EP.181 รีวิว คอนโด เมโทร ลักซ์ รัชดา Metro Luxe Ratchada
สวัสดีค่ะผู้อ่านชาว Homenayoo ที่รักทุกคน วันนี้เราจะพามาชมไปชมคอนโดสร้างเสร็จ Metro Luxe รัชดา ซึ่งเป็นคอนโด Low rise จาก Property Perfect กันค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่บนแหล่งที่อยู่อาศัย ทำเลใจกลางเมือง ติดกับถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. อยู่ระหว่าง รถไฟฟ้า MRT สถานีสุทธิสาร เพียง 550 เมตร และ รถไฟฟ้า MRT สถานีห้วยขวาง เพียง 600 เมตร เดินทางสะดวกใกล้ ถนนเพชรบุรี, ถนนพระราม 9, ถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดี-รังสิต และ ทางพิเศษศรีรัช เชื่อมต่อไปยังทางด่วนสายอื่นๆ
เมโทร ลักซ์ รัชดา เป็น Low rise Condominium สูง 8 ชั้น สไตล์รีสอร์ท มี 4 อาคาร จำนวน 535 ยูนิต บนเนื้อที่ 6-2-16.9 ไร่ มีห้อง 2 แบบหลักๆ คือ 1 Bedroom และ 2 Bedrooms ขนาดเริ่มต้นที่ 27.9 ตร.ม. ซึ่งโครงการนี้สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ตั้งแต่ปี 2559 ค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก ภายในโครงการสร้างบรรยากาศที่สงบและร่มรื่นสไตล์รีสอร์ท ด้วยพื้นที่เปิดโล่งกว่า 5 ไร่ ล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียว อาทิ Lobby ในทุกอาคาร, Mailbox, Fitness, Living Area, สวนหย่อม, สนามเด็กเล่น, Jogging Track, สระว่ายน้ำ, จากุซซี่, Sauna, Colonate Pavilion, ลิฟท์โดยสารระบบล็อคชั้น, Access Card Control, CCTV และ รปภ. 24 ชม. ราคาเริ่มต้นที่ 3.55 ล้านบาท (เฉลี่ย 120,000 – 160,000 บาท/ตร.ม.) (2561)
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะเป็นอย่างไร อ่านต่อด้านล่างได้เลยค่ะ
ชื่อโครงการ | เมโทรลักซ์ รัชดา Metro Luxe Ratchada |
เจ้าของโครงการ | พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค Property Perfect |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
เนื้อที่ทั้งหมด | 6-2-16.9 ไร่ |
จำนวนตึก | 4 อาคาร |
จำนวนชั้น | 8 ชั้น |
จำนวนห้อง | 535 ยูนิต |
ที่จอดรถทั้งหมด | 185 คันคิดเป็น 34% |
โซน | เขตดินแดง |
ขนส่งสาธารณะ |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | รถเมล์สาย 73ก, 136, 137, 179, 185, 206, 514, 517 |
ที่ตั้ง | ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. |
กำหนดการ | เริ่มก่อสร้าง 12 เมษายน 2559 |
ปีที่สร้างเสร็จ | แล้วเสร็จ 30 สิงหาคม 2560 |
ราคา | เริ่มต้น 3.55 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | 120,000-160,000 บาท/ ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงาน
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถานและอื่นๆ
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | “A Luxury For Urban Living สะท้อนตัวตนหรูในทุกองศา..อย่างใจปรารถนา โดดเด่นด้วยรายละเอียดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ รื่นรมย์ในบรรยากาศผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ครบครันความสะดวกสบาย ใจกลาง CBD แห่งใหม่ ใกล้ MRT สุทธิสาร และ MRT ห้วยขวาง” |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนสุทธิสาร ซอยอินทราทระ 14 แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม.
พิกัด : 13.784144, 100.573293
แผนที่จากทางโครงการ
ทำเลที่ตั้ง โครงการ Metro Luxe รัชดา ตั้งอยู่ใกล้ถนนรัชดาภิเษก ระหว่าง MRT สถานีสุทธิสาร และ สถานีห้วยขวาง สามารถเข้า-ออกได้ถึง 2 ทางเลยค่ะ ทั้งจาก ถนนรัชดาภิเษก และ ซอยอินทามระ 47 จุดเด่นที่ได้เปรียบของทำเลนี้ก็คือ สามารถทะลุออกถนนใหญ่ได้หลายเส้นทางค่ะ เพราะจากซอยอินทามระ 47 จะสามารถลัดเลาะออกไปได้ทั้ง ถนนวิภาวดี-รังสิต, ถนนสุทธิสารวินิจฉัย, ถนนประชาสงเคราะห์ รวมถึงถนนรัชดาภิเษกทางซอยรัชดา 17 ด้วย
ทำเลนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัย และใกล้ๆ กันนั้นเองก็เป็นทำเลทองที่ถูกดันกลายเป็น New Central Business District ที่ดินติดถนนใหญ่จะเป็นอาคารสูง ทั้งอาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม High rise, แหล่งบันเทิง, แหล่งช้อปปิ้ง, แหล่งการศึกษา รวมถึงศูนย์ประชุม โดยจุดที่โครงการตั้งอยู่นั้นจะมีความเป็นย่านพักอาศัยมากกว่า ลึกเข้าไปในซอยก็จะเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยของคนในละแวกนั้นค่ะ
นอกจากจะเป็นทำเลที่ใกล้ศูนย์รวมของอาคารสำนักงานแล้ว ทำเลนี้ยังใกล้ศูนย์รวมด้านการคมนาคมที่สำคัญของกรุงเทพฯ เพราะมีการเชื่อมต่อถนนสายหลัก ทั้ง เพชรบุรี, สุขุมวิท, ดินแดง, พระราม 9, วิภาวดี-รังสิต ฯลฯ รวมถึงเป็นจุดที่เชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้ง BTS, MRT และ Airport Link อีกด้วย
การเดินทางด้วยรถยนต์ เนื่องจากตัวโครงการสามารถเข้า-ออกได้ทั้ง 2 ทาง ทั้งจากถนนรัชดาภิเษก และถนนอินทามระ 47 จึงค่อนข้างได้เปรียบ เพราะถนนรัชดาภิเษกนั้นสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักอื่นๆ ได้ ขาเข้าเมือง จากถนนรัชดาภิเษก (โครงการอยู่ฝั่งเลขคี่) ให้กลับรถตรงแยกสุทธิสารแล้ววิ่งตรงลงไป (ทางทิศใต้) ก็จะไปตัดกับเส้น พระราม 9, เพชรบุรี เชื่อมไปยัง ทองหล่อ-เอกมัย, เข้าถนนสุขุมวิท เชื่อมไปยังอโศก หรือจะยิงยาวจนถึงพระราม 4 เลยก็ได้ค่ะ
ส่วนขาออกนอกเมือง จากถนนรัชดาภิเษกจะวิ่งขึ้นไป (ทางทิศเหนือ) ผ่านแยกสุทธิสาร ซึ่งจะเป็นจุดที่สามารถวิ่งไปเชื่อมกับ ถนนพหลโยธิน, วิภาวดี-รังสิต, ลาดพร้าว, ประดิษฐ์มนูธรรม สามารถไปถึง ห้าแยกลาดพร้าว, ประชาชื่น หรือบางกะปิได้ไม่ยาก ซึ่งแต่ละเส้นที่เชื่อมไปจะเป็นถนนขนาดใหญ่ค่ะ วิ่งได้สะดวก ส่วนซอยอินทามระ 47 เองก็สามารถทะลุออกไปยังเส้นวิภาวดี-รังสิตได้ง่ายกว่าโดยที่ไม่ต้องผ่านการจราจรบนถนนเส้นอื่นๆ
แต่การจราจรในย่านนี้ก็ค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่ตลอดเวลา คนที่ขับรถอยู่ในย่านนี้เป็นประจำจะไม่ค่อยวิ่งทางหลักกันตรงๆ เท่าไหร่หากไม่จำเป็น โดยมากจะไปหาทางลัดเลาะออกตามซอยไปทะลุตามถนนเส้นอื่นๆ นอกจากนี้ก็จะใช้ทางด่วนเป็นตัวช่วยในการเดินทางเอาค่ะ
ทางด่วน โชคดีมากที่ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้จุดขึ้นทางพิเศษศรีรัชถึง 2 ด่าน ฝั่งทางตะวันออกคือด่านอโศก 1 ซึ่งจากจุดนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยัง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ไปได้ทั้งทาง ปากเกร็ด, รังสิต และ โซนพระราม 2 ได้สะดวก
