EP.560 รีวิว นิว คอร์ คูคต สเตชัน Nue Core Khu Khot Station คอนโดใหม่แต่งครบพร้อมอยู่ มีห้อง Duplex สูง 2 ชั้น ส่วนกลางใหญ่อลังการ ทำเลดีติดห้าง และรถไฟฟ้า BTS คูคต เริ่ม 1.59 ล้านบาท*
Written by : Nan Kanyaratthp
สวัสดีเพื่อน ๆ Condonayoo ทุกคนค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ “Nue Core คูคต สเตชัน” คอนโดใหม่แต่งครบพร้อมอยู่ มีห้อง Duplex สูง 2 ชั้น พร้อมแบบ Pool Access และ Garden Access ให้เลือก ส่วนกลางใหญ่อลังการถึง 3 โซน ทำเลดีติดห้าง และรถไฟฟ้า BTS คูคต จาก Noble Development
ตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดในย่านคูคต-ลำลูกกา บน “คูคตมหานคร” เชื่อมต่อถนนอื่น ๆ ได้หลายเส้น เช่น สายไหม, พหลโยธิน, สุขาภิบาล 5, หทัยราษฎร์, วิภาวดีรังสิต, รังสิต-นครนายก, นิมิตใหม่ เป็นต้น สะดวกสบายทุกการเดินทางใกล้ดอนเมืองโทลล์เวย์, วงแหวนกาญจนาภิเษก และทางพิเศษฉลองรัช เพียงแค่ 15 นาที* ถึงสนามบินดอนเมือง
อีกหนึ่ง Highlights ของโครงการนี้คืออยู่ติดห้าง Khu Khot Crossing Mall ซึ่งเป็น Lifestyle Mall แห่งใหม่ในย่าน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีคูคต นั่งเข้าเมืองต่อเดียวถึงสยาม พร้อมรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อีกมากมาย
นิว คอร์ คูคต สเตชัน เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 6 อาคาร บนที่ดินขนาดใหญ่ประมาณ 11 ไร่ จำนวนห้องชุดพักอาศัย 1,206 ยูนิต ออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ ‘Mid Century Modern Architecture in 60S’ มาพร้อมแนวคิดสุดเก๋ “คูลครบ ณ คูคตมหานคร” โดยวางเส้นสายของงานสถาปัตยกรรมที่มีความเรียบง่าย มีเอกลักษณ์ เลือกใช้สีและจังหวะอย่างลงตัว
รวมทั้งการจัดวางผังอาคารล้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เพื่อให้ลูกบ้านแต่ละอาคารเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย มีที่จอดรถประมาณ 24% ของจำนวนห้องชุดพักอาศัย (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ในส่วนของห้องพักมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom และ 2 Bedroom Duplex
ขนาดเริ่มต้น 22.70-59.30 ตร.ม. มีห้องแบบ Pool Access และ Garden Access ที่เชื่อมต่อสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลางได้เลยจากห้องพักอาศัย นอกจากนี้ห้อง Duplex ยังให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้านเป็นหลัง ๆ มีบันไดขึ้นไปชั้น 2 ที่เป็น Master Bedroom ได้อีกด้วย
โครงการขายห้องแบบ Fully Furnished ให้มาครบทั้งเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in และแบบลอยตัว โดยเน้นไปในโทนลายไม้สี Dark Cornwall Oak และสี Earth Tone ทั้งยังสอดแทรกความเป็น Geographic Form ด้วยเฟอร์นิเจอร์รูปทรงเลขาคณิตเข้าไปด้วย ช่วยให้ห้องพักดูสวยงาม คุม Mood & Tone ระหว่างอาคารและห้องพักเข้าไว้ได้อย่างลงตัว โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่
พื้นที่ส่วนกลางให้มาขนาดใหญ่กว่า 3 ไร่ ได้พื้นที่สีเขียวทั้งโครงการรวมกว่า 2 ไร่ ทางโครงการยังออกแบบ The Core Court ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางต่อเนื่อง มีความยาวกว่า 220 ม.* โดยจะแบ่ง Facilities เป็น 3 โซนหลัก ๆ ได้แก่ The Core Terrain สวนที่ออกแบบมาให้รองรับกิจกรรมที่มีความคึกคัก เช่น Outdoor Cinema และพื้นที่ออกกำลังกาย Outdoor
The Core Lagoon พื้นที่รวมของกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ เช่น Lap Pool สระว่ายน้ำที่ยาวเทียบเท่าสระ Olympic ใช้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้แบบจริงจัง, Leisure Pool พื้นที่พักผ่อนให้นอนแช่น้ำ เล่นน้ำ เพื่อความผ่อนคลาย, Kids Pool พื้นที่เล่นน้ำสำหรับเด็ก ๆ, Sunken POD มุมนั่งเล่นที่ลดระดับลงให้อยู่ระดับเดียวกับผืนน้ำ
Scenery Pool Bar พื้นที่นั่งเล่นภายในศาลาริมสระว่ายน้ำ ถัดมาจะเป็น The Core Pavillion อาคาร 2 ชั้น จัดฟังก์ชันไว้อย่างครบครันทั้ง Welcome Lounge, Co-Working Space และ Fitness ที่ครอบคลุมทั้งการ Cardio และ Weight Training
และสุดท้ายคือ The Core Forest เน้นบรรยากาศที่ร่มรื่น เขียวชอุ่ม ให้บรรยากาศเป็นส่วนตัวเหมาะกับการพักผ่อน มีพื้นที่ให้นั่งทำงานในสวน นอกจากนี้ทุก ๆ อาคารยังมาพร้อม Service ส่วนตัว ได้แก่ Lobby โถงต้อนรับ, Mail Room ขนาดใหญ่, Laundry Room เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบหยอดเหรียญ รวมถึงมี Delivery Station อีกด้วย
เข้า-ออกโครงการระบบ Key Card Access, เข้าอาคารระบบ Key Card, ลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้น 2 ตัว/อาคาร, บันไดทางหนีไฟ 2 จุด/อาคาร, มีช่อง EV Charger Station สำหรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า, ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ทั่วโครงการ และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชม. ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท* (ม.ค. 68)
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก : https://bit.ly/3Nw8Ofh
สำหรับรายละเอียดทำเลที่ตั้งโครงการ, ห้องตัวอย่าง และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการจะมีความน่าสนใจอย่างไรกันบ้าง ติดตามกันต่อได้ที่เนื้อหาด้านล่างเลยค่ะ
ชื่อโครงการ | นิว คอร์ คูคต สเตชัน / Nue Core Khu Khot Station |
เจ้าของโครงการ | Noble Development |
เนื้อที่ทั้งหมด | 11-1-27.2 ไร่ |
จำนวนตึก | 6 อาคาร |
จำนวนชั้น | 8 ชั้น |
จำนวนห้อง | 1,206 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | ประมาณ 24% ของจำนวนห้องชุดพักอาศัย (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) |
จำนวนลิฟต์ | 2 ตัว/อาคาร |
โซน | คูคต-ลำลูกกา-พหลโยธิน |
เส้นทางคมนาคม |
|
ที่ตั้ง | ถ.ลำลูกกา ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี |
กำหนดการ | ปี 67 |
ปีที่สร้างเสร็จ | สร้างเสร็จพร้อมอยู่ |
ราคา | เริ่มต้น 1.59 ล้านบาท* (ม.ค. 68) |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | ประมาณ 69,000 บาท/ตร.ม.* |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ศูนย์การค้า
ตลาด ร้านสะดวกซื้อ และอื่น ๆ
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
อาคารสำนักงาน และหน่วยงานอื่น ๆ
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด** |
สิ่งอำนวยความสะดวก | The Core Forest
The Core Lagoon
The Core Terrain
The Core Pavilion
|
Tel | 02-251-9955 |
Line | @nuekhukhotstation |
Website | https://bit.ly/3Nw8Ofh |
ที่ตั้งโครงการ
ถ.ลำลูกกา ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
พิกัดโครงการ : https://maps.app.goo.gl/rEyyKivAuZqDYmTV9
นิว คอร์ คูคต สเตชัน คอนโด Low-Rise ใหม่ ภายใต้แนวคิดการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ “Mid Century Modern Architecture in 60S” มาพร้อมแนวคิดสุดเก๋ “คูลครบ ณ คูคตมหานคร” โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพของคูคตที่เป็น Hub สำคัญ ๆ ของกรุงเทพฯ ตอนบน สะดวกสบายทุกการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างง่ายดาย
อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สุขุมวิท) สถานีคูคต เข้าเมืองถึงสยามได้เพียงต่อเดียว เชื่อมต่อถนนเส้นหลักได้อีกหลายสาย เช่น สายไหม, พหลโยธิน, สุขาภิบาล 5, หทัยราษฎร์, วิภาวดีรังสิต, รังสิต-นครนายก, นิมิตใหม่ เป็นต้น เดินทางง่ายใกล้ดอนเมืองโทลล์เวย์, วงแหวนกาญจนาภิเษก และทางพิเศษฉลองรัช
ใกล้ Lifestyle Mall แห่งใหม่ในละแวกอย่าง Khu Khot Crossing Mall ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ตลาดเซฟวันโก, MT Khu Khot, Makro, Lotus’s, Big C, Home Pro, Future Park & Zpell รังสิต, Zeer รังสิต, Central รามอินทรา และอื่น ๆ อีกมากมาย
การเดินทางโดยรถส่วนตัว : จากทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ติดกับถนนลำลูกกาฝั่งขาออกเมือง ใกล้จุดกลับรถไปฝั่งขาเข้าเมืองประมาณ 400 ม.* ทำให้สะดวกสบายในการเดินทางเป็นอย่างมาก สามารถเชื่อมต่อถนนสายหลักได้ง่าย หากใครต้องการเดินทางไปยังโซนสายไหม, สุขาภิบาล 5, เพิ่มสิน, วัชรพล, เทพรักษ์ ก็ใช้ซอยสายไหม 39 วิ่งไปได้เลยใกล้ ๆ โดยไม่ต้องขับไปทางถนนใหญ่พหลโยธิน
ทั้งยังใช้เป็นเส้นทางลัดเลาะไปขึ้นทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) ได้ง่ายที่สุดอีกด้วย ส่วนการเดินทางเข้าเมืองจะใช้ถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีรังสิตเป็นเส้นทางหลักในการเดินทาง โดยวิ่งไปทางวงเวียนบางเขนและห้าแยกลาดพร้าว ใช้เดินทางไปได้ทั้งฝั่งรามอินทรา, คู้บอน, พระยาสุเรนทร์, มีนบุรี, สุวินทวงศ์
หรือไปทางหลักสี่, แจ้งวัฒนะ, งามวงศ์วาน, จตุจักร, ดินแดง, ห้วยขวาง เข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและย่าน CBD ได้เลย หากต้องการความเร่งด่วนในการเดินทางช่วง Rush Hour ก็จะมีทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) ให้ได้ใช้งานกันในระยะใกล้ ๆ โดยจะไปเชื่อมกับทางพิเศษศรีรัชได้อีก ทำให้เดินทางได้อย่างคลอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพฯ
หรือจะใช้ถนนพหลโยธิน วิ่งออกไปโซนรังสิต, นวนคร, บางปะอิน, วังน้อย, อยุธยา, สระบุรีก็ง่าย ถ้าวิ่งไปฝั่งแยกต่างระดับลำลูกกาก็สามารถเชื่อมไปรังสิต-นครนายก, หทัยราษฎร์, นิมิตใหม่ หรือวิ่งยาวไปนครนายกและฉะเชิงเทราได้เลย ถ้าขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกฯ จะไปเชื่อมกับทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานครได้
ใช้เข้าเมืองไปฝั่งรามอินทรา, มีนบุรี, รามคำแหง เข้าสู่ย่าน CBD พระราม 3, พระราม 4, คลองเตย, สาทรได้สะดวก หากตรงยาวจะไปออกโซนบางนา ระหว่างทางสามารถลัดเข้าสู่มอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ ใช้เดินทางไปชลบุรีได้ง่าย ๆ หรือจะข้ามโซนไปสมุทรปราการ, ปากน้ำ, บางปู, ประชาอุทิศ, สุขสวัสดิ์ก็ได้
ทางด่วน สำหรับใครที่ต้องการเดินทางเข้า-ออกเมืองให้เร็วมากขึ้นอีกหน่อย ก็มีทางด่วนใกล้ ๆ ให้เลือกถึง 3 สาย ใกล้สุดคือถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฯ ฝั่งตะวันออก) หรือวงแหวนกาญจนาภิเษก ที่ขับรถไปประมาณ 6.4 กม.* หรือใช้เวลาราว ๆ 7-14 นาที*
เส้นนี้จะวิ่งแบบวงแหวนรอบเมืองทำให้เดินทางได้อย่างครอบคลุมย่านต่าง ๆ ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ครบ ใช้วิ่งเข้าเมืองไปฝั่งรามอินทรา, มีนบุรี, ลาดกระบัง, บางนา หรือออกไปทางศรีนครินทร์, สุขุมวิทตอนปลาย ยาวไปยังโซนพระประแดง, ปากน้ำ, สมุทรปราการ, ทุ่งครุ, พระราม 2 และบางแคได้เลย
ทั้งยังไปเชื่อมกับทางพิเศษฉลองรัชได้อีก ใช้เข้าตัวเมืองไปฝั่งพระราม 9, อโศก, สุขุมวิท, คลองเตย, พระราม 3, พระราม 4 และสาทร เข้าสู่ย่าน CBD ง่าย ๆ ใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน
ถัดมาจะเป็นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ที่ขับรถจากโครงการไปประมาณ 8.8 กม.* หรือใช้เวลาราว ๆ 12-16 นาที* โดยจะไปเชื่อมกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัชได้อีก ใช้เข้าเมืองไปทางฝั่งดอนเมือง, ลาดพร้าว, หลักสี่, รัชดาภิเษก, พระราม 9, อโศก, สุขุมวิทตอนต้นและตอนกลาง
ใช้มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองชั้นในไปย่าน CBD และโซนดินแดงได้ง่าย ทั้งยังไปเชื่อมต่อกับทางด่วนสายอื่น ๆ ได้อีก ช่วยให้เดินทางเข้าเมืองได้อย่างครอบคลุมไปได้หลายโซน หรือจะวิ่งออกเมืองไปฝั่งรังสิตก็ได้
สุดท้ายจะเป็นทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) ที่ขับรถจากโครงการไปประมาณ 9.1 กม.* หรือใช้เวลาราว ๆ 14-22 นาที* เส้นนี้เหมาะกับคนที่ต้องการเดินทางไปโซนรามอินทรา, ลาดพร้าว, พระราม 9, พัฒนาการ, อ่อนนุช, สุขุมวิท และใช้เชื่อมกับทางด่วนสาย S1 ที่ออกไปยังบางนาและทางด่วนบูรพาวิถีได้
ถนนและแยกสำคัญใกล้เคียง
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด**
การเดินทางโดยรถไฟฟ้าและรถสาธารณะ : ตัวโครงการอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สุขุมวิท) สถานีคูคต ประตูทางออกที่ 3 ในระยะเดินได้สบาย ๆ สะดวกเป็นอย่างมากสำหรับลูกบ้านที่ต้องการเข้าเมืองไปทำงาน, เรียนหนังสือ หรือ Shopping ห้างใหญ่ในตัวเมือง
ซึ่งสถานีคูคตเป็นสถานีต้นทางของฝั่งเหนือ ข้อดีคือขบวนรถไฟค่อนข้างโล่ง มีที่นั่งให้เลือกเยอะและเพียงพอ นั่งเข้าเมืองต่อเดียวถึงสยามเลยค่ะ นั่งยาวไปเพลินจิต, ทองหล่อ, เอกมัย, อ่อนนุช, อุดมสุข, สำโรง, ปากน้ำ ยาวไปจนสุดเมืองสมุทรปราการ เรียกได้ว่านั่งเชื่อมได้ถึง 3 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ, ปทุมธานี และสมุทรปราการได้อย่างไร้รอยต่อ
สามารถ Interchange ไปรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูได้ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ นั่งไป Fashion Island ได้ง่าย ๆ หรือไปรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินได้ที่สถานีห้าแยกลาดพร้าว นั่งไปเตาปูน, บางซื่อ, จรัญสนิทวงศ์, เพชรเกษม, บางแค และไปเชื่อมกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สีลม) ได้ที่สถานีสยาม
นั่งยาวไปถึงฝั่งสีลม, วงเวียนใหญ่, ตลาดพลู, บางหว้า เดินทางได้ครบทุกสายของกรุงเทพฯ ที่มีอยู่ในตอนนี้ รวมถึงใกล้กับส่วนต่อขยายในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ใกล้กับตัวโครงการยังมีป้ายรถเมล์ประจำจุดให้บริการ โดยจะอยู่บริเวณบันไดทางขึ้น BTS สถานีคูคต ด้านหน้า Khu Khot Crossing Mall
รถเมล์สายที่ผ่าน เช่น สาย 543 บางเขน-ลำลูกกา, สาย 374 ตลาดกลางลาดสวาย-BTS คูคต, สาย 6046 พหลโยธิน-ลำลูกกา, สาย 6250 รังสิต-ลำลูกกาคลอง 10 เป็นต้น รวมถึงมีรถตู้สาย ม.รามคำแหง 1-ลำลูกกาคลอง 1 ถึง 8 วิ่งผ่านอีกด้วย
ความอุดมสมบูรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครันในระดับที่สูงมาก โครงการอยู่ติดกับ Khu Khot Crossing Mall ซึ่งเป็น Lifestyle Mall แห่งใหม่ขนาดใหญ่ที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ ถือเป็นแหล่งรวมร้านค้า, ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ มากมาย
นอกจากนี้ใกล้กับตัวโครงการเยื้องไปทางฝั่งซ้ายประมาณ 240 ม.* ยังมีปั๊ม ปตท. สาขาคูคตเปิดให้บริการอีกด้วย บริเวณนี้มีทั้งร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, Cafe Amazon, KFC, Subway, ไก่ย่างห้าดาว เป็นต้น ขณะที่ศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้า, ห้างค้าปลีก, Community Mall และตลาดนัด เรียกได้ว่ามีอยู่ล้อมรอบโครงการเลยก็ว่าได้
ไม่ว่าจะเป็น MT Khu Khot Lifestyle Mall, Makro ลำลูกกา, Lotus’s ลำลูกกา คลอง 2, Big C ลำลูกกา คลอง 4, Saimai Avenue, Home Pro ลำลูกกา คลอง 5, Zeer รังสิต, Central รามอินทรา, Future Park & Zpell รังสิต, Fashion Island, ตลาดเซฟวันโก, ตลาดลำลูกกาพลาซ่า, ตลาดสายสัมพันธ์, ตลาดกลางลาดสวาย, ตลาดชัชวาล คลอง 7 เป็นต้น
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบ ๆ โครงการ นับว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก มีร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ, ตลาดสด, ห้างค้าปลีก, ห้างสรรพสินค้า, Community Mall ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หลายแห่งให้บริการ เช่น Khu Khot Crossing Mall, MT Khu Khot Lifestyle Mall, Makro ลำลูกกา, Lotus’s ลำลูกกา คลอง 2, Big C ลำลูกกา คลอง 4
Saimai Avenue, Home Pro ลำลูกกา คลอง 5, Zeer รังสิต, Central รามอินทรา, ไทวัสดุ ลำลูกกา, Market Village รังสิต, Future Park & Zpell รังสิต, Fashion Island, ตลาดสายสัมพันธ์, ตลาดเซฟวันโก, ตลาดลำลูกกาพลาซ่า, Foodland สายไหม, ตลาดเทพทิพย์, ตลาดเอซี สายไหม, ตลาดสี่มุมเมือง, ตลาดชัชวาล คลอง 7 เป็นต้น
ตัวโครงการอยู่ใกล้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง มีครบตั้งแต่ระดับอนุบาล, ประถม, มัธยม และมหาวิทยาลัย ใกล้ที่สุดจะเป็น รร.ผ่องสุวรรณวิทยา ที่อยู่ถัดออกไปเพียง 1 กม. ถัดไปรอบ ๆ ก็จะมี รร.ระเบียบวิทยา, รร.สายไหม, รร.เตรียมบัณฑิต, รร.สารสาสน์วิเทศสายไหม, รร.ฤทธิยะวรรณาลัย, รร.วัดคลองชัน, รร.ศรีจิตรา, รร.อนุบาลเซนต์แคเธอรีน
รร.บริบูรณ์ศิลป์รังสิต, รร.โชคชัย รังสิต, รร.นานาชาติ สยาม, รร.บีคอนเฮาส์แย้มสอาด รังสิต, รร.เปรมฤทัย ลำลูกกา, รร.นวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย, รร.เตรียมอุดมศึกษาฯ ปทุมธานี, ม.เวสเทิร์น วิทยาเขตกรุงเทพ-วัชรพล, ม.นอร์ทกรุงเทพ, ม.รังสิต, ม.อีสเทิร์นเอเชีย, มทร.ธัญบุรี เป็นต้น
ศูนย์การแพทย์และสถานพยาบาลอยู่ใกล้กับโครงการมีให้เลือกเยอะ ทั้งหมดอยู่ในระยะที่อุ่นใจ ใกล้สุดจะเป็น รพ.สินแพทย์ ลำลูกกา ที่อยู่ห่างเพียง 3.1 กม.*
ถัดออกไปไม่ไกลก็จะมี ศูนย์แพทย์ธรรมศาสตร์คูคต, รพ.ซีจีเอช สายไหม, รพ.ภูมิพลอดุลยเดชฯ, รพ. บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ สายไหม, รพ.บางปะกอก รังสิต 2, รพ.เปาโล รังสิต, รพ.แพทย์รังสิต, รพ.ซีจีเอช ลำลูกกา, รพ.ธัญบุรี เป็นต้น
สถานที่ราชการ, แหล่งงาน หรืออื่น ๆ ใกล้กับโครงการจะมี สภ.คูคต, สน.สายไหม, เทศบาลเมืองคูคต, ที่ว่าการอำเภอลำลูกกา, อาคารจอดแล้วจร สถานีคูคต, สนามกีฬาธูปะเตมีย์, Dreamworld, สนามบินดอนเมือง, Mini Zoo ธัญบุรี, Safari World, วัดสายไหม, วัดโพสพผลเจริญ, วัดคลองชัน, วัดลาดสนุ่น, วัดประชุมราษฎร์, วัดดอนใหญ่ เป็นต้น
ศูนย์การค้า
ตลาด ร้านสะดวกซื้อ และอื่น ๆ
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
อาคารสำนักงาน และหน่วยงานอื่น ๆ
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด**
ภาพประกอบการเดินทาง
พิกัด Google Maps : 13.933166, 100.648210
การเดินทางเริ่มจาก ถนนลำลูกกา (ช่วงแยกต่างระดับลำลูกกา) ⇒ รพ.สินแพทย์ ลำลูกกา ⇒ วัดสายไหม ⇒ BTS คูคต ⇒ กลับรถ (ช่วงแยกไฟแดงวัดโพสพผลเจริญ) ⇒ Khu Khot Crossing Mall ⇒ นิว คอร์ คูคต สเตชัน
ภาพประกอบการเดินทาง เราเริ่มกันบนถนนลำลูกกาช่วงแยกต่างระดับลำลูกกา ฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมืองไปทางพหลโยธิน
ขับตรงเรื่อย ๆ บนถนนลำลูกกาผ่านวัดคลองชันและวิทยาลัยเทคโนโลยีช่างฝีมือปัญจวิทยา จากนั้นตามป้ายไปทางถนนพหลโยธิน-ดอนเมือง
ผ่าน รพ.สินแพทย์ ลำลูกกา
ขับต่อมาอีกเล็กน้อยผ่านวัดสายไหม
ผ่าน Makro ลำลูกกา และ MT Khu Khot Lifestyle Mall ทางฝั่งขวามือ จุดนี้จะเริ่มเห็นรางรถไฟฟ้ายกระดับแล้วค่ะ ซึ่งในอนาคตจะมีส่วนต่อขยายเพิ่มอีกไปจนถึงวงแหวนกาญจนาภิเษกเลย
ขับต่อมาอีกเล็กน้อยผ่านรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีคูคต ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็น Khu Khot Crossing Mall และ Sales Gallery ของโครงการ นิว คอร์ คูคต สเตชัน
ขับตรงต่อเรื่อย ๆ ตามป้ายไปทางดอนเมืองและรังสิต เพื่อกลับรถไปอีกฝั่ง
ขับตามเส้นทางเรื่อย ๆ ผ่าน รร.ระเบียบวิทยา
ผ่านวัดโพสพผลเจริญ มาถึงจุดนี้ให้ขับชิดขวาเข้าไว้เลยนะคะ
มาถึงช่วงแยกไฟแดงใกล้ ๆ กับวัดโพสพผลเจริญ และทางเข้าสำนักงานเทศบาลเมืองคูคตให้กลับรถ
หลังจากกลับรถมาแล้วให้วิ่งตรงเรื่อย ๆ กลับไปทางฝั่ง BTS และ Khu Khot Crossing Mall
ถึงโครงการ นิว คอร์ คูคต สเตชัน โดยให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ “คูคตมหานคร” ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ
โดยทางเข้าสู่โครงการจะอยู่ติดกับถนนลำลูกกาฝั่งออกเมืองเลยค่ะ
ภาพมุมสูงที่ดินโครงการ
นิว คอร์ คูคต สเตชัน ตั้งอยู่ติดถนนลำลูกกาบนคูคตมหานครอาณาจักรของ Noble x TNLA ที่ดินหน้ากว้างคู่ขนานไปกับถนนลำลูกกา และแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สายสุขุมวิท) พัฒนาโครงการบนที่ดินขนาดใหญ่ประมาณ 11 ไร่ อาคารพักอาศัย 8 ชั้น จำนวน 6 อาคาร รวมทั้งหมด 1,206 ยูนิต
ตัวโครงการอยู่ติดกับ Lifestyle Mall แห่งใหม่ในละแวกอย่าง Khu Khot Crossing Mall และ BTS คูคต ในระยะการเดินเท้าได้อย่างสบาย ๆ ข้างกันนั้นจะเป็นโครงการแรกนั่นก็คือ Nue Coss Khu Khot Station บรรยากาศโดยรอบโอบล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
ใกล้กับโครงการประมาณ 240 ม.* จะมีปั๊ม ปตท. บริเวณนี้มีทั้งร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, Cafe Amazon, KFC, Subway, ไก่ย่างห้าดาว เป็นต้น ทั้งยังอยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์ประจำจุด, อาคารจอดแล้วจรของสถานีคูคต, สภ.คูคต, ที่ดินเปล่าของบุคคลอื่น และที่พักอาศัยส่วนบุคคลแนวราบอีกด้วย
รอบโครงการ
บรรยากาศรอบโครงการ
ตรงข้ามกับทางเข้า-ออกคูคตมหานครเป็นเกาะกลางคั่นถนนลำลูกกาทั้ง 2 ฝั่ง มองเลยไปจะเป็นที่ดินเปล่าของบุคคลอื่นที่ล้อมรั้วเอาไว้ โดยหน้าโครงการอยู่ติดกับถนนลำลูกกาฝั่งขาออกเมือง ห่างจากจุดกลับรถไปฝั่งขาเข้าประมาณ 400 ม.*
ขวามือเป็นทางที่เราใช้เดินทางมาสู่โครงการเมื่อสักครู่นี้จากฝั่งรถไฟฟ้า BTS สถานีคูคต หากกลับรถไปฝั่งตรงข้ามก็ใช้เดินทางไปพหลโยธิน, ดอนเมือง, รังสิต, สะพานใหม่, บางเขน เดี๋ยวเราเดินไปดูบรรยากาศใกล้ ๆ กับโครงการฝั่งนี้กันก่อนเลยนะคะ
ติดกันเลยจะเป็น Khu Khot Crossing Mall ซึ่งเป็น Lifestyle Mall แห่งใหม่ในย่าน ที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ โดยจะเป็นแหล่งรวมร้านค้า, ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ มากมาย ลูกบ้านสามารถเข้าถึงได้ง่ายในระยะการเดินเท้าเพียงไม่กี่เมตร
ด้านหน้า Khu Khot Crossing Mall มีป้ายรถเมล์ประจำจุดให้บริการ มีที่นั่งคอยและหลังคาช่วยบังแดดบังฝน
ถัดมาเป็นรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีคูคต ประตูทางออก 3 บริเวณนี้จะมี Taxi ต่อแถวคอยให้บริการผู้สัญจรด้วยรถสาธารณะอยู่ตลอดทั้งวัน
มุมมองบริเวณรถไฟฟ้า BTS สถานีคูคต โดยจะอยู่ติดกับ Khu Khot Crossing Mall และยังมองเห็นคูคตมหานครได้อีกด้วย
จากบนสถานีหากมองไปฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการจะมีอาคารจอดแล้วจรให้บริการ มีทางเดินเชื่อมต่อกับประตูทางออกที่ 2 ถัดไปอีกหน่อยคือ สภ.คูคต
ส่วนฝั่งซ้ายเป็นฝั่งขาออกเมือง วิ่งตรงไปจะเป็นวงแหวนกาญจนาภิเษก พร้อมเชื่อมไปรังสิต-นครนายก, สายไหม, หทัยราษฎร์, นิมิตใหม่ได้ เราเดินไปดูข้างโครงการฝั่งนี้กันต่อเลย
ถัดจากคูคตมหานครมาประมาณ 240 ม.* จะมีปั๊ม ปตท. เปิดให้บริการ ด้านในมีทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านอาหาร
เข้ามาจุดแรกเลยคือร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่เปิดให้บริการ 24 ชม.
ใกล้กันเป็นร้านไก่ย่างห้าดาว, ร้าน Subway, ร้านราดหน้า และร้านอาหารอีสาน
ถัดเข้าไปด้านในจะมี Cafe Amazon และ KFC เปิดให้บริการ
ตัวโครงการ
กลับมาดูที่ตัวโครงการต่อเลย เราจะเข้าไปดู Sales Gallery ของโครงการ Nue Core Khu Khot Station กันค่ะ โดยที่ตั้งของ Sales Gallery นั้นอยู่ภายในอาคารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Khu Khot Crossing Mall ด้านหน้าตกแต่งเป็นพื้นที่สีเขียวด้วยพุ่มไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด เพิ่มความสดชื่นให้กับบรรยากาศโดยรอบได้ดี
ด้านหน้าทางเข้า Sales Gallery ฝั่งที่ติดกับฟุตบาททางเดินเท้าข้างถนนลำลูกกา ตั้ง Skytube เอาไว้ 2 ตัวทำให้สังเกตเห็นได้ง่าย พร้อมแบ่งเป็น 2 ช่องทาง คือ มีทั้งบันไดและทางลาด
ถัดมาจะเป็นทางเข้าสู่คูคตมหานคร จุดนี้มีป้อม รปภ. พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ด้วย การเดินรถเป็นแบบวนตามเข็มนาฬิกา มองเข้าไปจะเห็นที่ตั้งของ Nue Core Khu Khot Station ก่อนเลย โดยตัวอาคารใช้สีสันสไตล์ Pop Art จากยุค Mid-Century Modern โทนสี Burgundy และ Smoky White
เข้ามาด้านในตรงกลางมีจุด Drop Off เป็นวงเวียนต้นไม้ขนาดใหญ่ ใช้แยกออกไปยังโครงการ Nue Core Khu Khot Station และ Nue Cross Khu Khot Station
ฝั่งซ้ายเป็น Sales Gallery ส่วนฝั่งขวาเป็นโครงการ Nue Cross Khu Khot Station
เดี๋ยวเราไปดูที่ Sales Gallery กันต่อเลยนะคะ ด้านหน้ามีที่จอดรถกลางแจ้งมาให้สำหรับ Visitor ที่มาติดต่อหรือเยี่ยมชมโครงการ พร้อมจัดเป็นที่นั่งเล่นพักผ่อนให้หลายจุด ตกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา
มุมมองย้อนกลับไปยังวงเวียนต้นไม้
เดินถัดเข้าไปจุดแรกทางขวามือก่อนหน้านี้เคยเป็นคาเฟ่ X2o มาก่อน ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้บริการแล้ว
เยื้องกันทางซ้ายมีทางลาดเดินลงไปยังฟุตบาทข้างถนนลำลูกกา และมีบันไดทางขึ้นเชื่อมสู่ Khu Khot Crossing Mall
มุมมองเมื่อเดินขึ้นบันไดมาด้านบนที่เชื่อมกับ Khu Khot Crossing Mall ซึ่งวันที่เข้าไปเก็บภาพกำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างอยู่นะคะ จะเห็นได้ว่ามีประตูทางเข้าขนาดใหญ่ 2 ฝั่ง
มีทั้งฝั่งของ Staff และอีกฝั่งคาดว่าจะเป็นทางเข้า Mall นั่นเอง
มุมมองย้อนกลับไปยังถนนลำลูกกา
ลงมาดูที่ Sales Gallery กันต่อ ด้านหน้าทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ ส่วนด้านข้างทางซ้ายมีบันไดเชื่อมลงไปยังฟุตบาททางเดินเท้าได้อีก
เข้ามาด้านในบรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย จัดที่นั่งรับรองไว้หลายจุดหลายมุม
เข้ามาจุดแรกทางขวาจัดเป็นชุดโต๊ะขนาด 3 ที่นั่ง สไตล์เก๋ ๆ
ถัดเข้าไปมีชุดโซฟาขนาดใหญ่หลายที่นั่งทั้งแบบดีไซน์โค้ง แบบโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และแบบ Built-in ชิดผนังแนวยาว
ภายใน Sales Gallery จะมีห้องน้ำส่วนกลางให้บริการแยกชาย-หญิง
เริ่มกันที่ห้องน้ำหญิงก่อนเลย ภายในฟังก์ชันครบครันตกแต่งด้วยโทนสีสบายตา
มุมอ่างล่างมือมีมาให้ 3 จุด ติดตั้งบนเคาน์เตอร์พร้อมกระจกเงาทรงรีขนาดใหญ่ มีเจลล้างมือและกล่องทิชชูวางไว้ให้พร้อมใช้งาน
ฝั่งตรงข้ามมีสุขามาให้ 3 ห้อง
ถัดมาจะเป็นห้องน้ำชาย ด้านในให้ฟังก์ชันมาครบครันแบ่งมุมใช้งานต่าง ๆ ไว้อย่างลงตัว ตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีสบายตาเช่นกัน
มุมอ่างล่างมือมีมาให้ 2 จุด ติดตั้งบนเคาน์เตอร์ พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ มีเจลล้างมือและทิชชูวางไว้ให้เรียบร้อย
ถัดเข้าไปมีมุมโถสุขภัณฑ์ชายให้ 2 จุด
ตรงข้ามมีสุขามาให้ 3 ห้อง
ออกมาดูด้านนอกกันต่อ ถัดจาก Sales Gallery เข้าไปด้านในคือที่ตั้งของโครงการ Nue Core Khu Khot Station
ด้านข้างโครงการฝั่งซ้ายมีทางเชื่อมไปยัง Khu Khot Crossing Mall ได้อีก
ส่วนฝั่งขวาคือโครงการ Nue Coss Khu Khot Station
ภายใน Nue Coss Khu Khot Station ชั้นล่างจะมีห้องชุดที่เปิดเป็นร้านทำเล็บ-ต่อขนตา, คลินิกทันตกรรม, ร้านแว่นตา, ร้านขายยา
ถัดมาเป็นคลินิกเวชกรรมรักษา และร้านเสริมสวย ลูกบ้านสามารถมาใช้บริการได้นะคะ
สำหรับ Main Gate ทางเข้า-ออกโครงการ ตกแต่งมาสไตล์ Modern เรียบหรู แบ่งช่องการเดินรถออกเป็น 2 ฝั่ง
ริมแนวรั้วฝั่งซ้ายมีป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่
มีประตูทางเข้าสำหรับลูกบ้านที่เดินเท้าให้ด้านข้าง
ทางซ้ายเป็นช่องเดินรถฝั่งขาเข้า ส่วนทางขวาเป็นช่องเดินรถฝั่งขาออก กั้นส่วนด้วยไม้กระดกอัตโนมัติ
ลูกบ้านเข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Key Card Access เพื่อเปิดไม้กระดกอัตโนมัติ โดยจุดนี้จะมีการติดตั้งแท่นสแกน Key Card และกล้องวงจรปิด CCTV ไว้ให้ฝั่งละ 1 ตัว ส่วน Visitor ที่มาติดต่อหรือเยี่ยมชมโครงการจะต้องแลกบัตรก่อนทุกครั้งเพื่อคัดกรองก่อนเข้าภายในโครงการ
ฝั่งขวาเป็นป้อม รปภ. ที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจตราให้กับลูกบ้านตลอด 24 ชม.
