EP.60 รีวิว คอนโด Life อโศก-พระราม 9 ใกล้ MRT พระราม 9 และ Airport Link มักกะสัน
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านค่ะ วันนี้ทีมงาน CONDONAYOO จะขอพาไปชมห้องตัวอย่างโครงการ ‘Life อโศก – พระราม 9’ คอนโดใหม่ล่าสุดจาก AP ร่วมทุนกับ Mitsubishi Estate Groupในแบรนด์ Life หลังจากมีการเปลี่ยน Brand Positioning ให้เข้ามาอยู่ในคอนโดที่หรูมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ได้เปิดตัวรุ่นพี่มาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ Life ลาดพร้าว กับ Life One Wireless ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งคู่ค่ะ
สำหรับโครงการ Life อโศก – พระราม 9 นี้ จะตั้งอยู่บนถนนอโศก – ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 ระยะทางประมาณ 300 เมตร และ Airport Rail Link สถานีมักกะสัน ระยะทางประมาณ 550 เมตร ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ ทั้ง Central พระราม 9, Fortune Tower, G Tower เป็นต้น
ไลฟ์ อโศก-พระราม 9 เป็นคอนโด High-Rise 2 อาคาร อาคาร A สูง 42 ห้องพักอาศัยจำนวน 1,298 ยูนิต และ อาคาร B สูง 45 ชั้นห้องพักอาศัยจำนวน 950 ยูนิต รวม 2,248 ยูนิต +2 ยูนิตร้านค้า พื้นที่โครงการขนาด 8-3-11 ไร่ มีห้องพักให้เลือกแบบ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 25 – 58 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted เปิดจอง Online วันที่ 8 พ.ย. และ Presale วันที่ 11 – 12 พ.ย. ณ สำนักงานขาย
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการขนาดใหญ่ ครบครัน จุดเด่นคือส่วนกลาง Rooftop ขนาดใหญ่ 1.5 ไร่ ไล่ระดับ 3 ชั้น ส่วนกลางประกอบด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือ 3 สระ เป็นสระขนาดใหญ่ ยาว 50, 40 และ 23 เมตร, ฟิตเนส 2 ชั้น, สวนพักผ่อน และส่วนกลางชั้นล่างอื่นๆ อาทิ Grand Lobby กับ Super Co-Working Space มี Free WIFI บนพื้นที่ส่วนกลางทุกจุด, ห้องจดหมาย, ประตูคีย์การ์ด, ที่จอดรถ คิดเป็น 40% หรือ 905 คัน ไม่รวมซ้อนคัน, กล้องวงจรปิด และ รปภ. 24 ชม. ราคาเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท*
ชื่อโครงการ | ไลฟ์ อโศก-พระราม 9 Life Asoke-Rama 9 |
ค้นหาห้องเพื่อเช่า | ดูประกาศเช่า คอนโด ไลฟ์ อโศก-พระราม 9 / Life Asoke-Rama 9 |
ค้นหาห้องเพื่อซื้อ | ดูประกาศขาย คอนโด ไลฟ์ อโศก-พระราม 9 / Life Asoke-Rama 9 |
เจ้าของโครงการ | เอพี ไทยแลนด์ AP Thailand |
เนื้อที่ทั้งหมด | 8-3-11 ไร่ |
จำนวนตึก | 1 อาคาร 2 ทาวเวอร์ |
จำนวนชั้น |
|
จำนวนห้อง |
|
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | 40% ไม่รวมซ้อนคัน |
จำนวนลิฟท์ | 10 ตัว Service Lift 1 ตัว |
โซน | New-CBD ย่านอโศก-พระราม 9 |
ขนส่งสาธารณะ |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ถนนอโศก-ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. |
กำหนดการ | Presale วันที่ 11 – 12 พฤศจิกายน 2560 ณ Sales Gallery Life อโศก-พระราม 9 * (Online Booking : 8 พฤศจิกายน 2560) |
ปีที่สร้างเสร็จ | พ.ศ.2563 |
ราคา | เริ่มต้น 2.75 ล้านบาท* Fully Fitted |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | ประมาณ 110,000 บาท/ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน | n/a |
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | โซนแยกพระราม 9 (ถนนรัชดาภิเษก)
โซนแยกอโศก-เพชรบุรี (ถนนอโศกมนตรี)
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | “Life อโศก-พระราม 9″ คอนโดใหม่ บนทำเลศักยภาพ New CBD ติดถนนอโศก-ดินแดง ฝั่งขาออก เดินทางสะดวกสบาย ใกล้ทางพิเศษศรีรัช ด่านพระราม 9 และ ด่านอโศก 1,2 ใกล้รถไฟฟ้า MRT พระราม 9 และ Airport Link มักกะสัน ราคาเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท* |
ที่ตั้งโครงการ
ถนนอโศก-ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
พิกัด : 13.7543567,100.5638778
แผนที่จากทางโครงการ แสดงที่ตั้งโครงการและสถานที่สำคัญรอบๆโครงการค่ะ
โครงการ Life อโศก – พระราม 9 ตั้งอยู่บนถนนจตุรทิศ ฝั่งมุ่งหน้าถนนอโศก – ดินแดง ที่วิ่งตรงเชื่อมไปถนนรัชดาภิเษกได้ ใครที่ได้ยินว่าตั้งอยู่บนถนนจตุรทิศอาจจะฟังดูไกลๆ และคิดว่าจะเดินทางลำบากหรือเปล่านะ?
สำหรับโครงการนี้แล้วถือว่าไม่ลำบากเลยค่ะ เพราะทำเลที่ตั้งจริงๆตั้งอยู่ระหว่าง CBD ปัจจุบัน ค่อนมาทางบริเวณของ New CBD ในอนาคต คือย่านพระราม 9 และรัชดาภิเษก ใกล้แยกพระราม 9 และ แยกอโศก-เพชรบุรี ซึ่งถือได้ว่าเป็นโซนของแหล่งธุรกิจสำคัญของกทม. มีความอุดมสมบูรณ์สูง ใกล้ห้างและอาคารสำนักงานหลายแห่งทั้งอาคารสำนักงาน ขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ดั้งเดิม และอาคารใหม่ๆ ที่กำลังบูม อย่าง G-Tower ที่เป็นทั้งอาคารสำนักงานและมีร้านต่างๆเปิดอยู่
ภายในอาคารในอนาคตจะ The Super Tower ตึกสูง 125 ชั้น ซึ่งจะเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย และ อาเซียน ยิ่งทำให้ความคึกคักของย่านนี้เพิ่มขึ้นๆ ทุกวันค่ะ
