รีวิว คอนโด Maestro 02 ร่วมฤดี ใกล้ BTS เพลินจิต
Maestro 02 ร่วมฤดี จาก Major Development ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี 2 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. ใกล้รถไฟฟ้า BTS เพลินจิต, Central Embassy, Central ชิดลม, Central World, สยามพารากอน, เกสร พลาซ่า, อุเทนถวาย, สน.ปทุมวัน, รพ. BNH, รพ.จุฬาลงกรณ์, รพ.บำรุงราษฏร์, สถานทูตเนเธอแลนด์ และ สวนลุมพินี
มาเอสโตร 02 ร่วมฤดี เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการขนาด 1-0-62 ไร่ ห้องพักอาศัยจำนวน 138 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกแบบ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 25.50 – 81.00 ตร.ม. สร้างเสร็จพร้อมอยู่ปี 2559
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน อาทิ โถงต้อนรับ, ห้องจดหมาย, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สวนพักผ่อน, ลิฟท์โดยสาร, ที่จอดรถ 80 คัน, บริการรถรับส่ง, กล้องวงจรปิด และ ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท* (วันเปิดตัว)
ชื่อโครงการ | มาเอสโตร 02 ร่วมฤดี Maestro 02 Ruamrudee |
เจ้าของโครงการ | เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ Major Development |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง | – Type A: 1 ห้องนอน 25.5 – 33 ตร.ม. – Type B: 2 ห้องนอน 43 – 58 ตร.ม. – Type D: 3 ห้องนอน ดูเพล็กซ์ 77 – 81 ตร.ม. |
เนื้อที่ทั้งหมด | 1-0-62 ไร่ |
จำนวนตึก | 1 อาคาร |
จำนวนชั้น | 8 ชั้น |
จำนวนห้อง | 138 ยูนิต |
ที่จอดรถทั้งหมด | ประมาณ 80 คัน หรือ 59% (รวมจอดซ้อนคัน) |
โซน | เขตปทุมวัน |
ขนส่งสาธารณะ | n/a |
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ซ.ร่วมฤดี 2 ถ.เพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10310 |
กำหนดการ | เริ่มต้นก่อสร้าง กค. 2557 |
ปีที่สร้างเสร็จ | ม.ค. 2559 |
ราคา | เริ่มต้น 4.5 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | 170,000 บาท/ ตร.ม. |
สถานที่สำคัญใกล้เคียง |
|
สิ่งอำนวยความสะดวก | – Sauna & Steam – Free-wifi – สระว่ายน้ำ – Fitness – ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง – บริการรถรับส่ง |
จุดเด่นของโครงการ | “คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร ใน ซ.รวมฤดี 2 จาก Major Development ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้กับ Central Embassy และ Central Chidlom” |
ที่ตั้งโครงการ
ซ.ร่วมฤดี 2 ถ.เพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10310
พิกัด : 13.735831, 100.550741
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ Maestro 02 ร่วมฤดี ตั้งอยู่ในโซนเพลินจิต ซึ่งเป็นทำเลใจกลางเมืองที่มีราคาค่าตัวสูงมานมนาน และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตต่อไปเรื่อยๆด้วยค่ะ เพราะย่านนี้ถือเป็นหนึ่งในย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของกรุงเทพเลย มีทั้งห้างดัง, อาคารสูงสำนักงาน, โรงแรมหรูๆ และตึกสูง สวยๆ (และราคาแพง) โดยตัวโครงการ Maestro 02 ร่วมฤดีนี้จะตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี 2 ตามชื่อโครงการเลยค่ะ ตัวซอยร่วมฤดี 2 จะเป็นซอยตัน เป็นซอยย่อยมาจากซอยร่วมฤดีหลักอีกที ซึ่งตัวซอยร่วมฤดีหลักนั้นจะเป็นซอยที่วิ่งไปในแนวเดียวกับถนนวิทยุ สามารถเชื่อมถนนเพลินจิตและถนนวิทยุได้ จึงถือว่าเป็นทางลัดที่ค่อนข้างสะดวกมากสำหรับคนที่ทำงานบนถนนวิทยุอีกเส้นทางนะคะ
บรรยากาศภายในซอยร่วมฤดีหลักจะคึกคักเกือบตลอดเวลา เพราะอย่างที่บอกว่าตัวซอยเป็นถนนที่ใช้เชื่อมถนนเพลินจิตและถนนวิทยุได้ จึงมีคนนิยมใช้เส้นทางนี้กันเยอะ แต่เมื่อเราเข้ามาในซอยร่วมฤดี 2 แล้ว บรรยากาศจะเปลี่ยนมาสงบกว่าในซอยร่วมฤดีหลักมากค่ะ เพราะตัวซอยจะเป็นซอยตัน ทำให้คนที่เขาเข้าออกจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในซอยหรือคนที่ตั้งใจเข้ามาทำธุระจริงๆเท่านั้น ไม่มีขาจรวิ่งผ่านไปมาค่ะ โดยสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ภายในซอยจะเป็นอาคารชุดประเภท คอนโด, อพาร์ทเมนท์ที่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Low Rise ค่ะ นอกจากนั้นก็จะมีบ้านเดี่ยวของคนที่เค้าอยู่มาแต่ดั้งแต่เดิมแซมๆอยู่บ้างค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสำหรับโครงการนี้สะดวกแน่นอนในแง่ทำเลกลางเมือง แต่อาจจะต้องศึกษาเส้นทางกันดีๆหน่อย เพราะแถวนี้จะมีถนนที่วิ่งได้ปกติและแบบ One Way ปนๆกันอยู่ คือ
จุดขึ้นทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะเป็นจุดขึ้นทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร จุดเก็บเงินทางด่วนสุขุมวิท ถ้าขับออกจากโครงการไปก็จะมีระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 – 10 นาที โดยเฉลี่ย ไม่นับช่วงเช้า – เย็น ที่รถติดมากนะคะ
ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่สะดวกที่สุดของโครงการนี้จะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต โดยตัวโครงการจะมีระยะห่างจากทางลงสถานีประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลไปสักหน่อยสำหรับการเดินเท้าแต่ทางโครงการจะมีรถตุ๊กๆไว้คอยให้บริการรับส่งจากโครงการไปยังหน้าปากซอย 1 คันค่ะ หรือถ้าวันไหนรีบร้อนแล้วรถรับส่งไม่พอก็สามารถเดินออกมาทางหน้าปากซอย ประมาณ 280 เมตร จะเจอคิวพี่วิน เป็นคิวเล็กๆมีพี่วินไม่กี่คันแต่ก็พอให้แก้ขัดไปได้ค่ะ
แต่ถ้าเป็นขาเข้าโครงการเมื่อเราลงจาก BTS เพลินจิตแล้วเข้ามาในซอยแค่นิดเดียวก็จะเจอคิวพี่วินขนาดใหญ่เบิ้มสามารถเรียกใช้บริการเพื่อเข้ามาในโครงการได้ โดยมีค่าโดยสารประมาณ 10 – 15 บาทค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการนี้มีพอสมควร แต่จะเป็นความอุดมสมบูรณ์ในระยะที่ต้องเดินกันไกลนิดนึง หรืออาจจะต้องขับรถค่ะ เพราะความอุดมสมบูรณ์ประเภทร้านอาหารทั่วไปจะออกมาอยู่ในซอยร่วมฤดีหลัก ที่เด่นๆจะเป็น ร่วมฤดีวิลเลจ จะเป็นเวิ้งมีร้านอาหารด้านในหลากหลายร้าน ( ซึ่งเดี๋ยวจะมีภาพให้ชมในส่วนการเดินทางนะคะ ) นอกจากนั้นก็จะเป็นร้านพิซซ่า, ร้านอาหารญี่ปุ่น, 7 – 11
ส่วนห้างใหญ่ๆในย่านนี้จะมีเพียบเลยค่ะ ที่ใกล้ที่สุดจะเป็น Central ชิดลม, Central Embassy ขยับไปทางชิดลม, สยามหน่อยก็จะมีห้างเอราวัณ, ห้างเกษร พลาซ่า, Amarin Plaza, Central World และ Siam Paragon ค่ะ