มุมมองบริเวณด้านหน้า Main Gate
ฝั่งซ้ายคือโครงการ Nue Coss Khu Khot Station ส่วนฝั่งขวามีทางเชื่อมไปยัง Khu Khot Crossing Mall และ Sales Gallery
หลังจากผ่าน Main Gate เข้ามาภายในโครงการจะเจอถนนกว้าง รูปแบบการเดินรถเป็นแบบ Two-Way คือเดินรถแบบสวนทางกัน ตึกแรกที่เห็นจะเป็นอาคาร A
โดยแต่ละอาคารจะมีที่จอดรถกลางแจ้งและในร่มมาให้หลายจุด รวมแล้วคิดเป็นประมาณ 24% ของจำนวนห้องชุดพักอาศัย (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
มุมมองย้อนกลับไปยัง Main Gate
เดี๋ยวเราเดินไปดูฝั่งซ้ายของโครงการกันก่อนเลย จะเห็นได้ว่ามีที่จอดรถมาให้ทั้งแบบกลางแจ้งและแบบในร่มใต้อาคาร ลูกบ้านสามารถเลือกจอดบริเวณที่ใกล้กับอาคารพักอาศัยของตัวเองได้เลย
จุดแรกใต้อาคาร A มี EV Charger Station ให้บริการสำหรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 2 ช่องจอด 1 หัวชาร์จ
มีตู้ Hibox ระบบ Smart Locker รับ-ส่งพัสดุตลอด 24 ชั่วโมง จาก KEX Express โดยให้บริการการรับ-ส่งพัสดุแบบ end-to-end แก่ลูกค้า ตอบโจทย์ขาช้อปและพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการความยืดหยุ่น จัดสรรเวลาได้ด้วยตัวเองในการรับพัสดุ
ซึ่งผู้รับสะดวกเมื่อไหร่ก็สามารถมารับด้วยตัวเองที่ล็อกเกอร์ได้เลย หรือคนขายออนไลน์แพ็คสินค้าแล้วมา Drop Off ที่ล็อกเกอร์ได้เลยตามเวลาที่ต้องการ ถือเป็นการนำแนวคิดแบบ Smart Living เข้ามาช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เน้นความสะดวกสบายได้เป็นอย่างดี
มี Customer Service สำหรับลูกค้าที่มาตรวจรับห้อง และบริการอื่น ๆ
ถัดเข้าไปจะเป็น Gate 2 มีประตูสำหรับลูกบ้านที่เดินเท้าเข้า-ออกโครงการ โดยจะใช้เป็น Key Card ในการผ่านประตู ทางซ้ายออกไปยังถนนที่เชื่อมกับ Khu Khot Crossing Mall ส่วนทางขวาเชื่อมเข้าไปยังอาคารพักอาศัยด้านในช่วง The Core Lagoon ระหว่างอาคาร A และ B
มี EV Charger Station ให้บริการสำหรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งหมดภายในโครงการมีประมาณ 5 จุด
เดินต่อเข้าไปด้านในอีกเล็กน้อยจะเจอ Gate 3 ที่เชื่อมเข้าสู่อาคารพักอาศัยช่วงโซน The Core Pavilion ระหว่างอาคาร B และ C
แต่ละอาคารจะมี Lobby โถงต้อนรับ, Mail Room ขนาดใหญ่, Laundry Room เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบหยอดเหรียญให้บริการ และ Delivery Station ให้พี่ ๆ Rider นำอาหารหรือพัสดุมาส่งได้ตรงจุดเหมือนกันทุกอาคาร
มาดูฝั่งท้ายโครงการด้านในกันบ้าง บริเวณนี้จะเป็นช่วงอาคาร D ถัดไปคืออาคาร E มีที่จอดรถกลางแจ้งและในร่มใต้อาคารมาให้เช่นกัน ฝั่งกำแพงรั้วจัดเป็นสวนแนวตั้งพร้อมลงต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นตลอดแนว
มีศาลพระภูมิประจำโครงการ และที่จอดรถสำหรับมอเตอร์ไซค์ รูปแบบการเดินรถท้ายโครงการจะเป็นการ U-Turn วนรถกลับไป
ต่อมาเล็กน้อยถึงช่วงอาคาร F จะเป็นทางโค้งขวาออกไปยัง Main Gate หน้าโครงการ
ช่วงมุมโค้งของอาคาร F มีที่จอดรถสำหรับมอเตอร์ไซค์ให้อีกจุด
มุมมองย้อนกลับไปยังท้ายโครงการ
เดินวนมาที่ฝั่งออกไปยังหน้าโครงการจะเป็นอาคาร A และ F โดยด้านหน้าของทุกตึกจะมีจุด Delivery Station ให้พี่ ๆ Rider นำอาหารหรือพัสดุมาส่งในห้องที่ผ่านการฆ่าเชื้อ UVC ใกล้กันเป็นที่จอดรถสำหรับผู้ใช้ Wheelchair
ถัดมาเราจะเข้าไปดูส่วนกลางต่าง ๆ ด้านในกันแล้วนะคะ Gate ทุกจุดจะใช้เป็น Key Card ในการผ่านประตู และอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าทุกอาคารจะมี Lobby, Laundry Room, Delivery Station และ Mail Room เหมือนกันทุกอาคาร
แต่อาคาร A และ F จะพิเศษกว่าอาคารอื่น ๆ คือมีพื้นที่ชั้นลอยใช้สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน หรือนั่งทำงาน นอกจากนี้ในอาคาร F ยังมี Kids Club ให้เด็ก ๆ ได้มานั่งทำการบ้าน อ่านหนังสืออยู่ภายใน Lobby ได้อีกด้วย
มาเริ่มกันที่อาคาร A ก่อนเลย ประตูทางเข้าใช้เป็นบานเลื่อนอัตโนมัติบานใหญ่ ด้านหน้าตกแต่งด้วยพุ่มไม้สวย ๆ พร้อมโรยหินประดับ
บรรยากาศภายใน Lobby อาคาร A ใช้ดีไซน์เส้นโค้งมนของรูปครึ่งวงกลม ผสานกับโทนสีสดใสสไตล์ Pop Art ในการออกแบบ และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สวย ๆ มีหน้าต่างกระจก Full Height สูงโปร่งแบบ Double Volume มองลอดออกไปเห็นพื้นที่ส่วนกลางได้ค่ะ
เข้ามาจุดแรกทางโครงการจัดมุมนั่งเล่นพักผ่อนด้วยการวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ดีไซน์ครึ่งวงกลมพร้อม Armchair และชุดโต๊ะขนาด 2 ที่นั่ง กับ 4 ที่นั่ง อีกอย่างละ 1 จุด
ถัดเข้าไปจัดเป็นชุดโซฟาขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะกลางและ Armchair โดยจุดนี้จะอยู่ใกล้กับทางขึ้น-ลงไปยังชั้นลอยซึ่งเป็น Lounge สำหรับนั่งพักผ่อนหรือนั่งทำงานที่เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ลูกบ้านที่อาศัยอยู่ต่างอาคารสามารถมาใช้บริการได้ แต่วันที่เข้าไปเก็บภาพจะมีลูกบ้านใช้บริการอยู่ เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝากกันนะคะ
ใกล้กันพื้นที่ชั้นล่างเป็นโซน Board Game ลูกบ้านมานั่งพักผ่อนสังสรรค์เล่นเกมกันได้ โดยมีชุดโต๊ะที่ออกแบบเป็นกระดานหมากรุกมาให้ด้วย
ถัดมามีทางเดินเชื่อมไปยัง Service Zone ที่แบ่งเป็นห้อง ๆ คือ Mail Room, Laundry Room, Delivery Station และห้องน้ำส่วนกลางภายใน Lobby
เริ่มกันที่ Laundry Room ทางเข้ามีประตูบานปิดแยกเป็นสัดส่วน
ภายในมีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบหยอดเหรียญ หรือจะชำระผ่าน Application ที่ชื่อว่า Trendy Wash ก็ได้ มีหน้าต่างบานกระทุ้งและพัดลมช่วยระบายอากาศให้ บรรยากาศด้านในไม่มืดทึบ ใช้งานได้สะดวกไม่ต้องออกไปใช้บริการด้านนอกเลย
ติดกันคือ Delivery Station ห้องรับ-ส่งพัสดุผ่านตู้ฆ่าเชื้อ UVC และจุดรับอาหารจากพี่ ๆ Rider
เข้ามาด้านในมีตู้ฆ่าเชื้อพัสดุมาให้ 2 จุด พร้อมตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติเต่าบินให้อีก 1 เครื่อง ด้านในมีหน้าต่างบานเลื่อนให้พี่ ๆ Rider เปิดเพื่อนำอาหารมาวางได้โดยไม่ต้องเข้ามาภายในอาคาร ทำให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัวจากบุคคลภายนอกมากยิ่งขึ้น
จากนั้นจะเป็น Mail Room ห้องเก็บจดหมายของลูกบ้าน
ภายใน Mail Room ขนาดใหญ่วางชิดผนังทั้ง 2 ฝั่ง ใช้โทนสีไม้สวยงามแบบ Minimal หน้าบานระบุเลขที่ห้องชัดเจน โดยจะต้องใช้ Key Card เพื่อเปิดตู้จดหมาย
ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำส่วนกลางรวมชาย-หญิงและผู้ใช้ Wheelchair ทางเข้าใช้เป็นประตูบานเลื่อน มีพื้นระนาบเดียวกับทางเดิน ทำให้เข้า-ออกได้อย่างสะดวก
ภายในฟังก์ชันครบครันมีทั้งมุมอ่างล้างมือที่อยู่ในระดับเหมาะสม มีถังขยะ, ทิชชู และเจลล้างมือวางไว้ให้ให้เรียบร้อย บนผนังติดกระจกเงาบานใหญ่ให้ 1 จุด ด้านข้างมีราวจับมาให้ใช้งานสะดวก ถัดมาเป็นมุมโถสุขภัณฑ์
พร้อมมีประตูเปิดออกไปยังหน้าอาคาร A ช่วง Main Gate ได้
ถัดมาจะเป็นทางเดินไปยังโถงลิฟต์โดยสารด้านในที่อยู่ใกล้ ๆ กับโซน Board Game บรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย ตรงกลางอาคารมี Courtyard รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ รวมถึงมีกระจก Full Height มองเห็นวิวส่วนกลางด้านนอกได้กว้างเต็มสายตา
การเข้าสู่โถงลิฟต์โดยสารเพื่อขึ้นสู่ชั้นพักอาศัยจะต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตู ส่วนการออกนั้นมีปุ่มกดเปิดจากด้านในค่ะ
มุมมองภายในโถงลิฟต์ของอาคาร A พื้นที่กว้างขวางตกแต่งด้วยโทนสีสบายตา มีลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้นมาให้ 2 ตัว/อาคาร
พื้นที่ใช้งานด้านในกว้างขวางตามมาตรฐานทั่วไป การใช้งานไม่หนาแน่นมากนัก
ด้านในติดตั้งกล้อง CCTV จับภาพตลอด 24 ชม. ให้ 1 ตัว พร้อมไฟส่องแสงสว่าง มีแผงปุ่มกดชั้นต่าง ๆ ให้ 2 ฝั่ง คือติดกับประตูทางเข้าลิฟต์ และด้านข้างที่ผู้ใช้ Wheelchair ใช้งานได้อย่างสะดวก
บรรยากาศบริเวณห้องชุดพักอาศัยค่อนข้างเงียบสงบ มีไฟให้แสงสว่างตลอดโถงทางเดิน โถงกว้างเดินหรือขนของเข้า-ออกได้สบาย ๆ
ใกล้กับโถงลิฟต์แต่ละชั้นของทุกอาคาร จะมีห้องควบคุมระบบไฟและห้องทิ้งขยะแยกเป็นสัดส่วนด้วยประตูบานปิด
มุมมองภายในห้องควบคุมระบบไฟและห้องทิ้งขยะ
ขึ้นมาดูโถงลิฟต์ชั้นบน ๆ กันบ้าง ออกจากลิฟต์โดยสารมาทางขวามือจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งผสมบานฟิกซ์ขนาดใหญ่ให้ 1 จุด ส่วนทางซ้ายเป็นทางเดินเชื่อมไปยังห้องพักอาศัย
แต่ละอาคารมีประตูทางหนีไฟให้ 2 จุด/อาคาร
มุมมองบริเวณบันไดทางหนีไฟค่ะ
มาดูภายในอาคาร F ที่อยู่ใกล้ ๆ กันต่อเลยนะคะ
บรรยากาศภายใน Lobby อาคาร F ออกแบบโดยใช้รูปทรงวงกลมเป็นหลัก ผสานกับโทนสีสดใสสไตล์ Pop Art เช่นเดียวกัน มีช่องแสงให้หลายจุด ทำให้ได้บรรยากาศที่โปร่งสบายมองเห็นวิวส่วนกลางได้เต็มตา
เข้ามาจุดแรกจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนด้วยการวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ดีไซน์ครึ่งวงกลมพร้อม Armchair และโต๊ะกลาง
ถัดเข้าไป Built-in เป็นชุดโซฟาแนวยาวพร้อมวาง Armchair และโต๊ะกลางให้ 4 จุด ใช้นั่งเล่นพักผ่อน นั่งอ่านหนังสือ หรือมาเปลี่ยนบรรยากาศนั่งทำงานก็ตอบโจทย์
มี Kids Club ให้เด็ก ๆ ได้มานั่งทำการบ้าน อ่านหนังสืออยู่ภายใน Lobby ได้เลย
ดีไซน์ออกแบบมาเป็นที่นั่งแบบขั้นบันได มีที่นั่งรับรองสำหรับเด็ก ๆ พร้อมเต้าเสียบปลั๊กไฟไว้ชาร์จแบตเตอรี่
ใกล้กันจะมีบันไดขึ้นไปยังชั้นลอยซึ่งเป็น Lounge พื้นที่ Co-Working Space สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน หรือนั่งทำงานที่เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
โดย Built-in เป็นชุดโซฟาแบบเข้ามุมขนาดใหญ่ และแบบ I-Shape พร้อมโต๊ะกลาง มีแอร์ฝังฝ้ามาให้เรียบร้อย
มุมมองย้อนกลับไปยังชั้นล่าง
ถัดมามีทางเดินเชื่อมไปยัง Service Zone ที่แบ่งเป็นห้อง ๆ ได้ความเป็นสัดส่วนเหมือนกันทุกอาคาร คือ Mail Room, Laundry Room, Delivery Station และห้องน้ำส่วนกลางภายใน Lobby
เริ่มกันที่ Laundry Room ทางเข้ามีประตูบานปิดมิดชิดแยกเป็นสัดส่วน
เข้ามาด้านในมีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบหยอดเหรียญให้บริการอย่างละ 1 เครื่อง มีหน้าต่างบานกระทุ้งและพัดลมช่วยระบายอากาศ พื้นที่ใช้งานสะดวกกว้างกำลังดี
ถัดมาเป็น Delivery Station ห้องรับ-ส่งพัสดุผ่านตู้ฆ่าเชื้อ UVC และจุดรับอาหารจาก Rider
ด้านในมีตู้ฆ่าเชื้อพัสดุมาให้ 2 จุดเช่นกัน แต่ของอาคาร F จะไม่มีตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติค่ะ
ด้านในมีหน้าต่างบานเลื่อนให้พี่ ๆ Rider เปิดเพื่อนำอาหารหรือพัสดุมาวางโดยไม่ต้องเข้ามาภายในอาคาร
ใกล้กันคือ Mail Room ห้องเก็บจดหมายของลูกบ้าน
เข้ามาภายใน Mail Room ขนาดใหญ่วางชิดผนังทั้ง 2 ฝั่ง ใช้โทนสีไม้สวยงามแบบ Minimal หน้าบานระบุเลขที่ห้องชัดเจน และจะต้องใช้ Key Card เพื่อเปิดตู้จดหมายเหมือนกันทุกอาคาร
มีห้องน้ำส่วนกลางรวมชาย-หญิงและผู้ใช้ Wheelchair รองรับลูกบ้านทุกคน ทางเข้าใช้เป็นประตูบานเลื่อน พื้นระนาบเดียวกับทางเดินทำให้เข้า-ออกได้สะดวก
ภายในฟังก์ชันครบครันมีทั้งมุมอ่างล้างมือมีถังขยะ, ทิชชู และเจลล้างมือวางไว้ให้ให้เรียบร้อย บนผนังติดกระจกเงาบานใหญ่ให้ 1 บาน ด้านข้างมีราวจับมาให้ใช้งานสะดวก ถัดมาเป็นมุมโถสุขภัณฑ์
นอกจากนี้ยังมีประตูเปิดออกไปยังหลังอาคาร F ช่วงลานจอดรถได้อีกด้วย
ถัดเข้าไปจะมีทางเดินไปยังโถงลิฟต์โดยสารด้านใน บรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย ๆ มีช่องแสงกระจก Full Height มองเห็นวิวส่วนกลางด้านนอกได้
ระหว่างทางมี Courtyard รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะทีเดียว
มุมมองภายในโถงลิฟต์ของอาคาร F พื้นที่กว้างขวางตกแต่งด้วยโทนสีสบายตา มีลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้นมาให้ 2 ตัว/อาคารเช่นกัน
ถัดจากประตูทางเข้าระหว่างอาคาร A และ F เข้ามาจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่มีชื่อเรียกว่า “The Core Court” ซึ่งมีความยาวกว่า 220 ม.* ตั้งอยู่ใจกลางโครงการโดยมีอาคารพักอาศัยล้อมรอบอยู่ ทำให้ลูกบ้านเข้าถึงได้ง่ายไม่ว่าจะพักอาศัยอยู่อาคารไหน
มุมมองย้อนกลับไปยังทางเข้าอาคาร A และ F
ภายในสวนจะมีพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนอยู่ด้านข้างให้หลายจุด
จุดแรกคือโซน The Core Terrain สวนที่ออกแบบมาให้รองรับกิจกรรมที่มีความคึกคัก เช่น Outdoor Cinema และพื้นที่ออกกำลังกาย Outdoor โซนนี้จะอยู่ระหว่างอาคาร A และ F มีลาน Street Fit และ Terrain Court ให้ลูกบ้านได้มาวิ่งออกกำลังกายได้
บรรยากาศโดยรอบโอบล้อมไปด้วยพุ่มไม้นานาพันธุ์ ลงต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นทั่วบริเวณ เป็นพื้นที่สีเขียวที่มองแล้วสบายตาช่วยผ่อนคลายได้ดี
มีทางเดินคอนกรีตเชื่อมยาวเข้าไปด้านใน สามารถใช้วิ่ง Jogging หรือเดินเล่นในสวนได้ต่อเนื่องได้ทั้ง 3 โซน
ถัดเข้าไปจะเจอกับ Outdoor Cinema โดยทางโครงการจะมี Projector ฉายภาพยนตร์มาให้ในบริเวณนี้
โดยมีลักษณะเป็นลานกลางแจ้งพร้อมที่นั่งพักผ่อนแบบขั้นบันได มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลางเพิ่มร่มเงาให้กับพื้นที่ ใช้เป็นจุดพบปะ พักผ่อน นั่งเล่นพูดคุยกับก๊วนเพื่อนได้อย่างสบายใจ ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศธรรมชาติ
ชั้นล่างมีห้อง 2 Bedroom Duplex ให้เลือก โดยจะเป็นห้องแบบ Garden Access กับ The Core Terrain ได้เลยจากห้องพักอาศัย เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศสวนมากเป็นพิเศษ
ถัดเข้าไปโซนที่ 2 จะเป็น The Core Lagoon พื้นที่ของกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ มากมาย
จุดแรกเข้ามาคือ Scenery Pool Bar สำหรับนั่งเล่นจิบเครื่องดื่มภายในศาลาริมสระว่ายน้ำแบบ Semi-Outdoor สามารถมองเห็นวิวสวน The Core Terrain และวิวสระว่ายน้ำ The Core Lagoon ได้ทั้ง 2 ฝั่ง โดยโซนนี้จะอยู่ระหว่างอาคาร B และ E ใกล้ ๆ กับ Gate 2 วางเป็นโต๊ะยาวที่มีปลั๊กไฟให้นั่งทำงานหรือชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้
มีที่นั่งพักผ่อนริมสระและสวนให้อีกจุด
สำหรับ The Core Lagoon มีทั้งหมด 2 สระ ส่วนแรกทางซ้ายติดกับอาคาร B จะเป็น Lap Pool สระว่ายน้ำที่ยาวเทียบเท่าสระ Olympic ใช้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้แบบจริงจัง เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 50 x 4 ม. ความลึก 1.2 ม.
