รีวิว คอนโด มาเอสโตร 12 ราชเทวี Maestro 12 Ratchathewi
Maestro 12 ราชเทวี จาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงเพชรบุรี เขตราชเทวี ใกล้รถไฟฟ้า BTS ราชเทวี, สยามเซ็นเตอร์, สยามสแควร์, สยามพารากอน และ เซ็นทรัลเวิลด์
มาเอสโตร 12 ราชเทวี เป็นคอนโด Low Rise 5 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 3 งาน 55 ตร.วา. ห้องพักอาศัย 124 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกแบบ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, 3 ห้องนอน และ Duplex ขนาดเริ่มต้น 26.5-59.00 ตร.ม. สร้างเสร็จพร้อมอยู่ปี 2559
สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงครบครัน อาทิ โถงต้อนรับ, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ซาวน่า, สวนพักผ่อน, Lauderette, Sky Fish Tank Pool, Pool Terrace, ลิฟท์โดยสาร, ที่จอดรถ, ประตูคีย์การ์ด และ รปภ. 24 ชม. เริ่มต้น 4.5 ล้านบาท
ชื่อโครงการ | คอนโด มาเอสโตร 12 Maestro 12 ใกล้ BTS ราชเทวี |
เจ้าของโครงการ | เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ Majordevelopment |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
เนื้อที่ทั้งหมด | 3 งาน 55.00 ตร.ว. |
จำนวนตึก | 1 อาคาร |
จำนวนชั้น | 8 ชั้น |
จำนวนห้อง | 124 ยูนิต |
ที่จอดรถทั้งหมด | 50% |
โซน | พญาไท, ราชเทวี, เพชรบุรีตัดใหม่, พระรามที่6 |
ขนส่งสาธารณะ | รถไฟฟ้า BTS ราชเทวี |
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ซอยเพชรบุรี 12 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. |
กำหนดการ | – |
ปีที่สร้างเสร็จ | พ.ศ. 2559 |
ราคา | เริ่มต้น 4,500,000 บาท (ณ. วันที่ 20/2/2016) |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | 150,000 บาท/ ตร.ม. |
สถานที่สำคัญใกล้เคียง |
|
สิ่งอำนวยความสะดวก | – Lobby และWi-Fi Internet บริเวณ Lobby, Mail Box, Lauderette, Sky Fish Tank Pool, Pool Terrace, ฟิตเนส, รปภ, CCTV, Key Card Access, สวนหย่อม, ห้องสมุด, Stream & Sauna, ห้องคาราโอเกะ, BBQ & Party Corner |
จุดเด่นของโครงการ | “คอนโดสไตล์คลาสสิค-โมเดิร์น ครบถ้วนทุกฟังก์ชั่น เพียง 200 เมตร จาก BTS ราชเทวี 5 นาที จากสยามพารากอน และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” |
ที่ตั้งโครงการ
ซอยเพชรบุรี 12 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.
พิกัด : 13.753866,100.52965
แผนที่จากทางโครงการ
โครงการ Maestro 12 ราชเทวี ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เพชรบุรี ช่วงใกล้ๆกับสะพานข้ามแยกราชเทวี สำหรับโครงการนี้มีทางเข้าออกอยู่ 2 ทาง คือเส้นหลักด้านหน้าโครงการคือถนนเพชรบุรี และทางลัดซอยเพชรบุรี 12 ที่สามารถลัดเข้าซอยพญานาคไปออกถนนพญาไทและถนนบรรทัดทองได้ ดังนั้นจะเห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับถนนเส้นหลักๆอยู่ 2 สาย คือถนนเพชรบุรีตัดใหม่และถนนพญาไท ซึ่งถนนทั้งสองเส้นเป็นถนนเส้นหลัก ที่มีการจราจรคับคั่งอยู่พอตัว(..ก็รถติดนั่นแหละ) มาเริ่มกันที่ถนนเพชรบุรีก่อน ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นที่จะมีการอยู่อาศัยของคนในละแวกนี้มากกว่าบนถนนพญาไท ถนนเพชรบุรีถ้ามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกก็จะวิ่งไปสิ้นสุดที่แยกอุรุพงศ์จุดตัดถนนพระราม 6 ซึ่งตรงนี้ก็จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนยมราช ซึ่งถ้าเราวิ่งตรงต่อไปก็สามารถไปถึงสามเสน, พระราม 8, ยมราชได้ ส่วนถนนเพชรบุรีฝั่งตะวันออกก็จะมีทางด่วนบางนา – ดาวคะนอง ถ้าตรงต่อไปเรื่อยๆก็จะพาเราไปอโศก, สุขุมวิท ยาวไปถึงพัฒนาการค่ะ
ส่วนถนนพญาไทจะเริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ชัยยาวลงมาสิ้นสุดที่แยกสามย่าน จุดตัดกับถนนพระราม 4 ถึงแม้ว่าถนนพญาไทจะไม่ใช่ถนนเส้นที่ยาวเท่าไหร่แต่ก็ยังเป็นถนนเส้นสำคัญเพราะนอกจากจะอยู่ใจกลางเมืองผ่านทั้งสยาม, มาบุญครอง, หอศิลป์แล้ว ยังเส้นที่เชื่อมต่อกับถนนเส้นสำคัญอื่นๆเช่น ถนนราชวิถีที่เราสามารถใช้ไปแถวสะพานซังฮี้และวิภาวดี, ถนนศรีอยุธยาไปสามเสนและพระราม 9, ถนนเพชรบุรีที่เราเล่าให้ฟังกันไปแล้ว, ถนนพระราม 1 ไปบำรุงเมือง, เสาชิงช้าได้ และถนนพระราม 4 ไปสามย่าน, หัวลำโพง และคลองเตยได้ค่ะ