การเดินทาง
การเดินทางส่วนแรกในวันนี้เราจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต แล้วเดินเท้าเข้าโครงการ โดยการเดินทางไปโครงการเราจะต้องเดินไปตามทางบนซอยร่วมฤดีหลักเข้าไปประมาณ 460 เมตร หรือประมาณครึ่งซอยแล้วเลี้ยวเข้าซอยร่วมฤดี 2 เข้าไปอีกประมาณ 470 ก็จะถึงโครงการแล้วค่ะ
วันนี้เราจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีเพลินจิต แล้วเดี๋ยวเราจะเดินดูบรรยากาศภายในซอยร่วมฤดีไปพร้อมๆกันนะคะ
ลงมาจากรถไฟฟ้าแล้วมองหาป้ายทางออก 4 ค่ะ
ถาพรวมภายในซอยจากบนสถานีรถไฟฟ้า
ตอนนี้เราลงมาจากตัวสถานีเพลินจิตกันแล้ว เราจะเดินย้อนขึ้นไปทางซอยร่วมฤดีค่ะ
จากทางลงสถานีเพลินจิตมานิดเดียวก็จะถึงหน้าปากซอยร่วมฤดีแล้วค่ะ
ถนนใหญ่ทางขวามือที่เราเห็นคือถนนเพลินจิตค่ะ
เมื่อเราเข้ามาในซอยเราจะเจอบรรยากาศที่ยังคึกคักอยู่ สภาพแวดล้อมภายในซอยหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งก่อสร้างเป็นอาคารสูงทั้งคอนโด, Service Apartment, โรงแรมหรู จนถึงบ้านเดี่ยวและศาสนสถานค่ะ
เริ่มจากบริเวณปากซอยจะมีโรงแรม Novotel
อีกด้านที่ปากซอยเป็นอาคาร Q House
เดินเข้ามาในซอยอีกหน่อยจะเจอพี่วินคิวใหญ่เบิ้ม
อัตราค่าโดยสารจากหน้าปากซอยเข้าไปถึงตัวโครงการประมาณ 10 – 15 บาท
ภายในซอยมีร้านอาหารค่อนข้างเยอะเลยค่ะ นอกจากร้านอาหารของ Novotel แล้ว เข้าซอยมาอีกหน่อยเดียวก็จะเจออาคารที่มีร้านอาหารรวมอยู่หลายร้าน หนึ่งในนั้นคือร้านซูชิ มาสะ
ภายในซอยยังมีพื้นที่ๆยังเปนบ้านเดี่ยวที่อยู่มาแต่เดิมแซมๆอยู่บ้าง
เราเดินมาเรื่อยๆผ่านบ้านสิริฤดี เป็นโครงการคอนโด Low Rise ของ แสนสิริค่ะ
ติดกันเป็นคอนโด 09 Noble ร่วมฤดี เป็นโครงการ Low Rise เช่นเดียวกัน
และ 7 – 11 จุดแรกค่ะ
เดินต่อเข้ามาในซอยเรื่อยๆ มีทางเท้าตลอดทางเดินได้สะดวกค่ะ
เดินต่อมาอีกหน่อยจะเจอร่วมฤดีวิลเลจ เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์หลักของซอยนี้ก็ว่าได้ค่ะ
ด้านในร่วมฤดีวิลเลจ มีทั้งร้านอาหารหลากหลายร้านทั้งร้าน Coffee Bean by Dao, กั้งบ้านเพ และอื่นๆให้เลือกนอกจากนั้นก็จะมีสปา ร้านนวดอีกด้วย
ฝั่งตรงข้ามร่วมฤดี วิลเลจเป็นร้าน Pizza Massillia ร้านอาหารอิตาเลียนมีเมนูที่ใช้เตาถ่านไม้ในการอบ น่าไปลองจริงๆค่ะ 🙂
ติดกับร่วมฤดี วิลเลจเป็น Noble House ร่วมฤดี ที่เป็นด้านหลังของ All Season Place และโรงแรม Conrad ค่ะ
ฝั่งตรงข้าม Noble House เป็นโรงแรม Chateau Le Bangkok ซึ่งจะอยู่ปากซอยร่วมฤดี 1 ค่ะ
เดินต่อมาอีกหน่อยจะเจอ Sukhothai Residence ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับซอยร่วมฤดี 2 ค่ะ
หน้าปากซอยเป็นร้าน Lyon ร้านอาหารฝรั่งเศสดั้งเดิมอยู่มานานแล้วค่ะ
เข้ามาในซอยสิ่งแรกที่เจอจะเป็นบ้านเดี่ยวที่ดัดแปลงเป็นออฟฟิส The Pacific Cigar
บรรยากาศช่วงต้นๆของซอยร่วมฤดี 2 จะสงบกว่าบนซอยร่วมฤดีหลักอย่างเห็นได้ชัด ภายในซอยจะมีทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโด, อพาร์ทเมนท์ ปนๆกันไป โดยในซอยนี้ถือว่ายังมีบ้านเดี่ยวอยู่ค่อนข้างเยอะนะคะ
เดินมาจนสุดทางจะเห็นที่ดินเปล่าล้อมด้วยรั้วสังกะสีเราเลี้ยวขวาค่ะ
เลี้ยวขวามาแล้วเราต้องเดินตรงไปอีกประมาณ 470 เมตร ก็จะถึงโครงการแล้วค่ะ ส่วนบรรยากาศในซอยนี้ก็ยังคงสงบเงียบดีค่ะ
เข้าซอยมาปุ๊ปจะเห็นคิวพี่วินอยู่ตรงหัวมุมเลยค่ะ
อัตราค่าโดยสารค่ะ
เข้ามาในซอยอีกหน่อยจะเจอ The Factory เป็นสตูดิโอศิลปะค่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้อาคารนี้จะถูกเพ้นท์เป็นรูปทั้งอาคารเลย แต่ตอนนี้เค้าทาสีทับไปแล้ว อดชมภาพกันเลยนะคะ
อาคารร่วมฤดี Tower เป็นคอนโดสูง 16 ชั้น
ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหาร Lenzi เป็นร้านอาหารอิตาเลียนอาคารสีแดงสด
ตรงต่อมาจะเห็นบ้านเดี่ยว และ The Crest ร่วมฤดี เป็นโครงการคอนโด Low Rise 7 ชั้นของ SC Asset
ป้ายโครงการ The Crest ค่ะ
อีกด้านเป็นโครงการคอนโดบ้านเพลินจิต สูงประมาณ 20 ชั้น
เดินต่อมาอีกหน่อยบ้านที่มีรั้วสีไม้ๆทางซ้ายคือ Kalwit Studio & Gallery ถัดไปเป็นอาคาร Ruam Rudee Place คอนโด Low Rise 7 ชั้น
ติดกับ Ruam Rudee Place จะเป็น ฤดีเพลส เป็นคอนโดและ Service Apartment สูง 8 ชั้น จากตรงนี้เราจะเห็นตัว Maestro 02 ร่วมฤดี แล้วค่ะ
ถัดมาเป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น ถัดไปเป็นโครงการ Socio เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น ตั้งอยู่ตรงข้ามโครงการ Maestro 02 ร่วมฤดีเลยค่ะ
เดินมาอีกหน่อยก็ถึงโครงการ Maestro 02 ร่วมฤดี แล้วค่าา
ก่อนจะเข้าไปดูในโครงการเราจะเดินไปดูในซอยกันต่อจนสุดซอยว่ามีอะไรบ้างค่ะ
ติดกับโครงการ Maestro 02 เลยจะเป็นบ้านเดี่ยวค่ะ
ถัดไปเป็นอพาร์ทเมนท์สูง 6 ชั้น
ฝั่งตรงข้ามเป็นอพาร์ทเมนท์สูง 8 ชั้น
เดินลึกเข้าไปในซอยอีกหน่อยจะเห็นโรงแรม และ Service Apartment Tenface ทางขวามือ
และสุดซอยเป็นอาคารสูง 3 ชั้น
การเดินทางจากถนนราชดำริ
การเดินทางอีกเส้นทางของเราวันนี้จะเริ่มต้นจากแยกศาลาแดง วิ่งไปตามถนนราชดำริ เลี้ยวขวาเข้าถนนสารสินตรงไปเรื่อยๆเข้าถนนวิทยุ ตรงไปอีกนิดก็ถึงซอยร่วมฤดี ขับตามทางไปอีกประมาณ 700 เมตร จะถึงซอยร่วมฤดี 2 จากนั้นตรงเข้าซอยไปอีกประมาณ 470 เมตรก็จะถึงโครงการแล้วค่ะ
สรุปการเดินทาง แยกศาลาแดง > ถนนราชดำริ > ถนนสารสิน > ถนนวิทยุ > ซอยร่วมฤดี > ซอยร่วมฤดี 2 > Maestro 02 ร่วมฤดี
เริ่มต้นการเดินทางบริเวณแยกศาลาแดง เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำริ
ขับตรงไปเรื่อยๆประมาณ 550 เมตร แล้วเลี้ยวขวาเพื่อเข้าซอยสารสินค่ะ
ตอนนี้เราวิ่งอยู่บนถนนสารสินแล้วนะคะ
ตรงมาเรื่อยๆประมาณ 370 เมตร จะถึงแยกหลังสวนตัดกับซอยหลังสวนทางซ้ายมือ แต่ซอยนี้จะเป็น One Way ที่ไม่สามารถเลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ค่ะ จะสามารถวิ่งมาได้จากถนนเพลินจิตเข้ามาถนนสารสินเท่านั้น
จากแยกหลังสวนขับตรงมาอีกไม่ไกลก็จะถึงทางแยกตัดกับถนนวิทยุแล้วค่ะ โดยจากตรงนี้ถ้าเราเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปเรื่อยๆจะไปทะลุออกถนนเพลินจิต หรือถ้าเราเลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆจะสามารถทะลุไปถนนพระราม 4 ได้ค่ะ
ตอนนี้เราอยู่บนถนนวิทยุกันแล้วนะคะ ตัวซอยร่วมฤดีจะอยู่ไม่ไกลจากทางแยกเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นพอเราเลี้ยวออกมาจึงต้องเตรียมชิดขวาไว้เลยค่ะ
