญ่ ใกล้ BTS ราชเทวี เพียง 300 เมตร และ 0 เมตร ถึง MRT ราชเทวี ความอุดมสมบูรณ์สูง |
การเดินทาง ใช้รถ | 8..0 | สะดวกสามารถใช้ถนนหลักๆได้ถึง 3 เส้น คือถนนเพชรบุรี, ถนนพญาไท, ถนนบรรทัดทอง |
การเดินทาง ไม่ใช้รถ | 8.9 | ใกล้ BTS ราชเทวี ใช้เวลาเดินประมาณ 3 – 5 นาที เรียก Taxi ก็สะดวกเพราะอยู่ติดถนนใหญ่ หรือจะเลือกใช้รถเมล์ก็ได้ป้ายอยู่ไม่ไกลจากโครงการ |
ห้องและวัสดุ | 8.5 | การออกแบบห้องโดยรวมทำออกมาให้สามารถใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆได้สะดวก เป็นโครงการที่มียูนิตไม่มาก เน้นพื้นที่ใช้สอยในห้องมากกว่า ฝ้าเพดาน 3 – 4.5 เมตร ช่องแสงในห้องใหญ่มาก และห้องขายแบบ Fully Fitted ของที่ Built -in ให้มาหน้าตาดี น่าใช้งานทั้งหมดเลยค่ะ |
สิ่งอำนวยความสะดวก-ระบบรักษาความปลอดภัย | 8.5 | เป็นโครงการที่ไม่ได้ให้ส่วนกลางมาเยอะเวอร์แต่เน้นคุณภาพ ชอบที่มีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ในโครงการแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบ และที่สำคัญตัวอาคารสวยจนอยากเห็นของจริงเร็วๆเลยค่ะ |
ความคุ้มค่ากับราคา | 8.0 | เหมาะสำหรับคนที่มองหาคอนโดเพื่ออยู่อาศัย อาจจะทำงาน-เรียน ในเมืองเดินทางได้สะดวกทั้งใช้การรถและระบบขนส่งสาธารณะ เฉลี่ยเริ่มต้นประมาณ 260,000บาท/ ตร.ม. |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 8.45 | ดีมาก |
:: ลงทะเบียนรับข้อมูลและสิทธิพิเศษ ::
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 093-289-8988
Website : http://conner-ratchathewi.com/register/
แสดงความคิดเห็น