EP.1382 รีวิว น็อตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 Notting Hill Sukhumvit 105
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ทีมงาน Condonayoo ขอพามาอัปเดตตึกเสร็จโครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 จาก Origin Property ตัวโครงการอยู่บนทำเลศักยภาพ ในซอยสุขุมวิท 105 หรือ ซอยลาซาล ถนนสุขุมวิท แขวงบางนา เขตบางนา กทม. เดินทางสะดวกสบายทั้งคนใช้รถและไม่ใช้รถ เพียง 500 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ใกล้ถนนสุขุมวิท, ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์, ทางพิเศษบูรพาวิถี และ วงแหวนกาญจนาภิเษก รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษาชื่อดัง และ โรงพยาบาลชั้นนำ
น็อตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 6 อาคาร บนเนื้อที่ 8-0-40 ไร่ ห้องพักอาศัยจำนวน 1,113 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกแบบ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedrooms ขนาดเริ่มต้น 25.50-43.50 ตร.ม. ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในปี 2562
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีมาให้อย่างครบครัน อาทิ Clubhouse 3 ชั้น, Lobby, Fitness, Lap Pool, Co-Working Space, Garden, Football Table, Jogging Track, Relax Pool, Roof Garden, ลิฟต์โดยสารแบบล็อกชั้น อาคารละ 2 ตัว, Access Card Control, Digital Door Lock, กล้อง CCTV และ รปภ. 24 ชม. ในราคาเริ่มต้นที่ 2.19 ล้านบาท* Fully Fitted (เม.ย.62)
สำหรับรายละเอียดทำเลที่ตั้งโครงการ, ห้องตัวอย่าง และ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ติดตามต่อได้ที่เนื้อหาด้านล่างเลยค่ะ
ชื่อโครงการ | น็อตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 Notting Hill Sukhumvit 105 |
เจ้าของโครงการ | บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) Origin Property |
เนื้อที่ทั้งหมด | 8-0-40 ไร่ |
จำนวนตึก |
|
จำนวนชั้น |
|
จำนวนห้อง | 1,113 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคัน |
จำนวนลิฟต์ | ลิฟต์ล็อกชั้น อาคารละ 2 ตัว |
โซน | เขตบางนา |
ขนส่งสาธารณะ |
|
ที่ตั้ง | ซอยสุขุมวิท 105 แขวงบางนา เขตบางนา กทม. |
กำหนดการ | เปิดจอง มี.ค. 2560 |
ปีที่สร้างเสร็จ | คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 |
ราคา | เริ่มต้น 2.19 ล้านบาท* (เม.ย.62) |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | เริ่มต้น ประมาณ 85,900 บาท/ตร.ม.* (เม.ย.62) |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | Notting Hill สุขุมวิท 105 คอนโดพร้อมอยู่ ที่คุ้มค่าที่สุดบนสุขุมวิท ใกล้ BTS แบริ่ง ตอบสนองการใช้ชีวิตแบบ 24 ชั่วโมงในทุก ๆ ด้านอย่างครบครัน พร้อมสัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายอังกฤษในแบบ British Loft มอบความสมบูรณ์แบบด้วยฟังก์ชั่นห้องที่ลงตัว ตกแต่งครบครัน ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริงสุดพิเศษกับ 105 Clubhouse / Clubhouseส่วนตัว 3 ชั้นแห่งแรกและแห่งเดียว บนถนนลาซาล ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยสระว่ายน้ำ, ฟิตเนสพร้อมเทรนเนอร์, Co-Working และ Irish sport club |
ที่ตั้งโครงการ
ซอยสุขุมวิท 105 ถนนลาซาล แขวงบางนา เขตบางนา กทม.
พิกัด : 13.661488, 100.606691
ทำเลที่ตั้ง โครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 105 หรือที่เราเรียกกันอย่างคุ้นหูว่าถนนลาซาลค่ะ ซึ่งตัวโครงการนั้นจะอยู่ในช่วงต้นซอยติดกับซอยลาซาล 9 วัดจากจุดขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง เข้ามาประมาณ 500 เมตรเท่านั้น เนื่องจากถนนลาซาลเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างเส้นสุขุมวิทและศรีนครินทร์ จึงเป็นซอยที่ค่อนข้างจะคึกคักและมีความอุดมสมบูรณ์ มีตลาดและร้านค้าเดิมมาอยู่แล้ว อีกทั้งยังอยู่ติดกับถนนบางนา-ตราด โดยมีซอยฝั่งเลขคี่ที่สามารถลัดเลาะไปออกได้ ตรงเส้นบางนาก็มีทั้งจุดขึ้นทางด่วนและเซ็นทรัลบางนาด้วย
เมื่อเทียบกับถนนแบริ่งแล้วจึงถือว่าสะดวกสบายและเป็นที่นิยมมากกว่า จะเห็นได้จากความหนาแน่นของชุมชน มีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับ Demand ที่อยู่อาศัยที่ยังเกาะเส้นรถไฟฟ้า และจุดขึ้น-ลงทางด่วน มีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นรถสาธารณะหรือรถยนต์ส่วนตัว แต่ยังมีราคาที่ไม่สูงมากนัก อีกอย่างก็คือถนนลาซาลจะยังอยู่ในเขตของกรุงเทพฯ ส่วนซอยแบริ่งจะอยู่ในโซนสมุทรปราการแล้วค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าทำได้สะดวก ถ้าจะเข้าเมืองหลักๆก็จะใช้เส้นสุขุมวิทไปเลย ถ้าจะออกนอกเมืองไปฝั่งสำโรงก็สามารถใช้เส้นสุขุมวิทวิ่งตรงอย่างเดียวไปจนถึงสมุทรปราการก็ได้เช่นกันค่ะ จากถนนลาซาลจะเชื่อมกับถนนศรีนครินทร์ ซึ่งใช้วิ่งเข้าเมืองได้เช่นกัน สามารถใช้วิ่งขึ้นไปทางรามคำแหงจนถึงเส้นลาดพร้าวตรงแถวๆเดอะมอลล์บางกะปิ หรือวิ่งลงไปทางบางปูจะไปสุดที่ถนนสุขุมวิทพอดี
ภายในถนนลาซาลเองก็จะมีซอยย่อยๆที่สามารถใช้เชื่อมไปยังถนนแบริ่งได้ นั่นก็คือซอยลาซาล 24 และถนนแบริ่ง-ลาซาล และซอยลาซาล 23 และ 55 ที่เชื่อมกับเส้นบางนา-ตราด ซึ่งตรงซอยลาซาล 55 พอออกเส้นบางนา-ตราดแล้วกลับรถไปทางฝั่งขาออกเมือง ก็จะเจอเซ็นทรัลบางนาและจุดขึ้นทางด่วนบูรพาวิถีพอดี ใช้วิ่งออกไปทางชลบุรีได้สะดวก ใช้เป็นเส้นทางในการหลีกเลี่ยงการจราจรได้เป็นอย่างดี
ทางด่วน ตัวโครงการนั้นอยู่ใกล้จุดขึ้นทางด่วนหลายจุด เป็นตัวช่วยเสริมให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น จากเส้นทางปกติที่อาจจะติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน ที่ใกล้ที่สุดก็คือจุดขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร อยู่ห่างจากตัวโครงการออกไปเพียง 2.2 กม. สามารถใช้เดินทางไปยังโซนจตุจักร, รามอินทรา, รังสิต,ปากเกร็ด หรือจะเข้าเมืองไปทางสีลมหรือสาธรได้สะดวก โดยจากถนนลาซาลให้วิ่งออกมาที่ถนนสุขุมวิทเข้าฝั่งขาเข้าเมือง ตรงไปเรื่อยๆให้ชิดซ้ายจะมีทางยกระดับเพื่อขึ้นทางด่วนค่ะ
อีกจุดนึงที่ใกล้ก็คือจุดขึ้นทางพิเศษบูรพาวิถีตรงเส้นบางนา-ตราดที่เราได้กล่าวกันไปแล้ว เราสามารถไปได้หลายเส้นทางค่ะ จะเลือกใช้ถนนสุขุมวิท หรือเลือกใช้ซอยลาซาล 23 หรือ 55 ก็ได้แล้วแต่สะดวก ตรงนี้จะใช้วิ่งออกไปทางชลบุรีนะ