เลี้ยวขวาเข้าซอยร่วมฤดีไปเลยค่า
เข้ามาในซอยอาคารแรกที่เจอจะเป็น Royal Resisence Park
ถัดมาเป็น Prive by Sansiri
ขับตรงมาเกือบสุดทางจะเห็นอาคาร 50 ร่วมฤดี เฮ้าส์ทางซ้ายมือ
สุดทางเลี้ยวจะเป็นโบสถ์พระมหาไถ่ เราเลี้ยวซ้ายไปเลยค่ะ
จากหัวเลี้ยวเมื่อสักครู่ ขับตรงมาอีกประมาณ 165 เมตร จะเห็น Sukhothai Residence ทางซ้าย และทางขวาจะเป็นซอยร่วมฤดี 2 ให้เราเลี้ยวขวาไปเลยค่ะ
ผ่านร้าน Lyon
เข้าซอยมาเรื่อยๆเลี้ยวขวา
เข้าซอยร่วมฤดี 2 มาประมาณ 470 เมตร ก็จะถึงโครงการ Maestro 02 ร่วมฤดี แล้วค่าา
แยกและถนนที่สำคัญบริเวณโครงการ เช่น
สถานที่สำคัญรอบโครงการ
ตัวโครงการ
มาดูตัวโครงการกันต่อค่ะ เริ่มที่ชั้น 1 จะเป็นทางเข้าและออกจากโครงการ เมื่อเข้ามาในโครงการจะต้องผ่านป้อมรปภ. ทางขวามือและที่จอดรถตุ๊กๆทางซ้ายมือ เข้ามาจะเป็นที่จอดรถรอบๆอาคาร ยาวลงไปถึงชั้นจอดรถใต้ดินอีก 1 ชั้น โดยที่จอดรถรวมทั้งอาคารจะสามารถจอดได้ประมาณ 50% ไม่รวมจอดซ้อนคันซึ่งถ้าดูจากลักษณะของที่จอดรถแล้ว ถ้ามีการจอดซ้อนคันก็จะทำให้กลับรถได้ค่อนข้างลำบากค่ะ
ในส่วนของทางเข้าอาคารส่วน Lobby จะอยู่กลางอาคาร มี Drop – off ด้านหน้า เมื่อเข้ามาในส่วน Lobby แล้วจะเจอกับเคาน์เตอร์ต้อนรับและบันไดเวียนเชื่อมขึ้นไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นส่วนของ Facility หลักของโครงการได้ เข้ามาด้านในเรื่อยๆจะเจอโถงลิฟท์ ด้านในมีลิฟท์ทั้งหมด 2 ตัวใช้ระบบลิฟท์แบบล็อคชั้น คือจะสามารถไปได้ที่ชั้นส่วนกลางและชั้นที่เราอยู่เท่านั้นค่ะ ติดกับโถงลิฟท์จะเป็นห้อง Mail Roomและห้องน้ำรับรองของส่วน Lobby ค่ะ
เริ่มจากทางเข้าโครงการที่อยู่ติดกับถนนซอยร่วมฤดี 2 แยกทางเข้าออกซ้ายและขวา
ประตูทางเข้ากั้นด้วยไม้กระดก พื้นถนนปูด้วยคนกรีตแสตมป์
โดยลูกบ้านจะต้องแตะ Key Card เพื่อเข้าและออกจากอาคาร
ซ้ายมือจะมีที่สำหรับจอกรถจักรยานพร้อมตัวแขวน
ส่วนขวามือจะเป็นป้อม รปภ.คอยรักษาความปลอดภัยในโครงการตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ
หลังรั้วกั้นไม้กระดกจะเจอรถตุ๊กๆ สำหรับรับส่งผู้โดยสารออกไปหน้าปากซอย
เข้ามาด้านในอาคารแล้วจะเห็นว่าถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วน Lobby และส่วนของที่จอดรถ
โดยช่องสำหรับจอดรถเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นๆของอาคารเลยค่ะ
ส่วนทางซ้ายจะเป็นทางเข้าไปยังส่วนของ Lobby ประตูเป็นประตูกระจก มือจับรูปอักษร M เป็นเอกลักษณ์ของโครงการ Maestro เค้าล่ะค่ะ
เข้ามายังที่จอดรถด้านใน ช่องจอดรถจะยังคงเกาะรอผอบผนังด้านขวาไปเรื่อยๆ และพื้นถนนจะเปลี่ยนเป็นพื้นคอนกรีตขัดเรียบ
ทางลงไปยังที่จอดรถชั้นใต้ดินเป็นทางรถวิ่งสวนกันค่ะ
ที่จอดรถในชั้นใต้ดิน
ช่องจอดรถจะมีขอบกันชนด้านหลังทุกช่องค่ะ
เข้ามาในส่นวของ Lobby จะเจอโถงรับรองขนาดย่อมๆ และเคาน์เตอร์ที่มีเซลล์คอยให้บริการอยู่ค่ะ
นอกจากส่วนนั่งรับรองแล้ว ภายในโถง Lobby นี้จะเห็นว่ามีบันไดวนอยู่ด้วย ซึ่งบันไดวนนี้จะพาเราขึ้นไปยังส่วน Facility หลักบนชั้น 2
ส่วนของโถงลิฟท์จะถูกกั้นแยกไว้ด้วยผนัง ทำให้ดูมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ภายในโถงลิฟท์จะมีลิฟท์โดยสารทั้งหมด 2 ตัว
มีที่นั่งรับรอง 1 ชุด และประตูทางเข้า Mail Room จากถงลิฟท์
ภายในห้อง Mail Room จะแบ่งเป็นช่องๆพร้อมป้ายกำกับหมายเลขห้องหน้ากล่องจดหมายค่ะ ส่วนประตูทางซ้ายที่เราเห็นคือห้องน้ำรับรองสำหรับชั้น 1
ภายในห้องน้ำรับรองกว้างขวาง มีอ่างล้างมือ 1 ชุด , โถปัสสาวะ 1 ชุด
และมีห้องน้ำแยกอีก 1 ห้อง
ลิฟท์ของ Schindler มีน้ำหนักบรรทุกอยู่ที่ประมาณ 100 กิโลกรัม หรือสามารถจุคนได้ประมาณ 13 คน ภายในตัวลิฟท์ตกแต่งมาสวยเลยค่ะ มีไฟซ่อนด้านหลังทำให้ลิฟท์ดูสว่างไม่มืด
แป้นกดระบบดิจิตอล
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะแยกเป็นส่วนพักอาศัยและส่วนของ Facility หลักของโครงการ ประกอบด้วยสวนหย่อมนั่งพักผ่อน, ห้องน้ำแยกชาย – หญิงพร้อมห้อง Sauna, สระว่ายน้ำพร้อมที่นั่งริมสระและฟิตเนส
เมื่อออกมาจากโถงลิฟท์จะเจอกับประตูเชื่อมออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางด้านนอก
ขวามือจะมีที่นั่งรับรองเป็นเก้าอี้ยาว 1 ตัว
ส่วนทางขวามือจะเป็นประตูส่วนพักอาศัยที่ต้องใช้ Key Card เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวค่ะ
ออกมาที่โถงส่วนกลางด้านนอกจะเจอบันไดวนที่เชื่อมชั้น 2 กับชั้น 1
มีป้ายบอกเส้นทางเข้าส่วนกลาง ประกอบไปด้วย Fitness, Aquatic Pool, Terrace, Central Courtyard, Steam, Relaxing Patio และ Sauna
จากโถงส่วนกลางเมื่อสักครู่เราออกมาที่ส่วนกลางหลักของโครงการจะเจอที่โล่งเปิดกว้าง มองตรงไปจะเป็นส่วนของห้องน้ำและห้อง Steam
ส่วนของห้องน้ำมีป้ายกำกับแยกชาย – หญิง
มีล็อคเกอร์ส่วนกลางสำหรับใช้ร่วมกันทั้งหมด 12 ช่อง
เราไปดูในส่วนของห้องน้ำหญิงกันก่อนนะคะ
เข้ามาในส่วนของห้องน้ำหญิงจะเจอกับอ่างล้างมือก่อน เชื่อมไปยังพื้นที่ห้อง Sauna & Steam ทางซ้ายมือ
ด้านในจะมีห้องน้ำ 1 ห้อง และห้อง Sauna & Steam ทางขวา 1 ห้อง
ภายในห้องน้ำค่อนข้างกว้าง
ภายในห้อง Steam ค่ะ
ด้านหน้าห้องจะมีปุ่มเปิด/ปิด และปรับอุณหภูมิ
ถัดไปเราจะไปดูในส่วนของห้องน้ำชายกันบ้างค่ะ
ภายในห้องนำชายจะมีองค์ประกอบเหมือนในห้องน้ำหญิง แต่มีเพิ่มเติมคือโถปัสสาวะทางซ้ายมือ
มีห้อง Sauna 1 ห้อง และห้องน้ำ 1 ห้อง
ภายในห้องน้ำ
และห้อง Sauna
ออกมาจากส่วนของห้องน้ำกลับมาที่สวนส่วนกลาง หรือ Central Courtyard จะมีที่นั่งพักผ่อนจัดไว้ให้ 2 ชุด
พื้นที่สวนนั่งพักผ่อนจะเป็นพื้นที่เปิดเชื่อมไปส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนส
ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของพื้นที่ล้างตัวก่อนลงสระค่ะ
หน้าตาพื้นที่ล้างตัวก่อนลงสระจะประกอบไปด้วยฝักบัว 1 ชุด พื้นปูกระเบื้องและตกแต่งด้วยหินกรวดขนาดใหญ่
ถัดมาเราจะมาดูส่วนของสระว่ายน้ำกันต่อนะคะ
สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ได้วิวฝั่งถนนซอยร่วมฤดี 2 หรือทางด้านหน้าโครงการ ตัวสระเป็นสระระบบเกลือ ขนาด 5 x 14.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร
ด้านข้างสระมีทางลงไปพื้นที่พักผ่อนด้านล่างอีกเสต็ป
พื้นที่พักผ่อนด้านล่างสระจัดชุดเก้าอี้มาให้ 3 ชุด 6 ที่นั่ง
กลับมาดูที่ส่วนฟิตเนสกันต่อค่ะ โดยประตูทางเข้าฟิตเนสจะอยู่ติดกับส่วนของสระว่ายน้ำ
ด้านในห้องฟิตเนสให้ของมาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับส่วนกลางอื่นๆ โดยจะมีลู่วิ่ง 3 เครื่อง , จักรยานไฟฟ้า 2 ตัว