ฝั่งตะวันตกคือด่านพระราม 9 สามารถเชื่อมต่อไปยัง ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์, ทางพิเศษบูรพาวิถี และ มอเตอร์เวย์ (กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่) ไปทางรามอินทรา, บางนา หรือวิ่งออกชลบุรี ได้สะดวกอีกเช่นกันค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ จุดเด่นของทำเลนี้ก็คือ มีความอุดมสมบูรณ์ที่สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการใช้ชีวิต, แสงสีเสียง, แหล่งช้อปปิ้ง และอาหารการกิน ก็มีอยู่หลายรูปแบบให้เลือก เนื่องจากต้องคอยรองรับทั้งพนักงานออฟฟิศ, ผู้คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม, บ้านส่วนตัว และแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ในละแวกนั้น ซึ่งก็ต่างมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป
บนเส้นรัชดาภิเษกก็มีห้างใหญ่ๆ อยู่หลายห้างแล้ว ทั้งแบบที่เป็น Life Style เฉพาะตัวอย่าง The Street ภายในมีร้านค้าที่เปิดตลอด 24 ชม. ข้างๆกันมี Big C Extra เป็น Hypermarket เหมาะสำหรับซื้อของเข้าบ้าน ตรงข้ามกับ MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมมี Esplanade และตลาดนัดรถไฟ ถ้าเลยไปตรงสถานีพระราม 9 ตรงนั้นจะมีทั้ง Fortune Tower, เซ็นทรัลพระราม 9 และ Tesco Lotus พระราม 9 ไม่ไกลจากตรงนั้นก็มีห้าง Show DC อีกแห่ง เลยไปทางแยกห้วยขวางจะมีตลาดตลาดห้วยขวาง เปิดตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ขายทั้งอาหาร, เสื้อผ้า, ของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ประกอบกับว่าในย่านนี้ก็มีโรงแรมอยู่เยอะ จึงมีบางร้านที่เปิดตลอด 24 ชม.เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ในส่วนของอาคารสำนักงานจะเกาะตัวรวมเป็นกลุ่มๆ ตามแนวรถไฟฟ้า อาทิ RS Tower, AIA, SET, True Tower, อาคารไทยประกันชีวิต, สถานฑูตจีน ซึ่งในอนาคตจะมี เมกะโปรเจ็กต์ Bangkok Midtown อยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนนรัชดาภิเษก เชื่อมกันด้วย Sky Walk อยู่ใกล้ MRT ศูนย์วัฒนธรรม อีกทั้ง G Tower, The Nine Tower, Unilever ซึ่งในอนาคตจะมี The Rama IX Super Tower เป็นโครงการมิกซ์ยูส Landmark สูงอันดับ 1 ในอาเซียน อยู่ในช่วง MRT พระราม 9
นอกจากนี้ทำเลนี้ยังโดดเด่นด้วยสถานบังเทิง และอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล, สถานศึกษา อีกทั้งศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ข้างๆ กันกับ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน รวมถึงวัดพระราม 9 เรียกว่าในทำเลเดียวครอบคลุมครบทุกด้านเลยค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ เนื่องจากทำเลนี้อยู่ใกล้ศูนย์รวมด้านการคมนาคมของกรุงเทพฯ มีการเชื่อมต่อถนนสายหลักหลายเส้น จึงทำให้มีรถสาธารณะหลายสายวิ่งผ่านตลอดทั้งวันเช่นกัน อีกทั้งยังอยู่ใกล้จุดที่เชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้ง BTS, MRT และ Airport Link จากภาพกราฟฟิคจะเห็นว่าโดยรอบทำเลนี้จะมีรถไฟฟ้าอีก 4 สายวิ่งผ่าน ทั้งรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วง มีนบุรี-ตลิ่งชัน, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าว-สำโรง, รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วง วัชรพล- ทองหล่อ และ รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ที่วิ่งขนานกับ Airport Link ช่วง บางซื่อ-หัวหมาก อีกด้วย
จากตัวโครงการที่ใกล้ที่สุดก็คือ MRT สถานีสุทธิสาร 550 เมตร และ MRT สถานีห้วยขวาง 600 เมตรค่ะ
จากตัวโครงการเดินออกมาที่เส้นรัชดาภิเษก เดินขึ้นไปทางทิศเหนือเพียง 550 เมตร ก็จะถึง MRT สุทธิสาร ที่ทางออก 4 ค่ะ
ส่วน MRT สถานีห้วยขวาง ให้เดินลงไปทางทิศใต้ เพียง 600 เมตร ทางออกที่ 4 จะใกล้ที่สุดเช่นกันค่ะ
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ Metro Luxe รัชดา โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนรัชดาภิเษก > แยกรัชดา-ลาดพร้าว > แยกสุทธิสาร > แยกห้วยขวาง > ถนนรัชดาภิเษก > Metro Luxe รัชดา
เราเริ่มการเดินทางจากถนนรัชดาภิเษก ช่วงแยกรัชดาลาดพร้าว ให้เรามุ่งหน้าไปทางสุทธิสารค่ะ
ให้เราชิดขวาขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดา-ลาดพร้าวไปเลย
ที่ฝั่งขวามือของเราจะผ่านโรงแรมเดอะบาซาร์ และสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาภิเษก
ตรงไปอีกไม่ไกล ที่ฝั่งซ้ายมือเราจะผ่าน MRT สถานีรัชดาภิเษก
และบุญถาวรค่ะ
จากนั้นให้เรามุ่งหน้าไปทางห้วยขวางนะคะ ข้างหน้าของเราจะมีอุโมงค์ข้ามแยก ให้เราขับลงไปได้เลย
พอขึ้นมาจากอุโมงค์แล้วให้เราสังเกตป้ายประชาสงเคราะห์ แล้วชิดซ้ายอยู่ที่เลน 2 เราจะกลับรถไปอีกฝั่งตรงแยกห้วยขวาง
พอถึงแยกห้วยขวางให้เราใช้ช่องทางขวาแล้วกลับรถค่ะ
พอกลับรถมาแล้ว ทางฝั่งซ้ายมือเราจะเห็น MRT ห้วยขวางทางออก 4 จากตรงนี้อีกเพียง 600 เมตร ก็จะถึงตัวโครงการแล้วค่ะ ให้เราชิดซ้ายได้เลย
เรามาถึงโครงการกันแล้วค่า
สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงาน
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถานและอื่นๆ
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
ภาพรวมของโครงการค่ะ จะเห็นว่าจริงๆ แล้วตัวโครงการจะอยู่ติดกับซอยอินทามระ 47 ไม่ได้อยู่ติดกับถนนรัชดาภิเษกนะ แต่ก็ห่างแค่เพียง 50 เมตรเท่านั้นค่ะ ซึ่งสามารถเข้า-ออกได้ทั้ง 2 ทางเลย แต่ทางเข้าฝั่งถนนรัชดาภิเษกจะต้องอาศัยผ่านที่ดินของทาง Perfect Place นะคะ รวมถึงที่ตั้ง Sales Gallery ก็เป็นการเช่าที่จาก Perfect Place เช่นกัน
ภาพรวมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย มีคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ขึ้นอยู่บ้าง ที่ฝั่งทิศเหนือมี Chateau in Town และ ทิศตะวันตกมี Metro Sky สูง 8 ชั้น เพราะฉะนั้นฝั่งที่จะได้เปรียบในเรื่องของวิวมากที่สุดก็คือฝั่งทิศใต้ แต่ก็จะรับแดดไปเต็มๆ เช่นกัน
เรามาเดินสำรวจบริเวณโดยรอบโครงการกันเลยค่ะ
ตอนนี้เราเดินจากหน้าโครงการออกมาที่ถนนรัชดาภิเษก ฝั่งตรงข้ามก็คือตึก CS Tower
เราจะเดินไปทางฝั่งซ้ายมือกันก่อนค่ะ ฝั่งนี้มุ่งหน้าไปทางแยกสุทธิสาร
ติดกับตัวโครงการเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นค่ะ ตรงนี้มีทั้งคลีนิก, ร้านอาหาร และยิมมวยไทยด้วย