และยังอยู่ในระยะของรถไฟฟ้าทั้ง MRT พระราม 9 และ Airport Rail Link มักกะสัน นอกจากนั้นเมื่อเทียบราคาเฉลี่ยกับโครงการข้างเคียงแล้วยังมีราคาที่น่าจับจองเป็นเจ้าของกว่าพอสมควรค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ จากตัวโครงการเลยจะต้องอาศัย Taxi เท่านั้น ไม่มีรถโดยสารอื่นๆวิ่งผ่านค่ะ แต่ในระยะที่ใกล้โครงการจะมีรถไฟฟ้าให้เลือกใช้ 2 เส้นทาง คือ MRT พระราม 9 ที่สามารถเดินจากโครงการไปถึงตัวสถานี(ทางออก 3)ได้เลย ในระยะทางประมาณ 300 เมตร
โดยจะมีทางคนเดินข้างโครงการจะมาโผล่บนถนนอโศก – ดินแดง ช่วงตีนสะพานข้ามคลองสามเสนในพอดีค่ะ ไม่ต้องเดินจากหน้าโครงการ ซึ่งฟุตบาทช่วงหน้าโครงการจะเดินลำบากหน่อย เพราะเป็นฟุตบาทเล็กๆ
และ Airport Rail Link มักกะสัน มีระยะทางจากโครงการประมาณ 550 เมตรค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ของโครงการสามารถใช้เส้นทางเข้าได้ 2 เส้นทาง คือ
จากทางเข้าหลักถนนจตุรทิศฝั่งมุ่งหน้าอโศก – ดินแดง และจากถนนอโศก – ดินแดง โดยใช้ซอยไม้ดัด ซึ่งเป็นเส้นทางที่สะดวกทีเดียวค่ะ โดยวิ่งตรงมาจากเส้นอโศก หรือเพชรบุรีก็สามารถเข้าโครงการได้เลย ส่วนทางเข้าจากฝั่งจตุรทิศถ้าเดินทางมาจากทางฝั่งอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากเส้นพญาไท หรือเข้าเส้นราชปรารภมาก็จะเข้าโครงการสะดวก วิ่งตรงเข้าเส้นจตุรทิศฝั่งมุ่งหน้าอโศก – ดินแดงได้เลย
ส่วนถ้ามาจากเส้นอื่นก็อาจจะต้องวนรถนิดหน่อยเพื่อเข้าเส้นจตุรทิศค่ะ (เส้นที่เชื่อมเข้าโครงการได้จะมี ถนนราชปรารภ, ถนนศรีอยุธยา, ถนนประชาสงเคราะห์(ถ้าใช้เส้นดินแดงให้วิ่งฝั่งมุ่งหน้าราชวิถี แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยกโบสถ์แม่พระจะเข้าเส้นจตุรทิศมุ่งหน้าเข้าโครงการได้เลยค่ะ) และถนนดินแดงตัดใหม่ค่ะ)
ส่วนการเดินทางจากโครงการไปยังสถานที่อื่นๆ เช่น โซนรัชดา, เทียมร่วมมิตร, ห้วยขวาง, สุทธิสาร หรือออกไปยังโซนวิภาวดีรังสิต ถือว่าเดินทางได้สะดวก โดยออกจากหน้าโครงการ ตรงเข้าถนนอโศก – ดินแดง แล้วเลี้ยวซ้ายวิ่งยาวไปได้เลย
แต่การเดินทางเข้าเมืองไปยังโซนเพชรบุรี, อโศกมนตรี, สุขุมวิท หรือเข้าไปยังโซนสาทร, สีลม, พระราม 3 ก็จะต้องวิ่งไปกลับรถไกลหน่อยค่ะ โดยจุดกลับรถ คือเลี้ยวขวาตรงแยกพระราม 9 แล้วกลับรถตรงแยกอสมท. วิ่งกลับเข้ามาบนถนนพระราม 9 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอโศก-ดินแดง ฝั่งที่มุ่งหน้าไปอโศกมนตรี และอีกทาง คือออกจากหน้าโครงการแล้วเข้าถนนอโศก – ดินแดง ขับตรงไปผ่านแยกพระราม 9 ขับตรงไปเรื่อยๆ จะมีจุดกลับรถตรงหน้า The Street รัชดาฯ ค่ะ
สำหรับเส้นทางด่วนที่ใกล้โครงการจะมีให้เลือกใช้ คือทางด่วนศรีรัชทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกค่ะ โดยเส้นทางขึ้นทางด่วนศรีรัชฝั่งขาเข้าจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.7 กม. เป็นด่านเก็บเงินอโศก 1 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 – 10 นาที
และจุดขึ้นทางด่วนศรีรัชขาออกเมืองจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.2 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 – 11 นาทีค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการ ในระยะที่ใกล้โครงการที่สุดส่วนใหญ่จะไปกองอยู่บนเส้นรัชดาภิเษก และเส้นอโศกซึ่งเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ มีแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน บนเส้นรัชดาภิเษกจะมีห้างใหญ่ๆอย่าง Fortune Tower และ Central พระราม 9 ซึ่งอยู่ในระยะที่พอจะเดินไปถึงได้ประมาณ 750 เมตร สามารถเดินไปทานอาหาร, Shopping และดูหนังกันได้
ถัดออกไปทางโซนรัชดา, ห้วยขวาง, สุทธิสาร จะมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่, และสถานที่ราชการที่สำคัญๆ เกาะตามแนวถนนหลัก และกระจายอยู่ตามซอยต่างๆ อยู่เยอะมาก เช่น Cyber World, AIA Capital Center, True Tower, RS Tower, อาคารตลาดหลักทรัพย์, สถานฑูตจีน, สถานฑูตเกาหลี, สถานฑูตลาว, สนง.ใหญ่ธอส. หากลงมาทางอโศกมนตรี ก็จะมีทั้ง Thai Summit Tower, OAI Tower, GMM, Sino-Tower, สถานฑูตอินเดีย และอื่นๆ อีกมากมาย
ทำให้มีซุ้มร้านอาหารราคาไม่แพงและตลาดนัดต่างๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปตามไปด้วยค่ะ เช่น ตลาดนัดรถไฟรัชดา, ตลาดละลายทรัพย์ และ ตลาดห้วยขวาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีของขายเยอะมาก
ส่วนสถานศึกษาในละแวกนี้จะมี โรงเรียนนานาชาติมากมาย เช่น วิทยาลัยนานาชาติ The Regent’s (RIC), รร.บางกอกทวิวิทย์, ร.ร.นานาชาติ NIS, ร.ร.นานาชาติ Anglo Campus 31, ร.ร.นานาชาติ Australian-ISB, ร.ร.นานาชาติ MISB, ร.ร.นานาชาติ ASB, รร. เซนต์ดอมินิก, รร.วัฒนาวิทยาลัย, ร.ร.สาธิต มศว.ประสานมิตร และ มศว.ประสานมิตร
และโรงพยาบาลใกล้ๆโครงการจะมี ร.พ.พระราม 9, ร.พ.ปิยะเวท, รพ.กรุงเทพ, รพ.บำรุงราษฎร์, รพ.สมิติเวช สุขุมวิท, รพ.คามิลเลียน, รพ.จักษุ รัตนิน และ รพ.ผิวหนังอโศก
การเดินทาง
การเดินทางในวันนี้ เราจะเริ่มต้นกันบนถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าถนนพญาไท บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วิ่งตรงเข้าถนนพญาไท แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีอยุธยาที่แยกพญาไท เมื่อเข้าถนนศรีอยุธยาแล้วขับตรงขึ้นสะพานลอยเข้าถนนจตุรทิศขับตรงตามถนนไปเรื่อยๆ เบี่ยงซ้ายตามป้ายอโศก – ดินแดง ขับตรงไปเรื่อยๆจะเห็นโครงการทางซ้ายมือ
สรุปการเดินทาง ถนนพหลโยธิน > อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ > ถนนพญาไท > แยกพญาไท > ถนนศรีอยุธยา > ถนนจตุรทิศ > โครงการ Life อโศก – พระราม 9
