EP.547 รีวิว ริทึ่ม เอกมัย เอสเตท / RHYTHM EKKAMAI ESTATE คอนโดพร้อมอยู่ใจกลางเอกมัย ยูนิตน้อย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน พร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 10 ชั้น เริ่ม 6.19 ล้าน*
Written by : Pure Thitapa
สวัสดี เพื่อน ๆ Condonayoo ทุกคนค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท จาก AP Thailand คอนโด High-Rise หนึ่งเดียวในทำเลเอกมัย ที่มีจำนวนยูนิตพักอาศัยน้อยที่สุดเพื่อความเป็นส่วนตัว มาพร้อม Concept “Feel Like Home” บรรยากาศที่ร่มรื่น ใกล้ชิดธรรมชาติ และให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนเอกมัย (ซอยสุขุมวิท 63) เขตวัฒนา กทม. ใกล้ซอยทองหล่อ 10 ที่ใช้ทะลุไปถนนทองหล่อได้ เดินทางสะดวกสบาย เชื่อมต่อสุขุมวิท-พร้อมพงษ์-อโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 ได้ใกล้ ๆ ทั้งยังมีทางด่วนให้เลือกใช้ถึง 2 สาย และอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS เอกมัย เพียงแค่ 2 นาที* เท่านั้น
รายล้อมไปด้วยแหล่ง Lifestyle, Hi-End Restaurants ระดับ Michelin Star, โรงพยาบาลเอกชน, โรงเรียนนานาชาติคุณภาพ และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ทั้ง Donki ทองหล่อ, Big C เอกมัย, Gateway เอกมัย, Emporium, Emquartier และ Emsphere ในระยะตั้งแต่เดินไปได้ หรือจะนั่ง BTS ไป ก็เพียง 2 สถานี* เท่านั้น
ริทึ่ม เอกมัย เอสเตท เป็นคอนโด High-Rise ระดับ Luxury Class ความสูง 3 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 2-0-84.1 ไร่ ได้ความเป็นส่วน เพียง 303 ยูนิต + ร้านค้า 1 ยูนิต มีห้องชุดให้เลือกหลากหลายแบบ ได้แก่ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom, 2 Bedroom Duplex, Sky Villa และ Penthouse พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 35.00-177 ตร.ม. ขายห้องพักแบบ Full Fitted ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่
สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม รวมกว่า 4,800 ตร.ม.* เริ่มต้นเปิดมุมมองสู่ Chamchuri Outdoor Terrace พื้นที่สีเขียวที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่เดิมในพื้นที่และมีต้นจามจุรีที่มีอายุมากกว่า 50 ปี รวม 3 ต้น โดดเด่น Floating Lobby เชื่อมต่อกัน 7 ชั้น แบ่งพื้นที่ไว้ 2 โซน คือ Social Zone และ Quiet Zone
ที่นี่เป็นคอนโดโครงการแรกที่ยก Lobby มาไว้ ที่ชั้น 7 ลักษณะ คล้ายห้องรับแขกขนาดใหญ่ ซึ่งแบ่งเป็น Indoor และ Outdoor ที่ตอบโจทย์ได้กับทุกไลฟ์สไตล์ มีส่วนกลางลอยฟ้าแบบ Triple Floor โดย Highlight จะเป็น 360 Infinity Edge Pool และ Sky Wellness Spa ที่มาพร้อม White Ion Bath เสมือนได้แช่ Onsen ที่บ้าน
คุ้มค่าสำหรับการลงทุนทั้งการอยู่อาศัยเองและการปล่อยเช่าระยะยาว ด้วยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 7% ต่อปี
🔸 1 Bedroom High Floor 35 ตร.ม. เริ่ม 6.19 ล้าน*
– Free! Furniture Package*
.
🔸 2 Bedroom 80 ตร.ม. เริ่ม 15.5 ล้าน*
– Get Exclusive Privilege up to 2,000,000 บาท*
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ คลิก : https://bit.ly/4el6dAK
โครงการนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันต่อได้เลยค่ะ
| ชื่อโครงการ | ริทึ่ม เอกมัย เอสเตท / RHYTHM EKKAMAI ESTATE |
| เจ้าของโครงการ | เอพี ไทยแลนด์ / AP Thailand |
| เนื้อที่ทั้งหมด | 2-0-84.1 ไร่ |
| จำนวนตึก | 1 อาคาร |
| จำนวนชั้น | 32 ชั้น |
| จำนวนห้อง |
|
| ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
| ที่จอดรถทั้งหมด |
|
| จำนวนลิฟต์ |
|
| โซน | เอกมัย-ทองหล่อ-สุขุมวิท |
| เส้นทางคมนาคม |
|
| ที่ตั้ง | ถนนเอกมัย (ซอยสุขุมวิท 63) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110 |
| กำหนดการ | คอนโดพร้อมอยู่ |
| ปีที่สร้างเสร็จ | ปี 2565 |
| ราคา |
|
| ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม. | 190,000 บาท/ ตร.ม.* (ต.ค. 67) |
| ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
| สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ศูนย์การค้า
สถานศึกษาและโรงเรียนนานาชาติ
โรงพยาบาล
อาคารสำนักงาน
อื่น ๆ
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด** |
| สิ่งอำนวยความสะดวก | G Floor
2nd-6th Floor
7th Floor
31st Floor
32nd Floor
Rooftop
Security
|
| Tel | 1623 |
| Line | https://line.me/ti/p/~@apthai |
| Website | https://bit.ly/4el6dAK |
ที่ตั้งโครงการ
ถนนเอกมัย (ซอยสุขุมวิท 63) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
พิกัดโครงการ : maps.app.goo.gl/2xDUq2JW9CMmUMR48
โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโดหรูพร้อมอยู่ ทำเลต้นเอกมัย บรรยากาศร่มรื่น ยูนิตน้อย เป็นส่วนตัวเหมือนอยู่บ้าน รองรับ Demand กลุ่มลูกค้าระดับ Hi-End รวมถึงกลุ่ม Expat ผู้บริหารชาวต่างชาติ และกลุ่มคนต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย
สำหรับที่ตั้งของโครงการจะอยู่บนถนนเอกมัย ติดซอยเอกมัย 1 สังเกตง่าย ๆ จะเลย Big C เอกมัย มาไม่ไกล โครงการจะตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ โครงการนี้ยังใกล้กับซอยทองหล่อ 10 ที่ใช้ลัดออกไปถนนทองหล่อได้ใกล้ ๆ โดยไม่ต้องไม่อ้อมบนถนนสุขุมวิท
อย่างที่รู้จักกันดีว่าทำเลสุขุมวิทเป็นทำเลที่ฮอตมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะสุขุมวิทตอนกลาง โดย Prime Location ของสุขุมวิท จะเริ่มตั้งแต่แยกอโศกมาจนถึงเอกมัย ซึ่งโซนเอกมัย ถือเป็นโซนที่รองรับการขยายตัวมาจากทางทองหล่อและพร้อมพงษ์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ พอ ๆ กัน แต่เอกมัยจะมีความสงบที่มากกว่า
สภาพแวดล้อมโดยรวมของเอกมัยเชื่อมทองหล่อ มีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นโซนที่อยู่อาศัยระดับ Hi-End สองข้างทางจะมี Community Mall, Hi-End Restaurants ระดับ Michelin Star และ Cafe Hopping ที่มี Concept ที่น่าสนใจ นอกจากนั้นก็ยังมีปั๊มน้ำมันแบบ Non-Oil, อาคารสำนักงาน และร้านค้าประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย เรียกว่ามีพร้อมสรรพทุกสิ่งอย่าง
ด้วยเหตุนี้ คอนโดทำเลเอกมัย กลายเป็นย่านที่สมบูรณ์แบบทั้งในแง่การใช้ชีวิต การทำงาน ที่สำคัญ “เอกมัย” ยังเป็นย่านที่นักลงทุนต่างเข้ามาจับจองคอนโดเพื่อทำกำไรต่อในอนาคต เพราะมีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) ถึง 7% ต่อปี และราคาที่ดีก็มีแนวโน้มที่สูงขึ้นในทุก ๆ ปี
RHYTHM เอกมัย เอสเตท จึงนับว่าเป็นคอนโดหรูพร้อมอยู่โครงการใหม่ บนที่ดินต้นเอกมัย ใกล้ทองหล่อ ที่ควรค่าทั้งในแง่ของการลงทุน ทั้งการซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย หรือส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานเป็นอย่างมากเลยค่ะ
การเดินทางโดยรถส่วนตัว : เดินทางได้สะดวก ที่ตั้งของโครงการนี้จะไม่ต้องเข้าซอยรอง หน้าโครงการอยู่ติดถนนเอกมัย และซอยเอกมัย 1 ที่เข้ามาจากถนนสุขุมวิท ตรงแยกเอกมัยใต้ เพียง 1 กม.* และถัดจากโครงการไปจะเชื่อมกับถนนเพชรบุรี ตรงแยกทองหล่อเหนือได้ใกล้ ๆ เพียง 1.6 กม.*
จากถนนเอกมัย จะมีทางลัดเป็นเชื่อมไปถนนทองหล่อ ผ่านซอยทองหล่อ 10 และซอยทองหล่อ 20 (ซอยแจ่มจันทร์) และจากถนนทองหล่อ ก็จะมีเส้นทางลัดไปออกซอยสุขุมวิท 49, ซอยพร้อมพงษ์ เชื่อมต่อโซนอโศก โดยไม่ต้องไปวิ่งบนถนนสุขุมวิทได้ด้วย
ทั้งยังเชื่อมต่อกับซอยสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์) ผ่านซอยเอกมัย 10 และซอยเอกมัย 12 ได้ในระยะทางสั้น ๆ ซึ่งความเหมือนกันของถนนเอกมัย ทองหล่อ และปรีดีพนมยงค์ คือ เป็นซอยที่เชื่อมถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรีตัดใหม่เข้าด้วยกัน ทางลัดต่าง ๆ จึงสามารถใช้หลบเลี่ยงรถติดในบางจุดของถนนหลักได้เป็นอย่างดี