ข้างๆ กันคือโพไซดอน เป็น Entertainment Complex ที่รู้จักกันดีค่ะ
จากตรงนี้เราเดินไปอีกไม่ไกล จะผ่านอาคารธนชาติ ซึ่งจะมี Max Value, Mc Donald และ Au Bon Pain และก็จะถึง MRT สุทธิสาร ทางออก 4 วัดจากที่หน้าโครงการเลยก็เพียง 550 เมตรเท่านั้น ถ้าเราข้ามฝั่งไปที่ทางออก 3 ตรงนั้นก็จะมีตลาดนัด และตลาดเมืองไทยภัทร ขายทั้งของกินและเสื้อผ้าแฟชั่นค่ะ
คราวนี้เราจะเดินไปทางฝั่งแยกห้วยขวางกันบ้าง
ลืมบอกไปว่าฟุตบาทแถวนี้เดินง่ายนะคะ มีกว้างพอสมควรด้วย
เดินไปหน่อยเราก็จะเจออาคารพาณิชย์เรียงกันไปเป็นแถบเลยค่ะ มีทั้งธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงเทพ, คาเฟ่ และร้านขายเฟอร์นิเจอร์
ฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโดมิเนียม Life รัชดา สูง 22 ชั้น
เดินมาไม่ไกลเราจะเจอป้ายรถเมล์ค่ะ
ข้างหน้าก็มีสะพานลอยให้เดินข้ามฟากได้
ซึ่งสะพานลอยเนี่ยจะอยู่หน้า รร.กุนนทีสุทธารามวิทยาคม พอดี
เราเดินผ่านโรงเรียนมาก็จะเจออาคารพาณิชย์เรียงกันเป็นแถวยาวไปเลยค่ะ เปิดเป็นร้านค้าหลากหลาย ร้านสะดวกซื้อก็มีนะ ตรงนี้จะมี 7-Eleven อยู่ 1 สาขา
เราเดินมาเกือบถึงแยกห้วยขวางแล้วค่ะ มองไปที่ฝั่งตรงข้ามเราจะเห็นอาคารสูงเรียงกันไปเป็นแถบเลย ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมหรืออาคารสำนักงาน
จากหน้าโครงการเดินมาเพียง 600 เมตร หรือแค่ 7 นาที ก็จะถึง MRT สถานีห้วยขวาง ที่ทางออก 4 แล้วค่ะ ถ้าเรานั่งจากสถานีห้วยขวางไปอีก 1 สถานี ลงที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม ตรงนั้นจะมี The Street, Big C Extra, Esplanade และตลาดนัดรถไฟ ถ้านั่งไปอีก 2 สถานี ลงที่สถานีพระราม 9 ตรงนั้นจะมีทั้ง Fortune Tower, เซ็นทรัลพระราม 9, The Nine Tower และ Tesco Lotus ค่ะ แม้จะไม่ได้อยู่ในระยะเดิน แต่ก็เดินทางไปได้สะดวกสุดๆ
กลับมาที่จุดเดิมค่ะ จากถนนรัชดาภิเษกให้เราเดินตรงเข้าไป (ผ่านที่ดินของ Perfect Place) ประมาณ 50 เมตร ก็จะถึงทางเข้าโครงการ เรามองตรงเข้าไปก็เห็นแล้วค่ะ
ที่ฝั่งซ้ายมือเป็น Sales Gallery ของโครงการ
ภายในจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายนั่งประจำอยู่ คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวโครงการ และพาชมห้องตัวอย่างค่ะ
ตอนนี้เรามาถึงหน้าทางเข้าโครงการกันแล้ว
ภาพหน้าโครงการอีกมุมนึง
ทางฝั่งขวามือ จะสามารถทะลุออกไปยังซอยอินทามระ 47 ได้ค่ะ
ส่วนทางฝั่งซ้ายมือ จะเป็นซอยที่สามารถทะลุไปถึงซอยรัชดา 13 และซอยอินทามระ 43 (จากซอยอินทามระ 43 จะเชื่อมสู่ถนนประชาสงเคราะห์ และสามารถใช้ออกถนนวิภาวดี-รังสิตทางถนนไมตรีจิต 2 ได้ด้วย)
:::: ตัวโครงการ ::::
โครงการ Metro Luxe รัชดา เป็นคอนโดมิเนียม Low rise สูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร มีทั้งหมด 535 ยูนิต บนพื้นที่ 6 ไร่เศษ ตัวโครงการเป็นคอนโดสไตล์รีสอร์ท ด้วยพื้นที่ส่วนกลางเปิดโล่งกว่า 5 ไร่ ล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียว ที่ร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิด ให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ท
มาดูในส่วนของผังโครงการกันค่ะ ทางเข้า-ออกของตัวโครงการจะมีอยู่ 2 ทาง นั่นก็คือทางถนนรัชดาภิเษก และทางซอยอินทามระ 47 ถนนภายในโครงการสามารถสวนกันได้ 2 เลนนะคะ ถ้าจากถนนรัชดาภิเษกเข้ามาในโครงการก็จะเจอจุด Green Drop-off เป็นวงเวียน ส่งคนลงได้ที่หน้าตึก D และขับวนออกจากโครงการได้ที่ทางเดิมเลย หรือสามารถเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ที่จอดรถ หรือขับออกซอยอินทามระ 47 เพื่อไปทะลุออกถนนเส้นอื่นๆ ได้อีกค่ะ
ที่จอดรถภายในโครงการจะเป็นที่จอดรถกลางแจ้งด้านหลังอาคาร A และอาคาร B และมีที่จอดรถในร่มอยู่ที่ใต้ตึก D ที่ชั้น 1 และชั้น 2 ให้มาอยู่ 185 คันคิดเป็น 34% ให้มาน้อยไปหน่อย แต่ถ้านับว่าการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในย่านนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย ก็ถือว่าไม่เป็นปัญหาค่ะ
จากจุด Green Drop-off ลงที่หน้าอาคาร D จะมีทางเดินในร่มที่เชื่อมไปยังส่วนต่างๆ และ Facilities ของโครงการ ซึ่งจะอยู่ที่ชั้นล่างทั้งหมด โดยจะแบ่งออกเป็นส่วน Indoor และ Outdoor เริ่มจากส่วน Indoor ที่ใต้อาคาร D ก็จะมี Living Area และ Fitness ภายในมีห้องน้ำแยกชาย-หญิง รวมถึงห้อง Sauna ให้ค่ะ ถัดมาเป็นส่วน Outdoor เริ่มจากที่หน้าอาคาร D จะมีสนามเด็กเล่น ถัดเข้าไปใน Court ตรงกลางระหว่างกลุ่มอาคาร A, B และ C จะมี Swimming Pool, Colonate Pavilion, สวนหย่อมโดยรอบ และ Jogging Track ค่ะ
อาคาร A คราวนี้เรามาดูแปลนของแต่ละอาคารกันต่อ เริ่มจากอาคาร A วางผังเป็นรูปตัว I แบบ Double Corridor มีห้องพักอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของโถงทางเดิน และมีช่องแสงอยู่ที่ปลายโถงทั้ง 2 ข้าง มีจำนวนยูนิตมากที่สุด 18 ห้อง/ชั้น รวมแล้วทั้งอาคารมี 143 ยูนิต คิดเป็นจำนวนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์อยู่ที่ 72 : 1 ถือว่ากำลังดีเลยค่ะ (ในแต่ละอาคารจะมีลิฟท์โดยสารให้ 2 ตัว)
อาคาร B มีการวางผังเหมือนกันเลยค่ะ มีจำนวนยูนิตมากที่สุด 17 ห้อง/ชั้น รวมแล้วทั้งอาคารมี 135 ยูนิต คิดเป็นจำนวนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์อยู่ที่ 68 : 1
อาคาร C ก็มีการวางผังไม่ต่างกันค่ะ มีจำนวนยูนิตมากที่สุด 21 ห้อง/ชั้น รวมแล้วทั้งอาคารมี 167 ยูนิต คิดเป็นจำนวนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์อยู่ที่ 89 : 1
อาคาร D ชั้นที่ 1 ที่ชั้น 1 และ 2 ของอาคาร A จะเป็นส่วนของลานจอดรถ, ห้องนิติบุคคล, Living Area และ Fitness ค่ะ
อาคาร D ชั้นที่ 3-8 ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัย มีอยู่ 15 ยูนิต/ชั้น รวมทั้งอาคารมี 90 ยูนิต คิดเป็นจำนวนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์อยู่ที่ 45 : 1 นับว่าคิวรอลิฟโล่งเลยค่ะ
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ห้องของโครงการหลักๆ จะมีอยู่ทั้งหมด 2 แบบด้วยกันได้แก่
ทางโครงการขายห้องแบบ Fully Fitted ได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ และเครื่องปรับอากาศ เดี๋ยวเราจะไปดูผังพื้นของห้องแต่ละ Type กันเลย
แบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.9-29.5 ตร.ม.
แบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.1-28.3 ตร.ม.
แบบห้อง 2 Bedrooms ขนาด 42.6-43.5 ตร.ม.
:::: บริเวณภายในโครงการ ::::
::: ทางเข้าโครงการ :::
เราได้ชมบรรยากาศโดยรอบของโครงการกันไปแล้ว คราวนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปชมบรรยากาศจริงภายในโครงการกันบ้าง
การเข้า-ออกตัวโครงการนั้นจะต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัย นั่นก็คือ ป้อมรปภ.เป็นจุดตรวจ มีรั้วไม้กระดกอัตโนมัติ ระบบ Access Card และ กล้อง CCTV
กล้อง CCTV 2 ตัวค่ะ จับภาพหน้าคนขับกับป้ายทะเบียนรถ
ภาพมองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้าโครงการ
::: บริเวณภายในโครงการ :::
พอเข้ามาภายในโครงการแล้ว เราจะเจอส่วน Green Drop-off เป็นจุดแรก ทำเป็นลักษณะของวงเวียนวนตามเข็มนาฬิกาไปที่จุด Drop-off ใต้ตึก D มีหลังคาคลุมกันแดดกันฝนให้ ตั้งแต่เข้ามาในรั้วของโครงการ สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือความเขียวชอุ่มและร่มเงาของต้นไม้ เข้ากับตัวโครงการที่ใช้โทนสีน้ำตาลเป็นหลัก ได้บรรยากาศของรีสอร์ทจริงๆ
ทางฝั่งซ้ายมือเป็นที่จอดรถกลางแจ้งค่ะ ถ้าเป็น Visitor จอดรถในส่วนนี้ก็จะง่ายดี
ส่วนทางฝั่งขวามือจะวนเข้าไปสู่ลานจอดรถด้านหลังอาคาร A และอาคาร B รวมถึงประตูทางเข้า-ออกโครงการทางฝั่งซอยอินทามระ 47
พอเลี้ยวซ้ายมาแล้วจะเห็นทางเข้าลานจอดรถใต้อาคาร D ค่ะ
ภายในลานจอดรถใต้อาคาร D
ส่วนทางเข้าลานจอดรถชั้น 2 จะอยู่อีกฝั่งนึงค่ะ
ภายในลานจอดรถชั้น 2 ของอาคาร D
ออกมาจากลานจอดรถ วนมาด้านหลังอาคาร A จะเป็นที่จอดรถกลางแจ้งแบบนี้ค่ะ ยาวจนไปถึงท้ายโครงการ รวมทั้งหมด 185 คันคิดเป็น 34%
ถ้าเรามองไปทางฝั่งขวามือ เราจะเห็นคอนโด Chateau in Town สูง 8 ชั้น เป็นโครงการเพื่อนบ้าน
เดินจนมาถึงท้ายโครงการแล้ว เราจะเห็นโครงการ Metro Sky อยู่ด้านหลัง เป็นคอนโดมิเนียม Low rise เหมือนกัน
ถ้าเลี้ยวซ้าย ก็จะเป็นที่จอดรถกลางแจ้งด้านหลังอาคาร B ค่ะ
ส่วนทางฝั่งขวามือ เราจะเห็นประตูทางเข้า-ออกโครงการฝั่งซอยอินทามระ 47 แล้ว
คราวนี้เรากลับมาที่จุด Drop-off ตรงหน้าอาคาร D
พอเราเดินเข้าไปจะมีทางเดินแยกฝั่งซ้ายมือ ที่เชื่อมต่อไปยังอาคารอื่นๆ และ Facilities ของโครงการค่ะ
คราวนี้เรามาดู Facilities ตามจุดต่างๆ ของโครงการแบบเรียงเข้าไปข้างในกัน
::: LIVING AREA AND FITNESS :::
เริ่มต้นจาก Indoor Facilities กันก่อน นั่นก็คือส่วนของ Fitness และ Living Area พิกัดอยู่ที่ใต้ตึก D ค่ะ
เข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ห้องขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยผนังกระจกทำให้ดูสว่าง พื้นปูด้วยพรมเพื่อความนุ่มนวลเวลาออกกำลังกาย
หันไปทางฝั่งขวามือค่ะ จะเป็นส่วนของ Living Area ทางโครงการจัดชุดโซฟาเอาไว้หลายชุด สำหรับให้ลูกบ้านมานั่งเล่นกันได้
มาดูในส่วนของฟิตเนสกันต่อค่ะ
พื้นที่ฝั่งริมกระจกทั้งหมดจะวางเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ มีทั้งลู่วิ่งไฟฟ้า
เครื่องเดินวงรี และจักรยานไฟฟ้า
ส่วนฝั่งด้านในจะวางเครื่องออกกำลังกายแบบ Weight Training รวมถึงชุดดัมเบลพร้อมม้านั่งราบ
ส่วนพื้นที่ตรงกลางห้องจะทำเป็นจุดนั่งพักให้ค่ะ
ภายในฟิตเนสจะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้
เราเข้ามาดูภายในห้องน้ำหญิงกันค่ะ จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน
ส่วนแรกคือบริเวณอ่างล้างมือ เตรียมเอาไว้ให้ 2 อ่าง ติดกระจกบานใหญ่มาให้ สามารถเช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้
ส่วนที่ 2 คือบริเวณตู้ล็อคเกอร์สำหรับเก็บของ
ส่วนฝั่งตรงข้ามกับอ่างล้างมือก็คือห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ
และส่วนสุดท้ายก็คือห้องซาวน่า
ภายในห้องซาวน่าค่ะ
::: PLAYGROUND :::
คราวนี้เรามาดู Facilities ในส่วน Outdoor กันต่อ เริ่มจากสนามเด็กเล่นค่ะ จะอยู่ด้านหน้าห้องฟิตเนสเลย
ภายในแบ่งออกเป็นพื้นลานและพื้นสนามหญ้า จะมีเก้าอี้ม้านั่งเป็นจุดๆ สำหรับนั่งพักผ่อนและนั่งพักคอย พื้นที่ลานตรงนี้เราสามารถใช้เป็นจุดออกกำลังกายกลางแจ้งได้ด้วยนะคะ
ส่วนพื้นที่สนามหญ้าจะวางเครื่องเล่นเด็กเอาไว้ให้
มีจัดเอาไว้ประมาณ 3 อย่างค่ะ ตรงนี้เขาให้สำหรับเด็กเล็กเท่านั้นนะ
::: COLONATE PAVILION, SWIMMING POOL AND JOGGING TRACK :::
คราวนี้เราเดินเข้ามาด้านในส่วนที่เป็น Court ระหว่าง 3 อาคาร A, B และ C
ส่วนแรกจะเป็น Colonate Pavilion หรือศาลานั่งพักผ่อนริมสระว่ายน้ำ
ในส่วนนี้ ทางโครงการได้จัดโซฟานั่งพักผ่อนพร้อมกับชมวิวของสระว่ายน้ำที่ล้อมรอบด้วยสวนสวย
จากส่วน Colonate Pavilion เราก็จะได้วิวประมาณนี้ค่ะ ให้บรรยากาศแบบกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ทเลย เราจะเห็นว่าสระว่ายน้ำของที่นี่มีขนาดใหญ่มากๆ ยาวถึง 13 x 50 เมตรเลยนะ ยาวเท่าสระโอลิมปิกเลย
ในส่วนของ Colonate Pavilion จะอยู่ติดกับส่วนของ Kid’s Pool
ในส่วนของสระเด็กนี่จะลึกแค่ 60 ซม.เท่านั้น มีบันไดเดินลงให้อยู่ภายในสระค่ะ
ส่วนสระผู้ใหญ่จะลึก 1.3 เมตร ก็จะมีบันไดเดินลงสระให้อยู่ภายในสระเลยเหมือนกัน
เลยมาหน่อยจะเห็นส่วนที่มี Cover ด้านบน ตรงนี้เป็นส่วนของ Outdoor Shower ค่ะ ก่อนลงสระให้เรามาล้างตัวได้ที่จุดนี้เลย
ใต้ร่มเงาไม้บางส่วนออกแบบให้เป็น Sun Deck ค่ะ จะวาง Day Bed สำหรับให้นอนเล่นอาบแดดได้