เครื่องช่วยซิทอัพ 2 ตัว และ ดัมเบลคละน้ำหนัก 10 ชิ้น
นอกจากนั้นยังมีสวนของยิมมวยด้วยค่ะ
วิวที่ได้จากห้องฟิตเนส
วิวจากสระว่ายน้ำมองย้อนขึ้นไปทางอาคาร
ขึ้นมาที่ชั้น 3 (ใช้ผังแบบเดียวกันในชั้น 6) ชั้นนี้จะเป็นส่วนพักอาศัยล้วนๆ ซึ่งถ้าพูดโดยรวมๆ คือตั้งแต่ชั้น 3 – 8 จะเป็นส่วนพักอาศัยทั้งหมด โดยแต่ละชั้นจะมีการวางห้องในแบบที่แตกต่างกันโดยห้องที่วางแต่ละชั้นจะมีตั้งแต่ห้องขนาด 1 Bedroom ไปจนถึงห้องแบบ Duplex ค่ะ แต่ทุกชั้นจะมีจุดที่เหมือนกันอยู่คือห้องมุม และห้องกลางที่ได้วิวสวนทุกห้องจะเป็นห้องขนาด 2 Bedroom ขึ้นไป
แปลนชั้น 4
แปลนชั้น 5
แปลนชั้น 7
และแปลนโครงการชั้น 8
มาดูบรรยากาศในส่วนของชั้นพักอาศัยกันต่อ ออกมาส่วนของโถงลิฟท์จะมีที่นั่งรับรองเล็กๆ 2 ชุด
จากโถงลิฟท์ออกมาจะเจอโถงทางเดินทางซ้ายและขวา
โถงทางเดินทางขวาจะเป็นโถงตรงๆยาว ไปสุดที่ช่องแสงระบายอากาศของโถงทางเดิน
โถงทางเดินทางซ้ายมือจะเป็นโถงยาวมีห้องพักขนาบซ้ายและขวา
ด้านข้างแนวทางเดินฝั่งที่หันหน้าเข้าสวนส่วนกลางหลักของโครงการจะมีช่องแสงบานยาวติดตั้งไว้ให้ตลอดแนว เป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ผสมหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อเปิดระบายอากาศ
ขึ้นมาดูบนส่วนของชั้น Roof Top ที่ชั้นนี้จะเป็นชั้นของ Facility ส่วนนั่งพักผ่อนเน้นชมวิวและทำกิจกรรมกลางแจ้งประกอบด้วย พื้นที่สำหรับปิ้งบาร์บีคิว, ลานโยคะ, และพื้นที่โล่งๆสำหรับจัดปาร์ตี้ค่ะ
ออกมาจากตัวลิฟท์เราจะเจอโถงลิฟท์ก่อน
ออกมาด้านนอกจะมีซุ้มที่นั่งสำหรับนั่งพร้อมหลังคากันแดด สำหรับนั่งพักผ่อนตามมุมต่างๆหลายจุดค่ะ
มุมบาร์บีคิวพร้อมเตา
พื้นที่โล่งๆสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ
ส่วนวิวรอบๆที่ได้ด้านหน้าโครงการจะโดนบล็อควิวโดย คอนโด Socio สูง 8 ชั้น ส่วนด้านอื่นๆของโครงการจะไม่ค่อยโดนอะไรบังเท่าไหร่ค่ะ โดยทิศใต้จะได้วิวอพาร์ทเมนท์สูง 6 ชั้น ทิศเหนือติดกับบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น อาจจะได้วิวเป็นทาวน์โฮม 4 ชั้น แต่ไม่มีผลเท่าไหร่เพราะค่อนข้างห่างจากโครงการ
ส่วนด้านหลังโครงการหรือทิศตะวันตกติดกับที่ดินเปล่าค่ะ
แบบห้องในโครงการ
แบบห้องในโครงการจะมีตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง 3 Bedroom เลยค่ะ โดยแต่ละขนาดก็จะมีการวางผังในห้องที่แตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่วางไว้ตามตัวอาคาร ซึ่งเราจะมีตัวอย่างห้องแต่ละขนาดมาให้ดูกันคร่าวๆนะคะ
ห้องตัวอย่าง
วันนี้เราจะพาชมห้องตัวอย่าง 2 แบบ มีดังนี้ค่ะ
– TYPE B1- 1 เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 58.07 ตร.ม.
– TYPE D5 DUPLEX 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 81.18 ตร.ม.
มาดูห้องตัวอย่างแรกกันเลยค่ะ เริ่มจาก ห้อง TYPE B1- 1 เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 58.07 ตร.ม. เมื่อเปิดเข้าไปในห้องจะเจอชั้นสำหรับวางเครื่องซักผ้าก่อนเลย ทางด้านขวามือจะเจอส่วนครัว มีลักษณะเป็นครัวเปิด ครัวนี้จะมีทั้งอ่างล้างจาน และเตาไฟฟ้ามาให้ ให้คุณแม่บ้านสามารถปรุงอาหารหนักได้ ตรงข้ามห้องครัวจะเป็นห้องน้ำส่วนกลางของห้อง มีการแบ่งส่วนแห้ง และส่วนเปียกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน
ถัดมาจากห้องน้ำจะเป็นส่วนรับประทานอาหาร สามารถจัดที่นั่งได้สำหรับ 4 คน ข้างๆกันคือส่วนนั่งเล่นอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้ถูกแบ่งออกจากส่วนครัวด้วยการจัดพื้นที่ห้องอย่างเป็นสัดส่วน จากส่วนนั่งเล่นไปนี้จะเข้าสู่โซนห้องนอน ห้องนอนเล็ก สามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุต และตู้เสื้อผ้าขนาดกลางอีก 1 ตู้ ถัดจากห้องนอนเล็กจะเป็น Master bedroom สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าขนาดกลางได้อีก 1 ตัว มีห้องน้ำในตัว มีลักษณะเหมือนกับห้องน้ำส่วนกลาง แบบ Mirror กันมาเลย ซึ่งห้องน้ำห้องนี้สามารถเข้าได้จากทางห้องนอน Master bedroom ได้ทางเดียวค่ะ
ห้องของจริง ประตูหลักเป็นประตูบานไม้ทึบสีโอ๊ค
มือจับประตูเป็นแบบก้านโยก ตัวล็อคเป็นแบบมือบิดจากด้านใน และไขกุญแจจากด้านนอก
พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้สีไวท์โอ๊ค เก็บงานด้วยคิ้วสีเข้ากับพื้นดูเรียบร้อยสวยงามดีค่ะ พื้นห้องยก step ขึ้นมาจากพื้นทางเดินประมาณ 3 ซม.
มุมมองประตูทางเข้าจากภายในห้อง
ด้านหลังประตูจะมี Door stopper กันประตูกระแทกผนังแล้วเป็นรอย
มุมมองเมื่อเปิดประตูเข้าสู่ตัวห้อง มองตรงเข้าไปจะเห็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ชั้นวางของและตู้สำหรับเก็บของ Built-in สีขาวกลืนไปกับสีผนัง ทำให้ห้องดูเรียบร้อย
ตู้เก็บของ มีช่องเก็บของหลายช่องสามารถเก็บของได้เยอะเลย สามารถใช้เก็บน้ำยาซักผ้า, อุปกรณ์สำหรับซักรีด หรือจะเป็นพวกของใช้เช่น รองเท้า, ร่ม, เสื้อกันฝนก็ได้ค่ะ
บานพับแบบ Soft closed ช่วยทำให้บานเปิดของตู้ปิดแล้วไม่กระแทกเสียงดังค่ะ
ข้างๆมุมซักผ้าด้านขวามือจะเป็นส่วนครัวค่ะ
มาดูที่ส่วนครัวกันต่อ ครัวนี้เป็นครัวแบบ L shape มีโต๊ะเคาน์เตอร์ต่อออกมาอีกข้าง ซึ่งโต๊ะเคาน์เตอร์ที่ต่อออกมานี้สามารถใช้เตรียมอาหาร และเป็นโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารมื้อเช้า หรือมื้ออาหารง่ายๆที่ไม่ต้องใช้เวลามากนัก
เนื่องจากระดับโต๊ะเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารจะสูงกว่าระดับโต๊ะทานอาหารปกติ ดังนั้นเก้าอี้ที่ใช้ก็ควรจะเป็นเก้าอี้สำหรับเคาน์เตอร์ที่มีระดับที่นั่งสูงกว่าเก้าอี้ปกติด้วยค่ะ
ระยะห่างระหว่างกำแพงกับโต๊ะเคาน์เตอร์ประมาณ 90 ซม. เป็นระยะที่พอดีสำหรับการนั่งแล้วไม่อึดอัด และไม่เสียระยะที่กว้างเกินไปจนเปล่าประโยชน์
ในส่วนของชุดเคาน์เตอร์สีขาวนี้จะมีอ่างล้างจาน 1 อ่าง และเตาไฟฟ้ามาให้ 1 ชุด มีพื้นที่เตรียมอาหารกำลังพอเหมาะให้คุณพ่อบ้านแม่บ้านสามารถสนุกกับการทำอาหารได้
ในส่วนเตรียมอาหาร จะมีชุดอ่างล้างจานฝังบนเคาน์เตอร์ ทั้งตัวอ่างและก๊อกน้ำเย็นจะใช้ของ MEX
ขนาดอ่างค่อนข้างเล็กไปหน่อย อาจจะทำให้ล้างกระทะ หรือหม้อขนาดใหญ่ๆลำบากนิดนึง
ก๊อกน้ำเย็นทรงสูง
มาดูในส่วนพื้นที่ที่ใช้ปรุงอาหารกันบ้างค่ะ
เตาไฟฟ้าที่ได้มา 1 ชุดจะมีทั้งหมด 2 หัว ใช้ของ Electrolux
เคาน์เตอร์ฝั่งอ่างล้างจาน จะมีลิ้นชักสำหรับเก็บของอยู่ 3 ช่อง
ภาพรวมอีกด้าน