การเข้าถึงโครงการถือว่าทำได้ดีทั้งการใช้รถสาธารณะและใช้รถยนต์ส่วนตัว และเนื่องจากทางโครงการเค้าเคลมมาว่าอยู่ใกล้ BTS ราชเทวี เราจึงมาดูการเดินทางจาก BTS มาโครงการกันก่อน โดยการเดินเท้าจาก BTS มาโครงการสามารถใช้ได้ 2 เส้นทางคือ เส้นทางหลักเดินเลาะริมฟุตบาทถนนเพชรบุรี ที่วัดระยะทางจากทางออกสถานี(บันไดขึ้นสุดท้าย) ถึงโครงการได้ประมาณ 200 – 250 เมตร และอีกเส้นทางสำหรับใครที่จะเดินแวะหาของทานระหว่างทางคือทางซอยพญานาคค่ะ ซึ่งวัดระยะทางได้ประมาณ 400 เมตร โดยทั้ง 2 ทางใช้เวลาประมาณ 3 – 5 นาที (ระยะจาก Google Map ไม่รวมเวลาเดินซื้อของทานนะคะ ;D) ซึ่งเป็นระยะทางที่ยังถือว่าเดินสบายอยู่ค่ะ ส่วนใครสงสัยว่าทางที่เดินไปโครงการนั้นเปลี่ยวมั้ย จากการลงพื้นที่มา เส้นทางหลักที่เดินเลาะถนนเพชรบุรีนั้นจะเดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเวลากลางคืนจะเปลี่ยวน้อยกว่าในซอยพญานาค เพราะได้แสงไฟจากรถที่ผ่านไปมาช่วยอยู่แต่จะมีจุดเปลี่ยวบ้างช่วงใกล้ๆใต้สะพานระหว่างทางเดินไปโครงการค่ะ ส่วนทางลัดเข้าซอยพญานาคตอนกลางวันเดินได้สบายๆค่ะ ตอนช่วงเย็นๆค่ำๆก็ยังพอได้อยู่เพราะมีร้านอาหารมาเปิดค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเป็นช่วงดึกแล้วไม่แนะนำนะคะ
ส่วนการเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวก็ถือว่าสะดวกนะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการมีทางเข้าออกอยู่ 2 ทางคือทางเข้าหลักบนถนนใหญ่เพชรบุรีและทางรองบนถนนในซอยเพชรบุรี 12 โดยถ้าเราออกจากโครงการด้วยทางเข้าหลักบนถนนใหญ่นั้นเส้นทางของเราจะถูกบังคับเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปแยกอุรุพงศ์ ส่วนทางรองคือซอยเพชรบุรี 12 นั้นจะเป็นทาง One Way เข้าได้ออกไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นทางนี้จึงเหมาะที่จะเป็นทางลัดไปถนนพญาไทแทนที่จะต้องไปอ้อมไกลวุ่นวายค่ะ และจากแผนที่จะเห็นว่าทางเข้าหลักจะอยู่ใกล้กับจุดขึ้นสะพานข้ามแยกแต่จากที่ไปสำรวจดูคิดว่าระยะค่อนข้างกระชั้น อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะไปทางถนนเพชรบุรีฝั่งตะวันออกแนะนำว่าให้ใช้ทางซอยเพชรบุรี 12 ไปออกถนนบรรทัดทองแล้วค่อยมุ่งหน้าขึ้นสะพานข้ามแยก เสียเวลาหน่อยแต่ปลอดภัยกว่าเยอะนะคะ
ส่วนความอุดมสมบูรณ์โซนนี้ ไม่ต้องพูดอะไรมากหลายคนก็คงรู้กันอยู่ แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ก็จะมาเล่าให้ฟังสักหน่อย ว่าความอุดมสมบูรณ์แถวนี้เรียกได้ว่าสูงเชียวแหละ โดยบริเวณใกล้ๆโครงการในระยะเดินจะมีตลาดกิ่งเพชรในซอยเพชรบุรี 10 ,ร้านสะดวกซื้อ 7 – 11 และร้านอาหารมากมายในซอยพญานาคซึ่งจะคึกคักมากในเวลาค่ำ ขยับออกมาหน่อยก็เป็น Coco Walk แหล่งรวมร้านอาหาร, ขนมและร้านดนตรีกลางคืน
ไกลไปอีกหน่อยบนถนนเพชรบุรีฝั่งตะวันออกก็มี ประตูน้ำและ The Platinum แหล่งขายเสื้อผ้าราคาส่งและพันทิพย์แหล่งขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในตำนาน หรือจะนั่ง BTS มาอีกสถานีก็ถึงสยามที่เป็นแหล่งกระจุกตัวของความเจริญทั้งห้างใหญ่ๆอย่าง Siam Paragon, Siam Center, Siam Discovery, Central World หรือจะเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นอย่าง Siam Square หรือถ้ามา BTS สนามกีฬา ก็มี MBK และหอศิลป์กรุงเทพสำหรับใครที่ชอบใช้เวลาว่างเสพอาหารสมองค่ะ ^^
และเนื่องจากทำเลนี้มีเพื่อนบ้านข้างเคียงอยู่หลายโครงการ เราจึงทำแผนที่แบบคร่าวๆมาให้ดูว่าเพื่อบ้านของเรามีใครบ้างนะคะ
คอนโดข้างเคียง
– คอนโด ไพน์ บาย แสนสิริ
– คอนโดเลต ไอซ์ ราชเทวี
– คอนโด Maestro 12 ราชเทวี
– คอนโด ศุภาลัย พรีเมียร์ ราชเทวี
– คอนโด บ้านปทุมวัน
– คอนโด Ideo Q พญาไท
– คอนโด ดิ แอดเดรส พญาไท
– คอนโด Ideo Mobi พญาไท
– คอนโด พญาไทเพลส
– คอนโด เอ็ม พญาไท
– คอนโด โนเบิล เฮ้าส์ พญาไท
– คอนโด ศุภาลัย เอลีท พญาไท
– คอนโด เดอะ วิคตอรี่ ไฮท์
– คอนโด โนเบิล รีเวนต์
– คอนโด ปทุมวัน รีสอร์ท
– คอนโด วิลล่า ราชเทวี
– คอนโด ไอดีโอ คิว ราชเทวี
– คอนโด ไอดีโอ คิว สยาม – ราชเทวี
– คอนโด เดอะ แพลทตินั่ม แฟชั่น มอลล์
– คอนโด วิช ซิกเนเจอร์ แอท มิดทาวน์ สยาม
– คอนโด ดิ แอดเดรส สยาม
– คอนโด ดิ แอดเดรส ปทุมวัน
– คอนโด บ้านกลางกรุง สยาม-ปทุมวัน
การเดินทาง
เนื่องจากตัวโครงการมีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ใกล้ BTS วันนี้เราจะเดินลัดไปทางซอยพญานาคให้ดูบรรยากาศก่อนแล้วจะนำทางแบบใช้รถยนต์กันนะ
มาถึง BTS ราชเทวีปุ๊ป มองหาป้ายไปโรงแรมเอเชีย ..เจอแล้ว…ที่ทางออก 1
ออกมาจากตัวสถานีก็จะเห็นป้ายบอกทางไปโรงแรมเอเชียแบบนี้
บนสถานีจะแยกเป็น 2 ทาง ทางแรกคือทางขวามือเดินลงจากสถานีปกติ อีกทางคือเดินผ่านโรงแรมเอเชียเข้าไป ก็จะไปโผล่ที่ซอยพญานาคเหมือนกัน แต่วันนี้เราขอใช้เส้นทางปกติคือทางขวามือนะคะ
ลงมาจากสถานีราชเทวีแล้ว
ให้เดินย้อนไปด้านหลังบันได กลับไปฝั่งโรงแรมเอเชียนะ