ส่วนตรงปลายสระอีกฝั่ง จะมีจุดที่เป็น Jacuzzi ด้วยนะ แต่ตรงนั้นเราเดินไปไม่ได้ค่ะ ต้องว่ายน้ำเข้าไปเท่านั้น เลยขอเก็บภาพแบบไกลๆ มาแทน
ห้องชั้นล่างบางห้องของตึก C จะเป็นห้องแบบ Pool Access ด้วยนะคะ จากระเบียงสามารถเปิดลงสระว่ายน้ำได้เลยเหมือนรีสอร์ท นับว่า Exclusive สุดๆ
จากบริเวณสระว่ายน้ำ เรากลับเข้ามาภายในทางเดิน (Cover Way) ซึ่งเป็นทางที่จะเชื่อมต่อไปยังอาคาร B ด้านหลังด้วย
ตลอดทางเดิน ทางโครงการจัดแลนสเคปเอาไว้ให้อย่างสวยงามค่ะ ตรงนี้เราสามารถใช้เป็น Jogging Track วิ่งออกกำลังกายวนรอบโครงการได้เลยนะ
ภาพมองย้อนกลับเห็นทาง Cover Way ทอดยาวไปเชื่อมกับล็อบบี้อาคาร A และ C ทั้ง 2 ฝั่งดูเขียวชอุ่มด้วยพรรณไม้หลากหลายพันธุ์
มุมด้านหลังสระว่ายน้ำ จัดเป็นม้านั่งพักผ่อนรูปตัว L ค่ะ ตรงนี้ดูมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร วันไหนอากาศดีๆ ก็สามารถมานั่งอ่านหนังสือสูดออกซิเจนเข้าปอดได้
ด้านหลังสระว่ายน้ำจะมีทางเป็น Jogging Track ที่จะวนไปด้านหลังอาคาร C และวนกลับไปออกที่สนามเด็กเล่นได้
จากทางเมื่อสักครู่ เราวนซ้ายเข้ามาด้านหลังอาคาร C แล้วค่ะ
จะเป็นทาง Jogging Track เล็กๆ แม้พื้นที่จะไม่ได้กว้างขวาง แต่ทางโครงการก็ยังจัดบรรยากาศออกมาได้ดูดีทีเดียว แถมยังได้ร่มไม้ตลอดทาง ตอนกลางวันแดดก็ไม่ลงค่ะ
ซึ่งทาง Jogging Track ด้านหลังเนี่ย จะนำเรามาสู่ Seat Garden ที่อยู่ด้านหลังอาคาร C ด้วย นับว่าเป็นมุมส่วนตัวอีก 1 จุดที่น่ามานั่งเล่นเหมือนกัน
ถ้าเราวิ่งตรงตาม Jogging Track ไปเรื่อยๆ ทางก็จะมาเชื่อมที่สนามเด็กเล่น ตรงหน้าอาคาร D เป็นลูปค่ะ
::: LOBBY :::
คราวนี้เรามาดูล็อบบี้กันบ้าง ในแต่ละอาคารก็จะมีล็อบบี้แยกให้หมดเลยค่ะ เริ่มจากหน้าสุดที่อาคาร D เป็นส่วนที่ต่อจากบริเวณ Drop-off
ภายในโถงล็อบบี้ของอาคาร D จะมีขนาดใหญ่ที่สุด และจะเป็นจุดที่รองรับ Visitor ด้วย
ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา เน้นโทนสีขาว-ทองแดง ใช้พื้นกระเบื้องลายหินอ่อน ให้เหมือนอยู่ในล็อบบี้ของรีสอร์ท จัดชุดโซฟาสำหรับนั่งพักคอยเอาไว้ให้หลายชุด
ถ้าเดินเข้าไปด้านในก็จะเป็นห้องนิติบุคคลค่ะ
และทางเข้าโถงลิฟท์กับ Mailbox
ตามด้วยล็อบบี้ของอาคาร C ซึ่งจะอยู่บริเวณ Colonate Pavilion
ภายในตกแต่งสไตล์เดียวกับอาคาร D ค่ะ
ตามด้วยล็อบบี้ของอาคาร B อยู่ฝั่งในสุดของโครงการ
ที่มีการตกแต่งเหมือนกันทุกประการค่ะ แต่ขนาดจะเล็กลงมาหน่อย
และสุดท้ายปิดด้วยล็อบบี้ของอาคาร A ซึ่งจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคาร C
มีการจัดตกแต่งในสไตล์เดิม โทนขาว-ทองแดง ดูหรูด้วยพื้นลายหินอ่อน และลายผนังตกแต่งสีทองแดง
อีกฝั่งนึงของห้องจะเป็นประตูเปิดเข้าสู่โถงลิฟท์และ Mailbox ค่ะ
::: LIFT HALL AND MAILBOX :::
จากล็อบบี้จะเชื่อมสู่โถงลิฟท์และตู้จดหมาย
การเข้า-ออกโถงลิฟท์จะต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตูเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยค่ะ
เข้ามาภายในโถงลิฟท์ การตกแต่งจะอิงจากส่วนล็อบบี้ด้วยเพื่อให้ดูไม่ขัดกัน ภายในโถงมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางและสว่างดีค่ะ มีลิฟท์โดยสารให้ 2 ตัว
ตรงข้ามประตูลิฟท์จะเป็นตู้จดหมายค่ะ ลูกบ้านสามารถมาเช็คจดหมายได้จากตรงนี้
หันกลับมาที่ฝั่งตรงข้ามค่ะ เราจะขึ้นไปดูที่ชั้นบนด้วยกันเลย
ลิฟท์ที่ทางโครงการใช้จะเป็นของ Schneider Electric นะคะ สามารถรองรับได้ 1,000 กก. หรือประมาณ 13 คนต่อเที่ยว
ตอนนี้เราขึ้นมาถึงชั้นพักอาศัยกันแล้ว โถงลิฟท์ชั้นบนจะตกแต่งแบบเรียบๆ เพื่อปรับอารมณ์เข้าสู่โหมดของการพักผ่อน
โถงทางเดินก็กว้างขวางและสว่างมากๆ เพราะได้ช่องแสงมา 2 ฝั่ง อีกทั้งยังติดไฟให้ค่อนข้างถี่ทีเดียว ไม่ให้ความรู้สึกว่าอับเลย
ช่องแสงที่ปลายโถงทางเดินค่ะ
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ลำดับเป็น 1 Bedroom ขนาด 28.1 ตร.ม. และ 2 Bedrooms ขนาด 42.6 ตร.ม. โดยห้องของทางโครงการจะขายแบบ Fully Fitted ได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ และเครื่องปรับอากาศ มาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของห้องกันเลย
::: แบบ 1 Bedroom ขนาด 28.1 ตร.ม. :::
เริ่มต้นที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.1 ตร.ม. ห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีหน้ากว้างและความลึกพอๆ กัน ภายในจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วนด้วยกันค่ะคือ ห้องนั่งเล่น, ห้องครัว, ระเบียง, ห้องน้ำ และห้องนอน ห้องครัวที่ได้จะเป็นครัวแบบปิด ข้อดีก็คือช่วยกันกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง กั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก เพื่อให้แสงสว่างสามารถส่องผ่านเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นได้ ส่วนห้องนอนจะถูกกั้นส่วนออกไปโดยสิ้นเชิงด้วยผนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ โดยรวมแล้วห้องนี้จะเหมาะสำหรับจำนวนผู้อยู่อาศัย 1-2 คน
เริ่มจากประตูทางเข้าห้อง เป็นประตูบาน HDF ปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ ที่บานมีตาแมวสามารถส่องดูคนที่ยืนอยู่หน้าห้องได้
พร้อมอุปกรณ์มือจับประตูแบบก้านโยกมาตรฐาน ตัวล็อคแบบบิด สามารถใช้กุญแจไขได้
ที่พื้นห้องทำธรณีประตูสูงขึ้นมาจบงานระหว่าง Finishing พื้นภายในห้อง และพื้นบริเวณโถงทางเดินเรียบร้อย พื้นของห้องจะปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม.