จากตัวโครงการก็อยู่ไม่ไกลจากวงแหวนกาญจนาภิเษกเช่นกัน โดยจากซอยลาซาลให้ออกมาที่ถนนสุขุมวิทฝั่งขาออกนอกเมือง ตรงไปจะมีทางแยกออกไปฝั่งซ้ายมือเพื่อขึ้นวงแหวนไปทางพระราม 2 ค่ะ
สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ จากทำเลของโครงการนั้นเป็นทำเลที่มีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ที่เด่นที่สุดก็คือ ตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับ BTS สถานีแบริ่ง ในระยะเดินเพียง 500 เมตร ทำให้ลูกบ้านที่ใช้รถสาธารณะในการเดินทางเป็นหลักสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ในปีนี้เองก็จะเริ่มเปิดทดสอบระบบเดินรถไฟฟ้า BTS ช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายอีกด้วย
นอกจากนี้ในอนาคตก็จะมี รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง พัฒนาการ-สำโรง วิ่งขนานกับเส้นศรีนครินทร์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 จะไปสุดสายที่ สถานีสำโรง เป็นสถานี Interchange กับ รถไฟฟ้า BTS และมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง บางนา-สุวรรณภูมิ วิ่งขนานกับเส้นบางนา-ตราด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 โดยจะ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ สถานีศรีเอี่ยม ค่ะ
จะเห็นว่าจากตัวโครงการสามารถเดินไปถึง BTS แบริ่งได้ในเวลาเพียง 5-6 นาทีเท่านั้นกับระยะเดินเพียง 500 เมตร
นอกจากตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าแล้ว ก็ยังสามารถใช้บริการรถสาธารณะอื่นๆได้อีก ในซอยลาซาลเองก็จะมีรถ 2 แถว, วินมอเตอร์ไซค์ และรถแท็กซี่วิ่งผ่านอยู่ตลอด สามารถเรียกได้ง่ายเพราะเป็นซอยที่มีผู้คนและรถสัญจรผ่านไป-มาอยู่แล้ว ถ้าออกไปที่เส้นทางหลักอย่างถนนสุขุมวิทหรือถนนศรีนครินทร์ก็จะมีรถเมล์และรถตู้วิ่งผ่านอยู่ตลอดทั้งวันค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากภายในซอยเป็นแหล่งชุมชมที่มีคนอยู่อาศัยมากมาหลายสิบปีแล้ว จึงนับว่ามีความอุดมสมบูรณ์มากพอสมควรเมื่อเทียบกับซอยที่อยู่ใกล้เคียงกัน ใกล้กับตัวโครงการจะเป็นตึกแถวตลอดทั้งแนว จึงมีร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ และตลาดอยู่สลับกันไปเรื่อยๆ ใกล้ๆกับตัวโครงการในระยะเดินเพียงไม่กี่สิบเมตรก็จะมีทั้ง 7-Eleven, Lotus Express, Family Mart และ CP Fresh Mart จัดเต็มกับร้านสะดวกซื้อทุกแบรนด์
ตรงข้ามกับโครงการก็มีตลาด ร้านค้าร้านอาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งก๋วยเตี๋ยว, บะหมี่หมูแดง, ไก่ย่างห้าดาว, ข้าวมันไก่, ข้าวขาหมู, กับข้าวทำสำเร็จ, อาหารตามสั่ง และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าเข้าไปในซอยแบริ่งก็มีร้านอาหารอร่อยอีกหลายร้านเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่่น ร้านวีทีแหนมเนือง, ร้านพิซซ่าท้ายซอยแบริ่ง, ก๋วยเตี๋ยวไก่ข้ามฟาก, ตำตำ และร้านเพลินพุง ในซอยแบริ่งก็จะมีรร.เซนต์โยเซฟบางนาด้วยนะ
ถ้าออกมาดูที่เส้นสุขุมวิทบ้าง ฝั่งตรงข้ามกับซอยลาซาลจะมี APT Bearing Mall ที่เป็นจุดให้บริการจอดรถ Park&ride ตรงนั้นจะมีตลาด มีทั้งอาหาร, ร้านค้า และร้านสะดวกซื้อคอยอำนวยความสะดวกให้ ซอยติดกันมีรพ.มนารมย์ เลยไปหน่อยติดทางขึ้นทางด่วนมี The Coast Village เป็น Community mall ที่ภายในมีร้านค้ากว่า 40 ร้านด้วยกัน ลงมาทาง BTS สถานีสำโรง ก็จะมีทั้ง อิมพีเรียลสำโรง, สำโรงเซ็นเตอร์ และ ตลาดสำโรงอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน
ในส่วนของห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆเลยจะอยู่บนเส้นบางนา-ตราด นั่นก็คือเซ็นทรัลบางนา ข้างๆมี Hypermarket อย่าง Big C และ มีรพ.ไทยนครินทร์อยู่ติดกัน เลยไปอีกก็จะมีทั้ง SB Design Square, Index Living Mall, Mega บางนา และ Ikea บางนา หากเข้าเส้นศรีนครินทร์ก็จะมี Seacon Square และ Paradise Park ที่อยู่ไม่ไกล
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
การเดินทางสู่โครงการ
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ > ทางพิเศษเฉลิมมหานคร > ถนนสุขุมวิท > ซอยลาซาล > โครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105
เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากบนทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ โดยจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 นาทีค่ะ จากป้ายให้เรามุ่งหน้าไปทางบางนา
ให้เราชิดเข้าช่องทางซ้ายมุ่งหน้าไปทางบางนา
เมื่อเข้าช่องทางซ้ายแล้วจะเจอด่านเก็บเงินผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานคร เราจะไปทางบางนาให้เราใช้ช่องเก็บเงินทางซ้ายนะ
เมื่อผ่านด่านเก็บเงินมาแล้วจะมาลงที่ทางพิเศษเฉลิมมหานคร เรายังคงวิ่งไปตามป้ายบางนาค่ะ ของเราจะเป็นทางออกที่ 17B
ให้เราขับอยู่ตรงเลนกลางเอาไว้นะ เรายังคงมุ่งไปตามป้ายบางนา
เราดูทางออก 17B เอาไว้ค่ะ ก็คือป้ายสมุทรปราการ
จากนั้นให้เราชิดซ้ายและวิ่งขึ้นสะพานไปลงที่เส้นสุขุมวิท
วิ่งมาลงที่เส้นสุขุมวิทเราจะวิ่งผ่าน BTS สถานีบางนา ให้เราชิดซ้ายเอาไว้ค่ะ
จากนั้นให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 105 หรือถนนลาซาล โดยที่ข้างหน้าเราจะมี BTS สถานีแบริ่งเป็นจุดสังเกต
จากหน้าปากซอยสุขุมวิท 105 เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆเพียง 450 เมตร ผ่าน Center Point Entertainment ไป ก็จะเจอตัวโครงการอยู่ทางด้านซ้ายมือของเราแล้ว
เข้ามาภายในซอยสุขุมวิท 105 จะเป็นถนนขนาด 2 เลนที่มีความพลุกพล่าน รถวิ่งผ่านโดยตลอด ขับเข้าไปสักครู่ก็จะเห็น Center Point Entertainment อยู่ทางฝั่งซ้ายมือของเรา
จากปากซอยเข้ามาเพียง 450 เมตร ก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของเราแล้วค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
ภายในซอยสุขุมวิท 105 หรือถนนลาซาลนั้นจะเป็นชุมชนที่อยู่อาศัย มีทั้งโครงการในแนวราบและแนวดิ่ง รวมถึงอพาร์ทเม้นท์และหอพัก โดยตลอดซอยถนนจะขนาบข้างด้วยตึกแถว เปิดเป็นร้านค้าและร้านอาหาร สลับกับร้านสะดวกซื้อและตลาดเป็นช่วงๆซึ่งจะสลับกันเปิดตลอด 24 ชม.เลย ภาพโดยรวมของซอยนั้นจึงไม่เปลี่ยว ฟุตบาทก็มีขนาดที่กว้าง ไม่ต้องลงมาเดินที่ถนนเหมือนอีกหลายๆซอยค่ะ