คิวพี่วินโรงแรมเอเชีย อัธยาศัยดีน่าร้ากก ถ้าใครขี้เกียจเดินเข้าซอยไปจะใช้บริการพี่วินก็ได้นะคะ บอกว่าไปปากซอยเพชรบุรี 12
อัตราค่าโดยสารของพี่วินเค้าค่ะ
เดินต่อมาอีกนิดเดียวก็ถึงซอยพญานาคแล้วบริเวณหน้าปากซอยจะมีป้ายรถเมล์ ถ้าใครไม่ต้องการขึ้นรถไฟฟ้าก็สามารถขึ้นรถเมล์ตรงนี้ได้ค่ะ
ปากซอยพญานาคจะขนาบด้วย Pyne Condo และโรงแรมเอเชีย
เข้ามาในซอยแล้ว ถ้าใครเดินลัดมาทางโรมแรมเอเชียก็จะมาโผล่ออกประตูนี้ได้
ส่วนตรงข้ามกันเป็น Shopping Arcade ของโรงแรมเอเชีย
ในซอยพญานาคส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถว 2 – 4 ชั้น ด้านล่างก็เปิดเป็นร้านรวงต่างๆทั้งร้านอาหาร, ร้านเสริมสวย, ร้านนวด เป็นต้น
เดินมาจนเกือบถึงทางแยกจะเจอโรมแรม Siam Swana ที่ติดกันเป็นร้านซูชิที่หลายคนคงรู้จัก Sushi Masa นั่นเองค่ะ
ฝั่งตรงข้ามร้านซูชิมาสะเป็นโรงเรียนสัมมาชีวศิลป์
ถึงทางแยกจะเห็นเซเว่นทางขวามือ แถวนี้ของกินเยอะค่ะ
ถึงทางแยกแล้วเราก็เลี้ยวขวาเข้าเพชรบุรี 12
ในเพชรบุรี 12 ก็มีความเป็นชุมชนสูงเช่นกัน มีร้านรวงต่างๆมากมาย
มีราชเทวีรามาโรงหนังยุคเก่าที่ติดป้ายปิดปรับปรุงมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่ายังเปิดให้บริการอยู่รึเปล่านะ
เดินมาจนเกือบถึงปากซอยก็จะเห็นด้านหลังของโครงการ Maestro 12 แล้วล่ะ
นี่คือประตูรองที่เปิดมาซอยเพชรบุรี 12
ซอยเพชรบุรี 12 ออกมาเจอกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มีพี่วินอยู่ปากซอย
โครงการเราอยู่ทางซ้ายค่ะ
วันที่ไปเก็บข้อมูลยังมีการซ่อมแซมฟุตบาทอยู่ เดินลำบากนิดนึง แต่ตอนนี้น่าจะเสร็จเรียบร้อยเดินสะดวกกันแล้วนะ
เดินอีกหน่อยเดียวก็ถึงโครงการ Maestro 12 ราชเทวีแล้วค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทาง ผมเริ่มจาก แยกปทุมวัน > ถนนพญาไท >เลี้ยวซ้ายเข้า ถนนเพชรบุรี >Maestro 12 ราชเทวี *อยู่ระหว่างซอย เพชรบุรี 12 – ซอย เพชรบุรี 14
ผมเริ่มจากแยกปทุมวัน มุ่งไปยัง BTS ราชเทวี
ผ่าน BTS ราชเทวี ตอนนี้ให้เราเตรียมชิดซ้ายได้เลยนะครับ
เลี้ยวซ้าย เข้าถนนเพชรบุรี ครับ
หลังจากเลี้ยวซ้ายเข้ามาแล้ว เราจะเจอกับ คอนโดเลต ไอซ์ ราชเทวี เป็นอันดับแรก ตอนนี้ให้เราขับตรงไปนิดเดียวแล้วเราก็จะเจอกับ คอนโด Maestro 12 ราชเทวี ซึ่งจะอยู่ทางซ้ายมือเราครับ
คอนโด Maestro 12 ราชเทวี จะอยู่ซ้ายมือเราครับ (ตอนที่ไปเก็บภาพเส้นทางนี้โครงการกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างครับ )
สถานที่สำคัญ
รอบๆโครงการ
เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่ค่อนข้างแปลก เพราะทำเป็น Low Rise ในทำเลเมืองแถมติดถนนใหญ่ในขณะที่เจ้าอื่นๆเขาทำเป็น High Rise กันซะเป็นส่วนมาก เราเลยจะพามาดูพื้นที่รอบๆว่าจะได้วิวแบบไหนกันบ้างนะคะ
เริ่มจากด้านหน้าโครงการทางทิศเหนือติดถนนเพชรบุรี, อาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ทิศตะวันออกติดกับเพชรบุรี 12 และที่ดินเปล่าที่กำลังจะพัฒนาในอนาคต ทิศตะวันตกครึ่งหน้าติดกับอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ครึ่งหลังจะติดกับตึกแถวสูง 2 – 3 ชั้น ที่เป็นที่พักอาศัยของชุมชนในซอยเพชรบุรี 12 ส่วนทิศใต้ติดกับตึกแถวสูง 3 ชั้น เป็นที่พักอาศัยของชาวบ้านในซอยเพชรบุรี 12 เช่นกันค่ะ
มาดูภาพมุมสูงจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น รอบๆโครงการฝั่งทิศตะวันออกที่ติดกับซอยเพชรบุรี 12 และที่ดินเปล่าเพราะฉะนั้นห้องฝั่งตะวันออกของโครงการตอนนี้จึงยังไม่ถูกบล็อควิว แต่ห้องชั้นล่างๆอาจจะมีความ Privacy ลดลงสักหน่อยเพราะซอยเพชรบุรี 12 เป็นถนนสาธารณะและเป็นทางลัดไปเชื่อมถนนพญานาคจึงต้องทำใจไว้หน่อยว่าจะมีคนนอกผ่านไปมาค่อนข้างเยอะพวกช่องเปิดอะไรก็จะต้องติดม่านบังสายตาไว้เพราะคนข้างนอกมองเข้ามาเห็นแแน่นอนค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในอนาคตถ้าหากที่ดินเปล่ามีการพัฒนาเป็นตึกสูงก็ต้องมาว่ากันอีกทีนะ ส่วนทิศใต้ที่ติดกับตึกแถวสูง 3 ชั้น ก็แน่นอนว่าห้องประมาณชั้น 1 – 3 ก็ต้องถูกบล็อควิวไปแน่นอน แต่ไม่ใช่ว่าจะได้วิวแบบเปิดมาป๊ะกับเพื่อนบ้านนะ จะได้วิวกำแพงที่โครงการทำเป็นรั้วกั้นให้แทน เหมาะกับคนที่ไม่สนวิวด้านนอกเท่าไหร่ เน้นอยู่ในห้องค่ะ
วิวทิศตะวันออก
วิวทิศใต้
ส่วนด้านทิศเหนือติดกับถนนเพชรบุรี และห้องทางปีกตะวันออกติดกับอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ดังนั้นห้องชั้น 1 – 5 ก็จะถูกบล็อควิวไปเต็มๆ ส่วนชั้นสูงกว่านี้ก็รอดไปสบายๆ ส่วนห้องทางปีกตะวันตกติดกับอาคารพาณิย์สูง 3 ชั้น ที่ตอนนี้กำลังทุบทิ้งเแต่จะทำเป็นอะไรนั้นยังไม่มีข้อมูลค่ะ ส่วนทางทิศตะวันตกก็ติดกับตึกแถวสูง 3 ชั้น แต่ไม่ได้ประชิดตัวโครงการเหมือนฝั่งทิศใต้ จึงยังพอมีที่ให้หายใจ ไม่รู้สึกเสีย Privacy เท่าไหร่ค่ะ