ส่วนผนังเป็นผนังฉาบเรียบทาสีค่ะ พอเปิดเข้ามาในห้อง ส่วนแรกที่เจอเลยก็คือห้องนั่งเล่น ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ทั้งห้องครัว, ห้องน้ำ และห้องนอน
ฝ้าเพดานภายในห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบสูง 2.4 เมตร ดวงโคมทั้งหมดเป็นดวงโคมดาวน์ไลท์กล่องสี่เหลี่ยม
เรามาดูการจัดสรรพื้นที่ภายในห้องกันต่อค่ะ
เริ่มจากห้องนั่งเล่น สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งและโต๊ะกาแฟได้อย่างลงตัว พื้นที่ข้างๆ ก็ยังเหลือพอสำหรับวางโคมไฟ หรือวางโต๊ะข้างได้อีกตัว
ส่วนฝั่งตรงข้ามสามารถวางชั้นวางทีวีได้พอดี แต่จะต้องวัดระยะผนังหน่อยนะ เดี๋ยวซื้อมาขนาดใหญ่เกินไปกินพื้นที่ไปที่หน้าประตูห้องน้ำ
ตรงนี้ระยะดูทีวีกว้างพอสมควรค่ะ จอขนาด 50-55 นิ้วก็ยังได้
เราจะเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันต่อ ประตูห้องน้ำใช้บาน HDF พร้อมอุปกรณ์มือจับประตูแบบลูกบิดสแตนเลส
พื้นในห้องน้ำจะลดระดับลงเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อน ภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.
ส่วนผนังกรุด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 60 ซม. ภายในห้องน้ำจะแบ่งโซนแห้งและโซนเปียกให้เรียบร้อยค่ะ
ฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบชนิดกันชื้น ติดตั้งดวงโคมดาวน์ไลท์และพัดลมดูดอากาศมาให้เรียบร้อย
มาดูที่สุขภัณฑ์กันต่อค่ะ เลือกใช้ของ Cotto กับ Prema เริ่มต้นจากอ่างล้างมือเป็นอ่างวางบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูป ใต้เคาน์เตอร์พอเก็บของใช้ได้บ้าง
ส่วนอ่างทรงสี่เหลี่ยม มีขนาดกำลังดีค่ะ ขอบอ่างพอวางพวกขวดสบู่หรือแปรงสีฟันได้บ้าง ด้านหลังอ่างก่อ Lower wall ให้ สามารถวางของได้เยอะขึ้น
ก็อกน้ำล้างมือรูปทรงและขนาดจับได้ถนัดมือ
ถัดเข้ามาจะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้น ระบบ Dual flush สามารถเลือกปริมาณและความแรงของน้ำได้ แต่ความกว้างของพื้นที่นั่งแอบแคบไปนิดนึง ถ้าเป็นคนตัวใหญ่ๆ อาจจะนั่งไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่
ติดตั้งมาให้คู่กับสายฉีดชำระ
และที่ใส่กระดาษชำระค่ะ
ผนังด้านข้างโถสุขภัณฑ์เจาะเป็นช่องเข้าไปแบบนี้ สามารถวางหนังสือได้สำหรับคนที่ชอบนั่งในห้องน้ำนานๆ
ในส่วนเปียก ทางโครงการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกให้เรียบร้อย
มือจับประตูมีขนาดใหญ่ สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้เลยในตัว
แต่ที่ข้างๆ โซนเปียก ทางโครงการก็ติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวให้อีกจุดค่ะ
ภายในมีพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้างพอสมควร ถ้าไซส์ชาวตะวันตกอาจจะเล็กไปหน่อย ที่พื้นก่อธรณีกันน้ำไหลย้อนออกไปที่ส่วนแห้ง
ที่ผนังด้านในติดตั้งชุด Rain Shower มาพร้อมกับฝักบัวสายอ่อน, จานวางสบู่ และเครื่องทำน้ำอุ่นให้ ชุดนี้จะเป็นของ Hafele นะคะ
ขนาดหัวฝักบัวสายอ่อนกำลังดีค่ะ เทียบให้ดูกับมือ
มาดูห้องครัวกันต่อค่ะ ครัวที่ได้จะเป็นครัวปิด กั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน เป็นวงกบและบานกรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสง ตรงนี้ก็จะเป็นช่องแสงให้กับห้องนั่งเล่นด้วย
ที่พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 ซม. เหมาะกับห้องครัวแล้วค่ะ เพราะสามารถเช็ดทำความสะอาดพวกคราบน้ำมันและคราบอาหารได้ง่าย
ภายในห้องครัวก็จะสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้อย่างลงตัวด้วย
โต๊ะที่วางได้ก็จะเป็นโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งกับเก้าอี้อีก 2 ตัว
และนี่ก็คือชุดเคาน์เตอร์ครัวที่เราได้มากับตัวห้องด้วยค่ะ ประกอบด้วยเคาน์เตอร์, อ่างล้างมือ และชั้นลอย Built-in ที่ใต้เคาน์เตอร์ฝั่งซ้ายจะสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ แต่ต้องเลือกใช้แบบฝาหน้าเท่านั้นค่ะ
บนเคาน์เตอร์ทางโครงการจัดอ่างล้างจานมาให้แล้วค่ะ ส่วนเตาปรุงอาหารเราอาจจะหาเตาไฟฟ้ามาวางก็ง่ายดี
อ่างล้างจานมีขนาดกระทัดรัดดีค่ะ ล้างพวกจาน-ชาม หรือแก้วน้ำได้สะดวกอยู่ ติดตั้งมาพร้อมกับก๊อกน้ำทรงสูง หัวสามารถบิดซ้าย-ขวาได้
ตรงนี้จะเหลือพื้นที่ยืนปรุงอาหารประมาณ 80 ซม.ค่ะ พอได้อยู่
จากห้องครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียง ข้อนี้ถือเป็นจุดดี เพราะช่วยให้ระบายกลิ่นอาหารได้ดียิ่งขึ้น
ที่พื้นระเบียงจะลดระดับลงไปเล็กน้อยค่ะ เพื่อกันน้ำไหลย้อน ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.