เริ่มการเดินทางกันบนถนนพหลโยธินมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วเราขับตรงมุ่งหน้าเข้าถนนพญาไทค่ะ
ขับตรงมาเข้าถนนพญาไทแล้วเราจะเห็นโรงพยาบาลราชวิถีทางขวามือ
ถัดมาอีกหน่อยจะผ่าน BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เลยสถานี BTS มาแล้วเราจะผ่านห้าง Century ทางซ้ายมือ
ขับตรงต่อมาเรื่อยๆ เมื่อใกล้ถึงแยกพญาไทเราจะเห็นตึกวรรณสรณ์ทางซ้ายมือ
ถึงแยกพญาไทเราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีอยุธยา
เข้ามาบนถนนศรีอยุธยาแล้วเราใช้เลนกลาง ขับตรงมุ่งหน้าอโศก – ดินแดง (เข้าถนนจตุรทิศ) ระหว่างทางจะผ่านรร.ศรีอยุธยาทางซ้ายมือ
เราขับตรงต่อมาเรื่อยๆโดยใช้เลนกลางแล้วเราจะสามารถตรงขึ้นสะพานลอย โดยการเดินทางไปยังตัวโครงการเราจะวิ่งตามป้ายอโศก – ดินแดงไปเรื่อยๆค่ะ
ขึ้นสะพานมาแล้วเราจะเข้าสู่ถนนจตุรทิศ เราขับตรงต่อไปเรื่อยๆค่ะ
ซึ่งระหว่างทางจะมีทางแยก ทางเบี่ยงที่สามารถใช้ไปยังเส้นอื่นๆได้ ทางแยกแรกจะสามารถใช้วิ่งไปดินแดงได้
ขับตรงต่อมาจะเจอทางแยกที่สอง ซึ่งจะเป็นเส้นทางสำหรับกลับรถไปเข้าเส้นราชปรารภค่ะ
ขับตรงตามป้ายอโศกดินแดงต่อไปเรื่อยๆ
ทางแยกจุดที่สามสามารถใช้วิ่งไปประชาสงเคราะห์ได้
ขับตรงต่อมาเรื่อยๆ สังเกตป้ายให้เราเริ่มใช้เลนซ้ายค่ะ
ใช้เลนซ้ายวิ่งตามป้ายไปเรื่อยๆ
ขับตามป้ายมาจะเจอทางเบี่ยงแยกให้เราใช้เลนซ้ายค่ะ
ขับตรงต่อมาอีกหน่อยเราจะถึงที่ตั้งโครงการทางซ้ายมือแล้วค่า
ถนนและแยกที่สำคัญรอบโครงการ
สถานที่สำคัญรอบๆโครงการ
โซนแยกพระราม 9 (ถนนรัชดาภิเษก)
โซนแยกอโศก-เพชรบุรี (ถนนอโศกมนตรี)
รอบๆโครงการ
ด้านหน้าที่ดินโครงการค่ะ ตัวที่ตั้งอาคารจริงๆจะอยู่ด้านใน พื้นที่ข้างหน้าส่วนนี้จะเป็นถนนใหญ่เข้าไปยังตัวโครงการ
ขยับเข้ามาดูในซอยตรงพื้นที่ ที่ล้อมรั้วตาข่ายสีเขียวไว้คือพื้นที่ของสำนักงานขาย ซึ่งจะตั้งอยู่ตรงนี้ยาวๆจนกว่าจะขายหมดค่ะ
ด้านหน้าที่ดินจะติดกับถนนจตุรทิศ
บรรยากาศด้านหน้าโดยรวมตอนนี้อาจจะยังดูเงียบๆ แต่หลังจากโครงการเสร็จเรียบร้อยบรรยากาศก็จะดูเจริญ ปลอดภัยมากขึ้นค่ะ
ติดกับที่ดินโครงการทางซ้ายมือ เป็นบ้านเดี่ยว ถัดไปเป็นอพาร์ทเมนท์ สูง 4 ชั้น ส่วนอาคารสูงที่เราเห็นด้านหลังคือโครงการรุ่นพี่ Chewathai Residence และ Rhythm Asoke I
จากที่ตั้งโครงการเราจะลองเดินไปตรงเส้นอโศก – ดินแดง จนถึงแยกพระราม 9 และ MRT พระราม 9 เพื่อดูบรรยากาศโดยรวมกันนะคะ ซึ่งจากภาพนี้จะเห็นว่าทางเข้าหลักโครงการจะเดินเท้าไม่ค่อยสะดวกนัก เพราะจะมีฟุตบาทแค่บางช่วง
ส่วนที่มีฟุตบาทก็จะค่อนข้างแคบเดินลำบาก แต่ใครที่ใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะเค้ามีทางเข้าสำหรับคนเดินเท้าอีกทาง สะดวกกว่ามาก
ซึ่งเส้นทางเข้าโครงการด้านข้าง ที่เชื่อมกับถนนอโศก – ดินแดงที่เราบอกไปข้างต้นคือการใช้ซอยไม้ดัดนั่นเองค่ะ โดยตัวซอยจะเชื่อมเข้าสู่ตัวโครงการได้ 2 ด้าน คือจากถนนจตุรทิศและจากถนนอโศก – ดินแดง ระหว่างโครงการคอนโดของชีวาทัยและ Rhythm Asoke I
จากซอยนี้เราก็จะมองเห็นโครงการฝั่งติดถนนอโศก – ดินแดงทั้ง 2 โครงการได้อีกเช่นกันค่ะ
เราเดินมาจนถึงช่วงทางโค้งเชื่อมถนนอโศก – ดินแดง จะเริ่มมีฟุทบาทกว้างเดินสะดวกแล้วค่ะ
พ้นช่วงโค้งมาแล้วเราก็จะเข้าสู่ถนนอโศก – ดินแดงแล้วค่า
ออกมาบนถนนอโศก – ดินแดงแล้ว เราจะเห็น 2 คอนโดรุ่นพี่ ชีวาทัย และ Rhythm Asoke I
และซอยไม้ดัดที่เราพูดถึงกันก่อนหน้านี้จะอยู่ระหว่าง ชีวาทัยและ Rhythm นี่เองค่ะ
บรรยากาศภายในซอยปัจจุบันอาจจะยังดูไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่เพราะยังมีการก่อสร้างของคอนโดข้างเคียง และตัวโครงการ Life เอง ซึ่งเดี๋ยวพอโครงการเสร็จหมด ซอยนี้ก็น่าจะเรียบร้อย เข้า-ออกกันได้สะดวกค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโด Rhythm Asoke II
เราลองเดินไปดูทางฝั่งพระราม 9 กันหน่อยค่ะ โดยเส้นทางที่ใช้เดินจะมีฟุทบาทกว้าง เดินได้สะดวก มองตรงไปจะเป็นสะพานข้ามคลองสามเสน
ตรงตีนสะพานมีคิวพี่วินให้ใช้บริการ
ข้ามมาฝั่งตรงข้ามเพื่อจะได้เห็นที่ตั้งโครงการที่ติดฝั่งอโศก – ดินแดงชัดๆ โดยเส้นทางคนเดินเข้าโครงการจะอยู่บริเวณนี้ แต่ทางนี้จะไม่สามารถใช้เป็นทางเข้ารถได้เพราะติดคอสะพานค่ะ
เดินขึ้นสะพานมาแล้วมองตรงไปเราจะเห็นอาคาร G Tower เด่นเชียวค่ะ
เดินมาจนถึงแยกพระราม 9 จะมีทางม้าลายทุกฝั่งเลยค่ะ เราสามารถเดินไปกลับโครงการได้สะดวก
ข้ามมาทางฝั่งพระราม 9 ก็มีทางม้าลายอีกเช่นกัน
ข้ามมาปุ๊ปจะเจออาคาร G Tower
ติดกันเป็นห้าง Central พระราม 9
และฝั่งตรงข้าม Central เป็นห้าง Fortune Tower ค่ะ
เดินเท้าจากโครงการมาประมาณ 700 เมตร จะถึงตัวสถานี MRT พระราม 9 ทางออกที่ 3 เป็นทางลงสถานีที่เดินมาโครงการได้สะดวกที่สุดค่ะ
ตัวโครงการ
วันนี้เรามีตัว Master Plan และแปลนส่วนกลางมาให้ดูคร่าวๆ กันก่อน เริ่มจาก Master Plan เราจะเห็นว่าตัวที่ดินโครงการจะอยู่ติดกับถนน 2 เส้น คือถนนจตุรทิศและถนนอโศก – ดินแดง ส่วนทางเข้าตัวโครงการจะมี 2 แบบคือทางเข้ารถและทางเดินเท้าเข้าโครงการ โดยทางเข้าหลักรถจะสามารถเข้าได้จากทางถนนจตุรทิศและอโศก – ดินแดงผ่านซอยไม้ดัด ส่วนอีกทางคือเส้นทางคนเดินจะมีทางเข้าติดกับสะพานข้ามคลองสามเสนในซึ่งจะสะดวกทั้งสภาพเส้นทางและจะมีระยะทางเพียง 300 เมตรเท่านั้นค่ะ