กระเบื้องสระใช้สไตล์โมเสคหินธรรมชาติตัดกับน้ำสีฟ้าในสระ ทำให้สวยงามและดูน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
มี Sunken Pod พื้นที่นั่งเล่นที่ลดระดับลงให้อยู่ในระดับเดียวกับสระว่ายน้ำ
อีกฝั่งที่ติดกับอาคาร E คือ Leisure Pool พื้นที่พักผ่อนให้นอนแช่น้ำหรือเล่นน้ำเพื่อความผ่อนคลาย เป็นสระว่ายน้ำแบบ Free Form ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับคนที่อยากเล่นน้ำเบา ๆ โดยรอบถูกโอบล้อมไปด้วยพุ่มไม้สีเขียว มีต้นไม้ใหญ่เพิ่มความร่มรื่นหลายจุด บรรยากาศเหมือนมาพักผ่อนที่รีสอร์ตเลยค่ะ
นอกจากที่นี่จะมีห้องแบบ Garden Access ให้เลือกแล้ว ยังมีห้องแบบ Pool Access อีกด้วย โดยจะเป็นห้อง 2 Bedroom Duplex ที่เชื่อมต่อกับ The Core Lagoon หรือสระว่ายน้ำได้เลยจากห้องพักอาศัย
ถัดมาตรงกลางมีทางเดินลอดเล่นระดับที่อยู่ต่ำกว่าระดับของสระว่ายน้ำ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านที่กำลังว่ายน้ำ และไม่รบกวนผู้ที่พักอาศัยอยู่ในห้องแบบ Pool Access
ผนังด้านข้างระหว่างทางเดินจะมีน้ำล้นออกมาทำเป็นม่านน้ำไหล เพิ่มบรรยากาศทางเดินให้มีชีวิตชีวาและผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
ถัดจาก The Core Lagoon เดินตามทางเข้ามาจะเจอ The Core Pavilion เป็นอาคาร Clubhouse สูง 2 ชั้น ด้านในจัดฟังก์ชันเป็น Welcome Lounge และ Co-Working Space ส่วนชั้น 2 จะเป็น Fitness
ด้านหน้าอาคารฝั่งซ้ายมีทางเดินเชื่อมไปยังอาคาร B, C และโซน The Core Forest ส่วนทางขวาเป็น Kids Pool ความลึก 60 ซม.
บริเวณ Kids Pool จะมีขั้นบันไดเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อไปเชื่อมต่อกับ Leisure Pool แบบในภาพเลย
ใกล้กันมี Sunken Seat พื้นที่นั่งเล่นที่ลดระดับลงให้อยู่ระดับเดียวกับสระว่ายน้ำ เวลาพาเด็ก ๆ มาเล่นน้ำก็สามารถมานั่งคอยได้เลยในจุดนี้
เชื่อมต่อกับ Leisure Pool สระว่ายน้ำที่มีความลึกอยู่ที่ 1.2 ม. พร้อมมีที่นั่งพักผ่อนกลางสระให้อีก
มีขั้นบันไดเดินลงสระมาให้
มุมมองย้อนกลับไปยัง The Core Lagoon บริเวณ The Core Pavilion
เดี๋ยวเราเข้าไปดูภายใน The Core Pavilion กันต่อเลยนะคะ ชั้นล่างมีทั้ง Welcome Lounge และ Co-Working Space ส่วนชั้น 2 คือ Fitness
ด้านข้างมีทางเดินเชื่อมเข้าไปยังอาคาร C, D และ The Core Forest
โดยส่วนกลางจะต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตู เข้าไปดูที่ Welcome Lounge ทางขวามือกันก่อนเลย ทางเข้าใช้เป็นประตูบานเปิดมีช่องแสงกระจก Full Height ช่วยทำให้พื้นที่ดูโปร่งมากยิ่งขึ้น
ภายใน Welcome Lounge บรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย ด้วยผนังกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างชัดเจน จัดที่นั่งพักผ่อนไว้ให้หลายจุดหลายมุม
มีทั้งชุดโซฟานั่งพักผ่อนขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะกลาง และมุมทำงานนั่งโต๊ะแบบส่วนตัวขนาด 2 ที่นั่ง หรือจะใช้เป็นที่นั่งคอยหลบแดดเวลาพาเด็ก ๆ มาเล่นน้ำก็ได้นะคะ
มองเห็นวิวสระว่ายน้ำด้านหน้าอาคารได้แบบเต็ม ๆ
มุมมองย้อนกลับไปยังประตูทางเข้า
จาก Welcome Lounge มีประตูเชื่อมไปยัง Co-Working Space และห้องน้ำส่วนกลางได้อีก
มาเริ่มกันที่ห้องน้ำหญิง ภายในฟังก์ชันครบครันตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสะอาดตา
เข้ามาจุดแรกจะเจอตู้ Locker สำหรับเก็บของใช้ต่าง ๆ เวลามาใช้บริการส่วนกลาง
มุมอ่างล่างมือมีมาให้ 1 จุด ติดตั้งบนเคาน์เตอร์ลายหินอ่อนสวยหรู พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ มีเจลล้างมือและกล่องทิชชูวางไว้ให้ใช้งาน รวมถึงมีปลั๊กไฟไว้เสียบไดร์เป่าผมได้อีกด้วย
ถัดมามีสุขาและห้องอาบน้ำมาให้อย่างละ 1 ห้อง
มาต่อกันที่ห้องน้ำชาย ด้านในให้ฟังก์ชันมาครบครันแบ่งมุมใช้งานต่าง ๆ ไว้อย่างลงตัวเช่นกัน ตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีอ่อน
มี Locker สำหรับเก็บของใช้ต่าง ๆ เป็นตู้ใบใหญ่ใช้โทนสีเหลือง
มุมอ่างล่างมือมีมาให้ 2 จุด ติดตั้งบนเคาน์เตอร์ลายหินอ่อนสวยงาม พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ มีถังขยะ, เจลล้างมือ และทิชชูวางไว้ให้พร้อมใช้งาน รวมถึงมีเต้าเสียบปลั๊กไฟไว้ให้เสียบไดร์เป่าผมอีกด้วย
ใกล้กันเป็นมุมโถสุขภัณฑ์ชายที่มีมาให้ 2 จุด
พร้อมมีสุขาและห้องอาบน้ำมาให้อย่างละ 1 ห้องเช่นกัน
สุดท้ายจะเป็นห้องน้ำสำหรับผู้ใช้ Wheelchair ทางเข้าใช้เป็นประตูบานเลื่อน มีพื้นระนาบเดียวกับทางเดินเข้า-ออกได้อย่างสะดวก ภายในฟังก์ชันครบครันมีทั้งมุมอ่างล้างมือที่อยู่ในระดับเหมาะสม บนผนังติดกระจกเงาบานใหญ่ให้ 1 จุด ถัดมาเป็นมุมโถสุขภัณฑ์ ด้านข้างมีถังขยะ และทิชชูมาให้เรียบร้อย
นอกจากนี้ยังมีประตูเชื่อมเข้าไปยัง Co-Working Space ได้จากภายใน Welcome Lounge ได้เลย โดยจะต้องใช้ Key Card ในการเปิดประตู
มาดูภายใน Co-Working Space กันต่อเลย
ภายในจัดมุมนั่งเล่นพักผ่อน นั่งอ่านหนังสือ หรือทำงานไว้หลายจุดหลายมุม จุดแรก Built-in เป็นชุดโซฟาขนาดใหญ่ชิดผนังห้อง พร้อมโต๊ะกลางและเก้าอี้อีก 3 ตัว
ส่วนอีกฝั่งจัดเป็นโต๊ะขนาด 2 ที่นั่ง ไว้ 2 จุด
มีเคาน์เตอร์บาร์ไว้ให้นั่งทำงานชิลล์ ๆ ที่ผนังมีปลั๊กไฟไว้ให้เสียบใช้งาน
มีบันไดทางเดินเชื่อมขึ้นไปยัง Fitness และ Outdoor Cardio ชั้น 2 โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00-22.00 น.