ทางโครงการได้เตรียมก็อกสนามเอาไว้ให้สำหรับการซักล้าง นอกจากนั้นก็ใช้เป็นจุดตากผ้า และแขวนคอยล์แอร์ค่ะ
ตอนนี้เราอยู่ที่ตึก A นะคะ มองออกไปจะเห็นโครงการ Chateau in Town ทัศนียภาพฝั่งนี้ถึงแม้ว่าจะสู้ฝั่งในสวนไม่ได้ แต่ก็นับว่าไม่แย่นักค่ะ
คราวนี้เราจะเข้าไปดูภายในห้องนอนกันต่อ ประตูใช้บาน HDF ปิดผิวลามิเนตเหมือนเดิมค่ะ
พื้นห้องนอนปูด้วยลามิเนตต่อเนื่องเข้าไป
ภายในห้องนอนมีขนาดกำลังพอเหมาะ สามารถวางเตียงนอนขนาด Queen Size ได้พอดี
ปลายเตียงเหลือพื้นที่ไม่เยอะมาก พอเดินผ่านได้ แต่ไม่แน่นำให้วางอะไรเพิ่ม แต่สามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังได้ค่ะ
พอวางเตียงแล้วก็จะเหลือพื้นที่ฝั่งซ้ายและขวาฝั่งละนิดฝั่งละหน่อย พอเดินผ่านและทำเตียงได้สะดวกอยู่ค่ะ
ส่วนตู้เสื้อผ้าทางโครงการไม่ได้ให้มาเป็นมาตรฐานนะคะ ลูกบ้านสามารถซื้อมาวางเองหรือทำ Built-in เอาได้ แต่แนะนำว่าควรใช้ตู้แบบบานเลื่อนค่ะ จะได้ประหยัดพื้นที่
เพราะถ้าเป็นบานเปิดก็อาจจะมีเนื้อที่เหลือไม่มากพอ
มุมหน้าประตูทางเข้าห้องเราสามารถทำ Built-in หรือวางโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กๆ ได้อีกจุดค่ะ
ในห้องนี้เราได้ช่องแสงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนและหน้าต่างบานฟิกซ์ วงกบและบานกรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสงให้
นอกจากนี้ สวิตช์และปลั๊กไฟที่ใช้ภายในห้อง ทางโครงการเลือกใช้ของ Bticino ค่ะ
รวมถึงตู้ Load Center ด้วยนะ
::: แบบ 2 Bedrooms ขนาด 42.6 ตร.ม. :::
มาดูห้องใหญ่ 2 Bedrooms ขนาด 42.6 ตร.ม. ห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้าห้องกว้างอย่างเห็นได้ชัด ทำให้สามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ง่ายมากกว่า ภายในจะแบ่งออกเป็น 6 ส่วนด้วยกันค่ะคือ ห้องนั่งเล่น, ห้องครัวและส่วนรับประทานอาหาร, ระเบียง, ห้องน้ำ, ห้องนอนเล็ก และห้องนอนใหญ่ ห้องครัวที่ได้จะเป็นครัวแบบเปิดแทน แต่ถ้าเราชอบครัวแบบปิด เราจะกั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเพิ่มเติมเองก็ได้เหมือนกัน ห้องนี้จะเหมาะสำหรับจำนวนผู้อยู่อาศัย 2-3 คนค่ะ
เริ่มจากประตูทางเข้าห้อง เป็นประตูบาน HDF ปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ ติดมือจับประตูแบบก้านโยกมาตรฐาน
ที่พื้นห้องทำธรณีประตูสูงขึ้นมาจบงานระหว่าง Finishing พื้นภายในห้อง และพื้นบริเวณโถงทางเดินเรียบร้อย พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ในส่วนของห้องครัว และปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม.ในส่วนของห้องนั่งเล่นค่ะ
ส่วนผนังเป็นผนังฉาบเรียบทาสี พอเปิดเข้ามาในห้อง ส่วนแรกที่เจอเลยก็คือห้องครัวและห้องรับประทานอาหาร ถัดเข้าไปด้านในคือห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับส่วนระเบียง ส่วนโถงฝั่งขวามือจะเชื่อมสู่ ห้องน้ำ และห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ซึ่งจะเป็นส่วน Private ค่ะ
ชุดเคาน์เตอร์ครัว เราก็จะได้เซ็ตเดียวกับห้อง 1 Bedroom ค่ะ
มองไปทางส่วนรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่น
เราสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้อย่างสบายๆ
ด้านหลังให้เว้นพื้นที่เอาไว้หน่อยสำหรับวางตู้เย็นด้วยนะคะ
เรามาดูที่ห้องนั่งเล่นกันต่อ
พื้นที่เหลือพอสำหรับโซฟาขนาด 2 ที่นั่งค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเราสามารถทำชั้นวางทีวีแบบ Built-in ได้ แนะนำให้ติดกระจกเงาที่ผนังบางส่วนจะช่วยให้ห้องดูกว้างมากขึ้นค่ะ
ระยะดูทีวีของห้องนี้เหลือไม่มาก อาจจะเลือกจอทีวีเล็กหน่อยสัก 32-42 นิ้ว ไม่งั้นจะปวดตาได้นะ
จากห้องนั่งเล่นจะเชื่อมกับระเบียงห้องผ่านประตูบานเลื่อนกระจกค่ะ
พื้นที่ระเบียงของห้องนี้จะมีหน้ายาวเท่ากับห้องนั่งเล่นเลย สามารถทำงานได้สะดวกมากขึ้น
ส่วนฝั่งติดผนังก็ใช้เป็นที่แขวนคอยล์แอร์เหมือนเดิม
ภาพมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง
คราวนี้เราเดินเข้าไปในโถงทางเดินซึ่งเป็นส่วน Private ของห้อง โถงนี้จะเป็นตัวเชื่อมสู่ห้องน้ำ และห้องนอนอีก 2 ห้องค่ะ
เราเริ่มจากห้องนอนเล็ก ประตูทางฝั่งซ้ายมือก่อน
ภายในห้องมีขนาดกำลังพอดีกับเตียงนอนแบบ Single Bed ภายในห้องสว่างมากค่ะเพราะได้ช่องแสงขนาดใหญ่มา เป็นหน้าต่างบานเลื่อนและหน้าต่างบานฟิกซ์เหมือนห้อง 1 Bedroom
เตียงนอนจะต้องวางชิดไปทางริมหน้าต่างหน่อยนะคะ
เพื่อให้ทางขวามีพื้นที่เหลือพอสำหรับยืนแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า ซึ่งก็ขอแนะนำเหมือนเดิมว่าให้ใช้ตู้แบบบานเลื่อนนะ
พื้นที่ปลายเตียงเราไม่แนะนำให้วางอะไรเพิ่มค่ะ ยกเว้นว่าจะติดตั้งทีวีแบบแขวนผนัง ซึ่งทางโครงการก็มีการเดินสายไฟเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว
คราวนี้มาดูห้องน้ำกันต่อ ประตูอยู่ทางฝั่งขวามือของโถงค่ะ
ภายในห้องน้ำจะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom ทุกประการ ทั้งวัสดุ, สุขภัณฑ์ และการวางตำแหน่งของส่วนต่างๆ จะขอข้ามไปเลยนะคะ
เราปิดท้ายด้วยห้องนอนใหญ่ค่ะ เป็นห้องที่อยู่กลางโถง
เข้ามาภายในห้องนอนใหญ่ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนพักผ่อน และส่วนแต่งตัว
ห้องนอนใหญ่มีขนาดที่กว้างขวางขึ้นมากพอตัวเลยค่ะ สามารถวางเตียงขนาด King Size ได้เลยนะ
เตียงนอนที่ทางโครงการวางมาให้ดูเป็นตัวอย่างคือขนาด Queen Size นะคะ แต่จะเห็นว่า เรายังสามารถวางโต๊ะข้างได้ทั้ง 2 ฝั่ง และยังมีพื้นที่เหลืออีกหน่อยด้วยนะ
แต่พื้นที่ปลายเตียงจะเหลือนิดเดียวค่ะ พอเดินผ่านได้ แต่วางอะไรไม่ได้แล้วนะ
ช่องแสงภายในห้องนี้ได้ไม่ต่างจากห้องนอนเล็กค่ะ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือกระจกแบบเข้ามุม
มองจากส่วนพักผ่อนไปที่ส่วนแต่งตัวกันบ้าง
ที่ส่วนนี้เราสามารถทำเป็น Walk-in Closet ได้เลยนะ ขนาดตู้เสื้อผ้าที่วางได้ ก็จะใหญ่กว่าห้องนอนเล็กขึ้นมานิดหน่อยค่ะ
:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (พฤษภาคม 2561) ::::
วัสดุโดยรวม
ห้องน้ำ และสุขาภิบาล