เดี๋ยวเรามาเดินชมบรรยากาศรอบๆโครงการกันเลย มาดูว่ากันว่าแถวนี้จะอุดมสมบูรณ์อย่างที่บอกจริงๆ เริ่มจากฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการจะเป็นพื้นที่ของตลาดลาซาล 10 มีของสด ไว้สำหรับซื้อมาประกอบอาหารที่บ้าน และ ร้านอาหาร-ของปรุงเสร็จพร้อมทานเปิดขายหลายร้าน
เดี๋ยวเราจะเดินไปสำรวจเส้นทางฝั่งซ้ายมือกันก่อนเลย
ติดกับหน้าโครงการเลยจะมี Lotus Express ซึ่งเปิดตลอด 24 ชม.เหมือน 7-Eleven นี่แหละ จากหน้าโครงการเดินมาไม่กี่ 10 ก้าวก็ถึงเลย บริเวณด้านหน้าก็มีร้านรถเข็นเปิดขายอาหารตามช่วงเวลาในแต่ละวันด้วย
ติดกันเลยจะมีเซเว่นอยู่ข้างๆ กัน 2 สาขาเลย
บริเวณข้างๆเซเว่นจะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่พอดีค่ะ ถ้าใครรีบๆ หรือถือของหนัก ต้องออกไปขึ้น BTS ที่หน้าปากซอยก็สามารถมาเรียกใช้พี่วินได้ที่นี่ ค่าบริการก็ 10 บาทเอง
มองไปที่ฝั่งตรงข้ามจะเริ่มเป็นตึกแถวแล้วสูงประมาณ 4 ชั้นครึ่ง ชั้นล่างมีร้านขายอาหาร มี Family Mart และ CP Fresh Mart ที่ขายอาหารสดด้วย ข้างๆจะเป็นซุ้มทางเข้าของ ลาซาลพาร์ค คอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น
มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน มีให้เลือกทานอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว, บะหมี่ หรือข้าวขาหมู, ร้านยำ หรือส้มตำก็มี
พวกร้านแว่นตา, ร้านขายของชำรายย่อยๆ และร้านน้ำปั่น
ตรงไปตามซอยสุขุมวิท 105 จะสามารถไปทะลุออกเส้นศรีนครินทร์ได้ค่ะ ตลอดเส้นก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่ตลอดเลย
กลับมาที่บริเวณหน้าโครงการ เราจะเดินไปสำรวจเส้นทางฝั่งขวามือกันต่อ
ติดกับหน้าโครงการจะเป็นทาวน์เฮ้าส์สูง 2 ชั้น บางหลังก็เปิดหน้าบ้านเป็นร้านขายอาหารค่ะ ตอนเช้าๆเดินลงมาก็จะมีโจ๊กร้อนๆให้ซื้อเอากลับไปทานกัน
ก่อนทานข้าวเช้าอย่าลืมแวะเวียนมาที่ร้านข้าวแกงป้าหน่อย แกทำอาหารชุดเอาไว้ให้เราซื้อถวายพระตอนเช้าได้
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้นครึ่ง ชั้นล่างก็เปิดเป็นร้านค้าและร้านอาหารเช่นกัน ร้านขายยาก็มีค่ะ
เดินไปเรื่อยๆเราจะเจอร้านอาหารตามสั่ง
ร้านตัดผม และคลีนิกทันตกรรมและเวชกรรม
พอใกล้ๆจะถึงต้นซอยก็จะสุดช่วงตึกแถวแล้ว
เดินเลยไปอีกเราจะเจอ Center Point Entertainment เป็น Studio สำหรับการจัดรายการต่างๆ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่จอดรถของ Studio และได้แบ่งพื้นที่บางส่วนจัดเป็น Center Point Playground เปิดเป็นพื้นที่ของสินค้าแฟชั่นรวมถึง Food truck กับเมนูที่หลากหลาย
เดี๋ยวเราจะข้ามถนนไปฟุตบาทฝั่งตรงข้ามกันนะ
ข้ามถนนมาแล้วเดินไปจนสุดซอยให้เลี้ยวซ้ายค่ะ
พอเลี้ยวซ้ายมาแล้วให้เดินตรงไปอีกนิดเราก็จะถึงทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีแบริ่งกันแล้ว
มองลงไปจากสถานีคือสนามบอลของรร.นานาชาติเซนต์แอนดรูส์
เราเดินขึ้นมาถึงบนสถานีกันแล้วค่ะ
ถ้าเราเดินทางมาตัวโครงการด้วยรถไฟฟ้า ให้เราลงที่สถานีแบริ่งและเดินออกที่ทางออกหมายเลข 1 นะ
ตัวโครงการ
โครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 เป็นคอนโดมิเนียม Low rise สูง 8 ชั้น จำนวน 6 อาคาร จำนวนห้องพักรวม 1,113 ยูนิต บนพื้นที่ 8 ไร่เศษ ตัวโครงการเป็นคอนโดสไตล์ British Loft สมบูรณ์แบบด้วยฟังก์ชั่นห้องที่ลงตัว ตกแต่งครบครัน ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง พร้อมสวนส่วนกลางที่ร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิดที่มีกลิ่นอายแบบอังกฤษ 105 Clubhouse ส่วนตัว 3 ชั้น พร้อมสระว่ายน้ำ, Fitness พร้อม Trainer, Co-Working Space และ Irish Sport Club Corner
ผังโครงการชั้น 1 มาดูในส่วนของผังโครงการกันต่อค่ะ ตัวโครงการจะสามารถเข้า-ออกได้ทางเดียวจากทางซอยสุขุมวิท 105 ผ่านซุ้มโครงการและระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งป้อมรปภ., ระบบ Key card Access, รั้วไม้กระดก และกล้อง CCTV ส่วนหน้าสุดของโครงการก็คือ 105 Clubhouse ของโครงการ เป็นอาคารสูง 3 ชั้นแยกออกมาอีก 1 อาคาร ภายในประกอบด้วย Double Volume Lobby, Fitness พร้อม Trainer, Lap Pool, Co-working space, Irish Sport Club Corner, Pool Table, Football Table และ Bar
ถัดเข้ามาจะเป็นอาคารของยูนิตพักอาศัยอาคาร A เรียงเข้าไปถึงอาคาร F โดยบริเวณใต้อาคารจะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด คิดเป็น 35% รวมการจอดซ้อนคัน จะมีความพิเศษที่ใต้อาคาร A และ B คือมี Co-working space ให้อีก 2 ที่ Court ตรงกลางระหว่างตึกจัดทำเป็นสวนพร้อม Jogging Track สามารถใช้เดินหรือวิ่งออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
ในส่วนท้ายของโครงการจะเป็นโซน Relax มี Rosemead Garden เป็นสวนสไตล์อังกฤษ รวมถึงมีพื้นที่ Reflexology Walking ท้ายโครงการจะมีสระว่ายน้ำให้อีก 1 จุด เชิง Relax Pool พร้อม Steam และ Sauna ค่ะ
ผังโครงการชั้น 2-8 (A-B) ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจะเป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งหมดค่ะ โดยจะวางแปลนเป็นแบบ Double Corridor การเข้า-ออกตัวอาคารจะใช้ระบบคีย์การ์ด ส่วนลิฟต์ก็จะเป็นระบบล็อกชั้นเช่นกัน โดยในแต่ละอาคารจะมีลิฟต์โดยสารอยู่ 2 ตัว ตึก A-B มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 210 ยูนิต/อาคาร มีอัตราส่วนลิฟต์เป็น 105 : 1 เกินมาตรฐานมานิดนึง
ผังโครงการชั้น 2-8 (C-D) การวางผังจะไม่ต่างจากแปลนอาคาร A-B คือวางแปลนเป็นแบบ Double corridor เช่นกัน แต่ Type ห้องจะต่างกันออกไป ตึก C-D มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 154 ยูนิต/ตึก มีอัตราส่วนลิฟต์เป็น 74 : 1 ถือว่าดีค่ะ
ผังโครงการชั้น 2-8 (E-F) การวางผังจะเหมือนกับแปลนอาคาร A-B ตึก E มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 196 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟต์เป็น 98 : 1 ส่วนตึก F มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 189 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟต์เป็น 95 : 1
มาดูทัศนียภาพภายในโครงการกันบ้าง เริ่มจากบริเวณหน้าซุ้มทางเข้าของโครงการ ตกแต่งมาในสไตล์อังกฤษ มีหลังคากันแดดกันฝน สูงโปร่งโอ่อ่า ขวามือคือ Clubhouse สูง 3 ชั้น บรรยากาศของโครงการได้กลิ่นอายแบบอังกฤษโดยลดทอนเส้นสายลงให้ดูเรียบง่ายและทันสมัยมากขึ้น
ซ้ายมือเป็นป้อมรปภ. มีเจ้าหน้าที่ประจำการตลอด 24 ชม.