ขยับเข้ามาดูพื้นที่ด้านในโครงการกันบ้าง ขนาดที่ดินโครงการจะอยู่ที่ 8 – 3 – 11 ไร่ โดยพื้นที่บนชั้น 1 รอบนอกจะถูกจัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดรวมถึง 3 ไร่ ส่วนด้านในตัวอาคารจะมี Lobby ถัดเข้าไป ส่วนด้านหลังจะเป็นที่จอดรถ ซึ่งที่จอดรถจะมีทั้งหมดประมาณ 40% อยู่ที่ชั้น 1 – 6ค่ะ
ภาพบรรยากาศทางเข้าโครงการทำออกมาดูโปร่งดีค่ะ น่าจะช่วยปรับภูมิทัศน์ของที่ดินให้น่าอยู่ได้มากเลยทีเดียว
ส่วน Drop off และถนนภายในโครงการมองเข้าไปด้านในจะเห็นส่วน Lobby
พื้นที่สวนด้านนอกที่ชั้น 1 นอกจากสวนเขียวร่มรื่นแล้ว ก็จะมีอาคารที่จัดมาให้ภายในสวน ช่วยดึงการใช้งานของผู้อยู่อาศัยให้มานั่งเล่นภายในสวนได้มากขึ้น บรรยากาศสวนโดยรวมภายในโครงการ มีที่นั่งพักผ่อนกระจายอยู่ตามจุดต่างๆด้วยค่ะ
ภายในโถง Lobby สามารถนั่ง Take View สวนภายนอกได้
และจะมีโซนที่แบ่งสำหรับการนั่งที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น
จะเห็นว่าฝ้าเพดานของโถง Lobby จะได้โถงสูงโปร่ง และผนังจะได้เป็นกระจกแบบเต็มบาน สูงจรดฝ้า ทำให้โถงโปร่งและสว่างมากขึ้นค่ะ
นอกจากนั้นก็จะมีโซนที่แบ่งที่นั่งแบบ Private ด้วยเก้าอี้ที่มีพนักยื่นออกมาบังในระดับสายตา ทำให้คนที่ใช้งานมีสมาธิค่ะ
ขึ้นมาด้านบนจะเป็นพื้นที่ Co – Working Space ที่มีห้องประชุมที่ลูกบ้านสามารถจองเพื่อใช้งานได้
พื้นที่สวนบนชั้น 7 จะมีซุ้มที่นั่งมีหลังคาคลุมและจะมีปลั๊กติดตั้งไว้ให้ใช้งานทุกตัว
ขยับกันขึ้นมาที่ชั้น Rooftop ที่เป็นส่วนกลางหลักและถือเป็นจุดเด่นของโครงการเลยก็ว่าได้ เพราะพื้นที่รวมบนชั้นนี้มีขนาดถึง 1.5 ไร่ ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ณ ปัจจุบัน โดยพื้นที่ด้านบนนี้จะประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, พื้นที่สวน Rooftop, ห้องนั่งพักผ่อนและทำงาน
ภาพรวมของส่วนกลางบนชั้น Rooftop ขนาด 1.5 ไร่ ก็จะดูอลังการๆ หน่อยแบบนี้ค่ะ
ภายในห้องฟิตเนสผนังกระจกใสรอบ มองเห็นวิวเมือง ดีไซน์โดยรวมทำออกมาสวยดีค่ะ
บรรยากาศภายใน Lounge ชั้น Rooftop จัดออกมาได้สวยอีกเช่นกัน
สระว่ายน้ำมี 3 สระ โดย 2 สระจะเป็นสระขนาดใหญ่ 50 และ 45 เมตร บนชั้น Rooftop และมีสระยกระดับอีกสระอยู่เหนือสระใหญ่ที่เราเห็นในกรอบสีแดงค่ะ
ตัวสระที่ซ้อนอยู่ด้านบนจะเป็นสระโค้ง กระจกรอบ เหมาะสำหรับลงแช่น้ำพักผ่อนสวยๆ
จากสระว่ายน้ำจะมองเห็นวิวเมือง
พื้นที่พักผ่อนด้านหน้าจะเป็นสวนไล่ระดับ
ภาพจำลองบรรยากาศสวนด้านหน้า จะเป็นสวนไล่ระดับ ราวกันตกกระจกใสโดยรอบ และสวนนี้จะเชื่อมอยู่กับห้อง Home Theater ด้วยค่ะ
นอกจากนั้นก็จะมีห้องสำหรับนั่งพักผ่อนและทำงานด้วนบน ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองได้โดยรอบ
ภาพจำลองห้องพักผ่อนและทำงานบนชั้น Rooftop ผนังกระจกรอบ มองเห็นวิวเมือง หันหน้าไปทางฝั่ง Super Tower
แบบห้อง
แบบห้องในโครงการจะมีทั้งหมด 4 แบบ คือ
การวางยูนิตของห้องขนาด 27.5 ตร.ม. และ 35.5 ตร.ม. จะมีการออกแบบให้ตัวห้อง Interlock กัน ทำให้มีการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าและสามารถจัดพื้นที่ครัวให้กั้นเป็นครัวปิดได้ทั้ง 2 แบบค่ะ
ตัวอย่างแปลนของห้องแบบ Studio มีการจัดฟังก์ชั่นในห้องทั้ง 2 แบบให้มีครัวปิด และระเบียงภายในห้องครบค่ะ
ห้องแบบ 1 Bedroom จะมีขนาดเดียวคือ 32 ตร.ม. ภายในห้องจะแยกฟังก์ชั่นห้องนั่งเล่น, ห้องนอน, ห้องน้ำและห้องครัวปิดเป็นสัดส่วนชัดเจน
แบบห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 40 ตร.ม. จะมีห้องอเนกประสงค์กั้นเพิ่มมาให้ 1 ห้อง ซึ่งเราสามารถที่จะจัดเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องทำงานได้ค่ะ
แบบห้อง 2 Bedrooms ขนาดพื้นที่ใช้สอย 45 – 58 ตร.ม. โดยห้องขนาด 45 – 46.5 ตร.ม. จะได้ 2ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำ ห้องครัวได้แยกเป็นสัดส่วนทุกห้อง
สำหรับห้อง 2 Bedrooms ขนาด 58 ตร.ม. จะได้ห้องขนาดใหญ่ขึ้น และฟังก์ชั่นภายในห้องจะได้ 2 ห้องนอนและ 2 ห้องน้ำ โดยห้องน้ำจะสามารถเข้าได้จากห้องนอนทั้ง 2 ห้อง
ห้องตัวอย่าง
สำหรับห้องตัวอย่างที่ Sale Office จะมีทั้งหมด 3 แบบ ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปชมทั้ง 3 แบบกันเลยนะคะ คือห้อง
มาเริ่มกันที่ห้องตัวอย่างแบบแรก ห้อง Studio ขนาด 27.50 ตร.ม. ที่จะ Interlock อยู่กับห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.50 ตร.ม. เป็นคู่ Layout ที่ AP พัฒนาขึ้นมาใหม่และมีใช้ที่นี่เป็นโครงการแรก ซึ่งการวางแปลนห้องแบบนี้ทำให้ห้องทั้ง 2 แบบได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในห้องได้เต็มที่
โดยจุดเด่นของห้อง Studio คือจะได้ครัวปิด และห้องนอน + ห้องนั่งเล่นที่ได้ความรู้สึกกว้างกว่าห้อง Studio ทั่วๆไปที่เราเคยเห็นกัน สามารถจัดปรับแต่งพื้นที่ในห้องได้ตามใจค่ะ
ส่วนจุดเด่นของห้อง 1 Bedroom Plus คือจะได้พื้นที่ครัวปิดที่มีขนาดค่อนข้างกว้างและแยกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ไม่ไปกินพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหาร และห้องน้ำที่มีทางเข้าออก 2 ทางคือจากห้อง Master Bedroom และห้องทานอาหาร ส่วนห้องที่เป็นตัว Plus หรือห้องเอนกประสงค์ก็สามารถที่จะจัดวางเป็นห้องนอนได้เช่นกัน
เรามาเริ่มกันที่ห้องตัวอย่างห้องแรกกันเลย คือห้อง Studio ขนาด 27.50 ตร.ม.