วิวทิศตะวันตก
วิวทิศเหนือ
โครงการ Maestro 12 ราชเทวี เป็นโครงการคอนโด Low Rise 8 ชั้น มาใน Style Classic – Modern หน้าตาโดยรวมของอาคารจะนิ่งๆ ดูคลาสสิค ใช้สีเรียบง่ายอย่างน้ำตาล ครีม และเพิ่มความ Luxury ใส่ไปอีกหน่อยด้วยสีทอง
มาดู Master Plan กันบ้างค่ะ มีทางเข้าออก 2 ทางคือ ทางเข้าหลักติดกับถนนเพชรบุรี ผ่านประตูทางเข้าจะป้อม รปภ. 1 จุด ส่วนอีกทางจะเป็นทางออกไปถนนซอยเพชรบุรี 12 เมื่อผ่านป้อมรปภ.มาแล้วตรงไปจะลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดิน ซึ่งจอดรถได้ประมาณ 50% ก็ยังถือว่าโอเคอยู่ เพราะโครงการอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS เมื่อจอดรถที่ชั้นใต้ดินแล้วจะมีลิฟท์นำเราขึ้นไปชั้นต่างๆได้ค่ะ ไม่ต้องเดินมาใช้ลิฟท์ที่ Lobby หลัก ส่วนลูกบ้านที่ไม่ได้ขับรถลงไปจอดก็เข้าตัวอาคารได้เลย เมื่อเข้าสู่ตัวอาคารจะเจอ Lobby ก่อน จากนั้นจะแจกไปทางซ้ายเป็นห้อง Mail Box มีห้องรับรองแขก, Laudry และห้องน้ำส่วนกลางอยู่ด้านใน ส่วนจากล็อบบี้ตรงไปจะเจอโถงลิฟท์ที่มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 62 : 1 ซึ่งถือว่าสบายๆไม่หนาแน่นเท่าไหร่แต่ไม่มี Service Lift นะ และติดกับโถงลิฟท์ก็จะเป็นบันไดหนีไฟ สำหรับห้องพักที่ชั้น 1 นี้จะสามารถเข้าได้จากโถงลิฟท์โดยมีระบบ Security เพิ่มอีกชั้น เป็น Key Card Scan เพื่อความปลอดภัยของผู้พักอาศัยค่ะ
ซุ้มทางเข้าหลักของโครงการแบ่งทางเข้าและออก พื้นเป็นคอนกรีตแสตมป์
การเข้าออกใช้ระบบ Key Card Access มีกล้อง CCTV ฝั่งละ 1 ตัว และพี่รปภ.คอยสอดส่องดูแล 24 ชั่วโมง
มีทางคนเดินเข้าอยู่ฝั่งซ้ายด้วย
ผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะเจอกับทางลงไปที่จอดรถ
ลงไปดูบรรยากาศชั้นจอดรถกันซะหน่อยดีกว่า ที่จอดรถมี 2 ชั้นคือ B1 และ B2 จอดรถแบบเข้าซองได้ทั้งหมดประมาณ 50 % ส่วนการจอดซ้อนคันอาจจะทำได้ยากเพราะแค่ทางเดินรถก็ให้มาแบบพอดีๆแล้ว
ลงมาชั้น B1 มองกลับขึ้นไปด้านบนจะเห็นโถงลิฟท์
ลงมาดูทางขวากันก่อน ช่องจอดรถจอดได้ช่องละ 2 คัน
มีห้องเครื่องทางขวามือ
สุดทางมีบันไดสำหรับลงไปชั้น B2
ส่วนซ้ายมือจะเป็นทางรถลงไปชั้น B2
มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว เวลาจอดรถเสร็จก็สามารถขึ้นไปที่ชั้นของตัวเองได้เลยโดยไม่ต้องเข้าล็อบบี้ก่อน
บันไดหนีไฟ พร้อม Fire Horse
ทางเดินรถลงไปชั้น B2 มี Slope ที่ไม่ชันสามารถขับได้สบายๆ และกระจกเงาทุกมุมไว้ส่องให้เห็นรถที่สวนขึ้นมา
กลับขึ้นมาด้านบนไปดูส่วนอื่นรอบๆโครงการกันก่อน
ซ้ายมือเป็นถนนรองที่ใช้ออกไปยังซอย เพชรบุรี 12
พื้นที่รอบอาคารทั้งหมดจะถูกใช้ขายไปกับห้อง Type ที่มี G ต่อท้าย
ได้เป็นสวนส่วนตัวกันไปค่ะ
ประตูทางเข้าล็อบบี้มีสัญลักษณ์เป็นตัว M สีทองหรูหรา
เปิดเข้ามาจะเจอ Lobby เล็กๆ เนื่องจากโครงการนี้เป็นตึกขนาดเล็ก ส่วน Lobby จึงเล็กลงตามไปด้วย และ Facilities หลักๆทั้งหมดจะไปรวมอยู่ที่ชั้น Roof Top
ซ้ายมือจากล็อบบี้จะเป็นห้อง Mail Box และมีที่นั่งรับรองสำหรับเวลาเพื่อนใครแวะมาเยี่ยมเยียน
ขวามือเป็นห้องของฝ่ายขาย ตรงไปเป็นห้องน้ำและห้อง Laundry
ห้องน้ำ, นิติบุคคล และห้อง Laundry ตามลำดับ
กลับมาที่โถงลิฟท์ซ้ายมือเป็นลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ขวามือเป็นช่องแสงติดกับทางเข้าที่จอดรถ และประตูกระจกที่เห็นตรงไปคือส่วนพักอาศัยของลูกบ้านในชั้น 1
ประตูทางเข้าส่วนพักอาศัยชั้นนี้ต้องใช้คีย์การ์ดเพื่อเข้าไปค่ะ
ลิฟท์ประทับตราโครงการดูดีเชียวค่ะ
ปุ่มกดลิฟท์ พร้อมผังแปลนคร่าวๆแต่ละชั้น
ด้านในตัวลิฟท์ตกแต่งด้วยผนังลายหินอ่อนดูดีเชียว
ลิฟท์ของ Schider รองรับ 1,000 กิโลกรัม หรือประมาณ 13 คน แผงกดด้านในตัวลิฟท์เป็นระบบดิจิตัล
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้องพักล้วนๆ Corridoor กว้าง 1.50 เมตร และเนื่องจากโครงการนี้มี Corridoor ที่ค่อนข้างทึบ ไม่มีช่องเปิดเป็น Double Loaded Corridoor เค้าจึงทำเป็นช่องเปิด Void ซึ่งจะมี Sky Light จากด้านบนส่องลงมาเป็นแสงธรรมชาติทำให้ดูโปร่งมากขึ้น ไม่อึดอัด
ส่วนวิวของห้องพักที่ชั้น 2 ก็เหมือนกันเกือบทุกด้านคือไม่ได้เป็นวิวติดรั้วก็ตึกแถว นอกจากห้องฝั่งซอยเพชรบุรี 12 ที่จะได้ความโปร่งมากกว่าด้านอื่นๆหน่อยนึง
ชั้น 3 – 6 มีลักษณะการวางผังเหมือนชั้น 2 มีการวางห้องแตกต่างกันนิดหน่อย
ชั้น 7 จะมีห้องพักขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น แต่ห้องมาตรฐานก็ยังมีให้เห็นอยู่
ขึ้นมาที่ชั้นบนโถงลิฟท์หน้าตาแบบนี้