ขวามือเป็นทางเข้าอาคาร Clubhouse 3 ชั้น ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ ที่สำคัญเปิดตลอด 24 ชม. กลับบ้านดึกยังไงก็ยังมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ โดยการเข้า-ออก ก็จะใช้เป็นระบบ Key Card Acess นั่นเองค่ะ
ทางเข้า-ออกกั้นด้วยไม้กระดกอัตโนมัติ แบ่งแยกช่องกันชัดเจน รถยนต์ลูกบ้านจะเข้า-ออกด้วยระบบ Key Card Access ส่วน Visitor จะต้องแลกบัตรก่อนเข้าโครงการทุกครั้ง
เครื่องสแกนบัตรผ่าน พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV จับภาพด้านหน้ารถยนต์ฝั่งละ 1 ตัว
จากซุ้มประตูมองกลับออกมาที่ถนนซอยสขุมุวิท 105 จะเห็นว่าโครงการอยู่ติดถนนซอยเลย และฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นตลาดลาซาล 10 ที่มีสด ของกินขายเยอะ สะดวกต่อลูกบ้านในโครงการมาก ๆ
ด้านข้างซุ้มประตูโครงการ ฝั่งที่ติดกับ Clubhouse จะเป็นทางเดินเท้าแบบในร่ม เชื่อมต่อสู่อาคารพักอาศัยด้านใน
เข้ามาดูภายใน Clubhouse ชั้น 1 กันต่อ เข้ามาจะเจอกับโถง Lobby, Bar, Co-working space, Irish Sport Club corner, Pool Table และ Football Table ปัจจุบัน เม.ย. 62 โครงการอยู่ระหว่างโอนกรรมสิทธิ์ห้องพัก ทำให้พื้นที่ส่วนกลางตรงนี้ถูกนำมาใช้รับรองลูกบ้านไปก่อนค่ะ
ที่ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ของ Fitness ทั้งหมดค่ะ
ภายในเป็นห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ ได้ผนังกระจกมา 3 ด้าน มีทั้งโซนคาร์ดิโอ และ เวทเทรนนื่ง พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์ออกกำลังกายมาให้อย่างครบถ้วน
มีเครื่องเอนปั่นจักรยาน, เครื่องนั่งปั่นจักรยาน และ ลู่วิ่งออกกำลังกายไฟฟ้า
ฝั่งขวามือเป็นโซนของเวทเทรนนิ่ง
มีแมชชีนชุดกลาง, เตียงซิทอัพ, บาร์เบลมาตรฐาน และ ลูกบอลโยคะ จัดเตรียมไว้ให้
ถัดเข้าไปด้านในยังมีเครื่องบริหารกล้ามเนื้อในแบบต่าง ๆ อีกหลายชิ้น
ตรงเข้าไปด้านในสุดจะเป็นผนังกระจกแผงใหญ่ ได้ความโปร่งสบาย และได้แสงธรรมชาติในตอนกลางวันที่เพียงพอ
มองออกมาเห็นวิวอาคารพักอาศัย และ พื้นที่สีเขียวด้านในโครงการ
ห้องน้ำส่วนกลางที่ชั้น 2 แบ่งแยกชาย-หญิงไว้ชัดเจน
ฟังก์ชั่นทั้ง 2 ห้องรูปแบบเดียวกัน เข้ามาด้านในก็จะมีล็อกเกอร์
เคาน์เตอร์พร้อมอ่างล้างมือ
ห้องน้ำ พร้อมอุปกรณ์ประกอบครบเซ็ท
ออกจากห้องน้ำขึ้นไปดูรายละเอียดที่ชั้น 3 กันต่อค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำจุดแรก
ตรงข้ามกับบันไดเป็นจุดชมวิวฝั่งหน้าโครงการค่ะ มีเคาน์เตอร์บาร์ พร้อมเก้าอี้จัดเตรียมไว้ให้
เดินออกมาจะเจอกับสระว่ายน้ำ Lap Pool แบบกลางแจ้ง
พื้นที่พักผ่อนริมสระ แบบ Semi-Outdoor จัดวาง Sun Bed มาให้ 4 ตัว ด้านหลังตกแต่งสวนหย่อมได้ความร่มรื่น
สระว่ายน้ำแบบกลางแจ้ง ระบบน้ำเกลือ ขนาด 7 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร ด้านข้างมีตกแต่งสวนไม้กระถาง และต้นไม้ใหญ่ให้
อีกฝั่งมีพื้นที่พักผ่อนให้อีก 2 จุด พร้อมห้องน้ำแยกชาย-หญิงค่ะ
ห้องน้ำแยกชาย-หญิง ภายในมีห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจัดไว้ให้ครบ
พื้นที่พักผ่อนด้านท้ายขนาดใหญ่ จัดโซฟารับรอง และ โต๊ะกลมไว้ให้ ติดกับระเบียงที่เป็นกระจก Temper ด้านในเป็นเคาน์เตอร์บาร์ พร้อมเก้าอี้ ไว้ใช้เป็นมุมจิบกาแฟ นั่งชมวิวในโครงการ
มองตรงออกมาจะได้วิวอาคารพักอาศัย และ พื้นที่สวนพักผ่อนด้านในโครงการ
กลับลงมาที่ด้านล่าง ถัดจากซุ้มประตูโครงการ จะมีป้ายบอกทางไปยังจุดต่าง ๆ
ตรงเข้ามาจะเจอกับถนนเมนส่วนแรก เป็นแบบ 2 ช่อง 2 Way ขับตรงขวามือจะเป็นจุด Drop Off หากต้องการจอดรถยนต์ ให้ขับตรงไปใต้อาคาร ซึ่งจะถูกปรับให้เป็นการเดินรถยนต์แบบ One Way ค่ะ
ตรงเข้ามาซ้ายมือเป็นศาลพระภูมิ และ ศาลตา-ยายประจำโครงการ
ถัดเข้ามาจะเจอกับอาคาร A และ อาคาร B เป็นลำดับแรก
มองไปทางขวามือเป็นจุด Drop-Off รับ-ส่งลูกบ้าน
ที่จอดรถใต้อาคาร จอดได้ 2 ฝั่ง มีให้แบบนี้ทุกอาคาร A-F คิดเป็น 35% รวมการจอดซ้อนคัน
ด้านหน้าอาคารพักอาศัย และ Court ตรงกลาง ตกแต่งสวนสวยสไตล์อังกฤษ มีมุมพักผ่อนกระจายไว้หลายจุด รวมถึงมีพื้นที่ของ Jogging Track ไว้ออกกำลังกายกันด้วยค่ะ
ในส่วนของทางเข้าอาคาร A-B ถูกจัดให้เป็นสวนและพื้นที่นั่งเล่น ส่วนที่เป็น Double Floor คือห้อง Co-working space
บรรยากาศภายใน Co-Working Space รูปแบบคล้ายกันทั้ง 2 อาคาร อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าช่วงที่เข้าไปทำรีวิว อยู่ในระหว่างโอนห้องกันอยู่ พื้นที่ส่วนนี้อาจจะถูกปรับใช้งานไปตามความเหมาะสม เมื่อโอนห้องต่าง ๆ เสร็จ พื้นที่ส่วนนี้จะถูกคืนให้แก่ลูกบ้านให้ได้ใช้งานกันค่ะ
เดินเข้ามาที่ Court ตรงกลาง บรรยากาศร่มรื่น เขียวขจีแบบนี้เลย แต่ละช่วงก็จะมีป้ายบอกทางของแต่ละอาคารติดไว้ให้
ตามจุดต่าง ๆ ภายในสวนจะมีชุดโต๊ะสนาม พร้อมเก้าอี้พักผ่อนจดไว้ให้แบบนี้
เข้ามาดูโถงลิฟต์กันต่อ บริเวณโถงลิฟต์จะมีประตูทางเข้าระบบ Key Card ให้ 2 ฝั่ง คือจากฝั่งสวนหย่อมตรงกลาง และ จากที่จอดรถใต้อาคาร
กล่องจดหมาย พร้อมกุญแจ และ ป้ายเลขที่ห้อง
ลิฟต์โดยสารแบบล็อกชั้น มีให้อาคารละ 2 ตัว
ด้านในลิฟต์โดยสารมีหน้าจอดิจิตอล และ ปุ่มกดบอกชัดเจน มีป้ายบอกชั้นไปส่วนกลาง พร้อมติดกล้อง CCTV ไว้ด้านในลิฟต์ละ 1 ตัวค่ะ
โถงลิฟต์ชั้นพักอาศัย ตกแต่งมาในโทนสีสว่าง สบายตา
โถงทางเดินในชั้นพักอาศัย
ขึ้นมาที่ชั้น 8 ในทุกอาคาร จะเป็นพื้นที่ Roof Garden จัดมาให้เต็มพื้นที่
ศาลาและม้านั่งพักผ่อน