พื้นด้านในห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้ทั้งห้อง ยกเว้นในห้องน้ำและระเบียง มีตัวจบลามิเนตติดตั้งมาให้เรียบร้อย
เข้ามาด้านในห้องจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวก่อน มองตรงไปจะเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น
ดวงไฟภายในห้องจะได้เป็นดาวน์ไลท์ทั้งหมด
เรามาดูพื้นที่ครัวกันก่อนค่ะ โดยพื้นที่ส่วนครัวที่ได้จะได้เป็นครัวปิด ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวมาให้ครบชุด พร้อม Hob & Hoods, ซิงค์ล้างจาน และเตาไฟฟ้า ระยะยืนทำครัวประมาณ 1.2 เมตร
Top เคาน์เตอร์จะได้เป็นหินเทียมสีขาว ผนังด้านหลังติดตั้งกระจกช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนพื้นที่ใช้สอยบนเคาน์เตอร์ครัวนี้จะมีพื้นที่สำหรับเตรียมของหรือวางที่คว่ำจานได้นิดหน่อย ไม่กว้างมากแต่ก็ไม่แคบเกินค่ะ
ซิงค์ล้างจานจะได้เป็นซิงค์ทางเหลี่ยมขอบมน ขนาดไม่กว้างเท่าไหร่ ลึกพอสมควร พร้อมก๊อกน้ำทรงโค้ง
ส่วนเตาไฟฟ้าได้ของยี่ห้อ FRANKE เป็นเตา 2 หัวค่ะ
ชุดตู้เก็บของเหนือเคาน์เตอร์จะได้เป็นตู้ทั้งหมด 3 บาน
บานเปิดทั้งหมดเป็นแบบ Soft Closed
ส่วนชุดตู้เก็บของด้านล่างจะแบ่งเป็นตู้เก็บของใต้อ่าง 1 บาน, ช่องวางเตาไมโครเวฟ และ 2 ลิ้นชัก
นอกจากนั้นยังมีดีเทลเล็กๆน้อยๆ ที่เค้าใส่มาให้ เป็นโต๊ะพับได้ที่จะเพิ่มพื้นที่ในการเตรียมอาหาร หรืออาจจะใช้เป็นโต๊ะทานอาหารช่วงเร่งด่วนไปด้วยในตัวเลยก็ได้ค่ะ โดยโต๊ะตัวจริงที่เราจะได้ใช้วัสดุเป็นสแตนเลส จะดูดีและแข็งแรงกว่านี้ค่ะ
จากห้องครัวทางขวามือจะเป็นส่วนของห้องน้ำ โดยบานประตูที่ได้ในห้องมาตรฐานคือบานไม้อัดกรุลามิเนต
ตัวห้องน้ำจะใช้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ธรณีประตูห้องน้ำเลยจะยกตัวขึ้นมาสูงหน่อยค่ะ ประมาณ 10 ซม.
ภายในห้องน้ำจะติดตั้งอุปกรณ์มาให้ครบ พร้อมแยกส่วนแห้งส่วนเปียกชัดเจน โดยบานกระจกเงาจะได้เป็นบานขนาดใหญ่เต็มพื้นที่แบบนี้เลยค่ะ
อ่างล้างมือจะได้เป็นอ่างทรงสี่เหลี่ยม ยี่ห้อ American Standard ที่ตรงตัวเคาน์เตอร์อ่างด้านล่างจะมีราวสำหรับวางผ้าขนหนูติดตั้งมาให้ พร้อมก๊อกน้ำเย็น ยี่ห้อ Grohe
ติดกับอ่างล้างมือเป็นโถสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ Kogler พร้อมอุปกรณ์ครบชุด คือสายชำระและที่วางกระดาษชำระ ตัวโถมีระยะการใช้งานที่พอดีๆ
ตัวสายชำระหน้าตามาตรฐาน
ถัดมาเป็นส่วนของห้องอาบน้ำ ทางโครงการติดตั้ง Shower Box มาให้เรียบร้อย บานเปิดแบบผลักเข้าไปในห้อง มีมือจับเป็นราวที่สามารถใช้ประโยชน์ด้วยการวางพาดผ้าเช็ดตัวได้
ด้านหลังบานประตูจะมีตัว Stopper สำหรับป้องกันประตูกระแทกผนังค่ะ
ภายในห้องน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower ยี่ห้อ Grohe แบบปรับระดับได้มาให้ พร้อมที่วางของที่ผนังด้านข้างอีก 2 ช่อง
ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.75 x 0.95 เมตร ขนาดกระทัดรัดดีค่ะ
จากห้องครัวเราจะไปดูภายในห้องนอนและห้องนั่งเล่นกันต่อ โดยจะมีประตูกั้นมาให้เป็นบานเลื่อน 3 ตอน เปิดได้กว้างกว่าแบบบานเลื่อนคู่ทั่วไป โดยจะมีระยะทางเดินประมาณ 1.2 เมตรค่ะ
ตัวบานกรอบประตูเป็นอลูมิเนียมสีดำ มือจับแบบเซาะร่อง
เข้ามาถึงพื้นที่ด้านในจะเจอกับโถงห้องนอนและห้องนั่งเล่น ซึ่งอย่างที่บอกว่าการจัดวางของตัวแปลนแบบใหม่นี้จะทำให้เราได้ใช้พื้นที่อย่างเต็มที่ และได้ความรู้สึกว่าในพื้นที่ห้องส่วนนี้จะมีขนาดกว้างและโปร่ง ได้ Experience ที่แตกต่างจากห้อง Studio ทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะจัดมาเป็นแปลนตรงๆ ทำให้รู้สึกแคบค่ะ
เรามาดูทางฝั่งห้องนอนกันก่อน ในฝั่งนี้จะได้ช่องแสงบานให้ 1 จุด ขนาดห้องค่อนข้างกว้าง สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบ
สำหรับขนาดเตียงที่เหมาะสำหรับห้องนี้จะเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ค่ะ
เมื่อจัดวางเตียงขนาดควีนไซส์ลงไปแล้วจะเหลือพื้นที่ข้างเตียงประมาณ 50 ซม. พอให้เดินเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้ และอาจจะวางโคมไฟหัวเตียงขนาดไม่ใหญ่มากได้ด้วยค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดมาตรฐานได้ 1 หลัง
ระยะการใช้งานของพื้นที่ฝั่งนี้เหลือเฟือค่ะ สามารถวางเก้าอี้ไว้นั่งเอนหลังได้อีกตัว
ช่องแสงที่ได้จะได้เป็นบานฟิกซ์ 2 บานและหน้าต่างบานกระทุ้งอีก 1 บาน
ตัวบานกระทุ้งจะเปิดระบายอากาศได้ประมาณนี้ค่ะ
บานเปิดหน้าต่างกระทุ้งมือจับแบบก้านโยก
พื้นที่อีกฝั่งของห้องจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น
ถ้ามองจากฝั่งห้องนอน ปลายเตียงจะเห็นมุมมองประมาณนี้ค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงมีระยะห่างจากส่วนห้องนั่งเล่นพอให้เดินผ่านได้สะดวก ไม่ติดขัดค่ะ
สำหรับพื้นที่ในห้องนั่งเล่นนี้จะได้แสงธรรมชาติมาจากประตูที่เชื่อมระเบียงภายนอก สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศในวันอยู่ห้องและไม่อยากเปิดแอร์ได้ค่ะ
พื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่นนี้เหมาะที่วางโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่งค่ะ โดยระยะดูทีวีจะอยู่ที่ 1.40 เมตร สมารถวางทีวีขนาด 26″ – 32″ จะได้ระยะดูทีวีที่เหมาะสมค่ะ
สำหรับบานประตูที่เชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอกจะได้เป็นบานเลื่อนเดี่ยว บานกรอบอลูมิเนียม กระจกเขียวตัดแสง
ออกมาดูที่ระเบียงภายนอก จะได้ราวกันตกเป็นเหล็กซี่สีดำ ติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์แบบลอยตัว พร้อมมีกริลล์บังสายตาจากภายนอกทำให้ตัวอาคารด้านนอกดูเรียบร้อยค่ะ
ตัวระเบียงกว้างประมาณ 0.9 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าขนาดเล็กๆได้
กลับเข้ามาในห้อง ให้ดูมุมจากห้องนั่งเล่นมองย้อนไปทางห้องนอนค่ะ
ถัดมาเราจะมาดูที่ห้องตัวอย่างแบบที่ 2 กันต่อ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ค่ะ เมื่อเข้ามาในตัวห้องจะเจอกับพื้นที่ส่วนห้องทานอาหารก่อนเป็นส่วนแรก มองตรงไปจะเป็นห้องเอนกประสงค์ (Plus) ฝั่งซ้ายมือเป็นห้องน้ำและห้องนอน Master Bedroom และฝั่งขวามือเป็นส่วนห้องครัวค่ะ
พื้นที่ส่วนของห้องทานอาหารค่อนข้างกว้าง สามารถรับแสงธรรมชาติได้จากช่องแสงของห้องนั่งเล่นภายในค่ะ