โถงทางเดินแยกไปทางซ้ายและขวา
โถงทางเดินทางขวา เป็นโถงทางเดินสั้นๆ มีจำนวนห้องไม่เยอะมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง
โถงทางเดินทางซ้ายแยกเป็นซ้ายและขวา
โถงทางขวามือเป็นโถงทางเดินยาวๆ สุดทางเป็นช่องแสงรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศ
ส่วนทางซ้ายก็เป็นโถงทางเดินที่ได้ความโปร่งกว่าด้านอื่นๆเพราะมี Void เปิดทะลุทุกชั้นและมี Sky Light ส่องลงมาจากชั้น Roof Top
ช่อง Void ที่เจาะทะลุทุกชั้น
มองลงไปด้านล่างเป็นที่ว่าง
ด้านบนเป็น Sky Light
มาถึงชั้น Roof Top ที่เป็น High Light ของโครงการนี้เพราะรวมส่วนกลางทุกอย่างไว้ ทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 5 x 13 เมตร ลึก 1.2 เมตร, ฟิตเนส, ห้องอ่านหนังสือ, Stream & Sauna, ห้องคาราโอเกะ, สวนหย่อมและพื้นที่นั่งพักผ่อน Out Door
เนื่องจากวันที่ไปเก็บข้อมูลนั้นทางโครงการมีการเก็บงานเพิ่มเติม เลยยังไม่พร้อมให้เก็บภาพโดยละเอียดเราจึงเก็บภาพมุมสูงของชั้น Roof Top มาฝากพร้อมภาพในห้องฟิตเนสส่วนห้องอื่นๆจะมีภาพจำลองจากทางโครงการมาให้ดูกันนะคะ
ภาพจำลองวิว Roof Top ตอนกลางคืน
ห้องฟิตเนสแบบกระจกรอบด้านมีลู่วิ่ง 3 เครื่อง, จักรยานไฟฟ้า 2 เครื่อง, เครื่องซิทอัพ 1 ตัวและดัมเบล 10 ชิ้น
วิวจากห้องฟิตเนสมองไปฝั่งด้านหน้าโครงการ
สวนหย่อม และที่นั่ง Out Door
Library ผนังเป็นกระจกโปร่ง มองออกไปเห็นวิวเมือง
ห้องตัวอย่าง
สำหรับห้องในโครงการนี้จะมีห้องหลายขนาดและหลายแบบตั้งแต่ 26 .5 ตร.ม – 99.5 ตร.ม วันนี้จะหยิบห้อง D8 2 Bed ขนาด 77.06 ตร.ม.มาให้ดูกันนะคะ
มาดูของจริงกันค่ะ เริ่มตั้งแต่บานประตูเป็นบานไม้ทึบ สีตามภาพ
มือจับก้านโยกตัวล็อคแบบมือบิดจากด้านใน และไขกุญแจจากด้านนอก
ด้านหลังประตูจะมีตัว Stopper กันประตูกระแทกผนัง
พื้นห้องปูด้วยลามิเนตทั้งหมด ยกเว้นห้องน้ำและระเบียงค่ะ
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับตู้เก็บของขนาดใหญ่ก่อน
พื้นที่ทางเดินเหลือกว้างพอให้เดินได้สบายๆค่ะ
ตู้เก็บของขนาดใหญ่ มีช่องเก็บของหลายช่องเก็บของได้เยอะเลย จะใช้เก็บรองเท้า, ร่ม, เสื้อกันฝนได้หมดค่ะ
บานเปิดของตู้ไม่มีมือจับ แต่จะใช้ระบบการกดเพื่อให้ตัวสปริงเด้งตัวดันบานเปิดออกมาแบบนี้ ช่วยให้การเปิดปิดตู้ไม่กระแทกเสียงดัง ถนอมตู้ไปได้อีกนะ
นอกจากระบบสปริงแล้วยังเป็นบานพับแบบ Soft Closed ด้วย ช่วยทำให้การเปิดปิดตู้นุ่มนวลขึ้น
ผ่านทางเดินเข้ามาจะเจอห้องครัวขนาดใหญ่เป็นส่วนแรก เหมาะกับครอบครัวไหนที่ชอบใช้เวลาร่วมกันในครัวบ่อยๆ ขนาดขนาดนี้ทำครัวกันสนุกเลยค่ะ ติดกันเป็นห้องรับแขกและห้องทานอาหาร
พื้นที่ว่างตรงนี้จะปล่อยไว้ว่างๆก็ได้ หรือจะหาเก้าอี้น่ารักๆมาแต่งอย่างที่ทางโครงการเค้าจัดมาให้ดูแบบนี้ก็ดี แต่ไม่ควรวางเยอะชิ้นไปนะคะ จากที่เป็นการแต่งห้องสวยๆจะกลายเป็นเกะกะไปแทน
มาดูที่ส่วนครัวกันก่อน จุดเด่นของครัวชุดนี้คือมี Kitchen Island ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องเลย ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานของตัว Island นี้นอกจากจะใช้วางของเตรียมอาหารแล้วยังใช้เป็นโต๊ะนั่งทาน Breakfast ช่วงเช้า รีบๆไม่พิธีรีตรองอะไรมาก หรือสำหรับบ้านไหนที่มีสมาชิกในครอบครัวไม่เยอะอยู่แล้วจะเปลี่ยนเป็นที่ทานอาหารหลักไปเลยก็ได้ จะได้เอาพื้นที่ที่เป็นห้องทานอาหารไปใช้ทำอย่างอื่นได้
ด้านหลัง Island เก็บของได้เยอะ มีลิ้นชัก 8 ช่อง
และชั้นเก็บของอีก 4 ช่อง
ส่วนเคาน์เตอร์ครัวด้านหลังก็จัดเต็มมาเหมือนกัน
เริ่มด้วยช่องสำหรับวางตู้เย็น
ด้านบนทำเป็นตู้ไฟเก็บหลบสายตาไว้ให้เรียบร้อย
เคาน์เตอร์ Top หิน Quartz มีอ่างล้างจานมาให้ 1 ชุด
ด้านบนเป็นตู้ลอยมีช่องเก็บของทั้งหมด 4 ช่อง
อ่างล้างจานแบบฝังขนาดค่อนข้างเล็กไปนิดนึง ด้านข้างมีพื้นที่เหลือให้วางจานผึ่งลมให้แห้งก่อนเก็บเข้าตู้
ด้านล่างมีถังขยะมาให้ในตัว ติดอยู่กับบานเปิดตู้เวลาเราเปิดตู้ออกมาถังขยะก็พร้อมใช้งานเลย ไม่ต้องเอามือไปจับฝาให้เปื้อน ส่วนอีกด้านก็เป็นช่องเก็บของอีก 2 ช่อง
เคาน์เตอร์ครัวอีกชุดจะเป็นชุดที่ใช้เตรียมและปรุงอาหาร
มีเตาไฟฟ้ามาให้ 1 ชุด พื้นที่เตรียมอาหารด้านข้างเหลือเฟือเลย
ช่องเก็บของด้านบน
ลิ้นชักและตู้เก็บของด้านล่างแยกให้เป็นสัดเป็นส่วน เก็บของได้เยอะ
ติดกับพื้นที่ครัวจะถูกแบ่งเป็นห้องทานอาหารและห้องรับแขกแบบนี้
ห้องรับแขกก็ค่อนข้างกระทัดรัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งก็ดูแน่นแล้ว ระยะดูทีวีเหลือแค่ประมาณ 1 เมตร เหมาะกับวางทีวีขนาดประมาณไม่เกิน 26″
ติดกับห้องรับแขกเป็นประตูบานลื่อนเดี่ยว บานกรอบอลูมิเนียมสีชา เชื่อมกับระเบียงภายนอก ช่วยเป็นช่องแสงให้ห้องได้รับแสงธรรมชาติ