หากมองภาพรวมของทำเลกว้างออกมาอีกหน่อย จะเห็นว่าถัดจากสุขุมวิท จะวิ่งไปเชื่อมต่อกับถนนพระราม 4 ผ่านแยกอโศก หรือใช้ซอยลัดตรงสุขุมวิท 42, สุขุมวิท 40 และสุขุมวิท 36 ได้ หรือจะใช้ฝั่งขาออก วิ่งไปโซนอ่อนนุช, แบริ่ง, บางนา เข้าตัวเมืองสมุทรปราการก็ง่าย
ส่วนฝั่งถนนเพชรบุรี จะใช้วิ่งไปเชื่อมกับโซนพัฒนาการ, รามคำแหง และไปแหล่งงานทางฝั่งพระราม 9 ได้ใกล้ ๆ ยิ่งถ้าใช้งานจนชิน ใช้งานจนรู้จักทางลัดเลาะต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เราจะพบว่าตรงนี้เดินทางด้วยรถยนต์ได้สะดวกมากทีเดียวค่ะ
ทางด่วน
โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท จะอยู่ใกล้กับทางด่วนเส้นหลัก 2 สาย 3 ด่านค่ะ ใกล้ที่สุดจะเป็น ทางด่วนฉลองรัช ด่านพระโขนง ที่วิ่งออกมาทางถนนสุขุมวิท โดยจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.7 กม.* หรือขับรถไปใช้งานได้ราว ๆ 3-8 นาที*
ถัดมาจะเป็น ทางด่วนฉลองรัช ด่านพัฒนาการ จากโครงการวิ่งออกไปทางถนนเพชรบุรี ผ่านแยกคลองตันไป จะเจอกับจุดขึ้นทางด่วน ทางนี้เหมาะทั้งการเข้าเมืองและออกเมือง โดยจะอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 3.1 กม.* หรือใช้เวลาในการเดินทางไปราว ๆ 6-12 นาที*
ทางด่วนอีกสายจะเป็น ทางด่วนศรีรัช ด่านรามคำแหง ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการใกล้ ๆ กันเลยนะคะ ประมาณ 3.5 กม. และใช้เวลาขับรถไปราว ๆ 5-10 นาที* ทั้งหมดนี้เราสามารถเลือกใช้ได้ตามสถานที่ที่ต้องการจะเดินทางไปเลยค่ะ
ถนนและแยกสำคัญใกล้เคียง
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด**
การเดินทางโดยรถไฟฟ้า : ที่นี่จะอยู่ใกล้โครงข่ายของรถไฟฟ้าหลายสายเลยนะคะ ทั้งรถไฟฟ้าที่เปิดใช้งานแล้ว และรถไฟฟ้าโครงการในอนาคต
อย่างที่ใช้งานกันหลัก ๆ ก็จะเป็น รถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กม.* โดยโครงการจะมีบริการ Shuttle Bus คอยรับ-ส่งลูกบ้านไปลงที่สถานีเอกมัย และสถานีทองหล่อให้ใช้งาน
นั่งจากเอกมัย ไปแค่ 2 สถานี ถึง BTS พร้อมพงษ์ เป็น Hub ของ 3 ห้างใหญ่ในเครือ The Mall Group หรือนั่งต่อไปเพียง 3 สถานี จะเปลี่ยนเส้นทางไปรถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิทได้ หรือใครชอบไปเดินเล่นโซนสยาม ก็นั่งไปได้ง่าย ๆ เพียงแค่ 7 สถานี เท่านั้นค่ะ
ในอนาคตตรงสถานีทองหล่อ จะเป็นจุด Interchange ระหว่าง BTS และรถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วงที่ 2 พระโขนง-พระราม 3 และยัง Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีส้มได้ที่สถานีพระราม 9 ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางไปย่านต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้น
นอกจากนั้นยังมี Airport Link รามคำแหง ที่วิ่งออกไปทางเพชรบุรีให้ใช้งาน ใครที่ต้องเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เลือกใช้ Airport Link ได้เลย สะดวกดี และถัดไปอีกหน่อยจะมีรถไฟฟ้า MRT เพชรบุรี ตรงแยกอโศก-เพชรบุรี ให้ได้ใช้งานค่ะ
ส่วนการเดินทางโดยรถสาธารณะในรูปแบบอื่น ๆ ก็ทำได้ง่ายเหมือนกัน ด้วยโครงการอยู่ใจกลางเมือง ทำให้เรียกรถ Taxi ที่วิ่งผ่านหน้าโครงการ หรือเรียกรถผ่าน Application ต่าง ๆ ได้ง่าย มีรถ Standby รอบ ๆ อยู่แทบจะ 24 ชม.*
โครงการอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย ประตู 1 ประมาณ 1 กม.* หรือนั่งรถออกไปใช้งานได้เพียง 2 นาที*
RHYTHM เอกมัย เอสเตท เป็นคอนโดหรูพร้อมอยู่ในโซนเอกมัย-ทองหล่อ เป็นโซนที่อยู่อาศัยระดับ Hi-End ที่มีคนไทย ที่เป็นกลุ่ม Young Successor กลุ่มคนวัยเกษียณ และเป็นย่านที่กลุ่ม Expat ผู้บริหารชาวต่างชาติ หรือกลุ่มคนต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นต่างให้ความนิยมมายาวนาน เพราะมีความสะดวกหลายประการ
ตลอดสองฝั่งซอยทองหล่อและเอกมัย รวมถึงบนถนนสุขุมวิท จะอัดแน่นไปด้วย Community Mall ที่มี Concept เก๋ ๆ มี Supermarket นานาชาติ และมีร้านอาหารทุกรูปแบบตั้งแต่ Local Restaurant, Michelin Star & Guide Restaurant, Omakaze, Chef Table หรือจะเป็นร้านนั่งชิลทางฝั่งทองหล่อก็มีให้เลือกเยอะ
อย่างฝั่งตรงข้ามกับโครงการจะเป็น Health Land, เวิ้งโบราณ และ Ekkamai Shopping Mall ภายในมีร้านอารและร้านกาแฟเปิดอยู่หลายร้าน ถัดไปประมาณ 180-500 ม.* จะเจอกับ Big C และ Index เอกมัย, Donki Mall ทองหล่อ และ At Ekkamai
ส่วนช่วงต้น ๆ ถนนเอกมัย ก็จะมี Park Lane, Earth Ekamai, Major สุขุมวิท และ Gateway Ekamai ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ไม่เกิน 1.2 กม.* ขยับไปทางถนนทองหล่อ ที่อยู่เชื่อมกัน จะมี Lifestyle Mall, Community Mall และ Supermarket อีกเพียบ
เช่น Marché, Market Place, Town Hall 49, Park Avenue, J Avenue, Penny’s Balcony ทั้งยังใกล้กับ The Commons ที่ภายในมีร้านอาหารดี ๆ ถึง 4 โซน ได้แก่ Market, Village, Play Yard และ Top Yard อีกด้วย
หากจะไปห้างสรรพสินค้า ก็ออกไปทางเส้นสุขุมวิทได้เลย อย่างหน้าปากทางจะมี Gateway เอกมัย หรือออกไปโซนพร้อมพงษ์ ตรงนี้จะเป็นโซนของ Em District ที่รวมทั้ง 3 ห้างใหญ่ อย่าง Emporium, Emquartier และที่เพิ่งเปิดไปไม่นาน อย่าง Emsphere ในเครือ The Mall Group ไว้เป็นอาณาจักรเลยค่ะ
ใกล้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดังของไทยมากกว่า 10 แห่ง + เพียง 750 ม.* ถึง Kids’ Academy และ 1 กม.* ถึง Ekamai International School ถัดไปรอบ ๆ จะมี รร.ทอสี, มศว.ประสานมิตร, รร.สาธิตฯ มศว.ประสานมิตร และ รร.เซนต์ดอมินิก ในระยะไม่เกิน 5 กม.*
และด้วยทำเลที่มีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยอยู่เยอะ ทำให้ใกล้ ๆ กับโครงการนี้ เค้าจะมีโรงเรียนนานาชาติรองรับบุตรหลานชาวไทยและต่างชาติอยู่เยอะมาก ๆ อย่างเช่น St Andrews, Wells, Trinity, Bangkok Prep, Ivy Bound และ Anglo Singapore 31 เป็นต้น
ใกล้โรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่ง ทำให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว มั่นใจได้ในกรณีฉุกเฉินตลอด 24 ชม. ทั้ง รพ.สุขุมวิท, รพ.สมิติเวช, รพ.คามิลเลียน, รพ.เพชรเวช, รพ.วิมุต-เทพธารินทร์, รพ.กรุงเทพ, รพ.กล้วยน้ำไท, รพ.พระราม 9 และ รพ.จักษุ รัตนิน
รายล้อมด้วยอาคารสำนักงานชั้นนำเกรด A มากมาย ขอยกตัวอย่างบางส่วน ได้แก่ Park X Ekkamai, SSP Tower 2, Charn Issara Tower 2, APAC Tower, UM Tower, Italthai Tower, T-One Building, Summer Hub Office, GMM และ Sino-Thai Tower
ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว, สวนสาธารณะใจกลางเมือง และอื่น ๆ ทั้งท้องฟ้าจำลอง, สวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์, สวนเบญจสิริ, สวนป่าเบญจกิติ-สวนลุมพินี และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น
ศูนย์การค้า
สถานศึกษาและโรงเรียนนานาชาติ
โรงพยาบาล
อาคารสำนักงาน
อื่น ๆ
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด**
ภาพประกอบการเดินทาง
พิกัดโครงการ : maps.app.goo.gl/2xDUq2JW9CMmUMR48
การเดินเริ่มจากถนนสุขุมวิท ⇒ BTS พร้อมพงษ์ ⇒ BTS ทองหล่อ ⇒ แยกเอกมัยใต้ ⇒ ถนนเอกมัย (ซอยสุขุมวิท 63) ⇒ ตรงไป 1 กม.* ⇒ ถึงโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท ทางฝั่งซ้ายมือ ติดซอยเอกมัย 1
เริ่มจากถนนสุขุมวิท ที่มาจากแยกอโศก ผ่าน BTS พร้อมพงษ์ และ 3 ห้างใหญ่ของ The Mall Group อย่าง Emsphere, Emporium และ Emquartier
ผ่าน BTS ทองหล่อ
ผ่านถนนทองหล่อ หรือซอยสุขุมวิท 55
ขับตรงมาเรื่อย ๆ จะเจอกับ Major เอกมัย
ชิดซ้ายเพื่อเตรียมเลี้ยวเข้าถนนเอกมัย
ตรงมาจนถึงแยกเอกมัยใต้ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเอกมัยได้เลยค่ะ
จากหน้าปากทางขับตรงเข้ามาประมาณ 1 กม.* ถึงโครงการ
เลี้ยวเข้ามาบนถนนเอกมัย แล้วตรงต่อไป
ผ่าน Earth Ekamai และ Park Lane Ekamai
ผ่าน Big C & Index เอกมัย แล้วให้เราชิดซ้ายไว้
ตรงมาประมาณ 180 ม.* ถึงโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท ทางฝั่งซ้ายมือ ติดกับซอยเอกมัย 1
ด้านหน้าโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท
อยู่ติดถนนเอกมัย ตรงข้ามกับเวิ้งโบราณ Ekkamai Shopping Mall และ Health Land
มุมสูงที่ดินโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท ตั้งอยู่ติดถนนเอกมัยและซอยเอกมัย 1 ตรงข้ามเป็นซอยเอกมัย 10 ที่ใช้ลัดไปออกซอยสุขุมวิท 71 ได้ ใกล้ซอยเอกมัย 5 หรือทองหล่อซอย 10 เพียง 180 ม.* เป็นซอยที่ใช้ทะลุไปออกทองหล่อได้เลย ส่วนรอบ ๆ โครงการยังมีความเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านเท่าฝั่งทองหล่อ ได้ฟีลเหมือนอยู่บ้านใจกลางเมือง โดยรอบ ๆ ก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ในระยะเดินเท้าไปได้สบาย ๆ อีกเพียบ
รอบโครงการ
PROJECT DETAIL
RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโด High-Rise สูง 32 ชั้น เป็นส่วนตัวเพียง 303 ยูนิต เน้นห้องพักขนาดใหญ่ ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Feel Like Home” เพื่อสร้างบรรยากาศให้เหมือนอยู่บ้าน ตัดขาดความวุ่นวายจากภายนอก สะท้อนเรื่องราวและมนต์เสน่ห์ ของการอยู่อาศัยแบบบ้านเอกมัยในอดีต สู่ New Vertical Home ในปัจจุบัน ด้วย Floating Lobby สูง 7 ชั้น ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมือนการเดินสู่ชั้นบนของบ้าน จนถึงชานบ้านชั้น 7 ซึ่งเป็น Main Lobby หลักคอนโด
โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางอย่างพิถีพิถัน โดยจัดสรรพื้นที่ถึง 10 ชั้น จากทั้งหมด 33 ชั้นของอาคาร พื้นที่เหล่านี้ถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะในรูปแบบของจิตรกรรม และประติมากรรม ระดับ Masterpiece จาก Artist ชื่อเสียงระดับแนวหน้าของประเทศ อาทิ
นอกจากนี้ โครงการยังเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงในการตกแต่งภายใน เช่น หินอ่อน Rainforest Green Marble และ Platinum Sand Marble ทำให้พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดมีความลงตัวทั้งในด้านการใช้งานและความสวยงาม ทุกจุดถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจในรายละเอียด สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งาน
ตัวอาคารของโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท ออกแบบมาในสไตล์ Modern มาพร้อมกับ Concept “Feel Like Home” สร้างสรรค์บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่ผสมผสานความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตั้งแต่ภายนอกจนถึงภายใน ด้านหน้าตึกถูกออกแบบเป็นหน้าจั่วคล้ายบ้าน
พร้อมกับการนำพื้นที่ในบ้าน เช่น สวน ชานบ้าน ห้องรับแขก และโซนพักผ่อน มาปรับใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง การตกแต่งภายในเน้นวัสดุธรรมชาติอย่างไม้และหิน เพิ่มพื้นที่สีเขียวจากต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยสร้างความร่มรื่นและผ่อนคลาย เสมือนอยู่ในบ้านจริง ๆ
แปลนชั้น 1 มีทางเข้า-ออกหลักจากถนนเอกมัย ตรงเข้ามาจะเจอกับ Drop-Off มีที่จอดรถรอบ ๆ อาคารประมาณ 23 คัน และมี EV Charger รองรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้ 2 ช่อง ด้านหน้าอารจะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า Chamchuri Outdoor Terrace ติดกันจะเป็น Floating Lobby สูง 7 ชั้น
ถัดไปที่ด้านในจะเจอกับ Welcome Foyer มีนิติบุคคล และ Smart Locker แอบอยู่ด้านหลัง เข้าไปในอาคารจะเจอกับ Welcome Lounge, Reception และ Feature Mail Room พร้อม Lift Hall ที่มีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 3 ตัว เป็นระบบล็อกชั้น ส่วนลิฟต์บริการมีให้ 1 ตัว ค่ะ
แปลนชั้น 2-6 จะเป็นชั้นที่จอดรถ สัดส่วนที่จอดรถของโครงการนี้อยู่ที่ 67% และเป็นระบบ Conventional ทำให้สะดวกสบายต่อการใช้งาน โดยฝั่งทิศตะวันออก จะเป็นที่ตั้งของ Floating Lobby เชื่อมต่อกัน 7 ชั้น แบ่งเป็น 2 โซน Social Zone ห้องพักผ่อน สังสรรค์ เพดานสูงกว่า 10 ม. และ Quiet Zone ที่มี Meeting Room 2 ห้อง และ Vertical Co-Working สำหรับลูกบ้านที่ต้องการความเงียบสงบ ต้องการพื้นที่ส่วนตัวสำหรับทำงาน
ทางเข้า-ออกตัวโครงการมีการแยกช่องทางเดินรถยนต์และทางคนเดินไว้แยกกัน โดยฝั่งคนเดินจะกั้นด้วยประตูรั้ว ระบบ Face Scan เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกบ้าน ด้านหน้าทางเข้าจะมี Setback จากถนนเอกมัยเข้าไปอยู่พอสมควร และมีการจัดสวนให้ที่ด้านหน้า สร้างบรรยากาศที่ร่มรื่น ผ่อนคลาย
ทางเดินรถยนต์แบ่งช่องรถเข้า-ออกไว้แยกกัน ลูกบ้านเข้า-ออกผ่านระบบ KATSAN หรือการจดจำป้ายทะเบียนรถยนต์ มีกล้อง CCTV ติดให้ที่ด้านหน้า ส่วนขวามือจะเป็นป้อมของพี่ รปภ. ที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยประจำการอยู่ตลอด 24 ชม.
เข้ามาที่ด้านในโครงการ ซ้ายมือจะเป็น Drop-Off สำหรับจอดรับส่ง ส่วนด้านหน้าจะเป็นถนนภายในโครงการ การเดินรถเป็นแบบ 2 Way รอบ ๆ อาคารมีที่จอดรถในช่องจอดให้เล็กน้อย ส่วนที่จอดรถหลัก ๆ จะตั้งอยู่ที่ชั้น 2-ชั้น 6 โดยที่จอดรถได้มาถึง 67% เลยนะคะ ด้วยยูนิตที่น้อย ทำให้มีที่จอดรถเพียงพอแน่นอน
ที่ชั้น 1 ด้านนอกอาคารจะเป็นพื้นที่ของ Chamchuri Outdoor Terrace สวนสีเขียวขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้เก่าแก่ประจำถนนเอกมัย ซึ่งทางโครงการได้อนุรักษ์ต้นจามจุรีอายุ 50 ปี ทั้ง 3 ต้น ด้วยการการนำต้นจามจุรีที่ใหญ่ที่สุดมาไว้ที่ด้านหน้าโครงการ สร้างความร่มรื่น เพิ่มการบังสายตา เพื่อความเงียบสงบให้กับลูกบ้าน
ภายในจะมี Terrace กว้าง ๆ พร้อม Seating Area ขนาดใหญ่ รองรับการใช้งานได้หลายที่นั่ง ส่วนนี้จะได้บรรยากาศร่มรื่นจากต้นจามจุรีขนาดใหญ่ และให้ฟีลเหมือนนั่งเล่นอยู่ในสวนที่บ้านเลยค่ะ
จาก Chamchuri Outdoor Terrace มองกลับเข้ามาที่ตัวอาคาร จะเห็น Floating Lobby ความสูง 7 ชั้น
ติดกับ Chamchuri Outdoor Terrace และ Drop-Off จะเป็นบันไดทางขึ้นไปยังชั้น 2-7
ตรงเข้ามาจะเจอกับ Welcome Foyer เป็นทางเดินเข้าสู่อาคารที่ตกแต่งด้วยวัสดุที่หรูหรา อย่างพื้นลายหินอ่อน ผนังลายไม้ ผสมผสานกับการใช้ Lighting เส้นแนวตั้งช่วยให้ Welcome Foyer ดุหรูหรา สวยงาม และเป็นหน้าเป็นตาให้กับเจ้าของร่วมได้ด้วย
มองมาทางซ้ายมือ จะเป็นโถงทางเดินที่เชื่อมต่อกับลิฟต์โดยสารของ Floating Lobby, นิติบุคคล, Smart Locker และมีห้องน้ำส่วนกลางแยกห้องชาย-หญิงแอบไว้ที่ด้านนี้
จาก Welcome Foyer จะผ่านเข้ามายัง Welcome Lounge ผ่าน Auto Door ระบบ Face Scan ภายในนี้จะเป็นพื้นที่รับรองแขก การตกแต่งที่เน้นวัสดุธรรมชาติจากไม้และหิน ให้บรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลาย และมีการจัดเตรียมมุมรับรองไว้ให้หลายที่นั่งเลยค่ะ
ต่อเนื่องจาก Welcome Lounge เข้ามาที่ด้านในสุดจะเจอกับ Feature Mail Room ตกแต่งภายในมาได้อย่างสวยงาม โดยใช้งาน Crafted Sculpture ที่มีความเป็นธรรมชาติจากต้นจามจุรีอายุกว่า 50 ปี ผลงานจาก Dong Sculpture และตกแต่งผนังด้วย Platinum Sand Marble
ด้านข้างจะเป็น Lift Hall ได้ลิฟต์ระบบล็อกชั้นทั้งหมด 3 ตัว
Floating Lobby
กลับมาที่ Floating Lobby กันอีกครั้ง ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ทางด้านหน้าอาคาร โดยส่วน Floating Lobby จะมีทั้งส่วนที่เรียกว่า Quiet Zone และ Social Zone ให้เหมาะกับการใช้งานของ User โดยมีการแยกสัดส่วนอย่างชัดเจน ให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโปร่งโล่งเหมือนอยู่บ้าน ตรงตามคอนเซ็ปต์ “Feel Like Home”
โดยส่วน Floating Lobby ทั้งหมดนี้สามารถเดินหรือใช้ลิฟต์เชื่อมต่อกันได้ตั้งแต่ชั้น 1-ชั้น 7 เลือกใช้งานได้ตามสะดวกเลยค่ะ
Multi-Storey Social Zone
ขึ้นบันไดมาที่ชั้น 2 ด้านหน้าจะเป็นทางเข้า Multi-Storey Social Zone
เข้ามาที่ด้านใน Multi-Storey Social Zone จะเป็นห้องโถงสูงกว่า 10 ม. ภายในตกแต่งด้วย Rainforest Green Marble ที่มีสีเขียวและลวดลายธรรมชาติ ผสมผสานกับวัสดุลายไม้ พร้อมโคมไฟระย้าที่ออกแบบมาพิเศษจากใบต้นจามจุรี ทำให้ห้องนี้ดูอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน รองรับการสังสรรค์ นั่งเล่นพักผ่อน หรือจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ได้