ในส่วนของโต๊ะทานอาหาร ทางโครงการจัดมาให้ดูเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง และยังมีพื้นที่เหลือรอบๆอีกเยอะ ใครที่มีเพื่อนๆมาเยี่ยมบ่อยก็สามารถที่จะวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ที่นั่งได้สบายๆ
สำหรับใครที่คิดว่าคงไม่ได้นั่งทานข้าวแบบจริงจังบ่อยๆ ห้องทานอาหารจึงอาจจะไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่ ดังนั้นพื้นที่ห้องทานอาหารส่วนแรกนี้เราก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนเป็นห้องนั่งเล่นได้
โดยโครงการจะมีติดตั้งปลั๊กไฟและช่องสัญญาณโทรทัศน์ไว้ให้เรียบร้อยเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ
ถัดมาเรามาดูในส่วนของห้องครัวกันต่อ โดยห้องครัวจะได้เป็นครัวปิด ใช้ประตูบานเลื่อนเดี่ยว บานกรอบอลูมิเนียมสีดำ กระจกใส ช่วยให้ห้องดูไม่ทึบ
พื้นห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีม ทำความสะอาดง่ายและเหมาะสำหรับใช้ในห้องครัวมากกว่าพื้นลามิเนตค่ะ
ภายในห้องครัวจะได้ครัวที่มีขนาดค่อนข้างกว้างเลยค่ะ โดยพื้นที่ส่วนครัวนี้จะเป็นส่วนที่เกิดจากการ Interlock ของแปลนตามที่บอกไปข้างต้นทำให้ได้ห้องครัวที่แยกเป็นสัดส่วนมากขึ้นนั่นเองค่ะ
สำหรับอุปกรณ์ในห้องครัวก็จะได้เป็นมาตรฐานเหมือนห้องที่แล้วคือชุดเคาน์เตอร์ครัว พร้อม Hob & Hood, ซิงค์ล้างจานและเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว
ด้านข้างมีพื้นที่ให้วางตู้เย็นแบบเหลือๆ
ระยะยืนทำครัวประมาณ 1.3 เมตร ค่อนข้างกว้างใช้งานกันได้สะดวกค่ะ
กลับออกมาที่ห้องทานอาหารเราจะไปดูในส่วนของห้องนั่งเล่นกันต่อ
โดยห้องนั่งเล่นจะมีประตูบานเลื่อน 3 ตอน บานกรอบอลูมิเนียมสีดำ กระจกใส กั้นแบ่งห้องให้เป็นสัดส่วน
พื้นภายในห้องเป็นลามิเนตเช่นกันค่ะ
เข้ามาภายในห้องนั่งเล่นจะมีช่องแสง 1 บานใหญ่ เป็นชุดหน้าต่างบานฟิกซ์ 2 บานและหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้
ขนาดของห้องสามารถที่วางโซฟาขนาด 2 – 4 ที่นั่งได้สบายๆ และมีระยะดูทีวีประมาณ 1.55 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 32″-42″ จะได้ระยะดูทีวีที่เหมาะสมกับระดับสายตาค่ะ
สำหรับห้องนั่งเล่นนี้ จริงๆแล้วจะเป็นห้องเอนกประสงค์ หรือห้องที่ Plus เข้ามานั่นเองค่ะ ซึ่งในห้องมาตรฐานจะได้มาเป็นห้องเปล่าๆ ที่เราสามารถปรับเปลี่ยนไว้เป็นห้องนอนเล็กได้ หรือจะใช้เป็นห้องทำงานก็เหมาะ ส่วนห้องนั่งเล่นก็สามารถที่จะเอาไปไว้ที่ห้องทานอาหารด้านนอกแทนได้สบายๆค่ะ
จากห้องเอนกประสงค์หรือห้องนั่งเล่นเราจะไปดูในส่วนของห้อง Master Bedroom กันต่อ โดยบานประตูในห้องมาตรฐานจะได้เป็นบานไม้อัดทาสี
เข้ามาภายในห้องนอนจะมีขนาดกว้างมาตรฐาน สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบถ้วน ไม่อึดอัด มีช่องแสง 1 จุด เป็นประตูบานเลื่อนที่เชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอกค่ะ
เตียงที่เหมาะกับห้องนี้จะเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ แต่ถ้าใครชอบเตียงนอนกว้างๆก็ยังมีที่พอวางเตียงคิงส์ไซส์ได้ แต่อาจจะทำให้ห้องแน่นๆหน่อยค่ะ
สำหรับพื้นที่ข้างเตียงที่เหลือหลังจากวางเตียงขนาดควีนไซส์ลงไปแล้ว จะเหลือประมาณ 50 ซม. สามารถที่จะวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งจะจัดวางเป็นตู้เสื้อผ้า และมีทางเข้าห้องน้ำจากห้อง Master Bedroom ค่ะ
ระยะการใช้งานตู้เสื้อผ้าทางด้านนี้เหลือพอให้ยืนแต่งตัวได้สะดวก และสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งขนาดไม่ใหญ่มากได้ค่ะ
ระยะปลายเตียงเหลือพอให้ดินได้สะดวก และมีเดินช่องสัญญาณโทรทัศน์ไว้ให้พร้อม
จากห้องนอนเราจะออกไปดูที่ระเบียงภายนอกกันต่อ โดยตัวบานประตูถึงแม้จะไม่ได้เป็นบานสูง แต่ก็กว้างเต็มพื้นที่ ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มๆเลยค่ะ
ขนาดระเบียงภายนอกกว้างประมาณ 0.9 เมตร สามารถวางราวตากผ้าได้
กลับเข้ามาในห้อง เราไปดูในส่วนของห้องน้ำกันต่อ โดยเราจะเข้าทางประตูที่เชื่อมจากในห้อง Master Bedroom ค่ะ
ภายในห้องน้ำสำเร็จรูปติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบถ้วน มี Shower Box มาให้พร้อม ขนาดห้องจะกว้างกว่าห้องแบบที่แล้วหน่อยค่ะ
อ่างล้างมือจะได้เป็นอ่างทรงสี่เหลี่ยม ยี่ห้อ American Standard พร้อมก๊อกน้ำเย็น ยี่ห้อ Grohe
ติดกับอ่างล้างมือเป็นโถสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ Kohler พร้อมอุปกรณ์ครบชุด คือสายชำระและที่วางกระดาษชำระ ตัวโถมีระยะการใช้งานที่พอดีๆ เหนืออ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์มี Low Wall ใช้วางของได้นิดหน่อย
ส่วนของห้องอาบน้ำ ทางโครงการติดตั้ง Shower Box มาให้เรียบร้อย บานเปิดแบบผลักเข้าไปในห้อง มีมือจับเป็นราวที่สามารถใช้ประโยชน์ด้วยการวางพาดผ้าเช็ดตัวได้
ภายในห้องน้ำติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower ยี่ห้อ Grohe แบบปรับระดับได้มาให้ พร้อมที่วางของที่ผนังด้านข้างอีก 2 ช่อง
ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 0.95 x 1 เมตร ค่อนข้างกว้าง อาบได้สะดวก
ถัดมาเป็นห้อง 2 Bedrooms ค่ะ เมื่อเข้าไปในห้องจะเจอกับส่วนห้องทานอาหาร ถัดไปเป็นห้องเอนกประสงค์ และระเบียง ฝั่งขวามือจะเป็นส่วนของห้อง Master Bedroom และห้องน้ำที่เข้าได้ 2 ทางคือจากห้องทานอาหารและห้องนอน ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวปิด และห้องนอนรองค่ะ
มาดูบรรยากาศภายในห้องกันต่อค่ะ เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่โถงกว้าง แบ่งสัดส่วนเป็นพื้นที่ทานอาหาร และห้องนั่งเล่น
ฝั่งซ้ายมือจะติดกับห้องครัว และห้องนอนรอง ส่วนฝั่งขวามือจะติดกับห้อง Master Bedroom และห้องน้ำค่ะ
ในส่วนของพื้นที่ทานอาหารจะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง แต่ระยะการจัดวางโต๊ะทานอาหารจะค่อนข้าง Fixed ตำแหน่งพอสมควร คือจะต้องวางอยู่ระหว่างประตูห้องครัวและห้องนอนรอง ไม่งั้นจะเกะกะทางเดินค่ะ โดยขนาดโต๊ะทานอาหารที่สามารถใช้ได้จะเป็นโต๊ะ 4 – 6 ที่นั่ง กำลังดี
ห้องครัวสำหรับห้อง Type นี้ จะอยู่ติดกับห้องทานอาหาร โดยจะกั้นเป็นครัวปิดด้วยประตูบานเลื่อนเดี่ยว บานกรอบอลูมิเนียมสีดำ กระจกใสค่ะ