มือจับแบบเซาะร่องด้านในและด้านนอก
พื้นระเบียงลดระดับลงไปประมาณ 3 เซนติเมตร กันน้ำกระเซ็นเข้าห้องมาได้นิดหน่อย
พื้นที่วางคอมเพรสเซอร์กั้นไว้ให้เป็นสัดเป็นส่วนด้วยระแนงอลูมิเนียมสีชา มีประตูเปิด-ปิดสำหรับการเข้าไปดูแลเครื่องคอมเพรสเซอร์
ระเบียงกว้างประมาณ 1.2 เมตร สามารถเอาชุดโต๊ะเล็กๆออกมาตั้ง ไว้นั่งเล่นชิลล์ๆได้ตามตัวอย่าง หรืออยากจะเอาไม้กระถางมาวางเพิ่มความร่มรื่นก็เป็นไอเดียที่ดีนะคะ
ห้องตัวอย่างที่เราได้เข้าไปเก็บภาพนี้อยู่ที่ชั้น 2 ฝั่งทิศใต้ วิวที่ได้จากระเบียงก็จะเป็นรั้วของโครงการแบบนี้ค่ะ
ดูทึบๆหน่อยแต่ก็ดีกว่าเปิดมาจ๊ะเอ๋กับเพื่อนบ้านจังๆ
รั้วยาวตลอดฝั่งทิศใต้
กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ทานอาหารอยู่ติดกันกับห้องรับแขก ได้แสงธรรมชาติจากประตูบานเลื่อนที่เชื่อมออกไปยังระเบียงเหมือนกัน
ห้องทานอาหารวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งกำลังพอดีๆ
ติดกับห้องทานอาหารเป็นห้อง Master Bedroom บานประตูของห้องเหมือนกับประตูทางเข้า
พื้นในห้องยังคงปูด้วยลามิเนต กั้นห้องด้วยตัวจบลามิเนตสีใกล้เคียงกับพื้นห้อง
ห้องนอนตกแต่งมาแบบเรียบง่าย
มีช่องแสงเป็นชุดหน้าต่างบานใหญ่ บานฟิกซ์ 3 บาน และบานกระทุ้ง 1 บาน สำหรับระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้อง ตรงนี้แนะนำให้ติดม่านหรือมู่ลี่กันแสงนะคะ ถ้าติดแบบกัน UV ได้ก็จะยิ่งดีเลย เพราะหน้าต่างบานค่อนข้างใหญ่ รับแสงมาเต็มๆ นอกจากนั้นโครงการตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ติดม่านไปก็จะช่วยกันสายตาจากคนภายนอกด้วยค่ะ
มือจับแบบก้านโยกของหน้าต่างบานกระทุ้ง
เตียงจัดเป็นขนาดควีนไซส์มาให้ดู ซึ่งพื้นที่เหลืออีกเยอะเลย จะเปลี่ยนเป็นคิงส์ไซส์ก็ได้สบายมาก
พื้นที่ข้างเตียงที่เหลือประมาณ 50 ซม. สามารถวางโต๊ะเล็กๆที่ใช้วางโคมไฟหรือโทรศัพท์ได้ แต่ถ้าวางโต๊ะไว้หัวเตียงแล้วแนะนำว่าฝั่งที่เรารูดม่านเก็บควรจะเป็นปลายเตียงนะคะ ไม่งั้นมันจะไปกองๆรกอยู่ตรงหัวเตียงซะหมด
ฝั่งปลายเตียงเดินสายไฟและช่องสัญญาณโทรทัศน์มาให้เรียบร้อย แต่จะเห็นว่าติดเสากลางเลย การจะทำทีวีติดผนังก็ต้องให้ช่างมาติดตั้งให้นะคะ
พอมาดูพื้นที่ปลายเตียงเหลือแค่นี้แล้ว วางโต๊ะวางทีวีก็คงไม่ได้ ต้องติดผนังสถานเดียว
อีกฝั่งของห้องเป็นห้องน้ำที่มีตู้เสื้อผ้าขนาบ 2 ด้าน ตรงนี้พื้นที่ยังเหลืออยู่ค่อนข้างเยอะเราจะกั้นห้องเพิ่มเป็น Walk – in Closet ก็ได้นะคะ แต่แนะนำให้ใช้เป็นระแนงที่โปร่งๆหน่อยห้องจะได้ไม่ทึบเกินไป
ข้างเตียงอีกด้านมีที่เหลืออีกเยอะเลย สามารถจะวางโต๊ะเขียนหนังสือได้แบบนี้ หรือจะวางตัวใหญ่กว่านี้ก็ยังได้นะ เหลือเฟือค่ะ
ตู้เสื้อผ้าหน้าห้องน้ำเป็นแบบ Built – in บานเปิด 2 บาน ด้านในติดไฟมาให้เผื่อเลือกเสื้อผ้าเวลากลางคืน มีราวแขวนและลิ้นชักให้เก็บของชิ้นเล็กๆ 2 ช่อง ด้านบนก็เป็นชั้นวางของ
มือจับบานประตูตู้เป็นแบบเซาะร่องไม่ลึก แอบจับลำบากนิดนึง
ฝาลิ้นชักแบบปาดมุม 45 องศา จับสะดวก
ตู้อีกด้านมีฟังก์ชั่นคล้ายๆกัน แต่ตู้ด้านข้างทำเป็นชั้นวางของมาให้แทนที่จะเป็นราวแขวน
บานประตูห้องน้ำทำมาเหมือนประตูห้องนอนเลยค่ะ วัสดุเป็น ไม้เนื้อแข็ง
พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องแกรนิตโต้สีทรายขนาด 60 x 60 ซม.
พื้นลดระดับลงมาประมาณ 2 ซม.
ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันชัดเจน ผนังห้องน้ำปูกระเบื้องครึ่งนึง อีกครึ่งเป็นผนังฉาบเรียบทาสี
อ่างล้างหน้าสีขาวของ American Standard มีชุดเคาน์เตอร์ใต้อ่างไว้ให้เก็บข้าวของเครื่องใช้
บานพับเคาน์เตอร์อ่างก็เป็น Soft Closed เหมือนบานพับของเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้อง
ขนาดอ่างพอดีๆ มีพื้นที่เหลือไว้วางของข้างอ่างค่อนข้างกว้าง วางของได้เยอะทีเดียว
ก๊อกน้ำของ American Standard ปรับน้ำร้อน น้ำเย็นได้
โถสุขภัณฑ์ของ American Standard ตำแหน่งและระยะการติดตั้งพอดีๆ ใช้ได้สะดวก
สายชำระขนาดพอดีๆ
อีกด้านเป็นห้องอาบน้ำที่ติดตั้ง Shower Box มาให้เรียบร้อย
ห้องอาบน้ำมีช่องแสง 1 จุดเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง ที่ควรติดมู่ลี่บังสายตาด้วย ยิ่งชั้นล่างๆยิ่งต้องติดค่ะ
เพราะวิวที่ได้จากห้องน้ำเป็นแบบนี้ คืออาคารเตี้ยในเขตชุมชนก็มีโอกาสที่คนนอกมองเข้ามาเห็นได้ค่ะ
อีกด้าน
ประตูห้องอาบน้ำเป็นแบบผลักเข้าไปด้านในส่วนอาบน้ำ มือจับด้านนอกเป็นราวสแตนเลสจับถนัดมือ จะใช้เป็นที่แขวนผ้าเช็ดตัวด้วยก็ได้ ส่วนด้านในเป็นปุ่มจับอาจะไม่ถนัดมือเท่าไหร่แต่ไม่ใช่ปัญหาอะไรค่ะ
พื้นส่วนอาบน้ำก่อธรณีขึ้นมาสูงประมาณ 4 ซม.