บรรยากาศภายใน Multi-Storey Social Zone ที่นอกจากจะได้เพดานสูงกว่า 10 ม. แล้ว ตัวห้องใช้ผนังกระจก Full Height รอบด้าน ทำให้ได้บรรยากาศที่ผ่อนคลาย มองออกไปเห็นวิวต้นจามจุรี บริเวณ Chamchuri Outdoor Terrace ด้านหน้าได้ด้วยค่ะ
จาก Multi-Storey Social Zone จะมีประตูภายในให้เปิดเชื่อมกับบันไดไปยังชั้นอื่น ๆ ได้แบบนี้
ส่วนลิฟต์โดยสารจะตั้งอยู่ที่ด้านหลัง ใช้ขึ้นจากชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 แล้วเดินออกต่อไปยังส่วนกลางชั้น 7 ได้ค่ะ
Multi-Storey Quiet Zone
สำหรับ Multi-Storey Quiet Zone จะเชื่อมต่อกันที่ชั้น 3 และชั้น 4 ใช้งานเชื่อมต่อกันผ่านบันไดที่ด้านในห้องได้
ชั้น 3 จะเป็นที่ตั้งของ Meeting Room การตกแต่งภายในมั้งหมดมีความหรูหรา ผ่อนคลาย ผ่านวัสดุลายไม้, หิน และแทรกด้วยงานศิลปะจากศิลปินชื่อดัง
Meeting Room มีให้ 2 ห้อง ลูกบ้านสามารถใช้งานโดย Booking ผ่าน Application ได้
ภายใน Meeting Room 1 จะมีโต๊ะประชุมขนาด 6 ที่นั่ง พร้อม Smart TV สำหรับต่อ Present งานได้ค่ะ ภายในตกแต่งผนังด้วย Rainforest Green Marble และใช้ Wallpaper จาก MOOOI นักออกแบบจากเนเธอร์แลนด์
Meeting Room 2 จะตกแต่งภายในมาเหมือนกัน แต่ห้องนี้จะลดขนาดโต๊ะประชุมลงมาเป็น 4 ที่นั่ง รองรับการคุยงานแบบกลุ่มเล็ก ๆ ได้ดีมากกว่าค่ะ
จากชั้น 3 ขึ้นไปที่ชั้น 4 ผ่านบันไดวนที่ตกแต่งพื้นด้วยหินอ่อน ตัดเฟรมกระจกสี Copper ให้ความหรูหรา น่าใช้งาน
ขึ้นมาที่ชั้น 4 จะเป็นพื้นที่ของ Vertical Co-Working ออกแบบพื้นที่ภายในให้เป็นห้องเพดานสูง ผนังกระจก Full Height เปิดรับวิวทางฝั่งถนนเอกมัย และ Chamchuri Outdoor Terrace
จุดเด่นของห้องนี้จะมีการตกแต่งผนังด้วยงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจากผลงานของ Vincent Van Gogh และตกแต่งห้องด้วยการผสมผสานระหว่างลายไม้และหินอ่อน Rainforest Green Marble
ภายใน Vertical Co-Working จะมีเก้าอี้รับรองจัดเตรียมไว้ให้ และมีเคาน์เตอร์บาร์ขนาด 4 ที่นั่ง หันหน้าออกไปทางถนนเอกมัย และ Chamchuri Outdoor Terrace ให้นั่งทำงานชมวิวเพลิน ๆ ได้แบบนี้เลย
ออกมาที่ด้านนอก ห้องที่ตรงข้ามกันจะเป็นโถงลิฟต์ที่กดขึ้นมาที่ชั้น 4 ได้
ขึ้นมาที่ชั้น 5 มีลิฟต์ให้ใช้งานเช่นกัน
บริเวณโถงบันไดชั้น 5 จะมีพื้นที่กว้างให้เราใช้เป็นจุดยืนรับลมชมวิวได้ มองออกไปจะเห็นวิวของถนนเอกมัย ตรงข้ามกันเป็นเวิ้งโบราณ บรรยากาศด้านหน้าเขียวชอุ่มด้วยต้นจามจารีขนาดใหญ่ ที่เป็นต้นไม้ดั้งเดิมของที่ดินย่านเอกมัย
มองลงมาเห็นพื้นที่สีเขียวสบายตาของ Chamchuri Outdoor Terrace
ต้นจามจุรีขนาดใหญ่กว่า 50 ปี ที่โครงการอนุรักษ์และนำมาปลูกไม้ที่ด้านหน้าโครงการ บริเวณ Chamchuri Outdoor Terrace และยังมีต้นไม้ใหญ่แบบนี้อีก 2 ต้น ตั้งอยู่ตรงด้านข้างโครงการ
จาก Social Zone และ Quiet Zone จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 7 ได้
ด้านหน้ากั้นด้วยผนังกระจก Tempered Glass เพื่อให้เปิดรับมุมมองได้กว้าง มองออกไปจะเห็นวิวของเมืองเอกมัยที่สูงขึ้น
มองกลับมาจะเจอกับ Landscape เล่นระดับ ที่มีทั้งพื้นที่สีเขียว และ Water Feature สร้างความรื่นรมย์และผ่อนคลาย
มองขึ้นไปเห็นตัวอาคารพักอาศัย
พื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 7
แปลนชั้น 7 จะเป็นชั้นเริ่มต้นยูนิตพักอาศัย ตั้งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตก และเป็นห้องขนาดใหญ่ จำนวน 5 ยูนิต ส่วนที่เหลือจะเป็นส่วนกลาง มีทั้งโซน Indoor และ Outdoor โดยพื้นที่ Outdoor จะเชื่อมต่อจากบันไดของ Floating Lobby ได้ ขึ้นมาจะเจอกับ Floating Garden, Flexible Looby, Grand Terrace และพื้นที่ Indoor จะมี Feature Lobby, Tea Pavilion และ Theatre Pavilion ให้ใช้งาน
ที่นี่เป็นคอนโดโครงการแรกของ AP ที่ยก Lobby ขึ้นมาไว้ที่ชั้น 7 ออกแบบคล้ายห้องรับแขกขนาดใหญ่ และมีพื้นที่เหมือน Courtyard กว้าง ๆ สอดแทรกด้วยพื้นที่สีเขียวของต้นไม้ใหญ่ให้ความรู้สึกร่มรื่นเหมือนอยู่บ้านจริง ๆ ค่ะ
การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 7 ที่มีทั้งโซน Indoor และ Outdoor ให้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย สามารถสร้างบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายภายในอาคารและความสดชื่นของธรรมชาติภายนอกได้ดี
โซน Outdoor ที่ออกแบบให้เป็นเหมือนชานบ้าน หรือ Flexible Lobby ที่สามารถชมทัศนียภาพของสวนสีเขียว ที่มี Water Feature ล้อมรอบ นอกจากนั้นทางโครงการมีพื้นที่ Sunken Seat สำหรับลูกบ้านที่อยากออกมาใช้พื้นที่ข้างนอก ทุกพื้นที่ให้ความรู้สึกที่เหมือนอยู่บ้าน
มี Sunken Seat ขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่นั่งเล่นพักผ่อน นั่งอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้หลายคน
ตรงข้ามกันริมทางเดิน จะมี Semi-Outdoor Terrace ให้อีก 1 จุด
ต่อเนื่องมาทางด้านหน้าอาคาร จะเป็น Semi-Outdoor Terrace เชื่อมต่อกับ Feature Lobby ที่ด้านใน
Semi-Outdoor Terrace กว้าง ๆ เหมือนชานบ้าน มีเก้าอี้พักผ่อน และชุดโต๊ะ-เก้าอี้ขนาดใหญ่ รองรับการนั่งทำงาน นั่งเรียนพิเศษในบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ
ทางเข้าไปยัง Feature Lobby โดยประตูส่วนนี้จะเป็นประตูบานเฟี้ยม ที่สามารถเปิดรับลมธรรมชาติได้
Feature Lobby ออกแบบเป็นเหมือนห้องรับแขกขนาดใหญ่ ได้เป็นห้องเพดานสูงโปร่ง โอ่อ่า มีการผสมผสานวัสดุแบบ Raw Material หลายอย่าง ทั้งไม้ หิน กระจก และตกแต่งด้วยงานศิลปะในรูปแบบของจิตรกรรม และประติมากรรม ระดับ Masterpiece จากศิลปินชื่อดัง อย่างเช่น ออกแบบโดย Pomme Chan และภาพติดผนังที่ได้ดจากผลงานของ Vincent Van Gogh
ภายในห้องนี้จะจัดวางชุดโซฟารับรอง และเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์สวยไว้ให้หลายที่นั่ง
ด้านในจะมี Private Zone ไว้สำหรับนั่งทำงานที่ต้องใช้สมาธิ หรือนั่งพักผ่อนเงียบ ๆ ได้ค่ะ
ถัดมาจะมีมุมนั่งทำงาน ทำการบ้าน และยังมีโซนเล่นเกมเตรียมไว้ให้ด้วย
บรรยากาศภาพรวมภายใน Feature Lobby
ออกจาก Feature Lobby ไปที่ด้านหลัง จะเป็นที่ตั้งของ Tea Pavilion
Tea Pavilion เป็นห้องพักผ่อนผนังกระจกรอบด้าน ตกแต่งด้านนอกด้วยเหล็กฉลุลายสวยงาม โดยห้องนี้จะต้อง Booking ก่อนใช้งานก่อนนะคะ
Tea Pavilion เป็นอีกห้องหนึ่งที่ตกแต่งภายในอย่างสวยงาม โดยมีแรงบันดาลใจหลักมาจากต้นจามจุรี ผนังด้านหลังตกแต่งด้วยงานเพ้นท์มือ (Hand-Painted) ลายต้นจามจุรี โดยศิลปินชาวไทย ส่วนเคาน์เตอร์บาร์ได้รับการออกแบบโดยใช้แรงบันดาลใจจากรากของต้นจามจุรี ปลอกหมอนในห้องใช้ลวดลายออกแบบโดย Pomme Chan และพื้นห้องปูด้วยหินอ่อน Rainforest Green Marble เพิ่มความหรูหราและเป็นธรรมชาติ
ฟังก์ชันของห้องเหมาะสำหรับนั่งจิบชา รองรับการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว และจาก Tea Pavilion มองออกไปเห็นวิวของ Water Feature และ Flexible Lobby ด้านนอกได้
เข้ามาภายในอาคารจะเจอกับ Lift Hall เพดานสูงโปร่ง ที่ตกแต่งผนังลายไม้ และตกแต่งพื้นด้วย Platinum Sand Marble
จาก Lift Hall จะเชื่อมต่อกับห้องพักอาศัย ห้องน้ำส่วนกลาง และ Theater Pavilion ได้แบบนี้
ออกมาด้านนอกจะเจอกับพื้นที่พักผ่อนในร่ม มองเห็นวิวเมือง และ Water Feature ที่ด้านข้างได้
Theater Pavilion เป็นห้องแอร์ขนาดใหญ่ ที่ต้อง Booking ก่อนใช้งานเช่นเดิม
Theater Pavilion เป็นห้องดูหนังส่วนตัวของลูกบ้าน โดยทางโครงการได้จัดเตรียมจอ Projector ขนาดใหญ่ พร้อมเครื่องเสียงที่มีคุณภาพสูงไว้รองรับการใช้งาน
ภายในตกแต่งด้วย Raw Material ให้บรรยากาศผ่อนคลาย พร้อมจัดเตรียมโซฟาและเก้าอี้รับรองให้เกือบ 20 ที่นั่ง ใช้งานพร้อมกันกลุ่มใหญ่ ๆ ได้
จอ Projector ขนาดใหญ่ พร้อมเครื่องเสียงสำหรับเปิดดูหนัง
ติดกันจะเป็นห้องน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่