ภายในห้องครัวจะได้เป็นครัวปิด ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวมาให้ครบชุด พร้อม Hob & Hoods, ซิงค์ล้างจาน และเตาไฟฟ้า 2 หัว
ระยะยืนทำครัวประมาณ 1 เมตร ค่อนข้างแคบนิดนึง พอให้ยืนทำครัวคนเดียวได้สะดวก
กลับออกมาที่ห้องทานอาหาร จะเห็นว่าอีกฝั่งติดกับห้องน้ำและห้อง Master Bedroom
เราไปดูในส่วนของห้องน้ำกันก่อนนะคะ
โดยทางเข้าห้องน้ำจะมี 2 ทาง คือจากห้องทานอาหารและห้อง Master Bedroom ค่ะ
ภายในห้องน้ำจะติดตั้งอุปกรณ์มาให้ครบ พร้อมแยกส่วนแห้งส่วนเปียกชัดเจน โดยบานกระจกเงาจะได้เป็นบานขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ สุขภัณฑ์ที่ได้จะได้ อ่างล้างมือจะได้เป็นอ่างทรงสี่เหลี่ยม ยี่ห้อ American Standard พร้อมก๊อกน้ำเย็น ยี่ห้อ Grohe, โถสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ Kohler พร้อมอุปกรณ์ครบชุด
ส่วนห้องอาบน้ำ ทางโครงการติดตั้ง Shower Box มาให้เรียบร้อย บานเปิดแบบผลักเข้าไปในห้อง ภายในติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower ยี่ห้อ Grohe แบบปรับระดับได้มาให้
ส่วนที่ไม่เหมือนกับห้องตัวอย่าง 2 ห้องที่แล้ว คือจะมีช่องสำหรับวางของเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ห้องค่ะ
กลับออกมาดูที่ห้องนั่งเล่นกันต่อ
ภายในห้องนั่งเล่นจะได้ช่องแสง 1 จุด เป็นประตูบานเลื่อนกระจกเชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอกค่ะ
ขนาดโซฟาที่เหมาะ จะเป็นโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่ง กำลังดีค่ะ และมีระยะดูทีวีประมาณ 1.7 เมตร สามารถติดตั้งทีวีขนาด 42″ – 47″ ได้ค่ะ
ต่อมาเราจะออกไปดูพื้นที่ระเบียงภายนอกกันต่อ โดยบานประตูที่เชื่อมออกไปยังระเบียงภายนอกจะได้เป็นบานเลื่อนเดี่ยว บานกรอบอลูมิเนียม กระจกเขียวตัดแสง
ออกมาดูที่ระเบียงภายนอก จะได้ราวกันตกเป็นเหล็กซี่สีดำ ติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์แบบลอยตัว พร้อมมีกริลล์บังสายตาจากภายนอกทำให้ตัวอาคารด้านนอกดูเรียบร้อยค่ะ
ตัวระเบียงกว้างประมาณ 0.8 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าขนาดเล็กๆได้
กลับเข้ามาภายในห้อง ถ่ายให้ดูมุมจากห้องนั่งเล่นมองย้อนไปทางห้องทานอาหาร จะเห็นพื้นที่โปร่งที่เชื่อมถึงกันได้ค่ะ
ต่อมาเราจะไปดูในส่วนของห้อง Master Bedroom กันต่อ
เข้ามาภายในห้องนอนจะมีขนาดกว้างพอสมควรเลยค่ะ สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบถ้วนแบบเหลือๆ ไม่อึดอัด มีช่องแสง 1 จุด เป็นหน้าต่างบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง
เตียงที่เหมาะกับห้องนี้จะเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ แต่ถ้าใครชอบเตียงนอนกว้างๆก็ยังมีที่พอวางเตียงคิงส์ไซส์ได้สบายๆ
สำหรับพื้นที่ข้างเตียงที่เหลือหลังจากวางเตียงขนาดควีนไซส์ลงไปแล้ว จะเหลือประมาณ 60 ซม. สามารถที่จะวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งจะจัดวางเป็นตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง และมีทางเข้าห้องน้ำจากห้อง Master Bedroom ค่ะ
ระยะการใช้งานตู้เสื้อผ้าทางด้านนี้เหลือค่อนข้างกว้าง พอให้ยืนแต่งตัวและใช้งานโต๊ะเครื่องแป้งได้สะดวก
กลับออกมาที่ห้องนั่งเล่น เราจะไปดูในห้องนอนรองกันต่อค่ะ
เข้ามาภายในห้องนอนจะมีขนาดกว้างเลยค่ะ สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบ มีช่องแสง 2 จุด เป็นชุดหน้าต่างบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง ฝั่งข้างเตียง และได้หน้าต่างบานกระทุ้งเหนือโต๊ะเครื่องแป้งอีก 1 บานค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งจะจัดวางเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง
ระยะการใช้งานตู้เสื้อผ้าทางด้านนี้เหลือพอให้ยืนแต่งตัวได้สะดวก
และมีมุมจัดวางโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะเขียนหนังสือด้วยค่ะ
ระยะปลายเตียงเหลือพอให้เดินผ่านได้สะดวก
ราคา
ลงทะเบียนรับส่วนลดเพิ่ม 300,000 บาท* คลิก : https://goo.gl/d4KCzb
สรุป
ทำเลที่ตั้งโครงการ : Life อโศก – พระราม 9 ตั้งอยู่ติดถนน 2 เส้น คือถนนอโศก-ดินแดงและถนนจตุรทิศ ทำเลที่ตั้งจริงๆตั้งอยู่ระหว่าง CBD ปัจจุบัน ค่อนมาทางบริเวณของ New CBD ในอนาคต คือย่านพระราม 9 และรัชดาภิเษก ใกล้แยกพระราม 9 และ แยกอโศก-เพชรบุรี ซึ่งเป็นทำเลบน New CBD แห่งใหม่ของกทม. จุดศูนย์กลางของสำนักงานขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมไปถึงโครงการใหม่ อย่าง เดอะ แกรนด์ พระราม 9 จาก G Land ทั้งยังมีโครงการ The Super Tower ตึกสูง 125 ชั้น ซึ่งจะเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย และ อาเซียน ทำให้ในอนาคตจะมีมนุษย์เงินเดือน ตั้งแต่ระดับทั่วไป จนถึงระดับผู้บริหาร เข้ามาทำงานในโซนนี้เป็นจำนวนมาก
ทำให้ทำเลโซนนี้ ถือได้ว่าเป็นทำเลทอง ที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย ใกล้ที่ทำงาน หรือ ซื้อไว้เพื่อลงทุน ปล่อยเช่า ก็น่าสนใจ นอกจากนั้น ยังใกล้สถานที่สำคัญ และ แหล่งอำนวยความสะดวกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัล พระราม 9, ฟอร์จูน, เอสพลานาด รัชดา, ตลาดนัดรถไฟ, ตลาดห้วยขวาง รวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่อย่าง The Street รัชดา ที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ต-ร้านอาหารเปิด 24 ชั่วโมง
และยังอยู่ในระยะของรถไฟฟ้าทั้ง MRT พระราม 9 และ Airport Rail Link มักกะสัน นอกจากนั้นเมื่อเทียบราคาเฉลี่ยกับโครงการข้างเคียงแล้วยังมีราคาที่น่าจับจองเป็นเจ้าของกว่าพอสมควรค่ะ
การเดินทางโดยรถส่วนตัว : สามารถใช้เส้นทางเข้าได้ 2 เส้นทางคือจากทางเข้าหลักถนนจตุรทิศฝั่งมุ่งหน้าอโศก – ดินแดง และจากถนนอโศก – ดินแดง โดยใช้ซอยไม้ดัด ซึ่งเป็นเส้นทางที่สะดวกทีเดียวค่ะ สามารถเชื่อมต่อสู่ถนนสายสำคัญได้หลากหลาย หากต้องการเข้าเมือง อาจต้องกลับรถไกลหน่อย แต่ก็สามารถเชื่อมสู่แยกอโศก-มนตรี ออกไปเชื่อมกับถนนเส้นสุขุมวิท, เอกมัย-ทองหล่อ ได้เลย ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับทางด่วนพิเศษศรีรัช หากต้องการเข้าเมืองเร็วๆ หรือ ออกไปนอกเมืองแบบไม่อารมณ์เสีย แนะนำให้ใช้เป็นทางด่วนเลยค่ะ