งานไฟฟ้า
เฟอร์นิเจอร์
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ
:::: ราคา (พฤษภาคม 2561) ::::
ราคา
เงินจอง
เงินกองทุนและค่าส่วนกลาง
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ เป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้กับศูนย์รวมของอาคารสำนักงาน และศูนย์รวมด้านการคมนาคมที่สำคัญของกรุงเทพฯ มีการเชื่อมต่อถนนสายหลัก ทั้ง เพชรบุรี, สุขุมวิท, ดินแดง, พระราม 9, วิภาวดี-รังสิต ฯลฯ รวมถึงใกล้จุดที่เชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้ง BTS, MRT และ Airport Link อีกด้วย โดยตัวโครงการจะอยู่ระหว่าง MRT สถานีสุทธิสารกับสถานีห้วยขวางค่ะ
เป็นจุดที่เดินทางได้สะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและระบบขนส่งสาธารณะ หาของกินก็ง่ายเพราะอยู่ใกล้ตลาดนัด แถวๆ ถนนประชาสงเคราะห์ก็มีร้านอาหารเปิดถึงตอนดึกๆ เลยด้วย อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากห้างใหญ่ๆ นั่งไปที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม และสถานีพระราม 9 ก็มีทั้ง Esplanade, Big C, เซ็นทรัลพระราม 9, Tesco Lotus และอื่นๆ อีกมากมายเลยค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสะดวกเพราะว่าทางโครงการสามารถเข้า-ออกได้ทั้ง 2 ทาง จากถนนรัชดาภิเษกก็จะสามารถเชื่อมต่อถนนใหญ่ได้หลายสาย สะดวกทั้งการเข้าและออกเมือง ยกเว้นเรื่องรถติด ส่วนซอยอินทามระ 47 ก็สามารถเชื่อมสู่ ซอยรัชดา 17 และ ถนนวิภาวดี-รังสิตได้ ซึ่งเส้นนี้จะค่อนข้างคล่องตัวพอสมควร นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนศรีรัชถึง 2 จุด จะไปไหนก็เร็วเลยค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ เรียกว่าสะดวกมากๆ แล้วเพราะถนนรัชดาภิเษกมีรถประจำทางวิ่งผ่านอยู่ตลอดอยู่แล้ว หรือจะเรียกแท็กซี่ หรือวินมอเตอร์ไซค์ก็หาได้ง่ายค่ะ ถ้ารีบขี้เกียจเดินจะเรียกพี่วินตรงไปที่ MRT สถานีสุทธิสารเลยก็ได้ค่ะ แค่ 550 เมตรเท่านั้นเอง พอถึง MRT ก็ง่ายแล้ว จะนั่งเชื่อมไปตรงไหนเข้าเมือง-ออกเมืองสะดวกสุดๆ เพราะใกล้จุดเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้า อีกทั้งในอนาคตจะยังมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม, สีเหลือง และสีเทาตัดผ่านใกล้ๆ อีกด้วย
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโด Low rise ออกแบบมาในสไตล์รีสอร์ท มีทั้งหมด 4 อาคาร รวม 535 ยูนิต บนพื้นที่ 6 ไร่กว่าๆ ภาพรวมของโครงการถือว่าออกแบบมาได้ดีทีเดียว มี Facilities เป็นตัวชูโรงเลยค่ะ ทั้งสวยงาม ร่มรื่น และน่าอยู่ ให้บรรยากาศเหมือนมาพักผ่อนที่รีสอร์ทจริงๆ
ตัวห้องของทางโครงการก็ออกแบบมาได้ดีค่ะ แบ่งพื้นที่ภายในห้องได้อย่างลงตัว ห้องแบบ 1 Bedroom ที่เราได้รีวิวให้ดูจะแบ่งห้องออกเป็นสัดส่วน แยกส่วนห้องนั่งเล่น, ห้องครัว-ส่วนรับประทานอาหาร และห้องนอนออกจากกัน ครัวได้เป็นครัวปิดซึ่งจะช่วยในเรื่องของกลิ่นได้ดี แต่เคาน์เตอร์ครัวแอบเล็กไปหน่อย ถ้าวางเตาไฟฟ้า หรือไมโครเวฟก็จะไม่เหลือที่เตรียมอาหารแล้ว ส่วนห้อง 2 Bedrooms ก็เป็นห้องที่มาหน้าค่อนข้างกว้าง จัดเฟอร์ได้ง่ายหน่อย
วัสดุที่ได้มาเทียบกับราคาอาจจะน้อยไปหน่อย ดีที่พื้นห้องครัวปูกระเบื้องมาให้ด้วย ทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ส่วนพื้นห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. ผนังฉาบเรียบทาสี ได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว กับสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ Cotto, Prema และ Hafele และแอร์ภายในห้องค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย เป็นจุดชูโรงของตัวโครงการเลยเพราะทำออกมาได้สวยงามดี หลักๆ เลยก็จะเป็นในส่วนของ Outdoor Facilities ที่ให้มากว่า 5 ไร่ ทั้งสนามเด็กเล่น, สระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก และสวนหย่อมโดยรอบพร้อม Jogging Track รอบโครงการ สร้างบรรยากาศให้โครงการกลายเป็นรีสอร์ท นอกจากนี้ก็จะมีฟิตเนส, ส่วนนั่งพักผ่อน, ซาวน่า และล็อบบี้แยกในทุกอาคาร เป็นสัดส่วนกำลังดีเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตในโครงการค่ะ
ที่จอดรถทางโครงการให้มาน้อยไปหน่อย แต่ทดแทนด้วยการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่สะดวกก็พอหักลบกันได้บ้าง นอกจากนี้ระบบรักษาความปลอดภัยก็ได้มาตรฐานดีค่ะ ประกอบด้วยกล้อง CCTV, Security guard ตลอด 24 ชม. พร้อมทั้ง Access card สำหรับเข้าสู่ตัวอาคารและระบบ Key card ภายในลิฟท์แบบระบุชั้น ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ
:::: คะแนน ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.2 | อยู่ใจกลางรัชดา ใกล้สถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี ใกล้สาธารณูปโภคและความเจริญ สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง |
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว | 8.0 | ได้เปรียบในการเดินทางเพราะอยู่ใกล้ถนนใหญ่ และอยู่ติดซอยอินทามระ 47 ที่สามารถทะลุไปยังเส้นวิภาวดีได้ อีกทั้งยังอยู่ใกล้จุดขึ้นทางด่วนอีก 2 จุดด้วย |
การเดินทางโดยรถสาธารณะ | 8.5 | มีรถสาธารณะหลายสายวิ่งผ่านหน้าโครงการ ใกล้จุดเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้า และยังอยู่ใกล้ MRT ถึง 2 สถานีในระยะ 550-600 เมตร |
บ้านและวัสดุ | 7.0 | ห้องและวัสดุได้มาตรฐาน แต่เทียบกับราคาแล้วของให้มาไม่เยอะมาก |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 8.0 | สิ่งอำนวยความสะดวกมีขนาดเพียงพอต่อยูนิตในโครงการ ทำออกมาสวยงาม สร้างบรรยากาศให้โครงการ น่าใช้งานทีเดียวค่ะ |
ความคุ้มค่ากับราคา | 7.3 | โครงการเหมาะสำหรับครอบครัวขนาด 1 – 3 คน ชอบความเงียบสงบในใจกลางเมือง เดินทางได้สะดวกทั้งรถส่วนตัวและรถสาธารณะ |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 7.83 | ดี |
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1375
WEBSITE : www.pf.co.th
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น