ห้องน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่ ตกแต่งภายในเหมือนห้องน้ำในโรงแรมหรู มีมุมสำหรับล้างมือให้มากถึง 6 จุด ส่วนด้านในจะแบ่งห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิงแยกกันให้อีกทีค่ะ
Triplex Facility ส่วนกลาง 3 ชั้น มุมมอง 360 องศา ตั้งแต่ชั้น 31 ถึงชั้น Rooftop ที่เชื่อมถึงกันทั้งหมด
พื้นที่ส่วนกลางชั้น 31
แปลนอาคารชั้น 31 เป็นพื้นที่สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool รูปตัว O ว่ายรอบได้ 360 องศา โดย Main Lab ยาว 28 ม. ข้าง ๆ เป็น Honeymoon Sunken Seat ที่มีการลดระดับพื้นที่นั่งพักผ่อนรอบสระลงไปเพื่อไม่ให้บังวิวสระว่ายน้ำ และมีส่วนของ Observation Deck ที่เป็นจุดชมวิวพื้นกระจก ให้ลูกบ้านขึ้นมาชมวิว ยืนถ่ายรูปฉากหลังวิวเมืองสวย ๆ ได้
ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 31 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางแบบเต็มชั้น โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นนี้ไปจนถึง Rooftop เลยนะคะ โดยส่วนกลางชั้น 31 จะประกอบไปด้วย Infinity Edge Pool และ Observation Deck
เดินออกมาที่ด้านนอกจะเจอกับสระว่ายน้ำ และโถงทางเดิน พร้อมมุมพักคอยริมสระ
Infinity Edge Pool ขนาดใหญ่รูปตัว O ว่ายได้รอบแบบ 360 องศา ส่วนที่ยาวที่สุดจะอยู่ที่ 28 ม. โดยจะมีในส่วนของ Kids Pool และ Hydro Air Jacuzzi มากถึง 78 จุด อีกด้วยค่ะ
จาก จะมีการดรอปพื้นที่ลงมา 1 Step ให้มีทางเดินรอบสระ และมี Crystal Hallway หรือทางเดินอุโมงค์ใต้สระเหมือนอยู่ใน Aquarium โดยบันไดทางลงจะกรุพื้นผนังด้วยวัสดุลายหินอ่อนดูหรูหรามาก ๆ ค่ะ
ออกจาก Crystal Hallway จะเจอกับทางเดินที่แยกออกเป็น 2 ฝั่ง
ซ้ายมือเป็น Honeymoon Seat ไว้นั่งเล่นพักผ่อน รับลมชมวิวได้
อีกด้านจะเจอกับ Observation Deck เป็นจุดชมวิวพื้นกระจกใสที่สามารถมองลงไปจนถึงชั้นล่าง
ทางเดินฝั่งด้านหน้าอาคาร
เดินต่อมาจะเจอกับ Honeymoon Sunken Seat เป็นพื้นที่แบบลดระดับลงไปจากโถงทางเดิน จัดเตรียมมุม Honeymoon Sunken Seat ให้ถึง 6 จุด ใช้นั่งเล่นพักผ่อ นั่งรับลมชมวิวสวย ๆ ในตอนเย็น ๆ หรือตอนกลางคืนได้
เดินวนมาอีกด้านจะเจอกับ Seating Area แบบเล่นระดับ ที่ใช้งานพร้อม ๆ กันได้หลายคนเลยค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางชั้น 32
แปลนอาคารชั้น 32 เป็นชั้นส่วนกลางหลักอีกชั้นที่อยู่เหนือสระว่ายน้ำ (ชั้น 31) โดยชั้นนี้จะมี Sky Fitness ขนาดใหญ่สำหรับ Cardio และ Weight Training และมี Private Fitness ที่สามารถจองไว้สำหรับกิจกรรมออกกำลังกายส่วนตัวหรือกับเพื่อนๆได้ เช่น โยคะ, คอร์สเรียนเต้นรำ เป็นต้น
พิเศษกว่าโครงการอื่น ๆ คือมี Wellness Spa ให้แบบจริงจัง คือ มี Steam (ฝั่งผู้หญิง), Sauna (ฝั่งผู้ชาย) อ่างน้ำวน และ White Ion Bath พร้อมพื้นที่อาบน้ำแต่งตัวมาให้แบบจัดเต็มทั้งฝั่งหญิงและชาย โดยฝั่งผู้หญิง นอกจากนี้ยังมี Sky Lounge และ Sky Library พร้อมชุดที่นั่งให้ขึ้นมานั่งพักผ่อน จิบเครื่องดื่ม กินขนม ชมวิวเมือง ที่ชั้นสูงของโครงการได้ทุกคน
ออกจากลิฟต์มาที่ชั้น 32 จะเจอกับ Sky Lounge เป็นส่วนแรก
Sky Lounge เป็นพื้นที่พักผ่อนแบบส่วนตัว นั่งเล่นชมวิวเมืองได้รอบด้าน ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เก๋ พร้อมโคมไฟระย้าดูหรูหราสวยงาม และมีโซฟารับรองให้หลายที่นั่ง
ต่อเนื่องไปอีกฝั่งจะเป็น Sky Library ที่มีฉากกั้นบานเลื่อนให้ปิดเวลาที่ต้องการใช้งานเงียบ ๆ ได้ค่ะ
Sky Library ตกแต่งมาได้อย่างสวยงามในสไตล์เดียวกันกับพื้นที่ของ Sky Lounge โดยจะมีภาพตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจจาก Vincent Van Gogh มีบรรยากาศเงียบสงบ ใช้เป็นห้องพักผ่อน นั่งทำงาน นั่งอ่านหนังสือ และชมวิวเมืองในพื้นที่เดียวกันได้
มีโซฟารับรองไว้นั่งอ่านหนังสือชมวิวเมืองเพลิน ๆ ได้แบบนี้
นอกจากนั้นก็ยังมีโต๊ะทำงานขนาด 6 ที่นั่ง ไว้รองรับการนำ Laptop มานั่งทำงานในบรรยากาศชิล ๆ เหมือนอยู่บ้านกันได้ด้วยค่ะ
จาก Sky Library และ Sky Lounge เดินไปทางด้านหลังจะเป็น Sky Wellness Spa และ Sky Fitness
Sky Wellness Spa แยกห้องชาย-หญิงให้ใช้งานได้อย่างเป็นส่วนตัว
เข้ามาที่ฝั่งของผู้หญิง ส่วนแรกจะเป็นโถงกลางขนาดใหญ่ มีฟังก์ชันของตู้ล็อกเกอร์ เคาน์เตอร์พร้อมอ่างล้างมือ และเคาน์เตอร์ + เก้าอี้สำหรับนั่งแต่งหน้าทำผมจัดเตรียมไว้ให้
เดินขึ้นบันไดมาจะเจอกับ Steam Room และ Wellness Spa
ภายใน Wellness Spa จะเป็นห้องผนังกระจก Full Height ทำให้ใช้งานไปชมวิวไปพร้อม ๆ กันได้ ส่วนฟังก์ชันการใช้งานเค้าจะแบ่งเป็น 2 อ่าง คือ อ่างน้ำวน และ White Ion Bath
White Ion Bath จะมีระบบผลิตฟองอากาศขนาดเล็กกว่ารูขุมขน ทำให้สามารถเข้าไปขจัดสิ่งสกปรกตามรูขุมขนของเราได้ ทำให้ผิวของเราสะอาดและชุ่มชื้นเนื่องจากผิวหนังได้ผ่อนคลายจากการดูดซึมออกซิเจนเข้าไป
ติดกันจะเป็นอ่างน้ำวน ไว้สำหรับแช่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
มองออกมาได้วิวเมืองกว้าง ๆ แบบนี้
ส่วนทางด้านหลังของ Wellness Spa ฝั่งผู้หญิงจะได้เป็น Steam Room
ตรงข้ามกับ Wellness Spa จะเป็นห้องน้ำ และห้องอาบน้ำในห้องน้ำหญิง
มาต่อกันที่ Wellness Spa ฝั่งผู้ชาย ส่วนแรกจะได้ฟังก์ชันมาคล้าย ๆ กัน
ด้านขวาจะเป็นห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และฝั่งของผู้ชายจะได้เป็นห้อง Sauna
Wellness Spa ในฝั่งผู้ชายมีทั้งหมด 2 อ่าง และได้เป็นห้องผนังกระจก Full Height เปิดรับวิวเมืองกว้าง ๆ ได้เหมือนกัน
Wellness Spa แบ่งไว้ 2 อ่าง คือ White Ion Bath และอ่างน้ำวน
มาต่อกันที่ Sky Fitness ที่ด้านหน้าทางเข้าจะมีโซฟาให้นั่งพักผ่อน นั่งพักคอยให้แบบนี้
Sky Fitness แบ่งพื้นที่ไว้ 2 โซน อย่างห้องนี้จะเป็น Private Zone ออกแบบมาให้เหมือนเป็นห้องส่วนตัวที่สามารถ Booking พา Trainer มา Body Weight เล่น Yoga หรือ Pilates ได้ และห้องนี้จะใช้เป็นผนังกระจก Full Height รอบด้าน ทำให้ใช้งานได้บรรยากาศที่โปร่งและผ่อนคลาย
มองออกมาเห็นวิวเมืองกว้าง ๆ
อีกฝั่งเป็น Active Zone เป็นห้องผนังกระจก Full Height เปิดรับมุมมองได้กว้างเช่นกัน แบ่งพื้นที่สำหรับ Cardio และ Weight Training ให้ครบ นอกจากนั้นยังจัดเตรียมเครื่องออกกำลังกายของ Techno Gym ให้อย่างครบครัน
พื้นที่ส่วนกลางชั้น Rooftop
แปลนชั้น 33 เป็นสวนชั้นดาดฟ้าของโครงการ เห็นว่าจัด Landscape มาแบบขั้นบันได แบ่งพื้นที่เป็นส่วนต่าง ๆให้ขึ้นมาพักผ่อนหย่อนใจในสวนชั้นบนสุดของโครงการกันได้
ขึ้นมาที่ชั้น 33 จะเป็น Rooftop Garden ที่จะทำเป็นทางเดินวนขึ้น-ลงได้รอบ และมีมุมโซฟาไว้สำหรับนั่งเล่นชมวิวได้ด้วยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด
G Floor
2nd-6th Floor
7th Floor
31st Floor
32nd Floor
Rooftop
FLOOR PLAN
แปลนชั้นพักอาศัยของโครงการ ที่ชั้น 7 มีความพิเศษคือมียูนิตห้องพักอาศัยแบบ Duplex หรือ 2 ชั้นอยู่ด้วย ส่วนชั้น 8 ขึ้นไปเป็นยูนิตแบบ Simplex หรือยูนิตแบบ 1 ชั้นที่เพดานสูง 2.8 ม. โดยชั้น 8-28 เป็น Typical Floor คือจัดผังห้องมาคล้าย ๆ กัน แต่จำนวนจะลดหลั่นลงไปตามความสูงของอาคารค่ะ
*ห้องพักแบบ Duplex, Sky Villa และ Penthouse ขายหมดแล้วค่ะ *
มาดูผังชั้นพักอาศัยแบบ Typical Floor กันค่ะ ที่นี่จะมียูนิตพักอาศัยสูงสุดอยู่ที่ 15 ยูนิต/ ชั้น ถือว่าไม่เยอะ เมื่อเทียบกับคอนโดใกล้เคียง โถงทางเดินจะมีทั้งส่วนที่เป็น Single Corridor และ Double Corridor มีลิฟต์ตั้งอยู่กึ่งกลาง จำนวน 3 ตัว และมีลิฟต์บริการให้ 1 ตัว โดยลิฟต์ตัวเดี่ยว จะเป็นลิฟต์ที่ใช้ขึ้นไปจนถึงชั้น 33 ได้ ส่วน 2 ตัว ที่อยู่คู่กันนั้น จะขึ้นได้ถึงชั้น 32 ค่ะ
แปลนห้องพักชั้น 9-30
UNIT TYPE
โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท เน้นเป็นห้องขนาดใหญ่ มีการออกแบบให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น โดยพัฒนาจากประสบการณ์การออกแบบห้องในโครงการที่ผ่านมา โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 แบบ ดังนี้
1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม.