ระหว่างทางขึ้น-ลงมีช่องรับแสงขนาดใหญ่ดีไซน์โค้งช่วยทำให้พื้นที่โปร่งมากยิ่งขึ้น
มุมมอง The Core Gym หรือ Fitness เมื่อขึ้นมาจากบริเวณ Co-Working Space
ด้านข้างทางซ้ายมีประตูเปิดออกไปยังพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนแบบ Semi-Outdoor
จุดนี้จะได้วิว The Core Forest สวนสีเขียวขนาดใหญ่ท้ายโครงการ มีกันตกเป็นกระจกเทมเปอร์บานใหญ่มองเห็นวิวได้แบบชัดเจน
จัดวางโต๊ะกลางพร้อมเก้าอี้สตูล 4 ตัว เอาไว้ให้ 2 จุด
จะมานั่งพักหลังออกกำลังกายเสร็จ หรือมานั่งรับลมชมวิวของ The Core Forest ก็ตอบโจทย์
มุมมองเมื่อเข้ามายัง Fitness ของประตูฝั่ง Co-Working Space
นอกจากนี้ยังมีทางขึ้นจากฝั่ง Welcome Lounge อีกด้วย โดยจะมีบันไดขึ้นไปยัง Fitness ชั้น 2 และอีกฝั่งคือมีทางเชื่อมไปยัง Kids Pool ได้อีก
รวมถึงมี Gate ออกไปยังลานจอดรถช่วงอาคาร D และ E ได้อีก
เมื่อเดินขึ้นมาบนชั้น 2 จะเจอ Fitness และโซนพักผ่อนกลางแจ้ง
โซนพักผ่อนวางเป็น Daybed ขนาดใหญ่ไว้ให้ 2 จุด พร้อมหมอนอิงและร่มบังแดด
มีกันตกเป็นกระจกใสเทมเปอร์ทำให้เชื่อมต่อกับวิวของ The Core Lagoon ได้อย่างต่อเนื่อง
มุมมอง The Core Lagoon จากชั้น 2 ของ The Core Pavilion
เข้าไปดูภายใน Fitness กันต่อเลย ภายในบรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย ๆ เป็นผนังกระจก Full Height แบบรอบทิศทาง ได้วิวสระว่ายน้ำและสวนสีเขียวแบบสบายตา พื้นที่กว้างขวางใช้งานได้อย่างคล่องตัว มีเครื่องออกกำลังกายครอบคลุมทั้งแบบ Cardio และ Weight Training จำนวนกว่า 13 รายการ
จุดแรกวางเป็นลู่วิ่งไฟฟ้า 3 ตัว และ Elliptical อีก 2 ตัว
โซนนี้ได้วิวสระว่ายน้ำเต็ม ๆ เลยค่ะ ช่วยผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
ใกล้ ๆ กันมีชุด Dumbbell ให้เลือกใช้งานหลายขนาด พร้อมม้านั่ง 1 ตัว
ไปดูห้องอีกฝั่งกันบ้าง
ติดกับประตูทางเข้ามีเคาน์เตอร์สำหรับวางของใช้ พร้อมตู้น้ำดื่มให้กับลูกบ้าน
เยื้องกันมีมุมเครื่องออกกำลังกายให้ใช้งานอีก
มีมุม Exercise Bike วางไว้ให้ 3 ตัว จุดนี้ได้วิวสวนค่ะ
ใกล้กันวางเป็น Machine ขนาดใหญ่ 3 เครื่อง ใช้บริหารกล้ามเนื้อในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งส่วนอก-ไหล่-หลัง-ขา
มุมมองย้อนกลับไปยังประตูทางเข้า
มาถึง The Core Court ส่วนสุดท้ายกันแล้วค่ะ ซึ่งจะเป็น The Core Forest โซนนี้จะอยู่ระหว่างอาคาร C และ D
โซนนี้เน้นบรรยากาศที่ร่มรื่น เขียวชอุ่ม ให้บรรยากาศเป็นส่วนตัวเหมาะกับการพักผ่อน มีพื้นหญ้า พุ่มไม้หลายชนิด และต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นภายในสวน
มีทางเดินคอนกรีตเชื่อมยาวเข้าไปด้านในท้ายโครงการ ระหว่างทางรายล้อมไปด้วยหมู่ไม้นานาพันธุ์
ถัดเข้าไปจะมีพื้นที่ให้นั่งทำงานในสวนได้ หรือใครจะมานั่งผ่อนคลายรับลมชมวิวในจุดนี้ก็ตอบโจทย์เลย
โดยทางโครงการจัดเป็นม้านั่งพักผ่อนเอาไว้ให้หลายจุด รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา พร้อมโรยหินประดับตกแต่งเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับพื้นที่ บรรยากาศเงียบสงบดี
จาก The Core Forest มีทางเดินเชื่อมไปยังท้ายโครงการ
เข้ามาฝั่งซ้ายมีทางเชื่อมออกไปยัง Khu Khot Crossing Mall ได้
ส่วนทางขวามีประตูเชื่อมออกไปยังลานจอดรถข้างอาคาร D
มุมมองเมื่อออกมายัง Gate ท้ายโครงการ ซึ่งเป็นจุดของศาลพระภูมิประจำโครงการ และลานจอดรถของอาคาร D
แปลนอาคาร
Master Plan โครงการ Nue Core Khu Khot Station ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง Noble X TNLA พัฒนาโครงการเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 6 อาคาร ห้องชุดพักอาศัยรวม 1,206 ยูนิต บนที่ดินประมาณ 11 ไร่ ภายใต้แนวคิดการออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ ‘Mid Century Modern Architecture in 60S’
โดยวางเส้นสายของงานสถาปัตยกรรมที่มีความเรียบง่ายมีเอกลักษณ์ การเลือกใช้สีและจังหวะอย่างลงตัว รวมทั้งการจัดวางอาคารล้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เพื่อให้ลูกบ้านแต่ละอาคารเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย วางผังอาคารเป็นคู่ ๆ กันไป คือ A-F, B-E และ C-D
ทางเข้า-ออกโครงการอยู่ติดถนนลำลูกกาฝั่งขาออกเมือง มีจุด Drop Off วงเวียนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ด้านหน้า แบ่งช่องทางรถเข้า-ออกไว้อย่างชัดเจน ก่อนจะเข้าไปสู่ Main Gate ที่ด้านใน สำหรับ Main Gate เข้า-ออกโครงการแบ่งช่องเดินรถออกเป็น 2 ฝั่ง ลูกบ้านเข้า-ออกผ่านระบบ Key Card Access
ส่วน Visitor จะต้องแลกบัตรกับพี่รปภ. ก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกบ้านที่อยู่ในโครงการนี้ รูปแบบการเดินรถในโครงการเป็นแบบ Two-Way คือเดินรถแบบสวนทางกัน โดยจะมีที่จอดรถกลางแจ้งและในร่มมาให้หลายจุด รวมแล้วคิดเป็นประมาณ 24% ของจำนวนห้องชุดพักอาศัย (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
ใต้อาคาร A มีช่อง EV Charger Station สำหรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ลูกบ้านเข้าสู่โครงการและอาคารด้วยระบบ Key Card แต่ละอาคารมีลิฟต์โดยสารมาให้ 2 ตัว ใช้ลิฟต์ระบบ Key Card แบบล็อกชั้น มีบันไดทางหนีไฟ 2 จุด พร้อมมี Lobby โถงต้อนรับ, Mail Room ขนาดใหญ่
Laundry Room เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบหยอดเหรียญให้บริการ รวมถึงมี Delivery Station ให้พี่ ๆ Rider นำอาหารหรือพัสดุมาส่งได้ตรงจุดเหมือนกันทุกอาคาร ใจกลางโครงการจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่มีชื่อเรียกว่า “The Core Court” ซึ่งมีความยาวกว่า 220 ม.* โดยมีอาคารพักอาศัยล้อมรอบอยู่
ส่วนกลางแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ The Core Terrain พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ระหว่างอาคาร A และ F ถัดมาคือ The Core Lagoon สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ความยาวกว่า 50 ม.* แยกไว้ให้ 2 ฝั่ง คือฝั่งของ Leisure Pool และ Lap Pool
จุดนี้มี The Core Pavilion ระหว่างอาคาร B และ E อาคารกระจกใสสูง 2 ชั้น ด้านในมีทั้ง Fitness, Welcome Lounge และ Co-Working Area สุดท้ายคือโซน The Core Forest ระหว่างอาคาร C และ D ตรงนี้จะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ตัวโครงการฝั่งที่อยู่ติดกับถนนลำลูกกาจะมีประตู Gate ระหว่างอาคารพักอาศัยสำหรับลูกบ้านที่เดินเท้า-เข้าออกให้ถึง 3 จุด โดยจะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีคูคต ประตูทางออกที่ 3 และ Khu Khot Crossing Mall ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินออกมาขึ้นบันไดรถไฟฟ้า หรือเข้าถึง Lifestyle Mall ได้เลย โดยไม่ต้องเดินอ้อมไปออกทางประตูหลัก
Building A : Ground Floor อาคารรูปตัว L ทิศใต้จะเป็นที่จอดรถใต้อาคาร ส่วนในอาคารจะประกอบไปด้วย Lobby, Laundry Room, Delivery Station, Mail Room, Juristic Office มีลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้นให้ 2 ตัว/อาคาร และบันไดหนีไฟให้ 2 จุด ส่วนห้องพักจะอยู่ทางฝั่งทางทิศเหนือ มีทั้งหมด 9 ยูนิต ยูนิตที่ 1-3 เป็นห้อง 1 Bedroom
ยูนิตที่ 4-6 เป็นห้อง 2 Bedroom Duplex และยูนิตที่ 7-9 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus โดยห้องพักชั้นล่างและห้องพักแบบ Duplex ชั้น 1-2 จะปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง SPC และฝั่งทิศเหนือจะได้วิว The Core Terrain ส่วนห้อง 2 Bedroom Duplex นั้นเป็นห้องแบบ Garden Access กับ The Core Terrain
Building A : 2 Floor มีห้องพักทั้งหมด 27 ยูนิต โดยห้องทางฝั่งทิศเหนือจะได้วิว The Core Terrain มีทั้งหมด 9 ยูนิต ยูนิตที่ 1-3 เป็นห้อง 1 Bedroom ยูนิตที่ 4-6 เป็นชั้น 2 ของห้อง 2 Bedroom Duplex และยูนิตที่ 7-9 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ส่วนห้องพักทางฝั่งทิศใต้มีทั้งหมด 14 ยูนิต
โดยห้องพักยูนิตที่ 10-11 และ 16-23 จะเป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 12-15 จะเป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom และห้องพักทางทิศตะวันออกมีทั้งหมด 4 ยูนิต โดยยูนิตที่ 24 และ 27 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom และยูนิตที่ 25-26 เป็นห้องพักแบบ Studio
Building A : 3-8 Floor เป็น Typical Floor Plan มีห้องพักทั้งหมด 28 ยูนิต โดยห้องทางฝั่งทิศเหนือจะได้วิวสวน The Core Terrain มีทั้งหมด 9 ยูนิต ยูนิตที่ 1-6 เป็นห้อง 1 Bedroom ยูนิตที่ 7-9 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus
ส่วนห้องพักทางฝั่งทิศใต้ได้วิวด้านหน้าโครงการ มีห้องพักทั้งหมด 14 ยูนิต ห้องพักยูนิตที่ 10-11 และ 16-23 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 12-15 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus ส่วนทางทิศตะวันออก มีทั้งหมด 4 ยูนิต
ยูนิตที่ 24 และ 27 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom และยูนิตที่ 25-26 เป็นห้องพักแบบ Studio สุดท้ายห้องที่เพิ่มขึ้นมาจะอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกได้วิว The Core Terrain เป็นห้องพักแบบ 2 Bedroom
Building B : Ground Floor อาคารรูปตัว I ฝั่งทิศใต้เป็นที่จอดรถใต้อาคาร ส่วนในอาคารจะประกอบไปด้วย Lobby, Laundry Room, Delivery Station, Mail Room มีลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้นให้ 2 ตัว/อาคาร และบันไดหนีไฟให้ 2 จุด ส่วนห้องพักจะอยู่ทางฝั่งทิศเหนือ วิว The Core Lagoon มีทั้งหมด 14 ยูนิต ยูนิตที่ 4-5 เป็นห้อง Studio
ยูนิตที่ 6-16 เป็นห้อง 2 Bedroom Duplex และยูนิตที่ 17 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus โดยห้องพักชั้นล่าง และห้องพักแบบ Duplex ชั้น 1-2 ปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง SPC ส่วนห้อง 2 Bedroom Duplex ที่อยู่ทางฝั่งทิศเหนือ เป็นห้องพักแบบ Pool Access กับ The Core Lagoon หรือสระว่ายน้ำได้
Building B : 2 Floor มีห้องพักทั้งหมด 27 ยูนิต ห้องพักทางฝั่งทิศเหนือได้วิว The Core Lagoon ยูนิตที่ 4-5 คือห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 6-16 เป็นชั้น 2 ของห้อง 2 Bedroom Duplex และยูนิตที่ 17 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ส่วนห้องพักทางฝั่งทิศใต้ยูนิตที่ 18-19 และ 21-26 จะเป็นห้องแบบ Studio ยูนิตที่ 20 และ 27-30 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom
Building B : 3-8 Floor จะเป็น Typical Floor Plan ที่ได้ห้องพักเต็มชั้น มีทั้งหมด 30 ยูนิต ห้องพักทางฝั่งทิศเหนือวิว The Core Lagoon ยูนิตที่ 3 และ 17 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 4-5 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 6-16 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom
ขณะที่ห้องพักทางฝั่งทิศใต้ยูนิตที่ 1-2, 18-19 และ 21-26 จะเป็นห้องพักแบบ Studio และยูนิตที่ 27-30 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom
Building C : Ground Floor อาคารรูปตัว L ได้ห้องพักอาศัยแบบเต็มชั้นตั้งแต่ชั้น 1 เลย ในอาคารประกอบไปด้วย Lobby, Laundry Room, Delivery Station, Mail Room มีลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้นให้ 2 ตัว/อาคาร และบันไดหนีไฟให้ 2 จุด ชั้นล่างมีห้องพักทั้งหมดรวม 24 ยูนิต
ห้องพักฝั่งทิศเหนือวิว The Core Forest ยูนิตที่ 4-5 เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 6-8 เป็นห้อง 2 Bedroom Duplex และยูนิตที่ 9-12 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ห้องพักฝั่งทิศใต้ยูนิตที่ 18-25 เป็นห้องพักแบบ Studio
ยูนิตที่ 26-27 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom ห้องพักฝั่งทิศตะวันออกจะมีเพียง 1 ห้องเท่านั้น เป็นห้องพักแบบ 2 Bedroom ห้องนี้จะได้วิว The Core Forest เช่นเดียวกัน สุดท้ายจะเป็นห้องพักทางฝั่งทิศตะวันตกที่มีอยู่ 4 ยูนิต โดยยูนิตที่ 14 และ 17 จะเป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom
และยูนิตที่ 15-16 จะเป็นห้องพักแบบ Studio ห้องพักชั้นล่างและห้องพักแบบ Duplex ชั้น 1-2 ได้พื้นกระเบื้องยาง SPC ส่วนห้อง 2 Bedroom Duplex สามารถ Access กับ The Core Forest ได้ค่ะ
Building C : 2 Floor มีห้องพักทั้งหมด 25 ยูนิต ห้องพักฝั่งทิศเหนือวิว The Core Forest ยูนิตที่ 4-5 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 6-8 เป็นชั้น 2 ของแบบ 2 Bedroom Duplex ยูนิตที่ 9-12 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom ส่วนห้องพักฝั่งทิศตะวันออกได้วิว The Core Forest เป็นห้องพักแบบ 2 Bedroom
ขณะที่ห้องพักฝั่งทิศใต้ยูนิตที่ 18-25 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 26-27 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom ห้องพักทางฝั่งทิศตะวันตกจะมีอยู่ 4 ยูนิตด้วยกัน โดยยูนิตที่ 14 และ 17 จะเป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom และยูนิตที่ 15-16 เป็นห้องพักแบบ Studio
Building C : 3-8 Floor คือ Typical Floor Plan ได้ห้องพักแบบเต็มชั้น มีทั้งหมด 28 ยูนิต ห้องพักทางฝั่งทิศเหนือและทิศตะวันออกจะได้วิว The Core Forest ยูนิตที่ 3-5 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 6-12 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom และยูนิตที่ 12X ฝั่งทิศตะวันตกเป็นห้อง 2 Bedroom
ห้องพักทางฝั่งทิศใต้ยูนิตที่ 1-2 และ 18-25 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 26-28 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom สุดท้ายห้องพักทางฝั่งทิศตะวันตกมีอยู่ 4 ห้อง โดยยูนิตที่ 15 และ 16 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 14 และ 17 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom
Building D : Ground Floor อาคารรูปตัว L ฝั่งทิศเหนือคือที่จอดรถใต้อาคาร ส่วนในอาคารจะประกอบไปด้วย Lobby, Laundry Room, Delivery Station, Mail Room มีลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้นให้ 2 ตัว/อาคาร และบันไดหนีไฟให้ 2 จุด ชั้นล่างมีห้องพักทั้งหมด 13 ยูนิต ห้องพักฝั่งทิศใต้ได้วิว The Core Forest
ยูนิตที่ 3-4 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 5-7 เป็นห้อง 2 Bedroom Duplex ยูนิตที่ 8-11 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom นอกจากนั้นยังมีห้องพักทางฝั่งทิศตะวันออก ยูนิตที่ 12 ซึ่งจะได้วิว The Core Forest เช่นกัน และได้เป็นห้องใหญ่แบบ 2 Bedroom
สุดท้ายจะเป็นห้องพักทางฝั่งทิศตะวันตกยูนิตที่ 14-15 เป็นห้องพักแบบ Studio ส่วนยูนิตที่ 12X จะเป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom โดยห้องพักชั้นล่างและห้องพักแบบ Duplex ชั้น 1-2 ปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง SPC ส่วนห้อง 2 Bedroom Duplex ที่อยู่ทางฝั่งทิศใต้จะ Access กับ The Core Forest หรือสวนพักผ่อนได้
Building D : 2 Floor มีห้องพักทั้งหมด 24 ยูนิต ห้องพักฝั่งทิศใต้วิว The Core Forest ยูนิตที่ 3-4 จะเป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 5-7 เป็นชั้น 2 ของห้อง 2 Bedroom Duplex ยูนิตที่ 8-11 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom มีห้องพักฝั่งทิศตะวันออกที่ได้วิว The Core Forest เช่นกันนั้น จะเป็นห้องพักชั้น 2 ของ 2 Bedroom
ห้องพักฝั่งทิศเหนือยูนิตที่ 17-22 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 23-26 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom ยูนิตที่ 16 จะเป็นห้องพักแบบ 2 Bedroom ส่วนห้องพักทางฝั่งทิศตะวันตกจะมีอยู่ 3 ยูนิตด้วยกัน โดยยูนิตที่ 12X เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom และยูนิตที่ 14-15 จะเป็นห้องพักแบบ Studio
Building D : 3-8 Floor เป็นแบบ Typical Floor Plan ได้ห้องพักเต็มชั้นมีทั้งหมด 26 ยูนิต ห้องพักทางฝั่งทิศใต้ และทิศตะวันออกได้วิว The Core Forest ยูนิตที่ 2-4 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 5-11 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom ยูนิตที่ 12 ฝั่งทิศตะวันออกจะเป็นห้อง 2 Bedroom
ห้องพักทางฝั่งทิศใต้ยูนิตที่ 1 คือห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 16 จะเป็นห้องพักแบบ 2 Bedroom ยูนิตที่ 17-22 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 23-26 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom สุดท้ายห้องพักทางฝั่งทิศตะวันตกจะมีอยู่ 3 ห้อง โดยยูนิตที่ 14 และ 15 จะเป็นห้องพักแบบ Studio และยูนิตที่ 12X จะเป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom
Building E : Ground Floor อาคารรูปตัว I ฝั่งทิศเหนือจะเป็นที่จอดรถใต้อาคาร ในอาคารประกอบไปด้วย Lobby, Laundry Room, Delivery Station, Mail Room มีลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้นให้ 2 ตัว/อาคาร และบันไดหนีไฟให้ 2 จุด ส่วนห้องพักจะอยู่ทางฝั่งทิศใต้วิว The Core Lagoon มีทั้งหมด 14 ยูนิต
ยูนิตที่ 3-4 เป็นห้อง Studio ยูนิตที่ 5-15 เป็นห้อง 2 Bedroom Duplex ยูนิตที่ 16 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ห้องพักชั้นล่างและห้องพักแบบ Duplex ชั้น 1-2 ปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง SPC ส่วนห้อง 2 Bedroom Duplex ที่อยู่ทางฝั่งทิศใต้นั้นจะเป็นห้องแบบ Pool Access กับ The Core Lagoon หรือสระว่ายน้ำได้เลย
Building E : 2 Floor มีห้องพักทั้งหมด 26 ยูนิต ห้องพักทางฝั่งทิศใต้ได้วิว The Core Lagoon ยูนิตที่ 3-4 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 5-15 เป็นชั้น 2 ของห้อง 2 Bedroom Duplex ยูนิตที่ 16 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ส่วนห้องพักทางฝั่งทิศเหนือยูนิตที่ 19-24 จะเป็นห้องแบบ Studio ยูนิตที่ 18 และ 25-28 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom และยูนิตที่ 17 จะเป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus
Building E : 3-8 Floor จะเป็น Typical Floor Plan ได้ห้องพักเต็มชั้น มีทั้งหมด 28 ยูนิต ห้องพักทางฝั่งทิศใต้วิว The Core Lagoon ยูนิตที่ 2 คือห้องพักแบบ 2 Bedroom ยูนิตที่ 3-4 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 5-15 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom
ยูนิตที่ 16 เป็นห้องพักแบบ1 Bedroom Plus ส่วนห้องพักทางฝั่งทิศเหนือยูนิตที่ 1 และ 17 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 19-24 ห้องพักแบบ Studio และยูนิตที่ 18 และ 25-28 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom
Building F : Ground Floor อาคารรูปตัว L ทิศเหนือจะเป็นที่จอดรถใต้อาคาร ส่วนในอาคารจะประกอบไปด้วย Lobby, Laundry Room, Delivery Station, Mail Room มีลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้นให้ 2 ตัว/อาคาร และบันไดหนีไฟให้ 2 จุด ห้องพักอยู่ทางฝั่งทางทิศใต้ได้วิว The Core Terrain มีทั้งหมด 9 ยูนิต ยูนิตที่ 1-3 เป็นห้อง 1 Bedroom
ยูนิตที่ 4-6 เป็นห้อง 2 Bedroom Duplex ยูนิตที่ 7-9 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus โดยห้องพักชั้นล่างและห้องพักแบบ Duplex ชั้น 1-2 จะได้พื้นห้องเป็นกระเบื้องยาง SPC และฝั่งทิศใต้ได้วิว The Core Terrain ส่วนห้อง 2 Bedroom Duplex จะ Access กับ The Core Terrain หรือสวนได้เลย
Building F : 2 Floor มีห้องพักทั้งหมด 26 ยูนิต ห้องทางฝั่งทิศใต้ได้วิวสวน The Core Terrain มีทั้งหมด 9 ยูนิต ยูนิตที่ 1-3 เป็นห้อง 1 Bedroom ยูนิตที่ 4-6 เป็นชั้น 2 ของห้อง 2 Bedroom Duplex ยูนิตที่ 7-9 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ส่วนห้องพักทางฝั่งทิศใต้มีห้องพักทั้งหมด 14 ยูนิต
โดยห้องพักยูนิตที่ 10 ห้องแบบ 1 Bedroom Plus ยูนิตที่ 11-15 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom ยูนิตที่ 16-22 เป็นห้องพักแบบ Studio ส่วนยูนิตที่ 23 ห้องพักแบบ 2 Bedroom ห้องพักทางทิศตะวันออกยูนิตที่ 24 และ 25 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 26 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom
Building F : 3-8 Floor เป็น Typical Floor Plan มีห้องพักทั้งหมด 28 ยูนิต ห้องทางฝั่งทิศเหนือได้วิวสวน The Core Terrain ยูนิตที่ 1-6 เป็นห้อง 1 Bedroom ยูนิตที่ 7-9 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom ห้องพักทางฝั่งทิศเหนือยูนิตที่ 10 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom Plus
ยูนิตที่ 11-15 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom ยูนิตที่ 16-22 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 23 ห้องพักแบบ 2 Bedroom ส่วนห้องพักทางฝั่งทิศตะวันออกมีทั้งหมด 3 ยูนิต โดยยูนิตที่ 24-25 เป็นห้องพักแบบ Studio ยูนิตที่ 26 เป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom และสุดท้ายห้องที่เพิ่มขึ้นมาจะอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกได้วิว The Core Terrain เป็นห้องพักแบบ 2 Bedroom
แบบห้อง
โครงการ Nue Core Khu Khot Station มีห้องพักทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่
แปลนห้อง Studio ขนาด 22.70-23.25 ตร.ม.
แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.25-27.10 ตร.ม.
แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.40-34.90 ตร.ม.
แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 45.75-46.45 ตร.ม.
แปลนห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 59.30 ตร.ม.
ห้องตัวอย่าง
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 แบบ คือ
ทางโครงการขายห้องแบบ Fully Furnished คอนโดใหม่ตกแต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์เข้าอยู่ได้เลย ลูกบ้านเพียงแค่ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชิ้น ติดผ้าม่าน และขนของใช้ส่วนตัวก็สามารถเข้าอยู่ได้เลยสะดวกมาก ช่วยประหยัดงบในการตกแต่งห้องไปได้เยอะทีเดียว
ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ทั้งน้อง ๆ นักศึกษา, บุคลากร, พนักงานบริษัทในโซนคูคต-ลำลูกกา-พหลโยธิน, กลุ่ม First Jobber และนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่าหรือเก็งกำไร
สำหรับการออกแบบห้องชุดพักอาศัยของที่นี่นั้นโดดเด่นและน่าสนใจเป็นอย่างมาก มีห้องแบบ Pool Access และ Garden Access ที่เชื่อมต่อสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลางได้เลยจากห้องพักอาศัย อีกทั้งยังมีห้อง Duplex ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้านเป็นหลัง ๆ มีบันไดขึ้นไปชั้น 2 ที่เป็น Master Bedroom ได้อีก
ห้องหน้ากว้างเน้นช่องแสงบานใหญ่ ทำให้บรรยากาศดูโปร่ง โล่ง สบาย ๆ รับแสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวห้องได้เยอะ Space ภายในจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ฟังก์ชันการใช้งานครบทั้งเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in และแบบลอยตัว
เช่น ตู้เก็บรองเท้า, ตู้เก็บของ, Built-in ชุดครัว, Hob & Hood, ซิงค์ล้างจาน, ชั้นวางทีวี, โซฟา, โต๊ะกลาง, โต๊ะทานอาหาร 1-4 ที่นั่ง*, ฐานเตียง 3.5-5 ฟุต*, ตู้เสื้อผ้า, วัสดุในห้องน้ำใช้ของ Cotto และ American Standard, แอร์ 2-3 ตัว* และประตูห้องแบบ Digital Door Lock เป็นต้น (*ขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
ห้องตัวอย่าง Studio ขนาด 22.70-23.25 ตร.ม.
สำหรับห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราพามาดูเป็นแบบห้อง Studio ขนาด 22.70-23.25 ตร.ม. Size เริ่มต้นของโครงการ แปลนห้องกว้างแบ่งฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ไว้อย่างลงตัว เปิดประตูเข้ามาจะเจอ Common Area ที่รวมโซนพักผ่อนและมุมนั่งเล่นเอาไว้ด้วยกัน
จุดแรกคือ Living Area มุมนั่งเล่นพักผ่อน ใกล้กันคือมุมรับประทานอาหาร ถัดเข้าไปเป็นโซนพักผ่อนวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้า Built-in อีกฝั่งมีการกั้นส่วนระหว่างครัวกับโซนพักผ่อนด้านในด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ได้เป็นครัวปิด ใกล้กันคือห้องน้ำแยกโซนเปียก-แห้งไว้ชัดเจน และพื้นที่ระเบียงขนาดพอเหมาะไว้ชมวิวด้านนอกหรือเปิดช่วยระบายอากาศได้ดี
เริ่มจากประตูห้องเป็นบานไม้เทียม HDF มีเซาะร่องปิดผิวด้วยลายไม้สวยงาม ที่บานประตูมี Door Viewer ให้ 1 จุด ผนังหน้าห้องระบุเลขที่ห้องไว้ชัดเจน
พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock ของ Home Shield ที่ใช้งานได้หลายระบบมาให้ เช่น Key Card, Password, Fingerprint, Password และ Bluetooth เพื่อความสะดวกและปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ มือจับประตูเป็นแบบก้านโยกใช้งานสะดวก
ที่พื้นมีธรณีประตูยกขึ้นมาเล็กน้อย ป้องกันฝุ่นและแมลงจากโถงทางเดินได้ดี ทำความสะอาดได้ง่าย
เปิดประตูเข้ามาภายในฟังก์ชันแต่ละโซนแบ่งเป็นสัดส่วนลงตัว ปูพื้นด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม. ฝ้าเพดานสูง 2.45 ม. ผนังห้องมาตรฐานฉาบเรียบทาสีขาว ตัวห้องเน้นช่องแสงบานใหญ่ทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้ทั่วถึงทั้งห้องเลย
มาเริ่มที่ Living Area มุมนั่งเล่นพักผ่อนก่อนเลย สิ่งที่โครงการให้มาจะเป็นชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ใช้โทนสีเทามีที่วางแขน 1 ฝั่ง ด้านหน้าวางโต๊ะกลางขนาดกะทัดรัด 1 ตัว
ด้านหลังชุดโซฟาห้องตัวอย่างกรุเป็นผนังลายไม้สวยงามสไตล์ Minimal
ระยะการนั่งใช้งานกว้างขวางกำลังดี มีที่เหลือให้เดินเข้า-ออกได้อย่างสะดวก
ตรงข้ามกับโซฟาคือมุมชั้นวางทีวี สามารถติดตั้งทีวีจอใหญ่ได้เลยสบาย ๆ โดยเป็นชั้นวางทีวีลายไม้สวย ๆ มีตู้เก็บของบานเปิดให้ 2 ช่อง ตรงกลางจะเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น ผนังด้านหลังเดินงานระบบไฟฟ้าติดตั้งพวกเต้าเสียบปลั๊กไฟ และช่องเสียบสาย Cable TV มาให้พร้อมต่อใช้งาน
ระยะห่างจากโซฟาและชั้นวางกำลังดี สามารถนั่งดูทีวีจอใหญ่ได้ในระยะสบายตา ทั้งยังมีพื้นที่เหลือให้เราเดินเข้า-ออกห้องพักได้พอสะดวก
ติดกับประตูห้องพักจะมี Built-in ชั้นวางของและตู้รองเท้ามาให้ ชั้นล่างเป็นตู้เก็บรองเท้า มีชั้นวางรองเท้าแบบลาดเอียงให้ทั้งหมด 4 ชั้น ส่วนตู้ตัวบนมีชั้นลอยให้ทั้งหมด 3 ชั้น เหมาะสำหรับเก็บของส่วนตัว หรือของที่ต้องการหยิบใช้บ่อย ๆ เช่น กระเป๋าถือ, หนังสือ, เอกสารสำคัญต่าง ๆ หรือจะใช้เก็บของอื่น ๆ ก็ได้ตามต้องการ
ถัดมาได้โต๊ะทานข้าวขนาด 1 ที่นั่ง โต๊ะทรงเหลี่ยมที่มุมโค้งมน เก้าอี้มีพนักพิงสีน้ำตาล ขาเหล็กสีดำ พร้อมเบาะนั่งบุนวมสีเทา สามารถใช้เป็นที่นั่งทำงาน หรือปรับเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้
ถัดเข้าไปคือโซนพักผ่อนได้ฐานเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ด้านล่างมีลิ้นชักให้เก็บของเพิ่มเติมได้
ฝั่งหัวเตียงกรุเป็นผนังสวย ๆ เพิ่มลูกเล่นซ่อนแสงไฟ Warm White วางโต๊ะด้านข้างไว้ 1 ฝั่ง ให้ดูระยะการใช้งาน พร้อมแขวนโคมไฟห้อยเพดานดีไซน์เก๋ ๆ
โซนพักผ่อนวางเตียงนอนจะอยู่ติดกับหน้าต่างของห้องพอดี หน้าต่างใช้เป็นกรอบอะลูมิเนียมสีดำบานเลื่อนผสมบานฟิกซ์ขนาดใหญ่ มองเห็นวิวด้านนอกได้แบบเต็ม ๆ ตา จะเปิดรับลมหรือช่วยระบายอากาศก็ดี สามารถรับแสงเข้าสู่ตัวห้องได้เยอะ พร้อมช่วยให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งมากอีกด้วย
ผนังฝั่งปลายเตียงกว้างขวาง ตกแต่งด้วยกรอบรูปใบใหญ่ได้สบาย ๆ
พื้นปลายเตียงมีเหลือให้เดินเข้า-ออก หรือเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้อย่างสะดวก
ถัดมาทางขวาข้างเตียงนอนโครงการได้ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ ตู้บานปิดทรงสูงจรดเพดานลายไม้สี Dark Cornwall Oak และมีกระจกเงาบานสูงยืนส่องได้เต็มตัวให้ 1 บาน ด้านในแบ่งฟังก์ชันการใช้งานไว้ทั้งช่องเก็บของชิ้นใหญ่ที่ด้านบน ราวแขวนชุดเสื้อผ้าแยกเสื้อกับกางเกง และลิ้นชักเก็บของ 3 ชั้น
พื้นด้านล่างมีที่เหลือกว้างให้ยืนแต่งตัว เลือกหยิบเสื้อผ้าในตู้ หรือเดินเข้า-ออกได้อย่างคล่องตัว
ไปดูอีกฝั่งของห้องกันบ้าง กั้นส่วนแยกโซนห้องครัว, ห้องน้ำ และพื้นที่ระเบียงด้วยประตูบานเลื่อน ทำให้ได้เป็นครัวปิดที่ประกอบอาหารได้แบบจริงจัง ช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นหรือควันขณะประกอบอาหารเข้าสู่โซนพักผ่อนด้านใน
เข้ามาส่วนแรกจะเจอเคาน์เตอร์ครัว ฝั่งซ้ายคือห้องน้ำ ส่วนทางขวาเป็นระเบียงค่ะ
มาเริ่มกันที่ส่วนครัวกันก่อนเลย ได้ชุดครัว Built-in ลายไม้สวย ๆ มาให้พร้อมใช้งาน
ฟังก์ชันครบทั้งส่วนเตรียมอาหารขนาดพอเหมาะ มีส่วนทำอาหารใช้เตา 2 หัว ปุ่มควบคุมแบบ Touch Screen พร้อม Hob & Hood ดูดควันระบบหมุนเวียน และซิงค์ล้างจาน 1 หลุมเดี่ยวของ Teka
ท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์เทียม แข็งแรงทนทานต่อความร้อนและรอยขีดข่วน ด้านหลัง Backsplash สามารถกรุเป็นกระเบื้องเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นได้ ส่วนของห้องตัวอย่างกรุเป็นผนังกระจกเงาค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีช่องว่างเว้นไว้ให้สำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ด้านหลังจะมีการเดินงานระบบไฟฟ้า-ประปามาให้พร้อมต่อใช้งานได้เลย และมีตู้เก็บของใช้ขนาดใหญ่ใต้ซิงค์ให้ด้วย
ส่วนด้านบนจะได้ตู้เก็บของบานเปิดใช้เก็บถ้วย, ชาม, แก้วกาแฟ, อาหารแห้ง หรือพวกเครื่องปรุงต่าง ๆ พร้อมช่องสำหรับวางไมโครเวฟ โดยตู้เก็บของทั้งบนและล่างปิดผิวด้วยเมลามีน ทนทานต่อรอยขีดข่วนและความชื้นได้ดี
ด้านข้างมีที่เหลือให้วางตู้เย็นขนาดกลางได้อีก
ตรงกลางพื้นที่เหลือกว้างกำลังดี ถือเป็นระยะมาตรฐานที่สามารถยืนล้างจาน, เปิดตู้เย็น, เตรียมอาหาร, ทำอาหาร, ซัก-เก็บผ้า รวมถึงเดินเข้า-ออกไประเบียงและห้องน้ำได้สะดวก
จากห้องครัวออกไปจะเป็นส่วนของระเบียงซักล้าง ตรงนี้แยกโซนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกรอบอะลูมิเนียมสีดำ 2 ตอน
ทางเข้าระเบียงที่พื้นยกสูงขึ้นมา 1 Step ช่วยป้องกันน้ำไหลย้อน, ฝุ่นผง, ความชื้น, สิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือแมลงตัวเล็ก ๆ พัดเข้าสู่ด้านในห้อง ขนาดระเบียงกว้างกำลังดี ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกกันลื่นขนาด 30 x 30 ซม.
มีท่อระบายน้ำทิ้งให้ 1 จุด พร้อมก็อกสนาม 1 จุด พื้นที่ใช้งาน รองรับการวางราวตากผ้าขนาดกลาง, เก้าอี้พักผ่อนแบบเดี่ยว หรือจะจัดเป็น Pocket Garden หรือใช้เป็นพื้นที่ปลูกผักสวนครัวแนวตั้งก็ทำได้
ด้านบนแขวน Compressor Air ไว้ 1 ตัว พร้อมติดโคมไฟให้แสงสว่างทรงกลมสไตล์ Modern มาให้ 1 ดวง
ราวกันตกเป็นระแนงเหล็กแนวตั้งทาสีดำ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโครงการ รวมถึงช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านด้วย
มาถึงส่วนสุดท้ายของห้องกันแล้ว โดยเราจะเข้าไปดูที่ห้องน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับระเบียงค่ะ ประตูทางเข้าใช้เป็นบาน PVC ลายไม้สวยงาม ธรณีเป็นหินแกรนิตที่มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่บวมน้ำเหมือนลามิเนตทั่ว ๆ ไป
เข้ามาด้านในจะเป็นห้องน้ำหน้ากว้าง จัดมุมใช้งานต่าง ๆ ไว้อย่างลงตัว แบ่งส่วนแห้ง-เปียกให้เรียบร้อยด้วยการติดตั้ง Shower Box แบบบานเปิด ตกแต่งด้วยพื้นและผนังด้วยกระเบื้องโทนสีอ่อน ซึ่งจะช่วยให้ห้องน้ำดูกว้าง สะอาด และสบายตา สุขภัณฑ์มาตรฐานใช้ของ Cotto และ American Standard ติดตั้งมาให้ตำแหน่งตามภาพ บนเพดานได้พัดลมระบายอากาศ 1 เครื่อง
มุมอ่างล้างหน้าใช้ Acrylic ทรงเหลี่ยม คู่กับก๊อกน้ำโครเมียมก้านโยกเปิด-ปิดใช้งานสะดวก มีตู้เก็บของบานเปิดลายไม้ของ Hafele ที่ด้านล่าง หน้าอ่างมีที่ว่างให้วางของใช้ต่าง ๆ ได้
บนผนังติดกระจกเงาบานใหญ่เต็มพื้นที่ให้ 1 บาน
ถัดมาเป็นมุมโถสุขภัณฑ์แบบ 2 Piece ระบบ Dual Flush รุ่น Comfort Clean ติดตั้งที่แขวนสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษทิชชูสแตนเลสมาให้ครบชุด ระยะการนั่งใช้งานกว้างสะดวกสบาย
ด้านข้างทางฝั่งซ้ายมีชั้นวางของลายไม้มาให้แบบในภาพเลยค่ะ ช่องด้านล่างใช้วางถังขยะใบเล็ก ๆ ได้นะคะ
ถัดเข้าไปด้านในคือมุมอาบน้ำที่ทางโครงการได้ติดตั้ง Shower Box แบบบานเปิดมาให้ ทางเข้าธรณีเป็นหินแกรนิตพื้นยกสูงขึ้นมา 1 Step ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำไหลย้อนไปยังส่วนแห้ง พื้นที่ใช้งานด้านในขนาดกว้างกำลังดี ยืนอาบน้ำได้สบาย ๆ
ด้านหน้าติดที่แขวนผ้าขนหนูมาให้ 2 ชิ้น
ภายในติดฝักบัว Hand Shower พร้อมราวปรับระดับสูง-ต่ำ ของ American Standard มาให้ ผนังข้าง ๆ ติดชั้นวางของและที่วางสบู่ฝังผนังหินสังเคราะห์สีขาวมาให้แบบในภาพ บนผนังมีการเดินงานระบบไฟฟ้าติด Junction Box รองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้อย่างปลอดภัยค่ะ
มุมมองย้อนกลับไปยังประตูทางเข้า
ห้องตัวอย่าง 2 Bedroom Duplex ขนาด 59.30 ตร.ม.