เคาน์เตอร์ฝั่งปรุงอาหารจะมีช่องเก็บของอีก 1 ช่อง
ประตูลิ้นชักเคาน์เตอร์เฉือนมุม 45 องศา ช่วยให้จับบานเปิดได้ง่าย
ด้านบนเคาน์เตอร์จะมีตู้ลอยสำหรับเก็บของแบบชนฝ้าเพดานอยู่ 2 ช่อง และชั้นวางไมโครเวฟอีก 1 ช่อง ส่วนช่องด้านขวามือสุดจะเป็นช่องสำหรับเก็บยูนิตไฟของห้องให้ดูเรียบร้อย
จากส่วนห้องครัว จะสามารถเข้าห้องน้ำส่วนกลางได้จากทางนี้ค่ะ
ประตูห้องน้ำจะมีขนาดเล็กกว่าประตูห้องอื่นๆเล็กน้อย เป็นประตูบานไม้ทึบสีโอ๊ค มือจับประตูเป็นแบบก้านโยก ตัวล็อคเป็นแบบมือบิดจากด้านใน และไขกุญแจจากด้านนอก
พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงจากพื้นห้องโถงประมาณ 4 ซม. ปูด้วยกระเบื้อง สีทราย มีการเก็บงานระหว่างพื้นห้องโถง และพื้นห้องน้ำเรียบร้อยด้วยคิ้วสีเข้ากันกับพื้น
ภาพรวมภายในห้องน้ำจะออกโทนสีอบอุ่น มีการแยกส่วนแห้ง และส่วนอาบน้ำออกเป็นสัดส่วน ผนังส่วนแห้งกรุด้วยกระเบื้องสีทราย
อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังสีขาวพร้อมชุดเคาน์เตอร์ใต้อ่าง ของ American Standard
ตัวอ่างมีขนาดค่อนข้างกว้างเก็บขอบมน ตัวขอบอ่างสามารถวางขวดสบู่ล้างมือ หรืออุปกรณ์อื่นๆได้เล็กน้อยค่ะ
ก๊อกน้ำเย็นของ American Standard เป็นก๊อกเตี้ยทรงเหลี่ยม เก็บขอบมน
เคาน์เตอร์อ่างล้างมือจะมีช่องสำหรับเก็บของ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาดห้องน้ำได้ 1 ช่อง บานเคาน์เตอร์มีการสไลด์ขอบออก ทำเป็นมือจับลูกเล่นเก๋ๆด้วยค่ะ
มีหน้าต่างระบายอากาศ และเป็นช่องแสงเหนือโถสุขภัณฑ์ 1 บาน
หน้าต่างเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง เฟรมอลูมิเนียมพ่นสีดำ ใช้บานกระจกฝ้าสำหรับกันคนภายนอกมองเข้ามาเห็นภายในห้องน้ำ
โถสุขภัณฑ์สีขาวได้ของ American Standard เหมือนกันค่ะ ระยะการติดตั้งมาตรฐาน นั่งแล้วไม่อึดอัดจนเกินไปค่ะ
สายฉีดชำระขนาดกระทัดรัด มีน้ำหนักเบามือ ใช้งานได้สะดวก
ด้านข้างโถสุขภัณฑ์มีการเจาะผนังเซ็ตเข้าไปเป็นช่อง สามารถวางแจกันตกแต่งหรือวางหนังสือสำหรับคนที่ชอบนั่งในห้องน้ำนานๆ หรือจะใช้เป็นที่ตั้งจุดเทียนหอมให้รู้สึกผ่อนคลายได้ค่ะ
ในส่วนห้องอาบน้ำ มีการกั้นฉากกระจกกันน้ำกระเซ็นเรียบร้อย ประตูเป็นแบบผลักเข้าเพื่อให้น้ำไหลอยู่ในเฉพาะส่วนเปียกเท่านั้น
มือจับประตูภายนอกแบบผลักออก สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวด้วยก็ได้นะคะ เวลาดึงเปิดจากข้างในจะได้หยิบผ้าเช็ดตัวได้เลยไม่ต้องออกไปที่ส่วนแห้ง ส่วนมือจับประตูด้านในแบบดึงเข้า จะเป็นปุ่มกลมๆค่ะ
ในส่วนของฝักบัวจะมีช่องวางขวดสบู่-แชมพู ให้ 2 ช่อง ไม่ต้องหาชั้นมาวางเพิ่มเองให้เกะกะ ตัวฝักบัวใช้ของ American Standard หัวฝักบัวค่อนข้างใหญ่ทีเดียวค่ะ อาบได้สะใจแน่นอน
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 80 x 90 ซม. เป็นขนาดมาตรฐานสำหรับห้องอาบน้ำ สามารถยืนอาบได้สบายๆเลย พื้นของส่วนอาบน้ำนี้จะลดระดับลงจากพื้นส่วนแห้งประมาณ 3 ซม.
จากด้านหน้าประตูห้องน้ำส่วนกลาง มองไปตรงมุมในจะเป็นประตูห้องนอน Master Bedroom ค่ะ
มาดูต่อในส่วนของ Master Bedroom กันค่ะ
ในส่วนของพื้นห้อง Master Bedroom ก็จะปูพื้นลามิเนตลายไม้ต่อเข้าไปภายในตัวห้องเลยค่ะ
ภายในห้องนอนจะติด Door Stopper กันประตูกระแทกไว้ที่พื้นห้องด้วย
ภาพรวมของห้องถูกตกแต่งด้วยสไตล์ Contemporary แต่ก็ยังเรียบเท่แบบโมเดิร์นด้วย ตัวห้องดูโปร่งโล่งและสว่าง เพราะมีประตูบานเลื่อนกระจกบานใหญ่เป็นช่องแสงของห้อง ทำให้ห้องนอนห้องนี้ได้รับแสงแดดเต็มๆ
ซึ่งข้อดีคือ ห้องนี้จะไม่เกิดกลิ่นอับ หรือเชื้อราได้ง่าย แต่ข้อเสียคือ แสงแดดที่เข้ามานั้นจะทำให้ห้องค่อนข้างร้อน การติดม่านกัน UV ก็จะทำให้ห้องอยู่สบายขึ้นค่ะ
พื้นที่ห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ หรือจะเป็นเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังพอมีที่เหลืออยู่นะคะ แต่จะสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้แค่ข้างเดียวค่ะ จากปลายเตียงถึงผนังยังมีพื้นที่เหลือเป็นทางเดินออกไปสู่ระเบียงได้
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งระเบียงก็ยังมีพื้นที่เหลือ หรือจะเลื่อนเตียงออกไปทางด้านขวามืออีกหน่อยก็ยังได้แต่ที่ทางห้องตัวอย่างจัดไว้ก็เป็นระยะที่สามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้ตัวนึงแล้วค่ะ
โต๊ะหัวเตียงขนาดย่อม สามารถวางนาฬิกาปลุก รูปภาพ โคมไฟ หรือของตกแต่งเล็กได้และยังมีลิ้นชักเล็กๆอีกหนึ่งช่อง สามารถเก็บหนังสือเล่มโปรด หรือหนังสือธรรมะอ่านก่อนนอนได้อีกด้วย
ประตูบานเลื่อนกระจกเฟรมอลูมิเนียมพ่นสีดำ สามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ด้าน ออกไปสู่ระเบียงส่วนตัวของห้อง
พื้นระเบียงกับพื้นภายในห้องนอนถูกแบ่งแยกออกจากกันด้วยร่องประตูอลูมิเนียมโดยพื้นระเบียงถูกลดระดับลงไปจากพื้นห้องนอนประมาณ 3 ซม.
มือจับประตูบานเลื่อนเป็นแบบที่สามารถเห็นด้วยทั่วไป สามารถล็อคได้จากภายในตัวห้องนอน
พื้นที่ระเบียงมีขนาดไม่ใหญ่มาก ปูด้วยกระเบื้อง สีทราย ขนาด 30 x 30 ซม.
ราวกันตกเหล็กทำสีเทา
ด้านขวามือของระเบียงจะมีประตูระแนงเหล็กปิดกั้นแยกพื้นที่วางคอมเพรซเซอร์แอร์เอาไว้
ในบริเวณระเบียงจะมีไฟมาให้ด้วย 1 ดวง เป็นดวงโคมชนิด Down light
มุมมองจากระเบียงมองกลับเข้ามาสู่ภายในห้องนอน
ข้างๆเตียงทางด้านขวามือยังสามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียง และโต๊ะเขียนหนังสือ หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้อีก 1 ตัว
ระยะข้างเตียงที่เหลือสามารถนั่งทำงาน หรือแต่งหน้าได้สบายไม่ต้องห่วง
ภายในห้องนอนจะมีตู้เสื้อผ้า Build-in บานเปิดคู่ขนาดกลางมาให้ ภายในตู้มีชั้นวางของเหนือหัวอยู่ 2 ช่อง ราวแขวนเสื้อผ้า และลิ้นชักเก็บของอีก 2 ช่อง
มือจับประตูตู้เป็นแผ่นยื่นออกมาแบบนี้ค่ะ แอบจับยากนิดหน่อย
ภายในตู้ ราวแขวนด้านหนึ่งจะใช้สำหรับแขวนชุดกางเกง หรือชุดเดรสยาวๆได้ ส่วนราวแขวนด้านล่างขวามือก็สามารถแขวนกระโปรง กางเกง หรือเสื้อผ้าชิ้นสั้นๆก็ได้นะคะ
มาดูห้องน้ำภายในห้องนอน Master bedroom กันค่ะ
ภาพรวมภายในห้องน้ำ เหมือน Mirror กับห้องน้ำของส่วนกลางตรงห้องโถงมาเลยค่ะ
อ่างล้างมือสีขาวแบบแขวนผนังพร้อมกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ และก๊อกน้ำเย็นของ American Standard
โถสุขภัณฑ์ของ American Standard ระยะการติดตั้งตามมาตรฐานค่ะ
ส่วนห้องอาบน้ำได้ติดตั้ง Shower box มาให้เรียบร้อย
พื้นที่อาบน้ำขนาดกระทัดรัด ประมาณ 75 x 85 ซม.