1 Bedroom Plus ขนาด 40 ตร.ม.
2 Bedroom ขนาด 86.5 ตร.ม.
ห้องตัวอย่าง
วันนี้เรามีห้องตัวอย่างมาให้ชมทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่
โครงการขายห้องพักให้ในรูปแบบ Fully Fitted พร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบ Multi-Fitted
โดยสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับมีดังต่อไปนี้ค่ะ
ห้องตัวอย่างห้องที่ 1
แปลนห้องพักแบบ 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. เป็นห้องหน้ากว้าง มีจุดเด่นตรงที่ได้เป็นห้องครัวปิด มีห้องนั่งเล่นที่กว้างขึ้น มีห้องนอนให้เป็นสัดส่วน พร้อมพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำแบบ Double Access เพื่อการใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นค่ะ
จากแปลนด้านบนจะแบ่งพื้นที่ไว้ 5 ส่วนหลัก ๆ เปิดประตูเข้ามาด้านในส่วนแรกจะเป็นห้องครัวปิด ที่กั้นแยกส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนไว้ให้ พื้นที่ใช้งานส่วนครัวกว้างขวาง ได้ชุดครัวที่ทางโครงการ Built-in มาให้มาตรฐานกับห้อง ตรงข้ามกันจะเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น และประตูทางเข้าห้องน้ำจากห้องครัว โดยห้องน้ำจะมีขนาดกว้างดี แบ่งส่วนแห้ง กั้นแยกส่วนอาบน้ำให้เรียบร้อย
ถัดจากห้องครัวเข้าไป จะเจอกับ Living Area ขนาดใหญ่ โดยจะ Combine มุมทานอาหารและห้องนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน ติดกับห้องนั่งเล่นจะเป็นที่ตั้งของระเบียง 2 ชั้น กั้นแยกด้วยประตูกระจกบานเลื่อน โดยภายในจะเป็นระเบียงหน้ากว้าง สามารถวางราวตากผ้าหรือปลูกต้นไม้บนคอนโดได้
อีกฝั่งของห้องจะเป็นที่ตั้งของห้องนอน มีพื้นที่กว้างมากขึ้น รองรับเตียงนอน 5-6 ฟุต ได้สบาย ๆ ในห้องนอนได้ติดหน้าต่างกระจกบานผสมชุดใหญ่มาให้ 1 บาน ใช้เปิดรับแสงในตอนกลางวัน เปิดชมวิวในตอนกลางคืน และมีบานกระทุ้งให้เปิดรับลม ระบายอากาศได้ อีกฝั่งจะเป็น Walk-in Closet อยู่ติดกันเป็นประตูห้องน้ำอีกทาง ทำให้ห้องนี้เหมือนได้ฟังก์ชันห้องน้ำในตัว สะดวกสบายต่อการใช้งานเป็นอย่างมากเลยค่ะ
ประตูห้องพักลายไม้ พร้อมตาแมวที่หน้าบาน มือจับก้านโยก กลอน Digital Door Lock ของ Kaadas ใช้งานได้หลายแบบ ทั้ง Keycard, Finger Scan และ Pin Code
เข้ามาด้านในจะเจอกับห้องครัวปิดเป็นอันดับแรก พื้นครัวจะปู Porcelain Tile ลายหินอ่อน 60 x 60 ซม. ซึ่งเหมาะกับการใช้งานหนัก แข็งแรง ทนแรงกระแทกได้ดี และเช็ดถูทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนฝ้าเพดานในห้อง จะสูงถึง 2.8 ม. ได้บรรยากาศโปร่ง สบาย ผนังห้องและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว และได้โคมไฟ Led Panel ที่ประหยัดพลังงานและค่าไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
ภาพรวมในห้องครัวปิด มีชุดครัว Built-in ที่มาพร้อมกับห้องมาตรฐาน อีกฝั่งจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ และด้านหน้าจะมีพื้นที่เหลือให้วางตู้เย็น หรือเปลี่ยนเป็นเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ก็ทำได้ตามต้องการค่ะ
โครงการ Built-in ชุดครัวความกว้างพอดีผนังมาให้แบบในภาพ วัสดุที่ได้เกรดพรีเมียม ตู้เก็บของและลิ้นชักเก็บของบน-ล่าง ปิดหน้าบานด้วยเมลามีน ด้านล่างจะเป็นลายไม้ ส่วนด้านบนจะเป็นสีน้ำตาลแบบทึบ บานพับ-รางเลื่อนทั้งหมดเป็นแบบ Soft Close ช่วยให้เปิด-ปิดได้อย่างนุ่มนวล ไร้แรงกระแทก และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
หน้า Top เป็นหิน Quartz สีขาว แบบ Food Grade ที่มีความแข็งแรงทนทาน ทนความร้อนได้ดี เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ผนังครัวทำ Backsplash Porcelain Tile ลายหินอ่อนให้แบบในภาพ และตรงกลางจะติดตั้งเต้าเสียบปลั๊กไฟให้ 1 จุด
ด้านซ้ายของหน้า Top จะเป็นมุมทำอาหาร ติดตั้ง Hob 2 หัว ระบบควบคุมแบบสัมผัส พร้อม Slimline Hood ใช้งานง่าย สะดวก เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัด ทั้งหมดใช้เป็นของ Franke
ด้านขวาของหน้า Top จะเป็นมุมล้างจาน ล้างผัก-ผลไม้ ตรงนี้จะได้เป็น Sink ฝังเคาน์เตอร์แบบหลุมเดี่ยวของ Teka พร้อมก๊อกน้ำโครเมียมก้านโยกทรงสูง หมุนซ้าย-ขวาได้ ใช้งานได้สะดวกดี
ตรงกลางจะมีพื้นที่เหลือให้เตรียมอาหาร, ทำขนม และชงชา-กาแฟทานในตอนเช้าได้สะดวกค่ะ
ด้านล่างจะได้ตู้เก็บของใต้ Sink ตรงกลางเป็นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า ขนาดไม่เกิน 7 กก. ด้านหลังมีการเดินงานระบบน้ำ-ไฟมาให้พร้อมต่อใช้งาน ส่วนซ้ายมือจะมีลิ้นชักเก็บช้อนส้อม และมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ
ตู้เก็บของใต้ Sink มีขนาดใหญ่ที่สุดค่ะ มีถังขยะพร้อมฝาปิดติดให้ที่หลังบานเปิด ภายในจะการติดแผ่นอะลูมิเนียมกันน้ำ กันชื้นมาให้ โดยห้องนี้จะเหมาะสำหรับทำเป็นห้อง Stock ของใช้ต่าง ๆ ในบ้าน อย่างเช่น น้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ, แชมพู-ครีมอาบน้ำ, ห่อกระดาษทิชชู รวมถึงใช้เป็นห้องเก็บอุปกรณ์เครื่องมือช่างประจำบ้านก็ยังได้
ใต้มุมทำอาหารจะได้ลิ้นชักรางเลื่อน ที่มีถาดใส่ช้อน-ส้อมติดมาให้ที่ด้านใน ช่วยจัดระเบียบของและทำให้หยิบใช้งานได้สะดวก
ด้านล่างจะเป็นช่องวางไมโครเวฟขนาดมาตรฐาน ที่ด้านหลังมีเต้าเสียบปลั๊กไฟติดมาให้ 1 จุด และด้านล่างสุดจะเป็นลิ้นชักเก็บของรางเลื่อนพื้นที่โล่ง ๆ ค่ะ
ด้านบนจะได้ตู้เก็บของบานเปิด Soft Close มารวม 3 ตู้ ภายในมีชั้นลอยแยกย่อยมาหลายช่อง สามารถวางถ้วยกาแฟ, เครื่องปรุงอาหาร, อาหารแห้ง และอุปกรณ์ของใช้ในครัวเรือนได้เยอะดีทีเดียวค่ะ
ตรงข้ามกับชุดครัว จะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ที่ด้านหน้ามีพื้นที่เหลือให้วางตู้เย็นขนาด 6-10 คิว ได้ กำลังพอดี และที่ผนังด้านหลังจะมีเต้าเสียบปลั๊กไฟติดมาให้ 1 จุด พร้อมเสียบใช้งานค่ะ
ภาพรวมของห้องครัวปิด มีพื้นที่ใช้งานกว้างดี ยืนทำอาหาร, ล้างจาน, เตรียมอาหาร, อุ่นอาหาร, ซัก-อบผ้า เปิดตู้เย็น รวมถึงเดินเข้า-ออกห้องพักและห้องน้ำได้สะดวก
จากห้องครัวมองตรงเข้ามาในห้องน้ำจะได้มุมมองแบบในภาพ ด้านซ้ายมือจะเป็นประตูทางห้องน้ำอีกบาน ที่สามารถเข้า-ออกได้จากห้องนอนนั่นเองค่ะ
ห้องน้ำพื้นที่กว้าง ใช้งานได้สะดวก ตกแต่งพื้นและผนังด้วย Porcelain Tile 60 x 60 ซม. ลายหินสีเทาอ่อน ช่วยให้ห้องน้ำดูหรูหรา สว่าง และสะอาดตา มีการแบ่งส่วนแห้ง กั้นแยกส่วนอาบน้ำด้วย Shower Screen Tempered Glass มาให้เรียบร้อย สุขภัณฑ์มาตรฐานใช้รุ่นพรีเมียมทั้งหมด โดยจะติดตั้งมาให้ตำแหน่งตามภาพค่ะ
ด้านหลังส่วนแห้งจะมี Low-Wall หินสังเคราะห์สีขาวแนวยาวให้วางของใช้ได้เยอะดี ผนังติดกระจกเงาขนาดใหญ่มาให้ 1 บาน ขับให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้น และด้านข้างจะมีปลั๊กไฟกันน้ำติดให้ 1 จุด ส่วนด้านบนเพดานจะติดพัดลมระบายอากาศมาให้ 1 เครื่อง ช่วยลดกลิ่นอับและระบายความชื้นได้ดี
อ่างล้างหน้าทรงเหลี่ยมของ Kohler หน้าอ่างมีพื้นที่เหลือให้วางของใช้ได้อีกนิดหน่อย พร้อมก๊อกน้ำเป็นโครเมียมก้านโยกทรงสูง เปิด-ปิดใช้งานได้สะดวกดีค่ะ
ใต้อ่างล้างหน้าจะมีลิ้นชักเก็บของให้ 1 ตู้ ภายในเป็นชั้นวางของโล่ง ๆ สามารถเก็บของใช้ในห้องน้ำ, ผ้าเช็ดตัว, ผ้าเช็ดมือ หรือห่อกระดาษทิชชูได้ค่ะ