มองออกมาได้วิว Roof Garden ของอาคารที่อยู่ตรงข้ามกัน
ถ่ายภาพรวมให้ดู สวยพักผ่อนลอยฟ้าจะตกแต่งมาในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด
กลับมาต่อที่ Court ด้านล่าง จะมีโต๊ะสนามและเก้าอี้พักผ่อนจัดไว้ให้ตามจุดต่าง ๆ อย่างที่ได้บอกไปเลยค่ะ
พื้นที่สวนสีเขียว และ Jogging Track
ชิงช้าแขวนทรงกลม อยู่ระหว่างอาคาร A และ B
ถัดจากอาคาร A และ B เข้าไปจะเป็น อาคาร C และ D
ระหว่างช่วงอาคารจะมีประตูรั้วเหล็กติดมาให้แบบนี้ สามารถเดินเชื่อมจากที่จอดรถเข้ามาในสวนได้
พื้นที่ระหว่างอาคาร C และ อาคาร D
ด้านในจะเป็นสวนและ Jogging Track ไปจนสุดด้านหลังโครงการ
ตรงมาจนสุดจะเจอกับอาคาร E และ F ตรงกลางเป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกจุด
ระหว่างช่วงอาคาร C-D มาที่อาคาร E-F จะเปลี่ยนจากประตูรั้วคนเดิน มาเป็นช่องทางเดินรถยนต์ค่ะ
ตรงเข้ามาตรง Court ของฝั่งอาคาร E-F จะเป็นสวนพักผ่อน และ มีสระว่ายน้ำให้ได้ใช้งานอีก 1 จุด
ขึ้นมาด้านบนจะเป็น Relax Pool พร้อม Steam และ Sauna
พื้นที่นั่งเล่นริมสระว่ายน้ำ Relax Pool เป็นแบบ Semi Outdoor มี Sunbed และ โซฟารับรองจัดเตรียมไว้ให้
มองกลับมาที่ทางขึ้นจะมีจุดนั่งเล่นชมวิวสวนจัดเตรียมไว้ให้ ตรงนี้จะเป็นเคาน์เตอร์บาร์กระจก พร้อมเก้าอี้ทรงสูง มีให้ประมาณ 6 ที่นั่ง
จากส่วนกลางด้านหลังสุด เดินไล่กลับมาที่ด้านหน้าอาคาร A-B
จากประตูรั้วใหญ่ด้านหน้าอาคาร A-B มองตรงออกมาจะเจอกับ Drop-Off และ อาคาร Clubhouse 3 ชั้น ด้านหน้าโครงการนั่นเองค่ะ
UNIT TYPE & SHOWROOM
UNIT TYPE
ห้องภายในโครงการถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นห้องที่ลงตัว ตกแต่งอย่างครบครัน ตอบโจทย์การอยู่อาศัย โดยจะแบ่งห้องออกเป็น 3 แบบหลักๆก็คือ
ห้องของที่นี่จะขายแบบ Fully Fitted จะได้พวก Furniture แบบ Built-in เช่น ชั้นวางทีวี, ตู้เสื้อผ้า+เตียงนอนแบบลอยตัว, เคาน์เตอร์ครัวพร้อม Hob Hood Sink Faucet จาก Teka และสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ เดี๋ยวเราไปดูแปลนห้องแต่ละแบบกันต่อเลยค่ะ
แบบ 1 Bedroom ขนาด 25.50 ตร.ม.
1 Bedroom Type A ขนาด 25.50 ตร.ม.
1 Bedroom Type B ขนาด 25.50 ตร.ม.
แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 29.50-34.00 ตร.ม.
1 Bedroom Plus Type C ขนาด 29.50 ตร.ม.
1 Bedroom Plus Type D ขนาด 33.00 ตร.ม.
1 Bedroom Plus Type E ขนาด 34.00 ตร.ม.
:: แบบ 2 Bedrooms ขนาด 40.50-43.50 ตร.ม. ::
2 Bedrooms Type F ขนาด 40.50 ตร.ม.
2 Bedrooms Type G ขนาด 43.50 ตร.ม.
ห้องตัวอย่าง
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ลำดับเป็น 1 Bedroom Type A ขนาด 25.50 ตร.ม. และ 1 Bedroom Type B ขนาด 25.50 ตร.ม. มาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของห้องกันเลย
:: แบบ 1 Bedroom Type A ขนาด 25.50 ตร.ม. ::
เริ่มต้นที่ห้อง 1 Bedroom Type A ขนาด 25.50 ตร.ม. ขนาดของห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1-2 คน ภาพรวมภายในห้องสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว แบ่งสัดส่วนระหว่างห้องนั่งเล่น, ห้องครัว และห้องนอนออกจากกัน ห้องครัวที่ได้จะเป็นครัวแบบปิด ช่วยกันกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้ดี ตัวห้องจะเป็นแบบหน้าแคบแต่ลึกจึงทำให้ปริมาณแสงธรรมชาติที่เข้าห้องอาจจะน้อยหน่อย ห้องนี้จะเป็น Type ที่มีเยอะมากที่สุดคิดเป็น 70% ของยูนิตทั้งหมดค่ะ
เข้าไปดูภายในห้องพร้อมๆกันเลย ประตูห้องพักปิดผิวลายไม้ วงกบไม้ทาสีเทา พร้อมตาแมวส่องคน โดยที่ประตูห้องทุกห้องจะติด Digital Door Lock ให้เพื่อความปลอดภัยอีกชั้นนึง
เข้ามาภายในห้องจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นก่อนเลยซึ่งจะจัดให้ส่วนรับประทานอาหารอยู่ในโซนเดียวกัน ถัดเข้าไปคือห้องนอน, ห้องน้ำ และห้องครัว ซึ่งได้กั้นส่วนให้เรียบร้อย โดยพื้นห้องปูด้วยไม้ลามิเนตหนา 8 มม.เข้าไปถึงภายในห้องนอน ผนังเป็นผนังฉาบเรียบทาสี
ฝ้าเพดานจะเป็นฝ้าฉาบเรียบสูง 2.4 เมตร ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้ทั้งหมด
ห้องนี้จะขายแบบ Fully Fitted ได้เฟอร์นิเจอร์เฉพาะพวก Built-in ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าจะได้แอร์มาด้วย แอร์จะได้ของ Daikin เป็นระบบ Inverter ช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า มาดูการจัดการพื้นที่ภายในห้องกันต่อค่ะ
พื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และโต๊ะข้างอีก 1 ตัว ซึ่งจะกำลังพอดีกับพื้นที่เลย
ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาจะเป็นชั้นทีวี Built-in ที่ได้มากับตัวห้อง ชั้น Built-in ลึกประมาณ 30 ซม. ช่วยเก็บของกระจุกกระจิกให้ห้องดูเรียบร้อยขึ้น ส่วนช่องซ้ายมุมล่างจะเป็นชั้นวางรองเท้าค่ะ วางได้ประมาณ 4 คู่ หน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ ลบขอบให้เป็นร่องสามารถเปิด-ปิดบานได้สะดวกโดยไม่ต้องติดอุปกรณ์มือจับ
ระยะดูทีวีของห้องนี้อยู่ที่ 1.35 เมตร ขนาดทีวีจอประมาณ 42-47 นิ้วจะกำลังพอดี แต่ไม่ควรเกิน 50 นิ้วนะ
มาดูในส่วนของพื้นที่รับประทานอาหารกันต่อ
โต๊ะทานอาหารจะวางอยู่ชิดกับโซฟาเลยค่ะ โดยจะสามารถจัดได้ 2 ที่นั่งตามภาพ
เลี้ยวซ้ายจะแยกเป็นห้องน้ำฝั่งซ้ายและห้องครัวฝั่งขวามือ
เราจะเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันก่อน
โดยประตูห้องน้ำจะยกธรณีขึ้นมาประมาณ 7 ซม.
ภายในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องสีขาวขนาด 30 x 30 ซม.ทั้งพื้นและผนัง จัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก
ภายในห้องน้ำจะไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ ทางโครงการจึงแก้ปัญหาด้วยการติดพัดลมดูดอากาศมาให้ ดวงโคมที่ใช้ภายในห้องน้ำก็เป็นดวงโคมดาวน์ไลท์เช่นกัน
มาดูที่สุขภัณฑ์กันบ้าง อ่างล้างมือเป็นแบบวางบนเคาน์เตอร์ทรงสี่เหลี่ยมของ Mogen มีขนาดกำลังดี ขอบอ่างสามารถวางของใช้ได้อยู่บ้าง
ก๊อกน้ำทรงมนๆหน่อย ใช้งานได้ถนัดมือเป็นของ Mogen อีกเช่นกัน
ถัดจากอ่างล้างมือจะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้น ระบบ Single Flush จาก American Standard
ติดตั้งมาพร้อมกับ Accessories ประกอบทั้งสายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษชำระ
ด้านในสุดคือโซนอาบน้ำ โดยจะติดฉากกั้นอาบน้ำและประตูกระจกนิรภัยมาให้เรียบร้อย พื้นก่อธรณีประตูช่วงกันน้ำไหลย้อนออกมาได้ดี
ที่ผนังข้างๆติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวให้
พื้นที่ยืนอาบน้ำมีขนาดกระทัดรัดกว้างประมาณ 1.00 x 0.8 เมตร
ภายในติดตั้งฝักบัวอาบน้ำแบบสายอ่อนของ American Standard มาให้ มีขนาดใหญ่กำลังดี สามารถปรับระดับของสายน้ำได้ จะเห็นว่าเหนือหัวฝักบัวมีแผ่นเหล็กอยู่ จุดนั้นคืองานระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ ตรงนี้เราจะต้องซื้อชั้นวางขวดสบู่-แชมพูมาวางเพิ่มเองนะ
ออกมาจากห้องน้ำ เราไปดูที่ห้องครัวกันต่อ บริเวณโถงหน้าห้องน้ำและห้องครัวจะมีชั้น Built-in ให้อีก 1 ชั้น โดยจะเว้นช่องขนาดใหญ่เอาไว้ให้สำหรับวางตู้เย็นค่ะ
ห้องครัวจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนอลูมิเนียมสีดำแบบ 3 ตอน ติดกระจกเขียวตัดแสง
มือจับประตูเป็นแบบเซาะร่องมาตรฐาน
เข้าไปภายในห้องครัว จะเห็นว่าเราได้ครัวแบบพร้อมใช้งานได้เลย เราจะได้ทั้งชุดเคาน์เตอร์และชั้นวางของเหนือหัวทั้งหมดค่ะ
พื้นห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.สีขาว มีข้อดีที่ว่าสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายเวลาที่เลอะเทอะ เมื่อวางเคาน์เตอร์ครัวเรียบร้อยแล้วจะเหลือพื้นที่ใช้เป็นทางเดินและยืนปรุงอาหารกว้าง 0.7 เมตร ยืนคนเดียวยังพอได้อยู่ แต่ถ้าจะเดินสวนกันก็ลำบากหน่อยนะ
เรามาเจาะรายละเอียดของเคาน์เตอร์ครัวกันต่อเลย เคาน์เตอร์ที่ได้จะปิดผิวด้วยเมลามีน มีทั้งพื้นที่เตรียมอาหาร, อ่างล้างจาน และเตาปรุงอาหารครบ แนะนำให้ตรงผนังหลังเคาน์เตอร์ติดกระเบื้อง หรือแผ่น Splash board นะ จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆ
บนเคาน์เตอร์วางอ่างล้างจานมาให้จาก Teka ขนาดค่อนข้างกระทัดรัดค่ะ ล้างจาน-แก้วกาแฟสะดวกอยู่ แต่ถ้าเป็นกระทะหรือหม้อใบใหญ่อาจจะยากหน่อยนะ
ก๊อกน้ำทรงสูง สามารถหมุนบิดไปซ้าย-ขวาได้ ใช้งานได้สะดวก
ข้างๆกันวางเตาเซรามิกจาก Teka มาให้ มี 2 หัว
เหนือเตาติด Hood ดูดควันให้เรียบร้อย
ใต้เคาน์เตอร์แบ่งช่องเก็บของออกเป็น 4 ช่องรวมชั้นวางไมโครเวฟด้วย บานพับที่ได้เป็นแบบ Soft closed
ชั้นเก็บของเหนือหัวก็พอจะเก็บของพวกแก้วและจานชามได้อยู่บ้าง
จากห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนสามารถเปิดออกสู่ระเบียงห้องได้
พืื้นที่ระเบียงห้องมีขนาดกระทัดรัดขนาดประมาณ 0.9 x 1.2 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.