ฝักบัวอาบน้ำของ American Standard ปรับน้ำร้อนน้ำเย็นได้ ผนังด้านข้างมีเจาะช่องไว้ให้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้ด้วย
ฝักบัวขนาดพอดีๆ อาจจะเล็กไปนิดสำหรับใครที่ชินกับการอาบฝักบัวใหญ่ๆ
กลับออกมาที่โถงด้านนอก ไปดูห้องนอนเล็กอีกด้านกันต่อค่ะ
ห้องนี้ก็ตกแต่งมาแบบเรียบง่ายอีกเช่นกัน
มีช่องแสงบานใหญ่เหมือน Master Bedroom
เตียงจัดขนาดควีนไซส์มาให้ดู ก็วางได้ไม่ดูอึดอัดนะ
พื้นที่ข้างเตียงที่เหลือตรงนี้ประมาณ 1 เมตร วางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ
ฝั่งปลายเตียงก็มีเดินสายสัญญาณทีวีมาให้เรียบร้อยแล้ว
ดูจากพื้นที่ปลายเตียงที่เหลือ ถ้าจะติดทีวีก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากทำทีวีแบบแขวนผนังนะ
อีกด้านของห้องวางตู้เสื้อผ้าไว้ฝั่งหัวเตียง
ตู้เสื้อผ้าในห้องนี้เป็นแบบบานเปิดคู่ ด้านในมีราวแขวนเสื้อ ช่องวางของด้านบนและลิ้นชัก 2 ช่อง พร้อมไฟด้านในคะ่
พื้นที่ข้างเตียงที่เหลือฝั่งนี้ก็พอให้แต่งตัวได้ แนะนำว่าไม่ควรเอาโต๊ะหรือโคมไฟมาวางในตำแหน่งตามห้องตัวอย่างที่เห็นอยู่นะคะ เพราะจะใช้งานตู้เสื้อผ้าได้ลำบากมาก ถ้าอยากจะวางโคมไฟจริงๆแนะนำว่าทำตู้เสื้อผ้าเป็นบานเลี่อนค่ะ จะช่วยแก้ปัญหาได้
มาต่อกันที่ห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันในพื้นที่ห้องโถงกับห้องนอนรองกันต่อ
พื้นห้องน้ำลดระดับลงไปประมาณ 2 ซม. ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีเทาขนาด 60 x 60 ซม.
ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
อ่างล้างหน้า American Standard สเปคเหมือนในห้องนอนใหญ่
โถสุขภัณฑ์ American Standard ตำแหน่งติดตั้งก็พอดีๆแต่อาจจะคับแคบไปสักหน่อยสำหรับคนอวบๆนะ
สายชำระขนาดพอดีๆ
ห้องอาบน้ำมีติดตั้ง Shower Box มาให้ บานประตูแบบผลักเข้าไปด้านใน
มือจับด้านนอกแบบราวจับ และด้านในแบบปุ่มยื่น
มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณ 1.35 x 0.85 เมตร ก็อาบได้แบบพอดีๆตัวหน่อย
ผนังเจาะช่องไว้ให้สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ ไม่ต้องหาซื้อชั้นมาติดตั้งกันเอง ฝักบัวอาบน้ำของ American Standard มาพร้อมที่วางสบู่ และปรับน้ำร้อน น้ำเย็นได้
สวิทช์ไฟใช้ของ Panasonic
:: ราคา ::
:: บทสรุปโครงการ ::
ทำเลที่ตั้งโครงการ Maestro 12 ราชเทวี ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เพชรบุรี เพียง 300 – 450 เมตร จาก BTS ราชเทวี ใช้เวลาเดินจากตัวสถานีถึงโครงการประมาณ 3 – 5 นาที มีทางเข้าออก 2 ทางคือทางหลักบนถนนเพชรบุรี และทางรองเชื่อมกับซอยเพชรบุรี 12 ทำเลโดยรอบโครงการค่อนข้างคึกคัก เพราะด้านหน้าก็ติดถนนใหญ่ ข้างๆก็มีอาคารพาณิชย์ ซอยลัดเพชรบุรี 12 ก็เป็นแหล่งชุมชุนของคนในละแวกนี้
ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการค่อนข้างสูง ยิ่งในช่วงเวลาเย็นย่ำ นี่ก็จะเริ่มมีร้านอาหารต่างๆมาเปิดเยอะเลย หรือไม่ต้องรอถึงค่ำความอุดมสมบูรณ์โดยรวมก็ถือว่าเยอะอยู่ทั้งตลาดกิ่งเพชรในซอย 10, ร้านอาหารในซอยพญานาค, ร้านสะดวกซื้อ7 – 11 ก็อยู่แถวๆ BTS ราชเทวี ขยับออกมาหน่อยก็มี Coco Walk ที่จะคึกคักมากในช่วงเวลาค่ำ ออกไปทางถนนเพชรบุรีฝั่งตะวันออกก็มีประตูน้ำ, Platinum, พันทิพย์ ส่วนห้างใหญ่ๆก็อยู่ใกล้มากๆ แค่นั่ง BTS ไปสถานีเดียวก็ถึงสยามมีทั้ง Siam Paragon, Siam Center, Siam Discovery, Central World, Siam Square ไปสถานีสนามกีฬาก็มีห้างมาบุญครองและหอศิลป์ ส่วนสถานศึกษาใกล้ๆก็มีทั้ง มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์, เตรียมอุดมฯ ถ้ามีลูกเรียนอยู่ก็ถือว่าไปเรียนสะดวกเลยค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ : ถือว่าสะดวกสบายเนื่องจากการที่ตัวโครงการมีทางเข้าออกอยู่ 2 ทางคือทางเข้าหลักบนถนนใหญ่เพชรบุรีและทางรองบนถนนในซอยเพชรบุรี 12 ทำให้เรามีทางเลือกในการเดินทางที่มากขึ้นโดยเราสามารถเลือกใช้ได้ทั้งถนนเส้นหลักอย่างถนนเพชรบุรีทั้งฝั่งตะวันออกไปแยกอุรุพงศ์(สามารถใช้จุดขึ้นลงทางด่วนยมราชได้)และฝั่งตะวันตกไปพัฒนาการ, ถนนพญาไทมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ และถนนบรรทัดทองที่สามารถพาเราลัดไปถนนพระราม 1 ได้ค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ : ถือว่าสะดวกมาก สามารถเดินเท้าจาก BTS ราชเทวีมายังโครงการด้วย 2 เส้นทางคือ
1.เดินเลาะริมฟุตบาทถนนเพชรบุรี ด้วยระยะทางประมาณ 200 – 250 เมตร
2. ทางลัดเข้าซอยพญานาคได้ระยะทาง 400 เมตร ซึ่งทั้ง 2 ทางใช้เวลาประมาณ 3 – 5 นาทีเท่านั้น
นอกจากนั้นใครอยากใช้รถเมล์ก็สามารถเดินมาทางแยกราชเทวี ประมาณ 140 เมตร แถวๆหน้าคอนโดเลตไอซ์ก็จะมีป้ายรถเมล์ (สาย 2, 2ส, 16, 23, 23ส, 50, 59, 60, 79, 99ร, 183ร, 505) หรือจะไปใช้บริการรถเมล์ป้ายแถวๆใต้ BTS ก็มีหลายสายเหมือนกันค่ะ