ถัดมาเป็นที่ตั้งของโถสุขภัณฑ์แบบ 2 Piece ระบบ Dual Flush ของ Kohler พร้อมสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษทิชชูครบเซ็ต
ข้างโถสุขภัณฑ์มีชั้นวางของที่ผนังให้ 2 ช่อง
ถัดเข้าไปด้านในสุดจะเป็นส่วนอาบน้ำ โครงการติดตั้ง Shower Screen กระจก Tempered Glass ประตูบานสวิง มือจับสแตนเลสตัว C ที่สามารถแขวนผ้าเช็ดตัวมาได้ โดย Shower Screen จะวางบนธรณีหินสังเคราะห์อีกที เพื่อกันน้ำไหลย้อนกลับออกมาด้านนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ภายในติดตั้งฝักบัวให้ 2 แบบเลยค่ะ ทั้งแบบ Hand Shower และ Rain Shower ก๊อกน้ำฝังกำแพงแบบก้านโยก เปิด-ปิดใช้งานสะดวก ผนังเจาะช่องทำชั้นวางของให้ 2 ชั้น มีการเดินงานระบบไฟฟ้า ติด Junction Box รองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้อย่างปลอดภัยค่ะ
จากห้องครัวจะเชื่อมต่อกับ Living Area และระเบียงพักผ่อนที่ด้านนอก โดยจะกั้นแยกส่วนด้วยประตูกระจกใส กรอบอะลูมิเนียม Powder Coat บานเลื่อน 3 ตอน ความสูงจรดฝ้าเพดานให้แบบในภาพ
ตรงเข้ามาภายใน Living Area วัสดุพื้นห้องจะเปลี่ยน Porcelain Tile มาเป็น Hybrid Engineering Wood ลายไม้ ที่ให้ผิวสัมผัสที่สบายเท้า และให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
Living Area พื้นที่กว้าง สามารถรวมมุมทานอาหารและห้องนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และเมื่อวางเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เข้าไปแล้ว ก็ยังมีพื้นที่ให้ใช้งานได้สะดวก
ติดกับห้องครัวจะจัดเป็นมุมทานอาหาร ขนาด 2 ที่นั่ง มาให้ดูเป็นแนวทางค่ะ ห้องจริงสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ในรูปแบบที่ชอบเองได้เลย ส่วนบ้านไหนที่ไม่ชอบนั่งทานอาหารจริงจัง ก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นมุมทำงานแบบ 1 ที่นั่ง แทนเข้าไปได้ค่ะ
ถัดจากมุมทานอาหารมา จะเป็นห้องนั่งเล่น ทางโครงการวางโซฟา Love Seat มาให้ดูเป็นไอเดีย ห้องจริงสามารถเพิ่มขนาดเป็น 3 ที่นั่ง หรือปรับให้เป็นโซฟา L-Shape ขนาด 3 ที่นั่งได้ ด้านหน้ามีพื้นที่เหลือพอให้วางโต๊ะกาแฟได้อีก 1 ตัว
ตรงข้ามกับ Living Area ในห้องจริงจะเป็นผนังเปล่าฉาบเรียบทาสี สามารถวางชั้นวางทีวีตัวยาว 1.5-2 ม. หรือจะ Built-in เฟอร์นิเจอร์ให้เต็มพื้นที่เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของก็ทำได้เลยนะ
ผนังด้านบนจะติดแอร์ Wall Type มาให้ 1 เครื่อง และที่ด้านหลังทีวี จะมีการเดินงานระบบไฟฟ้า ติดเต้าเสียบปลั๊กไฟและช่องเสียบสาย Cable TV มาให้พร้อมต่อใช้งานค่ะ
ตรงกลางจะมีพื้นที่เหลือกว้างพอประมาณ สามารถนั่งดูซีรีส์, นั่งทานอาหาร, นั่งทำงาน และมีพื้นที่เหลือให้เดินเข้า-ออกไปส่วนอื่น ๆ ของห้องพักได้สะดวก
ถัดจาก Living Area ไป จะเป็นระเบียงพักผ่อน 2 ชั้น กั้นแยกส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอะลูมิเนียม Powder Coat
ด้านนอกจะเป็นระเบียงแบบปิด พื้นที่ใช้งานสามารถวางต้นไม้กระถาง หรือใช้เป็นพื้นที่ปลูกผักสวนครัวบนคอนโดก็ยังได้ ตัวพื้นจะปู Ceramic Tile แบบกันลื่น 60 x 60 ซม.
ซ้ายมือทำเป็นห้องเก็บ CDU ที่แยกโซนไว้เป็นสัดส่วน ทำให้ใช้งานตรงระเบียงได้เต็มพื้นที่แบบไม่ร้อนลมแอร์
ระเบียงได้เป็นแบบ 2 ชั้น คือมีราวกันตกและมีประตูกระจกบานเลื่อนเปิดได้ 2 ทาง ผนังด้านข้างเป็นช่องแสงบานฟิกซ์ ข้อดีคือช่วยกันฝุ่นได้ดี และยังสามารถเปิดประตูเชื่อมกับโซน Living ให้มีพื้นที่ใช้งานที่กว้างขึ้นได้ด้วย
จากระเบียงมองกลับเข้ามาดูภาพรวมภายในห้องพัก
ไปดูห้องนอนกันต่อ ส่วนนี้กั้นประตูลายไม้บานทึบ มือจับก้านโยกกลอน Double Lock ติดมาให้ ส่วนพื้นห้องนอนจะปู Hybrid Engineering Wood ต่อเนื่องจาก Living Area เข้าไปด้านในเลยค่ะ
เข้ามาภายในห้องนอน จะเป็นห้องหน้ากว้าง แบ่งฟังก์ชันการใช้งานไว้ 2 ส่วน คือ ซ้ายมือเป็นส่วนของเตียงนอน และขวามือเป็น Walk-in Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำได้สะดวก
ห้องตัวอย่างวางเตียง Queen Size และโต๊ะหัวเตียง 1 คู่ มาให้ดูระยะใช้งาน จะเห็นว่าเมือวางเฟอร์นิเจอร์เข้าไปแล้ว ก็ยังมีพื้นที่ปลายเตียงและข้างเตียงให้ใช้งานได้สะดวกอยู่ค่ะ สามารถเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และกวาดถูพื้นได้ง่ายดี
ข้างเตียงนอนจะมีหน้าต่างบานผสมติดมาให้ 1 ชุดโดยจะมีบานเปิด 1 บาน ไว้รับลม ระบายอากาศ ที่เหลือจะเป็นบาน Fixed ใช้เป็นช่องแสงธรรมชาติในตอนกลางวันได้ดี เปิดรับมุมมองภายนอกได้เต็มสายตา และยังช่วยให้ภาพรวมในห้องนั้นดูโปร่ง โล่ง กว้างมากขึ้นอีกด้วย
ปลายเตียงห้องจริงจะเป็นผนังเปล่าฉาบเรียบทาสี มีแอร์ Wall Type ติดมาให้ 1 ตัว จุดนี้สามารถติดทีวีแขวนผนังหรือชั้นวางของแนวยาวเข้าไปได้ ทางโครงการเดินงานระบบไฟฟ้า ติดเต้าเสียบปลั๊กไฟให้ 2 จุด และช่องเสียบสาย Cable TV ให้ 1 จุด
อีกฝั่งของห้องนอน หรือบริเวณด้านหน้าห้องน้ำ โครงการตกแต่งเป็น Walk-in Closet มาให้ดู ข้างตู้เสื้อผ้าจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำอีกทาง ทำให้ห้องนอนเปรียบเสมือนมีฟังก์ชันห้องน้ำในตัวเลยค่ะ
เมื่อเราวางเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ครบทั้งห้องเข้าไปแล้ว ด้านหน้าห้องน้ำจะมีพื้นที่เหลือกว้างดี สามารถนั่งแต่งหน้า ยืนแต่งตัว รวมถึงเดินเข้าห้องพักและห้องน้ำได้สะดวกดีค่ะ
ห้องตัวอย่างห้องที่ 2
แปลนห้องตัวอย่าง แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 40 ตร.ม. ออกแบบเป็นห้องหน้ากว้าง อยู่ 2 คน หรือครอบครัวเริ่มต้นได้สบายมากขึ้น เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับครัวเปิด ที่มีชุดครัว Built-in ติดตั้งมาให้ พื้นที่ส่วนครัวจะเชื่อมต่อกับ Living Area และห้องอเนกประสงค์ที่ด้านใน ขวามือเป็นห้องน้ำที่เข้า-ออกได้ 2 ทาง ที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือ จากโถงทางเดินและจากห้องนอน ด้านในจะเป็นห้องนอนพื้นที่กว้าง ที่เชื่อมต่อกันกับระเบียง 2 ชั้น ได้อีกทีค่ะ
เริ่มจากด้านหน้าห้องพัก ตรงเข้ามาจะเจอกับครัวเปิด ความสูงเพดานส่วนแรกจะอยู่ที่ 2.8 ม. เท่ากันกับแบบห้องแรก ตัวพื้นส่วนใหญ่จะปู Hybrid Engineering Wood ลายไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี และได้โคมไฟ Led Panel ทั้งห้องค่ะ
ส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ครัวเปิด โดย Type นี้ จะเหมาะกับคนที่ไม่ได้ชอบทำอาหารจริงจัง ด้านหน้าชุดครัวจะมีพื้นที่กว้าง สามารถวางโต๊ะทานข้าว 2-3 ที่นั่งได้กำลังดี
ชุดครัว Built-in Spec เดียวกันกับห้องก่อนหน้าค่ะ ตั้งอยู่ชิดผนังด้านใน และ Type นี้ จะมีการเว้นพื้นที่ให้วางตู้เย็น 2 ประตู เพิ่มเข้าไปได้ใกล้ ๆ
หน้าท็อปเป็นหิน Quartz Food Grade สีขาว พร้อม Sink หลุมเดี่ยวของ Teka และ Hob & Hood ของ Franke ผนังทำ Backsplash และมีปลั๊กไฟให้ 1 จุด
ด้านบนได้ตู้เก็บของบานเปิดพร้อมชั้นลอยหลายช่อง
ด้านล่างมีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้าและไมโครเวฟให้
มีลิ้นชักพร้อมถาดใส่ช้อนส้อมให้เก็บของได้อย่างเป็นระเบียบ และหยิบใช้งานง่าย