บริเวณนี้สามารถใช้ซักล้างและตากผ้าได้อยู่บ้าง และใช้เป็นจุดที่แขวน Compressor แอร์ด้วย
ตรงนี้จะติดไฟกิ่งมาให้ 1 ดวงค่ะ
กลับเข้ามาภายในห้อง เราจะเข้าไปดูห้องนอนกันต่อ จะแบ่งโซนห้องด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน
ภายในห้องนอนมีขนาดกระทัดรัด วางเฟอร์นิเจอร์หลักๆก็เต็มพอดี ภายในห้องนี้เราจะได้เตียงแบบลอยตัวขนาด 5 ฟุต (ไม่รวมฟูก) พร้อมตู้เสื้อผ้า Built-in ค่ะ
หน้าต่างของห้องเป็นบานเลื่อนอลูมิเนียมสีดำติดกระจกเขียวตัดแสง ส่วนบานล่างจะเป็นบาน Fix นะ
เมื่อวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตแล้วก็เกือบจะเต็มพื้นที่ห้องแล้ว
พื้นที่ปลายเตียงยังเหลือประมาณ 0.4 เมตร ยังสามารถเดินผ่านและทำเตียงได้อยู่
ฝั่งซ้ายมือเหลือพื้นที่กว้าง 0.5 เมตร สามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้อีกตัวนึงพอดี
ส่วนฝั่งขวาเหลือกว้าง 1.2 เมตร ซึ่งจะเป็นความกว้างของตู้เสื้อผ้าพอดี จึงสามารถยืนแต่งตัวได้สะดวก ภายในตู้ก็มีราวแขวนเสื้อผ้าอยู่ 2 ราว ราวบนและราวล่างสำหรับแขวนพวกกระโปรงหรือกางเกงขาสั้น นอกจากนี้ก็มีลิ้นชั้น และช่องเก็บของเหนือหัวให้
ผนังฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอนจะเดินสายปลั๊กไฟและสายอากาศเอาไว้ให้เรียบร้อย
สวิตช์ไฟและปลั๊กไฟจะใช้ของ Sylvania
:: แบบ 1 Bedroom Type B ขนาด 25.50 ตร.ม. ::
มาดูแบบห้อง 1 Bedroom Type B ขนาด 25.50 ตร.ม. ซึ่งมีขนาดพื้นที่ของห้องเท่ากันแต่วาง Lay out แตกต่างกัน คือเข้ามาให้ห้องแล้วจะเจอส่วนของห้องครัวและห้องรับประทานอาหารก่อน ด้านในสุดจึงจะเป็นห้องรับแขกและห้องนอน ครัวที่ได้จะเป็นครัวเปิดแทน แต่มีข้อดีที่ว่าภายในห้องจะได้แสงสว่างจากธรรมชาติได้เยอะกว่าเพราะไม่มีฉากกระจกมากั้นมาอีกชั้น เมื่อเทียบกับห้องที่ผ่านมา และห้องนี้ก็มีหน้ากว้างที่กว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยค่ะ
อย่ารอช้าเราเข้าไปดูกันเลย
เข้าไปภายในห้องแล้วจะเห็นว่าวัสดุของห้องนี้จะเหมือนกับห้องที่ผ่านมาทุกประการ พื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังเป็นฉาบเรียบทาสี และฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลท์สูง 2.4 เมตรเช่นกัน แต่การจัดวาง Lay out ของห้องนั้นจะต่างกัน โดยจะย้ายครัวมาอยู่ที่หน้าห้องเลย
มองไปทางฝั่งซ้ายเราได้ชั้น Built-in แบบเดียวกับห้องที่แล้วมาเหมือนกัน ข้างๆเหลือที่วางสามารถวางตู้เย็นได้พอดีเลย
ในส่วนของชุดเคาน์เตอร์ครัวจะต่างกันเล็กน้อยค่ะ
เรายังคงได้อ่างล้างจานและเตาเซรามิคมาเหมือนเดิม แต่พื้นที่เตรียมอาหารจะแคบลงหน่อย ประกอบกับตู้เก็บของจะเหลือเพียงช่องใหญ่เพียงช่องเดียว
ส่วนชั้นเก็บของชั้นบนก็จะหายไป 1 ล็อกค่ะ
ที่ได้เพิ่มขึ้นมาก็คือโต๊ะ Built-in แบบพับได้ ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในห้องได้ดี ตรงนี้เราจะใช้เป็นโต๊ะทานอาหารหรือโต๊ะทำงานก็ได้เช่นกัน
เข้ามาด้านในสุดจะเป็นห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับระเบียง
พื้นที่ตรงนี้เหมาะสำหรับโซฟาขนาด 2 ที่นั่งจะกำลังพอดี วางโต๊ะกาแฟและเก้าอี้นั่งตัวเล็กๆเพิ่มอีกตัวก็ยังได้
ฝั่งตรงข้ามจะได้ชั้นวางทีวีมาแบบเดิม
ระยะดูทีวีก็เท่าๆเดิมค่ะ ทีวีขนาดไม่ควรเกิน 50 นิ้วนะ
จากห้องนั่งเล่นจะสามารถเปิดออกสู่ระเบียงได้
พื้นที่ระเบียงจะมีขนาดยาวขึ้นแต่แคบลงหน่อย มีก๊อกสนามและไฟกิ่งมาให้เหมือนเดิม
มุมมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง
เรากลับเข้ามาภายในห้องเข้าไปดูห้องนอนกันต่อ โดยจะติดประตูบานเลื่อนกระจกกั้นโซนเอาไว้ให้
เข้ามาภายในห้องนอนจะมีขนาดไม่ต่างจากห้องนอนห้องที่แล้วค่ะ เฟอร์นิเจอร์ที่ได้มากับตัวห้องก็เหมือนเดิม
เตียงที่ได้ขนาด 5 ฟุต วางแล้วยังพอเหลือพื้นที่โดยรอบอยู่บ้าง ฝั่งซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ขนาดเท่าเดิม ฝั่งขวาเหลือพื้นที่สามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้
พื้นที่ปลายเตียงเหลือประมาณ 30 ซม. เปิดประตูบานเลื่อนเอาไว้ก็เดินผ่านได้ง่ายขึ้น ห้องนี้มีข้อดีอีกข้อก็คือ ห้องนอนก็สามารถใช้ทีวีร่วมกับห้องนั่งเล่นได้เลย 😉
ภายในห้องนอนมีหน้าต่างแบบเดียวกันกับห้องที่ผ่านมาเป๊ะ
ไปดูในส่วนของห้องน้ำกันต่อค่ะ ห้องน้ำจะสามารถเข้าได้จากภายในห้องนอนเพียงทางเดียวนะ
ภายในห้องน้ำนี้จะใช้วัสดุและการจัดวางสุขภัณฑ์เหมือนกับแบบห้องที่ผ่านมาทุกประการค่ะ โดยขนาดห้องจะกว้างกว่าเล็กน้อย
อ่างล้างมือแบบฝังบนเคาน์เตอร์แบบเดิม มีช่องเก็บของสามารถวางของใช้ได้เล็กน้อย
โซนอาบน้ำก็ติดฉากกั้นมาให้เรียบร้อย
พื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้างกว่าหน่อยค่ะ
ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือชั้นวางสบู่ที่เจาะผนังเข้าไปให้ ไม่ต้องซื้อชั้นวางของมาวางเพิ่มเติมให้เกะแกะเลย
สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (เม.ย.62)
ห้องน้ำ และสุขาภิบาล
งานไฟฟ้า
เฟอร์นิเจอร์
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ
ราคา (เม.ย.62)
แบบ 1 Bedroom Type A
– พื้นที่ใช้สอย 25.50 ตร.ม.
– ราคา 2.19 ล้านบาท
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม**
บทสรุปโครงการ
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 105 หรือถนนลาซาล ใกล้จุดขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่งเพียง 500 เมตร เนื่องจากถนนลาซาลเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างเส้นสุขุมวิทและศรีนครินทร์ และอยู่ติดกับถนนบางนา-ตราด จึงเป็นซอยที่ค่อนข้างจะคึกคักและมีความอุดมสมบูรณ์ มีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับ Demand ที่อยู่อาศัยที่ยังเกาะเส้นรถไฟฟ้า และจุดขึ้น-ลงทางด่วน และมีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างมาก
ในอนาคตจะมีโครงการเปิดใหม่ อาทิ Bangkok Mall โครงการ มิกซ์ยูส ขนาดใหญ่จาก เดอะมอลล์ กรุ๊ป, อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ภิรัชบุรี ที่จะเปิดใช้งานในปีนี้ และ ช่วงปีหน้า รวมถึงโครงการ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย แบริ่ง-สมุทรปราการ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่พูดถึงไปข้างต้น คาดว่าแล้วเสร็จช่วงปี 2563-2564 ทำให้โครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นบนทำเลนี้ เป็นที่จับตามอง ของลูกค้า พนง.ออฟฟิศ ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย เดินทางสะดวก เข้าเมืองได้ง่าย รวมถึง นักลงทุน ที่ต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่า หรือ ต่อยอดในอนาคต
ภายในซอยมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อซึ่งเปิดอยู่ตลอด 24 ชม. ใกล้ๆก็มีห้างใหญ่อย่างเซ็นทรัลบางนา, Hypermarket อย่าง Big C รวมถึงพวกคอมมูนิตี้มอลล์ และห้างอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง สามารถไปได้ไม่ยาก ถือว่าครบครันทีเดียวค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าทำได้สะดวก เพียง 450 เมตร ก็ถึงถนนสุขุมวิทแล้ว ซึ่งสะดวกทั้งเข้าเมืองและออกเมือง จากถนนลาซาลจะเชื่อมกับถนนศรีนครินทร์ ซึ่งใช้วิ่งเข้าเมือง-ออกเมืองได้อีกเส้น ภายในถนนลาซาลเองก็จะมีซอยย่อยๆที่สามารถใช้เชื่อมไปยังถนนแบริ่งได้ นั่นก็คือซอยลาซาล 24 และถนนแบริ่ง-ลาซาล และซอยลาซาล 23 และ 55 ที่เชื่อมกับเส้นบางนา-ตราด