ทั้งผนังตกแต่งของส่วนอาบน้ำก็กรุด้วยกระเบื้อง และมีช่องวางสบู่ และแชมพู 2 ช่องเหมือนกัน ส่วนฝักบัวก็เป็นของ American Standard
กลับมาสู่ห้องโถงกลาง จากหน้าประตูห้องนอน Master Bedroom จะมองเห็นส่วนรับประทานอาหาร
ในส่วนนี้เป็นพื้นที่รับประทานอาหาร และเป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่น มีการจัดตกแต่งห้องแบบเรียบง่าย แฝงด้วยความเท่
ห้องนี้มีข้อดีคือเป็นห้องที่อยู่มุมอาคารพอดี ห้องนี้จึงสามารถมีช่องแสงได้ทั้ง 2 ด้านทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด
พื้นที่รับประทานอาหารสามารถรองรับที่นั่งได้ 4 ที่ หรือถ้ามีแขกมาก็สามารถจัดเพิ่มเป็น 6 ที่ก็ยังรับได้ ข้างๆส่วนรับประทานอาหารจะมีหน้าต่างบานใหญ่อยู่ 1 เฟรม เป็นบรรยากาศที่เหมาะสำหรับนั่งทานอาหารรับแสงแดดในยามเช้ามากๆ
หน้าต่างจะเป็นหน้าต่างเฟรมอลูมิเนียมพ่นสีดำ เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน และเป็นบานฟิกซ์อีก 3 บาน
มองไปที่อีกด้านหนึ่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดกับระเบียงของห้อง
พื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ส่วนระยะระหว่างโซฟาถึงชั้นวางทีวีก็ยังมีที่ว่างเหลือมากพอที่จะเป็นทางเดินออกไปสู่ระเบียง และวางโต๊ะกาแฟได้อีก 1 ตัว
ประตูออกไปสู่ระเบียง เป็นประตูบานเลื่อนกระจก เฟรมอลูมิเนียมพ่นสีดำ สามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ด้าน
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องสีทราย ขนาด 30 x 30 ซม.
พื้นที่ระเบียงไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ แค่ประมาณ 65 ซม. และยาวประมาณ 3.4 เมตร พอให้ออกมายืนกินลมชทวิวหรือวางไม้กระถางเล็กๆได้ค่ะ
อีกด้านนึงระเบียงจะยาวไปถึงหน้าห้องนอนขนาดเล็ก
ปลายสุดระเบียงจะมีประตูระแนงเหล็กกั้นส่วนพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์เอาไว้
พื้นที่ห้องนั่งเล่นนี้สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และโต๊ะข้างโซฟาได้ 1 ตัว หากอยากวางเป็นโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง ก็คงจะต้องยอมเอาโต๊ะข้างโซฟาออก และยอมให้โซฟากินพื้นที่รับประทานอาหารเข้ามาหน่อยนะคะ
ชั้นวางทีวีแบบ Built-in มีชั้นวางของหลายช่องสามารถวางเครื่องเล่น DVD ลำโพง ของตกแต่งและหนังสือได้อีก ซึ่งส่วนนั่งเล่นนี้จะเป็นพื้นที่หน้าห้องนอนเล็ก
ในส่วนของห้องนอนห้องเล็ก ด้านให้ห้องจะมี Door Stopper ติดให้ช่วยกันประตูกระแทก
ภาพรวมภายในห้องนอนห้องเล็ก เป็นห้องนอนแบบเรียบง่าย ขนาดค่อนข้างเล็กทีเดียว สามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุต ถ้าจะวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตก็จะทำให้ห้องอึดอัดเกินไปแล้วค่ะ
ภายในห้องมีหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน และหน้าต่างบานติดตายอีก 1 บาน ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ พอที่จะให้แสงแดดเข้ามาได้พอประมาณ
ระยะระหว่างเตียง และกำแพงยังเหลือพอเป็นทางเดินได้อยู่ค่ะ
ข้างเตียงด้านซ้ายมือยังกว้างพอที่จะสามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้นะคะ
มุมมองจากริมหน้าต่างเข้าสู่ภายในห้อง
ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ขนาดกำลังพอดีๆ เป็นบานเปิดคู่ 1 บาน และบานเปิดเดี่ยวอีก 1 บาน มีช่องเก็บของอยู่หลายช่องทีเดียว
ระยะระหว่างเตียง และตู้เสื้อผ้ายังเหลือพอที่จะเปิดตู้เสื้อผ้า ยืนแต่งตัวได้ แต่ไม่มีที่เหลือพอที่จะสามารถวางโต๊ะทำงานได้แล้วนะคะ
มาต่อกันที่ห้องตัวอย่างที่ 2 กันเลยค่ะ ห้อง TYPE D5 ห้องนี้เป็นห้องแบบ Duplex, 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 81.18 ตร.ม. ห้องแบบ Duplex นี้จะเป็นห้องที่เหมือนกับบ้าน 2 ชั้น สามารถเข้าห้องได้จากทั้งชั้น 1 และชั้น 2
ในส่วนของชั้น 1 จะเป็นส่วน Semi-Private เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านขวามือจะเป็นส่วนครัวที่รวมส่วนซักผ้าเข้าไปด้วย ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำส่วนกลางของห้อง ถัดไปจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่ง พื้นที่นั่งเล่น และบันไดขึ้นสู่ชั้น 2
ส่วนชั้น 2 จะเป็นส่วน Private มีห้องนอน Master Bedroom ที่มีห้องน้ำในตัว 1 ห้อง ห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องและห้องน้ำส่วนกลางอีก 1 ห้อง
ตัวอย่างห้องของจริง อันนี้จะเข้าจากทางประตูหลักห้องชั้น 1 นะคะ
เมื่อเปิดเข้าไปในห้องจะเจอกับโถงทางเดิน ด้านซ้ายมือคือห้องน้ำส่วนกลางของห้อง ขวามือคือส่วนครัว และส่วนซักผ้า มองตรงไปจะเป็นส่วนรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่น ห้องถูกตกแต่งด้วยโทนสีสว่างดูสะอาดตา
พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้สีไวท์โอ๊คยาวไปถึงส่วนนั่งเล่น ส่วนผนังทาด้วยสีโทนขาว ห้องมีการเล่นระดับฝ้าด้วยการกดให้ฝ้าเตี้ยลงในส่วนโถงทางเดินเข้าห้อง และยกสูงขึ้นเปิดมุมมองเมื่อเข้าสู่ส่วนรับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่น
มุมห้องข้างประตูทางเข้าจะมีตู้เก็บรองเท้า Built-in สีขาวกลืนกับสีผนังของห้อง ชั้นนี้สามารถใช้เก็บรองเท้าของคนทั้งบ้านได้เลยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว I ขนาดพอเหมาะ มีอ่างล้างจานมาให้หนึ่งอ่าง และเตาไฟฟ้า 1 ชุดเคาน์เตอร์มีช่องเก็บของทั้งใต้เคาน์เตอร์ และชั้นลอยเหนือหัว มีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาดกลางและเครื่องซักผ้าอีกหนึ่งเครื่อง
เตาไฟฟ้าที่ได้มา 1 ชุด เป็นของ Electrolux และอ่างล้างจานของ MEX บนเคาน์เตอร์ยังมีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารอยู่เล็กน้อยแต่อาจจะทำอาหารหนักได้ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นัก
ชุดเคาน์เตอร์ที่ได้มาจะติดไฟ และเครื่องดูดควันมาให้ด้วย ผนังด้านหลังเคาน์เตอร์จะกรุด้วยกระเบื้อง ทำให้สามารถเช็ดคราบน้ำมัน และสิ่งสกปรกออกได้ง่ายค่ะ
มาดูห้องน้ำส่วนกลางของบ้านกันค่ะ
พื้นห้องน้ำจะปูด้วยกระเบื้องสีทราย ระหว่างพื้นกระเบื้องห้องน้ำ และพื้นไม้ห้องโถงถูกเก็บด้วยคิ้วสีเข้ากับพื้นเรียบร้อยดี
ผนังของห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องสีทราย ห้องน้ำส่วนกลางนี้จะเป็นห้องน้ำสำหรับใช้ทำธุระหนัก-เบาเท่านั้น จะไม่มีส่วนอาบน้ำให้ส่วนสุขภัณฑ์ที่ใช้ภายในห้องน้ำจะเหมือนกับสุขภัณฑ์ของห้องที่แล้ว
ภายในห้องน้ำจะมีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศ และเป็นช่องแสงให้กับห้องอยู่ 1 บานเหนือโถสุขภัณฑ์
พื้นที่อ่างล้างมือจะถูกเซ็ตเข้าไปในผนัง เป็นอ่างล้างมือแขวนผนังพร้อมเคาน์เตอร์ใต้อ่าง
โถสุขภัณฑ์ถูกติดตั้งด้วยระยะที่กว้างกว่าระยะมาตรฐานรวมถึง 30 ซม. สามารถนั่งทำธุระหนัก-เบาได้สบายไม่อึดอัดค่ะ
ภาพรวมของส่วนทานอาหาร และส่วนนั่งเล่น ที่ถูกจัดรวมกันอยู่ภายในห้องที่ฝ้าเพดานยกสูงขึ้นไปจากฝ้าเพดานส่วนครัว ทำให้มิติห้องดูโปร่งโล่งขึ้น ห้องถูกตกแต่งด้วยสไตล์ Contemporary ทำให้รู้สึกอบอุ่น
ในส่วนทานอาหารสามารถจัดที่นั่งทานอาหารได้ 4 ที่ และสามารถเลื่อนโต๊ะออกมาเพื่อจัดเป็น 6 ที่นั่งเพื่อรองรับคนเพิ่มก็ได้
มุมมองจากโต๊ะอาหารไปสู่ส่วนนั่งเล่น ด้านหลังกำแพงของชั้นวางทีวีจะเป็นบันไดที่ใช้ขึ้นสู่ชั้น 2
ใต้บันไดถูกใช้เป็นห้องสำหรับเก็บของ เป็นการจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น
ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่น จะมีความโปร่งโล่ง และสว่างเนื่องจากได้รับแสงแดดจากช่องแสงทั้ง 2 ด้าน
ช่องแสงด้านติดกับโซฟาจะเป็นหน้าต่างเฟรมอลูมิเนียมพ่นสีดำ เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บานและบานติดตายอีก 1 บาน
ส่วนนั่งเล่นนี้สามารถจัดชุดโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่ง และ 1 ที่นั่งได้อย่างละตัว
ชั้นวางทีวีติดผนังสีน้ำตาลเข้มตัดกับสีผนัง มีชั้นวางของหลายช่องแบบเดียวกับห้องที่แล้ว สามารถวางของตกแต่ง เครื่องเล่น DVD และหนังสือได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ
นอกจากนี้ระยะระหว่างโซฟาถึงชั้นวางทีวีก็ยังมีที่ว่าง เหลือมากพอที่จะเป็นทางเดินออกไปสู่ระเบียงและวางโต๊ะกาแฟได้อีก 1 ตัว
ประตูออกไปสู่ระเบียง เป็นประตูบานเลื่อนกระจก เฟรมอลูมิเนียมพ่นสีดำ สามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ด้าน พื้นระเบียงกับพื้นภายในห้องนอนถูกแบ่งแยกออกจากกันด้วยร่องประตูอลูมิเนียม โดยพื้นระเบียงถูกลดระดับลงไปจากพื้นห้องนอนประมาณ 2 ซม. ซึ่งทำให้น้ำจากระเบียงไม่สามารถไหลย้อนเข้าห้องได้
ระเบียงมีลักษณะแคบยาวตลอดหน้ากว้างของห้อง ด้านซ้ายมือของระเบียงจะมีประตูระแนงเหล็กปิดกั้นไว้สำหรับแยกพื้นที่วางคอมเพรซเซอร์แอร์
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องสีทราย ขนาด 30 x 30 ซม. พื้นระเบียงมีขนาดกว้างประมาณ 75 ซม.