ใต้ Sink มีตู้เก็บของขนาดใหญ่ พร้อมถังขยะมีฝาปิดติดมาให้เลย
จากพื้นที่ครัวจะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นได้ใกล้ ๆ และการที่ได้ฟังก์ชันเป็นครัวเปิด จำทำให้พื้นที่ภายในห้องดูโปร่งและกว้างขึ้นด้วย
พื้นที่ห้องนั่งเล่นขนาดพอเหมาะ แต่ใช้นั่งดูหนัง นั่งเล่นพักผ่อนได้ในบรรยากาศไม่อึดอัด เพราะได้ฝ้าสูง 2.8 ม. และได้แสงสว่างมาจากหน้าต่างในห้องอเนกประสงค์ และส่วนนี้จะได้แอร์ Wall Type มา 1 ตัวค่ะ
พื้นที่ตรงนี้จะสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง วางโต๊ะกลางที่ด้านหน้า และที่ผนังมีการเดินงานระบบไฟให้พร้อมใช้ สามารถติด Smart TV จอใหญ่ได้เลย หรือใครจะติดชั้นวางของแนวยาวซ้อน ๆ กัน ไว้วางหนังสือ วางของใช้หรือของตกแต่งบ้านก็ได้
ห้องอเนกประสงค์กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ความสูงจรดฝ้าเพดาน ทำให้พื้นที่ทั้ง 2 ส่วน ดูกว้างไม่อึดอัด
ห้องอเนกประสงค์ได้พื้นที่มากว้างกำลังดีค่ะ สามารถทำเป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัว หรือห้อง Live Studio ได้
ภายในห้องดูโปร่งสบายเนื่องจากได้หน้าต่างบานผสมขนาดใหญ่ และมีช่องแสงบานฟิกซ์ติดเข้ามุมมาให้ด้วย
มองกลับเข้ามาดูภาพรวมภายในห้องพัก
อีกฝั่งจะเป็นที่ตั้งของห้องนอนที่มีประตูปิดมิดชิด และติดกันจะเป็นห้องน้ำที่เข้า-ออกได้ 2 ทาง
ห้องน้ำได้ฟังก์ชันการใช้งานและวัสดุมาตรฐานเหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้เลยค่ะ
ห้องนอนพื้นที่กว้าง รองรับเตียงนอน 5-6 ฟุต และเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานได้
ห้องตัวอย่างมาวางเตียง 5 ฟุต มาให้ดูระยะใช้งาน
ข้างเตียงสามารถวางตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ได้ ติดกันเป็นทางเข้าห้องน้ำ ทำให้ห้องนอนเหมือนมีห้องน้ำในตัว
ปลายเตียงนอนเป็นผนังเปล่า มีงานระบบไฟรองรับการติดตั้ง TV และที่ด้านบนติดแอร์ Wall Type ให้ 1 ตัว
ถัดจากเตียงนอนไปเป็นส่วนของระเบียง ได้เป็นระเบียง 2 ชั้น เป็นส่วนตัว ใช้งานได้จริง และสามารถเปิดประตูขยายพื้นที่ได้ด้วย
ระเบียง 2 ชั้น ที่ว่าคือจะมีประตูกั้นให้ 2 ส่วน คือตรงห้องนอน และอีกจุดตรงราวระเบียง มีห้อง CDU แยกเป็นสัดส่วน พื้นที่ใช้งานขนาดกว้างกำลังดี สามารถใช้เป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ วางราวตากผ้าเล็ก ๆ หรือจะวางเป็นเก้าอี้พักผ่อนแบบเดี่ยวก็ยังได้
มองกลับเข้ามาดูภาพรวมภายในห้องนอนค่ะ
ราคา (ต.ค. 67)
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ คลิก : https://bit.ly/4el6dAK
*หมายเหตุ : ข้อมูลราคาและโปรโมชันอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม*
สรุป
⇒ ทำเลที่ตั้งโครงการ : RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโดพร้อมอยู่ที่ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน บนทำเล ‘เอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ’ ถือเป็นทำเล Demand ของกลุ่มคนรายได้สูง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และฮ่องกง ที่ให้ความสนใจและนิยมอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก
เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รายล้อมด้วยแหล่ง Lifestyle ระดับ Hi-End, โรงเรียนนานาชาติ, โรงพยาบาลเอกชน, สถานที่ทำงาน พร้อมทั้งการเดินทางที่สะดวกสบาย รองรับไลฟ์สไตล์ได้อย่างหลากหลาย
ส่งผลให้โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท เป็นคอนโดหรูพร้อมอยู่แห่งใหม่ในย่านเอกมัย ที่น่าสนใจและเหมาะทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน เพราะอยู่ใน Prime Location และอยู่ใกล้กับทองหล่อมากที่สุด โดยอยู่ห่างจากทองหล่อ ซอย 10 เพียง 180 ม.* และด้วยมูลค่าของทำเลโซนนี้และที่ดินโซนเอกมัย-ทองหล่อที่แทบไม่เหลือให้สร้างคอนโดได้อีกแล้ว ทำให้ที่ดินโซนนี้ทั้งหายากและราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
สามารถซื้อไว้เพื่อลงทุนระยะยาวได้ เพราะมีคนเข้ามาถามหาเช่าตลอด มี Rental Yield อยู่ที่ประมาณ 7% ต่อปี รวมถึงเป็นโครงการใน Segment ที่ AP คุ้นเคย และทำการบ้านในการออกแบบมาเป็นอย่างดี พร้อมความแข็งแกร่งด้านเงินลงทุนโครงการ ช่วยเสริมความมั่นใจให้ผู้ซื้อได้อีกระดับ
⇒ การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว : เดินทางสะดวก โดยโครงการจะอยู่ต้นเอกมัย ทางฝั่งเอกมัยใต้ ใกล้ถนนสุขุมวิท 1 กม.* อีกด้านทางฝั่งเอกมัยเหนือ จะเชื่อมกับถนนเพชรบุรี ได้ในระยะทาง 1.6 กม.* ภายในเส้นเอกมัย จะมีซอยลัดไปออกทองหล่อ และสุขุมวิท 71 ได้ โดยไม่ต้องอ้อมไปบนถนนใหญ่ และยังมีทางด่วนให้เลือกใช้ใกล้ ๆ สะดวกทั้งการเข้าเมืองและออกนอกเมืองค่ะ
⇒ การเดินทางด้วยรถสาธารณะและรถไฟฟ้า : อยู่ใกล้กับ BTS เอกมัย เพียง 1 กม.* หรือ 2 นาที* โดย BTS จะเป็นรถไฟฟ้าสายหลักของกรุงเทพฯ ใช้นั่งเข้าเมืองไปพร้อมพงษ์-อโศก-สยาม ได้ต่อเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนสถานี หรือจะนั่งออกเมืองไปโซนอ่อนนุช-บางนา-สุขุมวิทตอนปลายก็ง่าย โดยโครงการจะมีบริการ Shuttle Bus รับส่งไปยังสถานีรถไฟฟ้า เอกมัย และทองหล่อให้บริการด้วยค่ะ
⇒ การออกแบบโครงการและวัสดุ : โครงการออกแบบมาด้วยคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ มีความทันสมัยและพยายามตอบโจทย์ชีวิตคนในปัจจุบันและกลุ่มลูกค้าของโครงการนี้ได้ดี เป็นแนวคิดที่ออกแบบให้โครงการให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน พาเข้าสู่ความสงบร่มรื่นของธรรมชาติ
มีพื้นที่ส่วนกลางของโครงการที่ให้มากว้างขวาง ดีไซน์อาคารเป็นสไตล์โมเดิร์นแบบ Feel Like Home ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและวัสดุที่เลือกสรรมาอย่างพิถีพิถัน
Spec วัสดุภาพรวมทำออกมาได้ใส่ใจรายละเอียด สบายตา และทนทานในแง่การใช้งาน ฟังก์ชันการวางผังห้องพัฒนามาตอบโจทย์ผู้ใช้งานและมีความพรีเมียมสมราคา
⇒ สิ่งอำนวยความสะดวกและระบบรักษาความปลอดภัย : โครงการมีจุดเด่นคือมีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ตัวอาคารออกแบบด้วยแนวคิด Feel Like Home ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ผสานการใช้ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการใช้ชีวิตส่วนตัวได้ที่นี่
มีจุดเด่นเป็น Floating Lobby เชื่อมต่อกัน 7 ชั้น ที่ด้านหน้าอาคาร และมีการแบ่งพื้นที่ใช้งานระหว่าง Social Zone และ Quiet Zone ไว้ให้
ทั้งยังมี Triplex Facility ส่วนกลาง 3 ชั้น มุมมอง 360 องศา ตั้งแต่ชั้น 31 ถึงชั้น Rooftop ที่เชื่อมถึงกันทั้งหมด และเน้นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ไว้หลายจุด ซึ่งทางโครงการได้อนุรักษ์ต้นจามจุรีอายุ 50 ปี ไว้รวม 3 ต้น
โดยการนำต้นจามจุรีที่ใหญ่ที่สุดมาไว้ที่ด้านหน้าโครงการ สร้างความร่มรื่น เพิ่มการบังสายตา เพื่อความเงียบสงบให้กับลูกบ้าน และได้ฟีลเหมือนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาตลอด 24 ชม.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 1623
Line : https://line.me/ti/p/~@apthai
Website : https://bit.ly/4el6dAK
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น