มาต่อกันที่ห้องตัวอย่างถัดมา โดยเราจะพาไปดูแบบห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 59.30 ตร.ม. Size ใหญ่สุดของโครงการ จุดเด่นของห้อง Duplex คือจะมีประตูทางเข้าห้องให้ทั้งหมด 2 ชั้น คือที่ชั้น 1 และชั้น 2 เลือกได้เลยว่าจะใช้ประตูไหน ห้อง Type นี้เหมาะสำหรับลูกบ้านที่อยู่กันเป็นคู่หรือเป็นครอบครัว
เป็นห้องหน้ากว้างที่ได้วิวสวย มีให้เลือกทั้งแบบ Pool Access และ Garden Access ที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลางได้เลยจากห้องพักอาศัย รวมถึงจะมีการอัปเกรด Spec พื้นห้องพักจากลามิเนตลายไม้ มาเป็นกระเบื้อง SPC ทั้ง 2 ชั้นอีกด้วย
เข้ามาภายในชั้น 1 จะเจอกับห้องครัวเปิด ส่วนทางขวาเป็นตู้เก็บรองเท้า และบันไดทางขึ้นไปชั้น 2 ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเป็นหลัง ๆ ต่อเนื่องไปจะเป็น Living Area พร้อม Double Volume ช่วงก่อนถึงระเบียงที่มีความสูงถึง 5.25 ม. ด้านนอกเป็นระเบียงหน้ากว้าง
ห้องที่เรารีวิวจะมีประตูให้ใช้เปิดเชื่อมต่อกับสวนด้านนอก ซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำแบบ Double Access ติดกันคือห้องนอน ซึ่งได้เฟอร์นิเจอร์มาตรฐานต่าง ๆ มาครบครัน ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับโถงเล็ก ๆ ที่ใช้เชื่อมระหว่างประตูที่ชั้น 2 และ Master Bedroom ภายในเป็นห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ จัดฟังก์ชันการใช้งานมาให้ครบ
โดยมีทั้งส่วนพักผ่อนสำหรับวางเตียงนอน ปลายเตียงมีหน้าต่างช่องแสงบานผสมขนาดใหญ่ มองออกไปจะเจอกับ Double Volume และ Living Area ที่ชั้นล่าง มีประตูเปิดออกไปยังพื้นที่ระเบียงด้านนอก ซ้ายมือเป็น Walk-in Closet ที่มีประตูกระจกบานเลื่อนปิดชิด พร้อมตู้เสื้อผ้าแบบเปิดเข้ามุมด้านใน ติดกันคือห้องน้ำที่มีการแบ่งส่วนแห้งแยกส่วนอาบน้ำมาให้เรียบร้อย
เริ่มจากประตูห้องเป็นบานไม้เทียม HDF มีเซาะร่องปิดผิวด้วยลายไม้สวยงาม มี Door Viewer ให้ 1 จุด ผนังหน้าห้องระบุเลขที่ห้องไว้ชัดเจน โดยห้อง Duplex ที่ชั้น 1 จะเป็น Single Corridor คือจะไม่มีห้องฝั่งตรงข้ามนะคะ ทำให้จำนวนห้องในชั้นมีจำนวนน้อย ได้ความเงียบสงบเป็นส่วนตัวสูง
ติดตั้ง Digital Door Lock ของ Home Shield ที่ใช้งานได้หลายระบบทั้ง Key Card, Password, Fingerprint, Password และ Bluetooth เพื่อความสะดวกและปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ มือจับประตูเป็นแบบก้านโยกใช้งานได้สะดวก
เข้ามาในห้องจะเจอกับโถงทางเดินที่แยกไปยังส่วนต่าง ๆ ส่วนแรกทางซ้ายเป็นห้องครัวเปิด, ห้องน้ำแบบ Double Access และห้องนอน 1 ถัดเข้าไปเป็น Living Area ส่วนทางขวาเป็นตู้เก็บรองเท้าและโถงบันไดขึ้นชั้น 2
ห้องปูพื้นด้วย SPC ลายไม้หนา 4 มม. ฝ้าเพดานชั้น 1-2 สูง 2.45 ม. ผนังห้องมาตรฐานฉาบเรียบทาสีขาว ตัวห้องเน้นช่องแสงบานใหญ่ทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ
พื้นมีธรณีประตูยกขึ้นมาเล็กน้อย ป้องกันฝุ่นและแมลงจากโถงทางเดินได้ดี
มาเริ่มกันที่ส่วนครัวกันก่อนเลย
ห้องครัวขนาด Compact ได้ชุดครัว Built-in รูปแบบ L-Shape คาน์เตอร์ครัวลายไม้สวย ๆ มาให้พร้อมใช้งาน มีตู้เก็บของบน-ล่าง
ฟังก์ชันครบทั้งส่วนเตรียมอาหาร, ส่วนทำอาหาร และซิงค์ล้างจาน โดยใช้เป็นเตา Induction 2 หัว ปุ่มควบคุมแบบ Touch Screen พร้อมเครื่องดูดควัน Slimline ของ Teka รอบ ๆ มีพื้นที่เหลือให้วางเครื่องปรุงอาหาร และของใช้ได้พอสมควร ใช้ Hob & Hood ดูดควันระบบหมุนเวียน
ขณะที่ซิงค์ล้างจานเป็นสแตนเลสฝังเคาน์เตอร์ พร้อมก๊อกน้ำทรงสูงแบบก้านโยกของ Teka ทั้งชุด รอบ ๆ มีพื้นที่เหลือให้วางขวดน้ำยาล้างจาน และที่พักจานได้สบาย ๆ ท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์เทียม ด้านหลัง Backsplash สามารถกรุเป็นกระเบื้องหรือกระจกเพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นได้
ข้าง ๆ กันเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น รองรับตู้เย็นกลางได้กำลังดี ผนังด้านหลังมีเต้าเสียบปลั๊กไฟติดมาให้พร้อมเสียบใช้งาน
ด้านบนจะได้ตู้เก็บของบานเปิดพร้อมชั้นลอย และชั้นวางของมาหลายตู้หลายชั้น เก็บของใช้ต่าง ๆ ได้เยอะ โดยฝั่งซ้ายเหนือซิงค์ล้างจานจะมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ ที่มีเต้าเสียบปลั๊กไฟที่ด้านในติดมาให้ครบ
ส่วนด้านล่างก็จะมีตู้เก็บของบานเปิด และลิ้นชักพร้อมถาดใส่ช้อนส้อมมาให้ ใต้มุมทำอาหารจะมีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า ด้านหลังมีการเดินงานระบบประปาและระบบไฟฟ้าให้ครบพร้อมต่อใช้งานได้เลย
มุมมองย้อนกลับไปยังประตูทางเข้า
โถงทางเข้าด้านหน้าติดกับบันไดจะเป็นตู้เก็บรองเท้า ด้านในมีตู้มีชั้นวางรองเท้ามาให้ 3 ชั้น แต่ละชั้นแบ่งช่องได้สูงดี รองรับการเก็บรองเท้าส้นสูง หรือรองเท้า Sneakers คู่ใหญ่ ๆ ได้สบาย
ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องน้ำ, ห้องนอน 1, มุมรับประทานอาหาร, Living Area และพื้นที่ระเบียงแบบ Garden Access
มาเริ่มกันที่มุมรับประทานอาหารก่อนเลย ตำแหน่งจะอยู่ติดกับ Living Area และบันไดขึ้นชั้น 2
มุมรับประทานอาหารได้โต๊ะทานข้าวสีขาวขนาด 4 ที่นั่ง ขาโต๊ะลายไม้ และเก้าอี้มีพนักพิงเบาะนั่งสีเทาดีไซน์สวย ด้านข้าง Built-in เป็นชั้นวางสวย ๆ และด้านบนแขวนโคมไฟห้อยเพดานตกแต่งเพิ่มเติมได้
ระยะการนั่งใช้งานสะดวกสบาย ลุก-นั่งหรือเลื่อนเก้าอี้เข้า-ออกได้แบบไม่ติดขัด สามารถนั่งทานอาหารและดูทีวีไปพร้อมกันได้อีกด้วย
ถัดไปเป็น Living Area ได้ชุดโซฟาสีเทาขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางด้านหน้า โดยเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับระเบียงเลย
ด้านหลังแขวนตกแต่งด้วยกรอบรูปสไตล์ที่ชอบ หรือจะกรุผนังสวย ๆ เพิ่มเติมก็ได้
ตรงข้ามกันจะได้ชั้นวางทีวีลายไม้ความกว้างประมาณ 1.5 ม.* รองรับการวางทีวีได้สูงสุด 55 นิ้ว* ด้านล่างยังมีตู้เก็บของให้อีก 2 ตู้ และมีชั้นลอยให้วางของตรงกลางอีก 2 ชั้น
ระยะการนั่งใช้งานกว้างขวางกำลังดี มีที่เหลือให้เดินเข้า-ออกไปยังระเบียงได้สะดวก ระยะห่างจากโซฟาและชั้นวางสามารถนั่งดูทีวีจอใหญ่ได้ในระยะสบายสายตา
และอีกหนึ่ง Highlights ของห้อง Duplex คือจะมีโถงแบบ Double Volume ความสูงถึง 5.25 ม. ก่อนจะออกไปที่ระเบียง ผนังด้านบนมีช่องแสงบานฟิกซ์ขนาดใหญ่ติดมาให้ ทำให้ห้องพักทั้งชั้น 1 และ 2 ได้รับแสงสว่างอย่างเต็มที่ สามารถมองวิวสระ หรือวิวสวนตามยูนิตที่เลือกได้ตลอดทั้งวัน
มุมมองย้อนกลับไปยังประตูทางเข้า
ถัดมาเป็นส่วนของระเบียงพักผ่อนด้านนอกแบบ Garden Access โดยใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนกรอบอะลูมิเนียมสีดำบานใหญ่ มีการยกธรณีและวงกบสูงขึ้นมาประมาณ 10 ซม.* เพื่อป้องกันฝุ่น, น้ำฝน หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้พัดเข้าสู่ห้องพักโดยตรง ขนาดระเบียงกว้างกำลังดี ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกกันลื่นขนาด 30 x 30 ซม.
มีท่อน้ำทิ้งและก็อกน้ำให้อย่างละ 1 จุด ผนังฝั่งขวาคิดโคมไฟกิ่งให้แสงสว่าง 1 ดวง ส่วนอีกฝั่งจะเป็นกระจกบานฟิกซ์แบบเข้ามุมของห้องนอน 1
จากระเบียงพักผ่อนของห้องจะมีประตูบานเปิดให้ใช้เชื่อมสู่สวนได้ค่ะ
มุมมองจากสวนด้านนอกกลับเข้ามายังห้องพักอาศัยแบบ Garden Access
ลำดับต่อมาเราจะเข้าไปดูกันที่ห้องนอน 1
โดยตำแหน่งจะอยู่ติดกับห้องน้ำเลยค่ะ
ภายในได้พื้นที่ใช้สอยมากว้างกำลังพอดี ได้เฟอร์นิเจอร์มาตรฐานมาครบชุดเลย ทั้งฐานเตียงนอนลายไม้ขนาด 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้า 3 บานเปิด
ตู้เสื้อผ้าได้มา 3 บานเปิด ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ตู้ หน้าบานเป็นลายไม้สี Dark Cornwall Oak และมีบานที่เป็นกระจกเงาทรงสูง ไว้สำหรับเช็กความเรียบร้อยได้แบบเต็มตัว ภายในตู้มีฟังก์ชันให้ครบทั้งราวแขวนผ้าบน-ล่าง, ลิ้นชักเก็บของ และชั้นวางของด้านบน
พื้นด้านล่างมีที่เหลือกว้างให้ยืนแต่งตัว เลือกหยิบเสื้อผ้าในตู้ หรือเดินเข้า-ออกได้อย่างสบาย ๆ โดยตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าจะอยู่ติดกับทางเข้าห้องน้ำพอดี จึงสามารถใช้งานต่อเนื่องกันได้อย่างสะดวก
ถัดมาโซนพักผ่อนได้ฐานเตียงนอน 5 ฟุต วางชิดผนังกำลังสวยเลย
ฝั่งหัวเตียงกรุผนังสวย ๆ พร้อมวางโต๊ะด้านข้างไว้ 1 ฝั่ง ให้ดูระยะการใช้งาน
ฝั่งปลายเตียงสามารถแขวนทีวีไว้ที่ผนังเพิ่มเติมได้ บนผนังมีการเดินงานระบบไฟฟ้า ติดตั้งเต้าเสียบปลั๊กไฟ และช่องเสียบสาย Cable TV มาให้พร้อมต่อใช้งาน หรือติดชั้นวางของเสริมเข้าไปได้
พื้นปลายเตียงเหลือพอให้เดินเข้า-ออก, ขึ้น-ลงเตียง หรือเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้อย่างสะดวก
ห้องนอน 1 ได้หน้าต่างกระจกบานเลื่อนกรอบอะลูมิเนียมสีดำผสมบานฟิกซ์ขนาดใหญ่ พร้อมกระจกแบบเข้ามุม ทำให้ชมวิวด้านนอกได้กว้างเต็มสายตา แถมยังช่วยทำให้ตัวห้องดูโปร่งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย และด้วยขนาดของหน้าต่างที่ใหญ่มาก ๆ จึงช่วยเปิดรับแสงสว่างในตอนกลางวันได้อย่างเต็มที่อีกด้วยค่ะ
มุมมองย้อนกลับไปยังประตูทางเข้า
ติดกับประตูทางเข้าห้องนอนจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นแบบ Double Access ที่สามารถเข้าได้จากห้องนอน 1 และจากโถงทางเดินด้านนอก ทำให้ห้องนอน 1 เสมือนมีห้องน้ำในตัวเลย
ภายในมีการตกแต่งพื้นและผนังด้วยกระเบื้องลายหินกับกระเบื้องสีอ่อน ดูสวยงาม ผ่อนคลาย น่าใช้งาน พร้อมแบ่งส่วนแห้งแยกส่วนอาบน้ำมาให้เรียบร้อย สุขภัณฑ์มาตรฐานใช้ของ Cotto และ American Standard ติดตั้งมาให้ตำแหน่งตามภาพ ได้ตัวช่วยในการระบายอากาศเป็นพัดลมแบบฝังเพดาน 1 เครื่อง
อ่างล้างหน้า Acrylic ทรงเหลี่ยม หน้าอ่างมีพื้นที่ให้วางของใช้ได้เล็กน้อย ได้ก๊อกน้ำโครเมียมก้านโยกเปิด-ปิดใช้งานสะดวก ส่วนด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของบานเปิดลายไม้ของ Hafele ภายในมีพื้นที่ให้วางอุปกรณ์ในห้องน้ำได้พอสมควร หรือใครจะทำเป็นตู้ Stock พวกสบู่อาบน้ำ, แชมพู, ครีมนวดผม, กระดาษทิชชู่ และสกินแคร์อื่น ๆ ก็ได้
บนผนังติดกระจกเงาบานใหญ่เต็มพื้นที่ไว้ให้ 1 บาน
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์รุ่น Comfort Clean ของ American Standard แบบ 2 Piece ระบบ Dual Flush พร้อมสายฉีดชำระ และที่แขวนกระดาษทิชชู่สแตนเลสครบชุด
ถัดเข้าไปด้านในคือมุมอาบน้ำที่ทางโครงการได้ติดตั้ง Shower Box แบบบานเปิดมาให้ ทางเข้าธรณีเป็นหินแกรนิตพื้นยกสูงขึ้นมา 1 Step กันน้ำไหลออกมาด้านนอก ส่วนพื้นที่ภายในมีความกว้างกำลังดี ยืนอาบน้ำ ขัดผิวได้สบาย ๆ
ด้านหน้าบนผนังติดที่แขวนผ้าขนหนูมาให้ 2 ชิ้น
ภายในได้ฝักบัว Hand Shower พร้อมราวปรับระดับสูง-ต่ำ ก๊อกน้ำโครเมียมก้านโยกของ American Standard ผนังติดชั้นวางของและที่วางสบู่หินสังเคราะห์สีขาวมาให้ใช้งาน
มุมมองห้องน้ำเมื่อเปิดใช้งานจากฝั่งโถงทางเดินด้านนอก
ขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อ โดยโถงบันไดจะอยู่ระหว่างตู้เก็บรองเท้าและมุมรับประทานอาหาร
บันไดเป็นโครงเหล็กปิดผิวไม้เทียมทำสีอ่อน
ด้านข้างมีราวจับลายไม้สี Dark Cornwall Oak แต่งด้วยแผ่นเหล็กสีน้ำตาล
บันไดเป็นรูปทรง U-Shape ขนาดกว้างมาตรฐาน เดินขึ้น-ลงหรือขนของได้อย่างสะดวก
โถงเพดานด้านบนสูงโปร่ง สามารถแขวนตกแต่งด้วย Chandelier ดีไซน์เก๋ ๆ ได้ตามใจชอบ
ขึ้นมาชั้น 2 ความสูงเพดานอยู่ที่ 2.45 ม. ปูพื้น SPC ลายไม้หนา 4 มม. มีโถงทางเดินใช้เชื่อมไปยัง Master Bedroom
ทางซ้ายมีประตูทางเข้า-ออกห้องได้อีก 1 จุด เราสามารถกดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 2 เพื่อเข้า Master Bedroom ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านชั้นล่าง ได้ความสะดวกเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ที่ประตูติดตั้ง Digital Door Lock เหมือนกันทุกห้อง
เข้าไปดู Master Bedroom กันบ้าง
ห้องนอน 2 จะเป็นห้องหน้ากว้างเปรียบเสมือนห้อง Master Bedroom เพราะมีขนาดที่ใหญ่กว่าห้องนอนชั้นล่าง มีห้องน้ำในตัว และโซน Walk-in Closet ภายในได้เฟอร์นิเจอร์มาตรฐานมาครบชุด พร้อมมีช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้มีความโปร่ง โล่ง พักผ่อนได้อย่างผ่อนคลาย