จากสุดพื้นที่นั่งเล่นแล้วเลี้ยวขวา จะเจอกับบันไดขึ้นชั้น 2 เป็นบันได 1 Flight ยาวๆ มีดีเทลที่เรียบง่าย สีเดียวกับราวบันได ลูกตั้งใช้เป็นสีขาว
เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้น 2 จะเจอกับโถงบันไดที่เป็นส่วนสำหรับแจกจ่ายไปยังห้องต่างๆ ส่วนประตูด้านหน้าเป็นประตูทางเข้าหลักของชั้น 2 นะคะ
พื้นชั้น 2 เป็นพื้นลามิเนตลายไม้แบบเดียวกับพื้นชั้น 1 ระหว่างพื้นชั้น 2 และลูกนอนบันไดมีการเก็บงานด้วยคิ้วสีเข้ากันเรียบร้อย
มุมมองจากบนชั้น 2 ย้อนกลับลงไป
มาดูห้องนอนห้องเล็กฝั่งขวามือของบันไดก่อนเลยค่ะ
ภาพรวมภายในห้องนอนถูกตกแต่งแบบเรียบง่าย โทนสีขาวสะอาดตา ฝ้าเพดานมีลูกเล่นแบบเรียบๆด้วยการเซ็ตฝ้าส่วนกลางห้องขึ้นไปประมาณ 10 ซม.
ภายในห้องมีหน้าต่างบานกระทุ้งอยู่ 1 บาน พอจะให้แสงแดดส่องเข้ามาและระบายอากาศภายในห้องได้
ห้องนี้ใหญ่พอที่จะสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นเตียงขนาด 3 ฟุตเพื่อที่จะวางโต๊ะทำงานโต๊ะเล็กๆเพิ่มอีก 1 ตัวก็ได้ จากปลายเตียงถึงผนังยังมีพื้นที่เหลือเป็นทางเดินได้อยู่ค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงยังพอจะมีที่วางเหลือสำหรับวางโต๊ะหัวเตียงได้ 1 ตัว
มุมมองจากริมในห้องอีกมุม
ระยะระหว่างตู้เสื้อผ้า และเตียงยังเหลือพอที่จะเปิดตู้เสื้อผ้า และแต่งตัวได้
ตู้เสื้อผ้าที่ได้มามีความสูงถึงฝ้าเพดาน ด้านในมีราวแขวนเสื้อผ้า ชั้นวางของและลิ้นชัก สามารถบรรจุเสื้อผ้าได้พอสมควร
จากโถงบันไดตรงนี้เราจะไปดูส่วนของห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็ก 2 ห้อง, Master Bedroom และBedroom 2 ค่ะ
มาดูห้องน้ำส่วนกลางของห้องชั้น 2 กันต่อ
พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องแบบเดียวกันกับห้องน้ำชั้นล่าง ขนาด 60 x 60 ซม. ระดับพื้นห้องน้ำจะลดระดับลงไปจากพื้นโถงบันได้ประมาณ 3 ซม.
ภาพรวมของภายในห้องน้ำ มีการแยกส่วนแห้ง และส่วนอาบน้ำออกจากกัน ส่วนสุขภัณฑ์จะใช้เป็นแบบเดียวกันกับห้องตัวอย่างห้องที่แล้วเลย
ห้องน้ำห้องนี้ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศให้ แต่จะมีพัดลมดูดอากาศมาช่วยในเรื่อง Ventilation และช่วยป้องกันการเกิดเชื้อรา ส่วนผนังห้องน้ำจะกรุด้วยกระเบื้อง เหมือนห้องน้ำชั้นล่าง
อ่างล้างมือสีขาวแบบแขวนผนังพร้อมกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ และก๊อกน้ำเย็น
โถสุขภัณฑ์ ระยะการติดตั้งตามมาตรฐานค่ะ
ส่วนห้องอาบน้ำได้ติดตั้ง Shower box มาให้เรียบร้อย
ทั้งผนังตกแต่งของส่วนอาบน้ำก็กรุด้วยกระเบื้องลายหิน และมีช่องวางสบู่ และแชมพู 2 ช่อง
พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 90 x 90 ซม. พื้นห้องอาบน้ำจะลดระดับลงไปจากพื้นส่วนแห้งประมาณ 3.5 ซม.
ออกมายังโถงบันไดทอดยาวไปสู่ห้องนอนอีก 2 ห้อง สุดทางจะมีช่องแสงช่วนให้โถงบันไดไม่ทึบ
มาดูห้องนอน Master Bedroom ต่อกันค่ะ
ภาพรวมของห้อง เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอกับประตูห้องน้ำอยู่ด้านหน้า และส่วนที่นอนอยู่ทางซ้ายมือ
ห้องถูกตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่ยังแฝงไปด้วยความเท่ด้วยผนังสีเทา พื้นที่ห้องนี้กว้างพอที่จะสามารถวางที่นอนขนาด 6 ฟุตได้เลยทีเดียว มีหน้าต่างบานใหญ่ 1 บาน เป็นช่องแสงให้กับห้อง
ปลายที่นอนยังเหลือมากพอที่จะเป็นทางเดินได้อย่างสบายๆ
ทั้งด้านซ้ายมือ และขวามือยังมีที่ว่างสำหรับโต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ข้างอีก
บริเวณริมหน้าต่างสามารถจัดเป็นโต๊ะนั่งทำงานได้อย่างเหมาะสม
หน้าต่างเป็นเฟรมอลูมิเนียมพ่นสีดำ เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บานและบานติดตายด้านล่างอีก 1 บาน
มุมทางขวามือของทางเข้าห้องจะเป็นตู้เสื้อผ้าบานเปิดคู่ขนาดกลาง สามารถจัดเก็บเสื้อผ้าได้พอสมควร
มาดูห้องน้ำในส่วนของห้องนอน Master Bedroom กันต่อ
ห้องน้ำนี้จะใช้วัสดุ Finishing แบบเดียวกับห้องน้ำห้องอื่นๆ รวมถึงตัวสุขภัณฑ์ด้วยเช่นกัน แต่การจัดการใช้สอยของห้องน้ำห้องนี้จะต่างจากห้องอื่นๆตรงที่ ทางเข้าห้องน้ำจะเข้าจากตรงกลางห้องและจัดให้อ่างล้างมืออยู่ตรงกลางขนาบข้างด้วยพื้นที่อาบน้ำ และโถสุขภัณฑ์
อ่างล้างมือพร้อมเคาน์เตอร์ใต้อ่าง และโถสุขภัณฑ์ ระยะการติดตั้งตามมาตรฐาน
ส่วนห้องอาบน้ำได้ติดตั้ง Shower box มาให้เรียบร้อย
พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 120 x 70 ซม. ยืนอาบได้สบายๆ
ในส่วนของห้องอาบน้ำจะมีช่องวางสบู่ และแชมพูอยู่ 2 ช่องเหมือนกัน ไม่ต้องซื้อชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำมาวางให้เกะกะเลย
ปลายสุดโถงบันไดจะมีหน้าต่างเป็นช่องแสง เป็นบานกระทุ้ง 1 บาน และบานติดตายอีก 1 บาน
มาดูห้องนอนห้องสุดท้ายกันค่ะ
ในห้องนี้จะมีหน้าต่างบานติดตายอยู่ 1 บานที่ติดกับโถงบันได ตรงนี้แนะนำให้ติดผ้าม่านเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวด้วยนะคะ
ภาพรวมของห้องนอนเป็นโทนสีขาวแบบเรียบง่าย ได้รับแสงสว่างอย่างเต็มที่จากหน้าต่างทางด้านขวามือ
ห้องนอนห้องนี้กว้างพอที่จะวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้เลย แต่ถ้าลดขนาดเหลือ 3 ฟุตก็จะทำให้ห้องดูโล่งมากขึ้น
หน้าต่างในห้องนี้มีทั้งหมด 6 บาน เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บาน และบานติดตายอีก 4 บาน
ระยะระหว่างปลายเตียงถึงผนังห้อง สามารถใช้เป็นทางเดิน หรือยืนใส่ผ้าปูที่นอนได้สบายๆ
ฝั่งหนึ่งของเตียงมีที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างหัวเตียงตัวเล็กๆได้ 1 ตัว
มุมมองจากมุมในของห้องออกมา
ระยะระหว่างเตียง และตู้เสื้อผ้าเหลือพอสำหรับระยะการเปิดตู้ และยืนแต่งตัวได้
สวิตช์ และปลั๊กไฟของห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องจะใช้ของ Panasonic ค่ะ
ราคา
บทสรุปโครงการ