แต่การจราจรบนทำเลนี้ ถือว่าค่อนข้างหนาแน่น ในช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างช่วงเช้า ไปทำงาน ไปเรียน และช่วงเย็นที่เลิกงาน ถนนเส้นนี้รถจะติดยาวไปเลยค่ะ ถ้าอยากหลีกเลี่ยงรถติด ขอแนะนำให้ใช้เป็นรถไฟฟ้า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
การเดินทางโดยรถสาธารณะ : ในระยะที่ใกล้โครงการจะมีรถไฟฟ้าให้เลือกใช้ 2 เส้นทาง คือ MRT พระราม 9 ที่สามารถเดินจากโครงการไปถึงตัวสถานี(ทางออก 3)ได้เลย ในระยะทางประมาณ 300 เมตร โดยจะมีทางคนเดินข้างโครงการจะมาโผล่บนถนนอโศก – ดินแดง ช่วงตีนสะพานข้ามคลองสามเสนในพอดีค่ะ ไม่ต้องเดินจากหน้าโครงการ หากต้องการเปลี่ยนการเดินทางจาก MRT ไปเป็น BTS ก็ง่าย โดยจะมีจุด Interchange ที่ สถานีสุขุมวิท และสถานีสีลม นอกจากรถไฟฟ้าใต้ดินแล้ว ยังมี Airport Link มักกะสัน ระยะทางไปประมาณ 550 เมตร หรือถ้าวันไหนเร่งรีบก็สามารถใช้บริการพี่วินแถวหน้าปากซอยไม้ดัดฝั่งถนนอโศก – ดินแดงก็ได้ค่ะ
การออกแบบโครงการ : Life อโศก – พระราม 9 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 8-3-11 ไร่ ไร่ เป็นคอนโด High Rise 1 อาคาร 2 ทาวเวอร์ สูง 42 และ 45 ชั้น มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 2,248 ยูนิต + 2 ร้านค้า แต่ละทาวน์เวอร์แยกเป็น
สำหรับแบบห้องในโครงการจะมีทั้งหมด 4 แบบ คือ
และห้องตัวอย่างที่มีจะมี 3 แบบ คือ Studio 27.50 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาด 35.50 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 45 ตร.ม. ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้คือ โครงการนี้ เป็น Project แรก ที่ทาง AP นำ Room Layout แบบใหม่มาใช้ คือแปลนห้อง Studio 27.50 ตร.ม. และ 1 Bedroom Plus 35.5 ตร.ม. ที่ Interlock กัน ซึ่งทำให้ภายในห้องทั้ง 2 แบบมีพื้นที่การใช้งานที่แตกต่างจากห้องทั่วๆไป ที่เด่นเลยคือภายในห้อง Studio จะให้ความรู้สึกกว้างขึ้น และได้ครัวปิดแยก ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus จะได้ครัวปิดแยกที่ไม่มากินพื้นที่ของฟังก์ชั่นอื่นๆ
ส่วนห้อง 2 Bedrooms 45 ตร.ม. จะเป็นห้องไซส์เล็กสุดใน Type นี้ ซึ่งจากที่เข้าไปชมดูก็รู้สึกว่ามีการแบ่งฟังก์ชั่นได้ดี ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ค่อนข้างกว้าง มีพื้นที่เหลือให้ขยับตัวได้คล่อง แต่เสียดายที่มีห้องน้ำห้องเดียวค่ะ
โครงการขายห้องพักให้แบบ Fully Fitted โดยจะได้เป็นห้องเปล่า พร้อมเคาน์เตอร์ครัว Hob & Hood, เตาไฟฟ้า 2 หัว, ห้องน้ำสำเร็จรูป สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ American Standard และ Kohler พร้อมฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจก Tempered ผนังห้อง+ฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว ไฟในห้องแบบดาวน์ไลท์ และเครื่องปรับอากาศแถมให้ครบทุกยูนิตค่ะ (1 Bedroom แอร์ 1 ตัวที่ห้องนั่งเล่น, 1 Bedroom Plus ได้ 2 ตัว ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนใหญ่, 2 Bedrooms ได้แอร์ 3 ตัวค่ะ )
สิ่งอำนวยความสะดวก : ได้มาครบครันและมีขนาดใหญ่รองรับตามจำนวนยูนิต เริ่มที่ชั้น 1 รอบโครงการจะเป็นพื้นที่สีเขียว พร้อมอาคารพักผ่อนที่จัดมาให้ภายในสวน ช่วยดึงการใช้งานของผู้อยู่อาศัยให้มานั่งเล่นภายในสวนได้มากขึ้น ส่วนภายในอาคารจะมี Lobby ขนาดใหญ่ แบ่งให้เลือกใช้ได้หลายโซนค่ะ ทั้งแบ่งเป็นห้องแยก/โซนวิวสวน/โต๊ะยาว และโซนที่นั่งแบบ Private
นอกจากนั้นจะมีพื้นที่ Co – Working Space แบ่งเป็นทั้งห้องประชุมให้จองเวลาเข้าใช้ และที่นั่งทำงานด้านนอก
และจุดเด่นจริงๆคือ Rooftop Facilities ขนาดใหญ่ 1.5 ไร่ ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ที่เชื่อมกันระหว่าง 2 อาคาร, สระว่ายน้ำระบบเกลือ 3 สระ ขนาด 50 เมตร, 40 เมตร และ 23 เมตร, Fitness 2 ชั้น, Co – Working Space และ Free WiFi พื้นที่ส่วนกลางทุกจุด พร้อมพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน ขึ้นไปยืนชมวิวเมืองกว้างๆ ได้ด้วย
ได้ลิฟท์โดยสารแบบล็อคชั้น ทั้งหมด 10 ตัว พร้อมลิฟท์บริการ 1 ตัว อัตราส่วน 1 : 224 ที่จอดรถชั้น 1-6 และ ที่จอดรถจะมีทั้งหมดประมาณ 40% อยู่ที่ชั้น 1 – 6 จอดได้ประมาณ 905 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน ระบบรักษาความปลอดภัย เข้า-ออกโครงการและอาคารด้วยระบบ Easy Pass และลิฟท์ล็อคชั้น พร้อม รปภ. ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 7.75 | คอนโด High Rise สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ บนทำเล New CBD ติดถนนอโศก-ดินแดง ฝั่งมุ่งหน้าไปแยกพระราม 9 และถนนจตุรทิศ ใกล้ทางพิเศษศรีรัช, MRT พระราม 9 และ Airport Link มักกะสัน ใกล้อาคารสำนักงานขนาดใหญ่หลายแห่ง, ใกล้ฟอร์จูน และ เซ็นทรัล พระราม 9 ระยะเดินได้สบายๆ |
การเดินทาง ใช้รถ | 7.75 | เดินทางได้สะดวก แต่รถติดช่วงเร่งด่วน ใกล้ทางด่วน เข้า-ออก และ เชื่อมต่อถนนสายสำคัญได้หลายเส้นทาง |
การเดินทาง ไม่ใช้รถ | 8.5 | ใกล้ MRT พระราม 9, Airport Link มักกะสัน ระยะทางเพียง 300 เมตร เดินเท้าไปได้สะดวก มีวินมอเตอร์ไซค์ และ Taxi มีผ่านหน้าโครงการตลอดทั้งวัน |
ห้องและวัสดุ | 7.75 | แปลนห้องแบ่งได้เป็นสัดส่วนลงตัว ขายแบบ Fully Fitted วัสดุ และเฟอร์นิเจอร์ที่ได้คุณภาพมาตรฐานเหมาะสมกับราคา |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 8.5 | มีให้ครบครัน ขนาดใหญ่ และหลากหลายมาก ออกแบบได้สวยน่าใช้งานค่ะ |
ความคุ้มค่ากับราคา | 8.5 | ราคาเริ่มต้น ประมาณ 98,000บาท/ ตร.ม. ถือว่าราคาไม่แพงเลย ได้ทำเลอโศก-ดินแดง ใกล้รถไฟฟ้า, ใกล้ทางด่วน ใกล้ห้าง ส่วนที่มีมูลค่าสูงของโครงการคือทำเลที่ดินย่านนี้ที่เริ่มหายาก และมีความอุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน เหมาะสำหรับคนทำงาน หรือ ซื้อไว้ลงทุน ปล่อยเช่า |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 8.12 | ดีมาก |
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 1623 / 0-2261-2518
Website : www.apthai.com/คอนโด/life/life-asoke-rama-9/
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น