เข้ามาด้านในฝั่งขวาเป็นโซนพักผ่อนสำหรับวางเตียงนอน ได้ฐานเตียงนอนขนาด 5 ฟุต พร้อมพนักพิงหลัง
ฝั่งหัวเตียงห้องตัวอย่างกรุผนังระแนงไม้สีส้มสวย ๆ พร้อมวางโต๊ะด้านข้างดีไซน์ Modern ไว้ 2 ฝั่ง
ปลายเตียงนอนจะได้หน้าต่างกระจกบานเลื่อนผสมบานฟิกซ์ชุดใหญ่แบบในภาพ มองลงไปด้านล่างจะเป็น Living Area และพื้นที่ระเบียง
พื้นปลายเตียงมีระยะใช้งานสบาย ๆ เดินเข้า-ออก, ลุกขึ้น-ลงเตียงนอน รวมถึงเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และทำความสะอาดพื้นได้สะดวก
ใกล้กันมีประตูทางออกไปยังระเบียง ใช้เป็นบานเปิดกรอบอะลูมิเนียมสีดำมือจับก้านโยก ช่วยรับแสงสว่างได้ดี และช่วยให้ห้องนอนดูโปร่งสบาย พร้อมยกธรณีสูงขึ้นมาประมาณ 15 ซม.* สามารถกันความชื้น หรือสิ่งสกปรกไม่ให้พัดเข้าสู่ห้องพักโดยตรง
เปิดออกมาจะเจอกับระเบียงขนาดพอเหมาะ ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. พร้อมติดราวระแนงเหล็กสีดำเข้ามุม
ฝั่งซ้ายของพื้นที่ระเบียงมีก็อกน้ำให้ 1 จุด พร้อมระแนงทรงสูงแนวตั้งจรดฝ้าเพดานไว้บัง Compressor Air ทำให้ภาพลักษณ์ของห้องพัก และอาคารให้ดูสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย แอร์ทั้งหมดของห้อง Type นี้ มีทั้งหมด 3 เครื่อง โดยจะปล่อยลมร้อนออกไปทางด้านนอกอาคาร ซึ่งจะช่วยให้เราใช้งานบริเวณระเบียงได้อย่างไม่ร้อนลมแอร์
ไปดูอีกฝั่งของห้องซึ่งเป็นโซน Walk-in Closet และห้องน้ำกันบ้าง โดยจะกั้นส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกรอบอะลูมิเนียมสีดำแบบในภาพเลย
ภายในได้ตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่งสีไม้ Dark Cornwall Oak เข้ามุมมา 2 ตู้ สามารถแบ่ง His & Her ในกรณีอยู่แบบคู่รักได้ ฟังก์ชันของตู้มีให้ครบทั้งราวแขวนผ้าบน-ล่าง, ชั้นวางของด้านบน และตู้เก็บของบานเปิดมาให้อีก 2 ตู้
ระยะใช้งานหน้าตู้เสื้อผ้ามีเหลือกว้างสบาย ๆ สามารถยืนแต่งตัว, เลือกหยิบ-เก็บเสื้อผ้า หรือเดินเข้าห้องน้ำได้สะดวก
ไปดูห้องน้ำในตัวกันต่อ
ห้องน้ำที่ได้เป็นแบบตอนลึกขนาดกว้างกำลังดี จัดมุมใช้งานต่าง ๆ ไว้อย่างลงตัว แบ่งส่วนแห้ง-เปียกให้เรียบร้อยด้วยการติดตั้ง Shower Box แบบบานเปิด ตกแต่งด้วยพื้นและผนังด้วยกระเบื้องโทนสีอ่อน สุขภัณฑ์มาตรฐานใช้ของ Cotto และ American Standard บนเพดานมีพัดลมระบายอากาศให้ 1 เครื่อง
มุมอ่างล้างหน้าใช้ Acrylic ทรงเหลี่ยม คู่กับก๊อกน้ำโครเมียมก้านโยกเปิด-ปิดใช้งานสะดวก มีตู้เก็บของบานเปิดลายไม้ของ Hafele ที่ด้านล่าง หน้าอ่างมีที่ว่างให้วางของใช้ต่าง ๆ ได้อีกเล็กน้อย
ติดกระจกเงาบานใหญ่เต็มพื้นที่ให้ 1 บาน
ด้านข้างเป็นมุมโถสุขภัณฑ์แบบ 2 Piece ระบบ Dual Flush รุ่น Comfort Clean ติดตั้งที่แขวนสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษทิชชูสแตนเลสมาให้ครบชุด ระยะการนั่งใช้งานสบาย ๆ
ติดกันมีชั้นวางของลายไม้มาให้แบบในภาพ ด้านล่างใช้วางถังขยะใบเล็ก ๆ ได้อีกนะคะ
ด้านในคือมุมอาบน้ำที่ทางโครงการได้ติดตั้ง Shower Box แบบบานเปิดมาให้ ทางเข้าธรณีเป็นหินแกรนิตพื้นยกสูงขึ้นมา 1 Step ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำไหลย้อนไปยังส่วนแห้ง พื้นที่ใช้งานด้านในขนาดกว้างกำลังดี ยืนอาบน้ำได้อย่างสะดวกสบาย
ด้านหน้าติดที่แขวนผ้าขนหนูมาให้ 2 ชิ้น
ภายในติดฝักบัว Hand Shower พร้อมราวปรับระดับสูง-ต่ำ ของ American Standard มาให้ ผนังข้าง ๆ ติดชั้นวางของและที่วางสบู่ฝังผนังหินสังเคราะห์สีขาว บนผนังมีการเดินงานระบบไฟฟ้าติด Junction Box รองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย
มุมมองย้อนกลับไปยังประตูทางเข้า
ราคา (ม.ค. 68)
โปรโมชันพิเศษ!
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก : https://bit.ly/3Nw8Ofh
*หมายเหตุ : ข้อมูลราคา และโปรโมชันอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม*
สรุป
⇒ ทำเลที่ตั้งโครงการ : คอนโดใหม่ใจกลางคูคต ที่จะมาเปลี่ยนย่านคูคต…ให้เป็นย่านโครตคูล โดยที่ตั้งของโครงการอยู่ติดถนนลำลูกกา ฝั่งขาออกเมือง ไม่ไกลจากจุดกลับรถ สามารถเชื่อมต่อเข้าเมือง-ออกเมืองได้ง่าย ทั้งยังมีจุดเด่นคืออยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สุขุมวิท) สถานีคูคต เข้าเมืองถึงสยามได้เพียงต่อเดียว พร้อมเชื่อมต่อถนนเส้นหลักได้อีกหลายสาย
ที่สำคัญยังมีการทำประตูทางเข้า-ออกให้ถึง 3 ประตู เพื่อให้ลูกบ้านในโครงการ ที่ไม่ว่าจะอยู่ตึกไหน ก็เดินอออกมาขึ้นรถไฟฟ้ากันได้ง่าย ๆ ส่วนเรื่องของทำเลโครงการนั้น ต้องบอกเลยว่า ‘คูคต’ กำลังขึ้นแท่นเป็นโซนสุดฮิตของกรุงเทพฯ ตอนบน เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันมาก ๆ
ใกล้ทั้งศูนย์การค้า, โรงเรียนเอกชน, โรงเรียนรัฐบาล, โรงพยาบาลชั้นนำ, หน่วยงานราชการขนาดใหญ่ของไทยบนถนนพหลโยธิน ที่สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้ง่าย ๆ และใกล้กับสนามบินดอนเมืองเพียง 15 นาที* สะดวกสบายทุกการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างง่ายดาย ใกล้ Lifestyle Mall แห่งใหม่ในละแวกอย่าง Khu Khot Crossing Mall และอื่น ๆ อีกมากมาย
⇒ การเดินทางโดยรถส่วนตัว : สะดวกสบายมาก ๆ เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ลำลูกกา ทางฝั่งขาออกเมือง ที่ใช้มุ่งหน้าไปเมืองปทุมธานี และออกไปจังหวัดใกล้เคียงอย่างนครนายก และฉะเชิงเทราได้ เพียงชม.* นิด ๆ จากโครงการยังใกล้กับจุดกลับรถไปถนนลำลูกกาฝั่งขาเข้าเพียงแค่ 400 ม.* ใช้วิ่งออกไปเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีรังสิตได้
ทั้งยังมีเส้นทางลัดไปโซนสุขาภิบาล 5, เพิ่มสิน, วัชรพล, เทพรักษ์ และทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ผ่านซอยสายไหม 39 ได้ โดยไม่ต้องไปขับรถอ้อมไปบนถนนใหญ่พหลโยธิน จากโครงการขับรถไปสนามบินดอนเมืองได้เพียงแค่ 15 นาที*
นอกจากนั้นโครงการยังอยู่ใกล้กับโซนรังสิต และใกล้กับทางด่วนอื่น ๆ ที่มีให้เลือกใช้ถึง 3 สาย โดยทุกสายจะใช้วิ่งเข้าเมืองไปพระราม 9, CBD สาทร-สีลม-พระราม 4 รวมถึงออกไปรอบนอกในย่านสมุทรปราการ, พระประแดง, พระราม 2 และบางแคได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน
⇒ การเดินทางโดยรถสาธารณะ : ถือว่าเป็นตัวชูโรงของโครงการนี้เลย เพราะโครงการอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สุขุมวิท) สถานีคูคต ประตูทางออกที่ 3 เป็นรถไฟฟ้าสายยาวที่ใช้นั่งเข้าเมืองไปโซนสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม และเป็นสายเดียวที่ใช้เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีอื่น ๆ ได้ครบ รวมถึงเชื่อมกรุงเทพฯ-ปทุมธานี-สมุทรปราการเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ
สามารถ Interchange ไปรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูได้ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ นั่งไป Fashion Island ได้ง่าย ๆ หรือไปรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินได้ที่สถานีห้าแยกลาดพร้าว นั่งไปเตาปูน, บางซื่อ, จรัญสนิทวงศ์, เพชรเกษม, บางแค และไปเชื่อมกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สีลม) ได้ที่สถานีสยาม ทั้งยังใกล้กับส่วนต่อขยายในอนาคตได้อีก
นอกจากนี้ใกล้กับตัวโครงการยังมีป้ายรถเมล์ประจำจุดให้บริการ โดยจะอยู่บริเวณบันไดทางขึ้น BTS สถานีคูคต ด้านหน้า Khu Khot Crossing Mall รถเมล์สายที่ผ่าน เช่น สาย 543, สาย 374, สาย 6046, สาย 6250 เป็นต้น รวมถึงมีรถตู้สาย ม.รามคำแหง 1-ลำลูกกาคลอง 1 ถึง 8 วิ่งผ่านอีกด้วย
⇒ การออกแบบโครงการ, ห้องพักและวัสดุ : ลักษณะโครงการเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร บนที่ดินประมาณ 11 ไร่ จำนวนห้องชุดพักอาศัย 1,206 ยูนิต ออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ ‘Mid Century Modern Architecture in 60S’ โดยวางเส้นสายของงานสถาปัตยกรรมที่มีความเรียบง่าย มีเอกลักษณ์ เลือกใช้สีและจังหวะอย่างลงตัว
รวมทั้งการจัดวางผังอาคารล้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เพื่อให้ลูกบ้านแต่ละอาคารเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย มีที่จอดรถประมาณ 24% ของจำนวนห้องชุดพักอาศัย (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ในส่วนของห้องพักมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom และ 2 Bedroom Duplex ขนาดเริ่มต้น 22.70-59.30 ตร.ม.
มีห้องแบบ Pool Access และ Garden Access ที่เชื่อมต่อสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลางได้เลยจากห้องพักอาศัย ใช้ประตู Digital Door Lock และแอร์ติดมาให้ครบ 2-3 ตัว ขึ้นอยู่กับแบบห้อง นอกจากนี้ห้อง Duplex ยังให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้านเป็นหลัง ๆ มีบันไดขึ้นไปชั้น 2 ที่เป็น Master Bedroom ได้อีกด้วย
ตัวอาคารภายนอกจะใช้โทนสี Burgundy และ Smoky White พร้อมสอดแทรกงานดีไซน์ส่วนกลางและภายใน Lobby ด้วย Geographic Form & Pop Art ที่เป็นรูปทรงเลขาคณิต โดย Lobby ในแต่ละอาคาร จะใช้โทนสีที่แตกต่างกันออกไป เป็นการเพิ่ม Gimmick ให้งาน Interior ของแต่ละอาคารนั้น ไม่น่าเบื่อ และมีความสนุกสนาน
โครงการขายห้องแบบ Fully Furnished ให้มาครบทั้งเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in และแบบลอยตัว โดยเน้นไปในโทนลายไม้สี Dark Cornwall Oak และสี Earth Tone ทั้งยังสอดแทรกความเป็น Geographic Form ด้วยเฟอร์นิเจอร์รูปทรงเลขาคณิตเข้าไปด้วย ช่วยให้ห้องพักดูสวยงาม คุม Mood & Tone ระหว่างอาคารและห้องพักเข้าไว้ได้อย่างลงตัว
⇒ สิ่งอำนวยความสะดวกและระบบรักษาความปลอดภัย : ทางโครงการออกแบบ The Core Court ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางต่อเนื่อง มีความยาวกว่า 220 ม.* โดยจะแบ่ง Facilities เป็น 3 โซนหลัก ๆ ได้แก่ The Core Terrain สวนที่ออกแบบมาให้รองรับกิจกรรมที่มีความคึกคัก เช่น Outdoor Cinema และพื้นที่ออกกำลังกาย Outdoor
The Core Lagoon พื้นที่รวมของกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ เช่น Lap Pool สระว่ายน้ำที่ยาวเทียบเท่าสระ Olympic ใช้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้แบบจริงจัง, Leisure Pool พื้นที่พักผ่อนให้นอนแช่น้ำ เล่นน้ำ เพื่อความผ่อนคลาย, Kids Pool พื้นที่เล่นน้ำสำหรับเด็ก ๆ, Sunken POD มุมนั่งเล่นที่ลดระดับลงให้อยู่ระดับเดียวกับผืนน้ำ
Scenery Pool Bar พื้นที่นั่งเล่นภายในศาลาริมสระว่ายน้ำ ถัดมาจะเป็น The Core Pavillion อาคาร 2 ชั้น จัดฟังก์ชันไว้อย่างครบครันทั้ง Welcome Lounge, Co-Working Space และ Fitness อุปกรณ์ครบครันทันสมัยที่ครอบคลุมทั้งการ Cardio และ Weight Training
และสุดท้ายคือ The Core Forest เน้นบรรยากาศที่ร่มรื่น เขียวชอุ่ม ให้บรรยากาศเป็นส่วนตัวเหมาะกับการพักผ่อน มีพื้นที่ให้นั่งทำงานในสวน นอกจากนี้ทุก ๆ อาคารยังมาพร้อม Service ส่วนตัว ได้แก่ Lobby โถงต้อนรับ, Mail Room ขนาดใหญ่, ห้องน้ำส่วนกลาง, Laundry Room เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบหยอดเหรียญ
รวมถึงมี Delivery Station รับของจากพี่ ๆ Rider มีช่อง EV Charger Station สำหรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า สำหรับ Main Gate เข้า-ออกโครงการกั้นส่วนด้วยรั้วไม้กระดกอัตโนมัติ แบ่งช่องเดินรถออกเป็น 2 ฝั่ง เข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Key Card Access ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ทั่วโครงการ และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชม.
ช่องการเดินรถเป็นแบบ Two-Way มีที่จอดรถกลางแจ้งและใต้อาคารมาให้หลายจุด รวมแล้วคิดเป็นประมาณ 24% ของจำนวนห้องชุดพักอาศัย ไม่รวมจอดซ้อนคัน เข้าอาคารระบบ Key Card แต่ละอาคารมีลิฟต์โดยสารระบบล็อกชั้น 2 ตัว/อาคาร และบันไดทางหนีไฟ 2 จุด/อาคาร
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 02-251-9955
Line : @nuekhukhotstation
Website : https://bit.ly/3Nw8Ofh
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น