ที่ตั้งโครงการ : โครงการ Maestro 02 ร่วมฤดี อยู่ในทำเลใจกลางเมืองย่านเพลินจิต ตั้งอยู่ภายในซอยร่วมฤดี 2 เป็นซอยย่อยจากซอยร่วมฤดีหลัก ตัวซอยร่วมฤดี 2 เป็นซอยตันที่มีความลึกประมาณ 630 เมตร ถือว่ามีความสงบและเป็นส่วนตัว ตัวโครงการห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิตประมาณ 1 กม. ซึ่งเป็นระยะที่กลางๆไม่ใกล้ไม่ไกล อาจจะเกินระยะเดินสบายไปหน่อย แต่ก็สามารถเดินถึงได้ไม่เหนื่อยนัก ถือว่าเป็นโครงการใจกลางเมืองที่มีความสงบเงียบ เหมาะกับการอยู่อาศัย สภาพแวดล้อมโดยรวมรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นคอนโด, Service Apartment, โรงแรมหรูๆ และบ้านเดี่ยวอีกนิดหน่อย
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการนี้มีพอสมควรแต่จะเป็นความอุดมสมบูรณ์ในระยะที่ต้องเดินกันไกลนิดนึง หรืออาจจะต้องขับรถค่ะ เพราะความอุดมสมบูรณ์ประเภทร้านอาหารทั่วไปจะออกมาอยู่ในซอยร่วมฤดีหลัก ที่เด่นๆจะเป็น ร่วมฤดีวิลเลจ จะเป็นเวิ้งมีร้านอาหารด้านในหลากหลายร้าน ส่วนห้างใหญ่ๆในย่านนี้จะมีเพียบเลยค่ะ ที่ใกล้ที่สุดจะเป็น Central ชิดลม, Central Embassy ขยับไปทางชิดลม สยามหน่อยก็จะมีห้างเอราวัณ, ห้างเกษร พลาซ่า, Central World และ Siam Paragon ค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว : การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกโดยเฉพาะสำหรับใครที่ทำงานบนถนนวอทยุและถนนเพลินจิตฝั่งมุ่งหน้าสยามเพราะตัวซอยร่วมฤดีสามารถเชื่อมถนนเพลินจิตกับถนนวิทยุได้ทำให้เดินทางค่อนข้างสะดวกค่ะ แต่เนื่องจากเป็นทำเลใจกลางเมืองแต่รถอาจจะติดสะสมมาจากช่วงสุขุมวิท ทองหล่อมากหน่อย และจะต้องศึกษาเส้นทางดีๆเพราะถนนแถวนี้จะมีข้อแม้ที่แตกต่างกันไปบางเส้น One Way บางเส้นบังคับเลี้ยวเป็นช่วงเวลา
การเดินทางโดยรถสาธารณะ : สำหรับคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงรถติด การเดินทางโดยรถสาธารณะเป็นทางเลือกที่เรียกว่าสะดวกสุดสำหรับโครงการนี้ก็ว่าได้ โดยการเดินทางที่สะดวกที่สุดจะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต สามารถใช้รถรับส่งของทางโครงการได้ หรือเดินมาทางหน้าซอยประมาณ 200 เมตรกว่าๆ ก็จะมีพี่วินให้เรียกใช้บริการค่ะ
การออกแบบโครงการและที่ดิน : โครงการ Maestro 02 ร่วมฤดี เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดินขนาด ประมาณ 1-0-62 ไร่ ยูนิตพักอาศัยทั้งหมด 138 ยูนิต อัตราส่วนของห้องพักอาศัยแต่ละชั้นอยู่ที่ประมาณ 20 ห้อง เรียกได้ว่าพอดีๆ ไม่แออัดจนเกินไป ส่วนลิฟท์โดยสารจะมีให้ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสารต่อยูนิตพักอาศัยจะอยู่ที่ 1 : 69
การวางผังอาคารจะจัดวางเต็มที่ดิน มีชั้นจอดรถอยู่ที่ชั้น 1 และชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น มีส่วน Facility หลักที่ชั้น 2 และชั้น Rooftop โดยการวาง Facility ส่วนสวนไว้ที่ชั้น 2 พร้อมเปิดอาคารให้เป็นเวิ้งโอบส่วนกลางไว้ทำให้ตัวอาคารไม่ทึบ ช่วยให้มีห้องที่ได้รับวิวที่ดีได้มากขึ้นกว่าการออกแบบเป็นแท่งตรงๆทดแทนความเป็นอาคาร Low Rise ที่จะไม่ได้วิวเมืองสวยๆซึ่งตรงนี้ส่วนตัวคิดว่าทำออกมาได้ดีทีเดียวค่ะ ในส่วนของยูนิตพักอาศัยจะมีแบบห้องให้เลือกหลายแบบ หลายขนาดเลยค่ะ ตั้งแต่ 1 Bedroom – 3 Bedroom และแบบ Duplex ขนาดห้องเริ่มตั้งแต่ 25.88 ตร.ม. – 87.93 ตร.ม. ส่วนการจัดวางผังในห้องตัวอย่างคือแบบ Type A 1 – 1 และ Type D 5 ถือว่าทำออกมาได้ดี จัดฟังก์ชั่นลงตัว ครบถ้วน ไม่มีส่วนไหนที่รู้สึกว่าจะมีปัญหาในการใช้งานค่ะ
วัสดุ : วัสดุของโครงการนี้ขายแบบ Fully Furnish ให้เฟอร์นิเจอร์หลักๆมาครบ พื้นห้องทั่วไผใช้ลามิเนตลายไม้, พื้นห้องน้ำและพื้นระเบียงใช้กระเบื้อง, ส่วนครัวได้ชุด Hob & Hood, เตา ของ Electrolux และ Mex, เคาน์เตอร์ครัว Top เป็นหินเทียม, ห้องน้ำแยกส่วนแห้งส่วนเปียกได้ทั้ง Shower Box และสุขภัณฑ์ของ American Standard
สิ่งอำนวยความสะดวก : ส่วนกลางของโครงการถือว่าให้มาครบถ้วนดี ตัว Facility หลักๆจะอยู่ที่ชั้น 2 มี สระว่ายน้ำระบบเกลือ, พื้นที่นั่งพักผ่อนริมสระ, Fitness, สวนหย่อม, ห้อง Steam ส่วน Facility อีกชุดจะอยู่บนชั้น Roof Top เป็นพื้นที่ให้ทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือจัดปาร์ตี้ มีชุดที่นั่งให้หลายชุด รองรับคนได้เยอะพอสมควร
ที่จอดรถของโครงการนี้มีทั้งหมด 80 คันหรือ 59% แบบรวมจอดซ้อนคันถือว่าพอดีๆ อาจจะแน่นๆหน่อยพอรับได้ แต่ส่วนตัวคิดว่าที่จอดรถของโครงการนี้ไม่เหมาะที่จะจอดแบบซ้อนคันเท่าไหร่ ซึ่งถ้าดูจำนวนที่จอดรถแบบไม่ซ้อนคันแล้วจะเหลือประมาณ 65 คัน หรือ 47% อาจจะน้อยไปหน่อยสำหรับราคาค่าตัวของโครงการนี้
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.75 | ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี 2 เป็นทำเลกลางเมืองที่มีความสงบร่มรื่น เหมาะแก่การอยู่อาศัย มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร |
การเดินทาง ใช้รถ | 8.0 | ตัวซอยร่วมฤดีสามารถทะลุถนนเพลินจิตและถนนวิทยุได้สะดวก เป็นทำเลกลางเมืองที่เดินทางสะดวกเป้นบางเส้นทาง เพราะบางเส้นก็มีกฏที่ต้องศึกษาให้ดีๆก่อนออกเดินทางค่ะ |
การเดินทาง ไม่ใช้รถ | 8.0 | ใกล้ BTS เพลินจิต ในระยะ 1 กม. มีรถรับส่งของโครงการ 1 คัน และมีพี่วินคอยให้บริการในระยะ 200 เมตรกว่า และหน้าปากซอยฝั่งถนนเพลินจิต |
ห้องและวัสดุ | 8.0 | ห้องพักมีให้เลือกหลายแบบแตกต่างกันตามพื้นที่ใช้สอยและจำนวนห้องนอน โดยเริ่มต้นที่ 2 ห้องนอน มีทั้งแบบ Single Floor และแบบ Duplex พื้นที่การใช้งานเหมาะสมดี |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 7.5 | Facilities ครบครัน สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Roof Top Garden ที่ชั้นดาดฟ้า ที่จอดรถ 2 ชั้น คิดเป็น 59% รวมจอดซ้อนคัน |
ความคุ้มค่ากับราคา | 8.0 | เป็นคอนโดใจกลางเมืองที่ได้ความสงบและเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าและแหล่งความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับอยู่อาศัยโดยเฉพาะคนที่ทำงานย่านวิทยุและเพลินจิต และโซนใกล้เคียง |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 8.0 | ดี |
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 02-254-4777
Website : คลิกที่นี่
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ โปรดกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น