การออกแบบโครงการและที่ดิน : โครงการ Maestro 12 ราชเทวี เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร อาคารพักอาศัยสไตล์ Modern Classic เลือกใช้สีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและหรูหราคือสีน้ำตาล, ขาว และทอง การวางผังห้องพักจะจัดวางตามรูปทรงอาคาร มีห้องหันหน้าเฉลี่ยกันไปทุกทิศ ทิศเหนือและทิศตะวันออกจะร้อนหน่อยตอนกลางวันแต่ตอนเย็นห้องจะไม่ร้อน ส่วนทิศใต้และทิศตะวันตกก็จะร้อนหน่อยช่วงบ่าย อาจจะยาวไปถึงช่วงเย็นเพราะฉะนั้นเวลาเลือกห้องก็ต้องเลือกดูตาม Life Style กันไปนะ ส่วนวิวที่ได้ทุกด้านจะคล้ายๆกันคือได้เป็นวิวอาคารในละแวกนั้นค่ะ
ในส่วนของห้องพักขายแบบ Fully Furnished คือได้เฟอร์นิเจอร์ตามห้องตัวอย่างทุกชิ้น แต่จะมีเฉพาะห้อง Duplex ที่จะมีติดผ้าม่านมาให้ด้วย ส่วนห้องก็มีให้เลือกหลายแบบมากตั้งแต่ 1 ห้องนอน ไปจนถึง 3 ห้องนอนและห้อง Duplex และมีหลายขนาดตั้งแต่ 26.5 ตร.ม จนถึง 99.5 ตร.ม นอกจากนั้นยังมีห้องที่ขายแบบรวมพื้นที่สวนไปด้วยจะเป็นยูนิตที่อยู่ชั้น 1 ซึ่งมีแค่ประมาณ 10 ยูนิตเท่านั้น จำนวนยูนิตต่อชั้นเฉลี่ยประมาณ 15 ห้อง ดูจากแปลนฟังก์ชั่นของห้องพักแต่ละแบบ มีการแบ่งแยกการใช้งานเป็นสัดส่วนชัดเจน มีฉากกั้นห้องตั้งแต่ขนาดเริ่มต้น ส่วนรูปแบบของห้อง ลูกค้าต้องเข้าไปดูของจริงแล้วเลือกดูนะคะ ว่าแบบไหนที่ชอบที่ใช่
วัสดุ ได้มาแบบมาตรฐานเมื่อเทียบราคากับทำเลขนาดนี้ร่วมด้วยแล้วก็ถือว่าเหมาะสม พื้นห้องปูไม้ลามิเนตหนา 8 มม. พื้นส่วนระเบียงและห้องน้ำปูกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. ผนังห้องติดวอลเปเปอร์สีพื้น ไฟเพดานแบบดาวน์ไลท์ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ American Standard ฟังก์ชั่นห้องน้ำแยกส่วนแห้ง และส่วนเปียกให้ พร้อมกั้นฉากอาบน้ำกระจกนิรภัยแยกให้เป็นสัดส่วนค่ะ
สาธารณูปโภค : มี Lobby ขนาดไม่ใหญ่มากแต่พอมีที่นั่งรับรองแขก, ห้อง Mail Box, Laundry ส่วนที่ชั้น Roof Top โครงการจัดมาให้แบบครบถ้วนมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 5 x 13 เมตร ลึก 1.2 เมตร, Library, สวนหย่อมขนาดตามกฎหมายพื้นที่สีเขียว พร้อมพื้นที่นั่งเล่น Out Door, Fitnessแบบห้องกระจกเปิดรับวิวเมือง, Stream & Sauna และห้องคาราโอเกะ
คัดกรองลูกบ้าน เข้า-ออกโครงการ ด้วยระบบ Access Card Control ระยะใกล้ มีกล้อง CCTV พร้อมมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ที่ซุ้มทางเข้า สำหรับลูกบ้านที่ชั้น 1 จะมี Key Card Access อีกหนึ่งขั้นก่อนจะเข้าไปในส่วนพักอาศัยได้ ในส่วนของที่จอดรถ จะอยู่ที่ชั้นใต้ดิน B1 และ B2 คิดเป็น 50% ของห้องพัก หรือสามารถจอดได้ประมาณ 57 คัน รวมจอดซ้อนคัน ลิฟท์โดยสารให้มา 2 ตัว อัตราส่วนเฉลี่ยประมาณ 57 : 1 ไม่มี Service Lift
:: คะแนน ::
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.8 | คอนโดติดถนนใหญ่ ใกล้ BTS ราชเทวี เพียง 300 – 450 เมตร ความอุดมสมบูรณ์สูง |
การเดินทาง ใช้รถ | 8.3 | สะดวกสามารถใช้ถนนหลักๆได้ถึง 3 เส้น คือถนนเพชรบุรี, ถนนพญาไท, ถนนบรรทัดทอง |
การเดินทาง ไม่ใช้รถ | 8.8 | ใกล้ BTS ราชเทวี ใช้เวลาเดินประมาณ 3 – 5 นาที เรียก Taxi ก็สะดวกเพราะอยู่ติดถนนใหญ่ หรือจะเลือกใช้รถเมล์ก็ได้ป้ายอยู่ไม่ไกลจากโครงการ |
บ้านและวัสดุ | 8.0 | ภาพรวมของโครงการให้ความรู้สึก Classic และ Luxury การวางผังโดยรวม โถงทางเดินอาจจะทึบไปหน่อยเพราะมีช่องเปิดระบายอากาศแค่จุดเดียว แต่ก็ให้ Sky Light ทดแทนมาในส่วนนี้ ส่วนแบบห้องฟังก์ชั่นครบถ้วน เป็นสัดเป็นส่วนดี จะมีแปลกๆอยู่บางแบบที่ตัดผนังเฉียงๆ อาจจะวางเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมยากหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้งานอะไรค่ะ ขายแบบ Fully Furnished |
สิ่งอำนวยความสะดวก-ระบบรักษาความปลอดภัย | 8.3 | Lobby ค่อนข้างเล็กแต่ก็ให้ Roof Top แบบจัดเต็มมาแทน ที่มีทั้ง สระว่ายน้ำ, ฟิตเนสวิวเมือง, ห้องอ่านหนังสือ, Stream & Sauna, ห้องคาราโอเกะและสวนหย่อมที่มีพื้นที่ Out Door ให้นั่งชิลล์ |
ความคุ้มค่ากับราคา | 8.0 | เหมาะสำหรับคนทำงาน-เรียน ในเมือง หรือคนที่มีบ้านอยู่แล้วมองหาคอนโดในเมืองที่เดินทางได้สะดวกทั้งใช้การรถและระบบขนส่งสาธารณะ เฉลี่ยเริ่มต้นประมาณ 150 ,000บาท/ ตร.ม. |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 8.36 | ดี |
**การให้คะแนนเป็นเพียงความคิดเห็นของทีมงานเพียงกลุ่มเดียว ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้**
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานขาย Tel :02-215-7711
Website : คลิกที่นี่
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ โปรดกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น