ซึ่งตรงซอยลาซาล 55 พอออกเส้นบางนา-ตราดแล้วกลับรถไปทางฝั่งขาออกเมือง ก็จะเจอเซ็นทรัลบางนาและจุดขึ้นทางด่วนบูรพาวิถีพอดี ใช้วิ่งออกไปทางชลบุรีได้สะดวก ใช้เป็นเส้นทางในการหลีกเลี่ยงการจราจรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีทางด่วนให้เลือกใช้ได้อีก 3 สาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที วิ่งตรงสู่พระราม 4, สาธร, สีลม หรือส่วนอื่นๆในกรุงเทพฯได้เลยค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ บริเวณหน้าโครงการมีรถ 2 แถววิ่งผ่านตั้งแต่ช่วงตี 5 จนถึง 3 ทุ่ม, มีวินมอเตอร์ไซค์ และรถแท็กซี่วิ่งผ่านอยู่ตลอดทั้งวัน ใกล้กับ BTS สถานีแบริ่งเพียง 500 เมตร อีกทั้งในอนาคตมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง อีกด้วยใกล้กับโครงการจะเป็นสถานีศรีลาซาลค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น มี 6 อาคาร ทั้งหมด 1,113 ยูนิต บนพื้นที่ 8 ไร่ แบบหน้าแคบแต่ลึก วางผังโครงการแบบ Linear เรียงแต่ละตึกเข้าไปเป็นคู่ๆ A-B, C-D และ E-F ซึ่งอาคารคู่ตรงข้ามจะมีแปลนอาคารที่ Mirror กันมา การวางแปลนแต่ละชั้นก็เรียบง่ายเป็นแบบ Double Corridor การวางอาคารแบบนี้ทำให้เกิด Space ตรงกลางระหว่างอาคาร กลายเป็นสวนและ Jogging Track
เนื่องจากอาคาร E-F จะค่อนข้างอยู่ไกลจาก Clubhouse ที่อยู่บริเวณหน้าโครงการ จึงได้จัด Relax Pool ขึ้นมาอีก 1 จุด และสวนสไตล์อังกฤษตรงท้ายโครงการ ทำให้ลูกบ้านอาคาร E-F ไม่เสียเปรียบมากนัก
ส่วนห้องแต่ละ Type ก็ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นที่ค่อนข้างลงตัว โดยหลักจะขออิงไปที่ห้อง 1 Bedroom ที่เราได้รีวิวให้ดูกันนะคะ ห้องทั้ง 2 แบบมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันค่ะแล้วแต่ว่าใครจะเหมาะกับแบบไหนมากกว่า โดยห้อง Type A จะมีหน้าห้องที่แคบหน่อย และภายในห้องนั่งเล่นจะไม่ติดกับผนังภายนอกอาคาร จึงไม่มีหน้าต่างมาให้ ต้องอาศัยแสงสว่างที่ผ่านเข้ามาจากทางห้องนอนและห้องครัวเอา
แต่ข้อดีก็คือห้องมีการแบ่งสัดส่วนได้เป็นอย่างดี ห้องครัวถูกกั้นส่วนออกไป เมื่อปรุงอาหารกลิ่นก็จะไม่ฟุ้งไปทั่วห้อง โดยพื้นจะปูด้วยกระเบื้องเซารามิคสีขาว ซึ่งสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายกว่าเมื่อเวลาเลอะเทอะ
ส่วนห้อง Type B จะมีหน้าห้องที่กว้างกว่าเล็กน้อย ภายในห้องจะไม่ได้กั้นส่วนระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นจึงทำให้ภาพรวมของห้องดูโปร่งและสว่างมากกว่า จุดที่ดีอีกอย่างของห้องในโครงการนี้ก็คือจะลดพื้นที่ในส่วนระเบียงลงให้เหลือเท่าที่จำเป็นเพื่อมาเพิ่มพื้นที่ภายในห้องให้กว้างขวางขึ้น ส่วนวัสดุ, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มากับตัวห้องก็ได้มาตรฐานดี ถือว่าใช้ได้ค่ะ
โดยโครงการขายแบบ Fully Fitted ได้พวกเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in มา จะเป็นพวกชั้นวางรองเท้า, ชั้นวางทีวี, เคาน์เตอร์ครัวพร้อมอ่างล้างจาน, เตาเซรามิค และฮู้ดดูดควันจาก Teka, ตู้เสื้อผ้า และเตียงแบบลอยตัวขนาด 5 ฟุต นอกจากนี้ก็ยังได้แอร์ จาก Daikin เป็นระบบ Inverter ที่ช่วยประหยัดไฟได้ดีกว่า ตอนนี้ราคาของโครงการตกอยู่ที่ ตร.ม.ละ 94,000 บาทค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ที่นี่จะค่อนข้างเน้นสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะ ด้านหน้าโครงการมี Clubhouse ซึ่งภายในประกอบด้วย Lobby, Co-working space, โต๊ะ Pool, Football Table, Bar, Irish Sports Club corner, Fitness พร้อมเทรนเนอร์คอยให้คำปรึกษาในการใช้อุปกรณ์และการออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำชั้นบนสุดพร้อม Pool Deck
Court ตรงกลางระหว่างอาคารก็จะจัดเป็นสวนใช้เป็น Jogging Track ท้ายโครงการจะมีสวนสไตล์อังกฤษ และสระว่ายน้ำพร้อม Steam และ Sauna อีกทั้งชั้น Roof Top ทุกอาคารจะมี Roof Garden สามารถขึ้นไปนั่งพักผ่อนและชมวิวเมืองในยามค่ำคืนได้
เนื่องจากโครงการเน้นผู้อยู่อาศัยที่เดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าด้วยจึงได้ทำช่องจอดรถเอาไว้ประมาณ 35% แบบรวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาน้อยไปหน่อยแม้ว่าจะเน้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็ตาม มีอัตราส่วนห้องพักอาศัยต่อลิฟต์โดยสารแต่ละอาคารพอๆกัน ตั้งแต่ 74 : 1 จนไปถึง 105 : 1 แอบเกินมาตรฐานมานิดหน่อยแต่ถึือว่ารับได้นะ เพราะเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low rise การรอลิฟต์จึงไม่นานมากอยู่แล้ว
ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยก็จะประกอบไปด้วยกล้อง CCTV, Security guard ตลอด 24 ชม. พร้อมทั้ง Access card สำหรับเข้าสู่ตัวอาคารและระบบ Key Card ภายในลิฟต์แบบระบุชั้น ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.0 | อยู่ในซอยสุขุมวิท 105 (ลาซาล) เป็นชุมชนที่อยู่อาศัย ภายในซอยค่อนข้างพลุกพล่านและมีความอุดมสมบูรณ์ และมีสาธารณูปโภคที่รองรับพื้นที่อยู่อาศัย |
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว | 7.8 | ซอยสุขุมวิท 105 นั้นเชื่อมระหว่างเส้นสุขุมวิทและเส้นศรีนครินทร์ มีซอยที่สามารถลัดไปออกเส้นบางนา-ตราดได้ อีกทั้งยังอยู่ใกล้ทางด่วนอีก 3 สาย จึงทำให้เดินได้สะดวก |
การเดินทางโดยรถสาธารณะ | 8.2 | มีรถสาธารณะวิ่งผ่านหน้าโครงการ อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง เพียง 500 เมตร และอยู่ในละแวกการมาถึงของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีเขียว |
บ้านและวัสดุ | 7.8 | โครงการมีกลิ่นอายแบบอังกฤษ ให้เฟอร์นิเจอร์มาค่อนข้างใช้ได้ วัสดุและสุขภัณฑ์ได้มาตรฐาน จัดห้องได้ค่อนข้างลงตัว แต่เทียบจำนวนยูยิตกับพื้นที่โครงการจะเห็นว่าค่อนข้างหนาแน่นพอตัวเลย |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 7.9 | โครงการเน้นสิ่งอำนวยความสะดวกมาก ให้มาค่อนข้างเยอะ แต่ลูกบ้านภายในโครงการก็มีหนาแน่นเช่นกัน |
ความคุ้มค่ากับราคา | 7.9 | โครงการเหมาะสำหรับครอบครัวขนาด 1-3 คน ทำงานในเมืองหรือบริเวณใกล้เคียงกับตัวโครงการ ต้องการหาที่อยู่ที่ดูแลได้ง่าย มีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย และชอบที่จะใช้บริการส่วนกลางของโครงการมากกว่าออกไปเสียค่าบริการข้างนอก |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 7.93 | ดี |
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 020 300 0000
Website : http://nottinghill.origin.co.th/sukhumvit105/index.php
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น