EP.536 รีวิว ศุภาลัย ไอคอน สาทร / Supalai Icon Sathorn มิกซ์ยูสระดับลักซ์ชัวรี่ แลนด์มาร์กใหม่ บนที่ดินผืนงาม ใจกลางสาทร ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 8.9-134 ล้านบาท*
Written by : Pure Thitapa
หลังจากที่ ‘ศุภาลัย’ ชนะประมูลซื้อที่ดินผืนงามของสถานทูตออสเตรเลีย บนเนื้อที่เกือบ 8 ไร่ ทำเลติดถนนใหญ่สาทรใต้ไปเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา วันนี้โครงการ ‘Supalai Icon สาทร‘ อาณาจักรมิกซ์ยูสระดับลักซ์ชัวรี่ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท และยังเป็นโครงการ Top Tier ของศุภาลัย ก็ได้สร้างเสร็จพร้อมโอนกันแล้วนะคะ
วันนี้ทีมงาน Condonayoo เลยไม่พลาด ที่จะพาเพื่อน ๆ ไปเจาะลึกชมห้องจริง บรรยากาศจริงกันค่ะ สำหรับที่ตั้งของโครงการอยู่บนที่ดิน Raree Item ติดถนนสาทรใต้ ฝั่งมุ่งหน้าไปสะพานตากสิน ใกล้ถนนสวนพลู เส้นทางลัดไปออกเย็นอากาศ นางลิ้นจี่ และพระราม 3 ได้ ทั้งยังใกล้กับทางด่วนหลายสาย ใกล้ MRT ลุมพินี และ BTS ช่องนนทรี เพียง 800-900 ม.* เท่านั้นค่ะ
ศุภาลัย ไอคอน สาทร เป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับลักซ์ชัวรี่แห่งใหม่ บนถนนสาทรใต้ ภายใต้แนวคิด Best Design & Function พัฒนาโครงการอยู่บนเนื้อที่เกือบ 8 ไร่ ในโครงการจะมีครบทั้งมีทั้งคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่, สำนักงานเกรด A, ร้านค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
สำหรับคอนโดมิเนียม จะเป็นอาคารพาอาศัยสูง 56 ชั้น จำนวน 1 อาคาร มีห้องชุดพักอาศัยรวม 720 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องพักอาศัยแบบ 1-4 Bedroom รูปแบบ Typical Room และ Duplex Room พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นตั้งแต่ 42.00-438 ตร.ม. ในส่วนของ Penthouse ได้ปิดการขายไปเรียบร้อยแล้วนะคะ ส่วนสถานะของโครงการตอนนี้พร้อมอยู่ 100% แล้วค่ะ
การออกแบบตกแต่งภายใน เน้นประโยชน์ใช้สอย และเลือกสรรวัสดุชั้นนำจากทั่วโลก อาทิ พื้นห้องโถงรับแขกที่ทำจากกระเบื้องหินอ่อนอิตาลี ห้องนอนใช้กระจกแบบ Double Glazing แข็งแรง ปลอดภัย ป้องกันเสียง และป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวอาคารได้อย่างดีเยี่ยม
เครื่องปรับอากาศระบบความเย็นอัจฉริยะแบบ Cassette Type ระบบ VRV ช่วยประหยัดพลังงาน การออกแบบ Smart Kitchen ฟังก์ชันการใช้งานด้วยเทคโนโลยี และวัสดุที่มีนวัตกรรมขั้นสูง
สุขภัณฑ์อัตโนมัติระบบทำความสะอาดที่ทันสมัย ประตูเข้าห้องพักอาศัยด้วยระบบ Digital Door Lock และติดตั้งระบบ Home Automation รองรับการใช้งานผ่าน Smartphone ให้ความสะดวกสบายและอุ่นใจแก่ผู้พักอาศัยมากขึ้น
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีให้ครบครันจัดเต็มระดับ Word Class รองรับไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่อย่างลงตัว โดยใช้แนวทางการออกแบบและตกแต่งจากเสน่ห์ของประเทศออสเตรเลีย และมีพื้นที่สีเขียวให้มากถึง 2 ไร่* รายล้อมด้วยสวนแสนรื่นรมย์ Forest Garden, Green Vertical Wall, Pool Deck
อีกทั้งประติมากรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เช่น หมู่จิงโจ้กระโดดที่อยู่หน้าโครงการ สื่อถึงความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง และความสามัคคีกลมเกลียว หมีโคล่าเรืองแสงสีขาว บริเวณ Drop Off สื่อถึงความสมบูรณ์พูนสุข ตลอดจนการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิม
ส่วน Facilities อื่น ๆ จะตั้งอยู่ภายในอาคารชั้น 1, ชั้น 11 และชั้น 53 ประกอบด้วย Lobby ขนาดใหญ่ดีไซน์หรูหรา, Maldives Swimming Pool & Jacuzzi ที่มีทั้งสระแบบ Lap Pool และสระไล่ระดับแบบทะเล, Wisdom Library Room & Co-Living Space ห้องพักผ่อนและทำงานสุดหรูหรา เปิดรับมุมมองได้กว้าง 180 องศา
Aqua Hydrotherapy รองรับการแช่ตัวแบบธาราบำบัด มี Sauna & Steam สำหรับอบตัวเพื่อปรับฮออร์โมน กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดี, Milky Way Theatre & Karaoke ห้องดูหนังขนาดใหญ่ เครื่องเสียง Full HD จัดเต็มเหมือนอยู่ในโรงหนัง
มี Kid’s Club, Play Ground และ Mini Climbing Simulation สำหรับเด็ก ๆ ในโครงการ, Personal Room ห้องส่วนตัวที่รองรับการนัดช่างมาแต่งหน้า ทำผมออกงานได้ และยังมี Double Space Fine Fitness ที่จัดฟังก์ชันเพื่อคนรุ่นใหม่มาให้ครบ เช่น Group Cycling, Table Tennis, Boxing Kangaroo, Yoga และ Aerobic & Pilates
และพิเศษสุดด้วย Exclusive Opal Sky Lounge บนชั้น 53 ให้ลูกบ้านได้ชมบรรยากาศอันงดงามของกรุงเทพฯ ได้ 360 องศา ตลอดจนระบบรักษาความปลอดภัยสุดพรีเมียม เข้า-ออกส่วนหลัก ๆ ผ่านระบบ Face Scan ที่จอดรถจัดเต็ม 100%
ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าภายในโครงการฯ (EV Charger) เพื่อประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองในปัจจุบัน ทั้งหมดนี้มีราคาเริ่มต้นเพียง 8.9 ล้านบาท* เท่านั้น (มิ.ย. 67)
สนใจโครงการ ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ นัดหมายเยี่ยมชมโครงการ คลิก : https://bit.ly/3xdYRhW
สำหรับรายละเอียดของโครงการ จะมีความน่าสนใจอย่างไรกันบ้าง ไปติดตามกันต่อพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ
ชื่อโครงการ | ศุภาลัย ไอคอน สาทร / Supalai Icon Sathorn |
เจ้าของโครงการ | บมจ.ศุภาลัย / Supalai |
เนื้อที่ทั้งหมด | ประมาณ 8 ไร่ |
จำนวนตึก |
|
จำนวนชั้น |
|
จำนวนห้อง | 787 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | 100% |
จำนวนลิฟต์ |
|
โซน | CBD สาทร |
เส้นทางคมนาคม |
|
ที่ตั้ง | ติดถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. |
กำหนดการ | เริ่มก่อสร้างปี 2562 |
ปีที่สร้างเสร็จ | คอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ปี 2567 |
ราคา | ราคาเริ่มต้น 8.9-134 ล้านบาท* (มิ.ย. 67) |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | ประมาณ 230,000 บาท/ ตร.ม.* (มิ.ย. 67) |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ศูนย์การค้า และแหล่ง Lifestyle
สถานศึกษา
โรงพยาบาล
อาคารสำนักงาน
สถานทูต
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด** |
สิ่งอำนวยความสะดวก | เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ World Class อาทิ
ชั้น 1
ชั้น 11
Double Space Fine Fitness
ชั้น 53
ระบบรักษาความปลอดภัยและอื่น ๆ
|
Tel | 1720 |
Line | https://line.me/ti/p/~@114svzdg |
Website | https://bit.ly/3xdYRhW |
ที่ตั้งโครงการ
ติดถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.
พิกัดโครงการ : https://maps.app.goo.gl/BmhvSubsN1tYqgMT6
มาดูทำเลที่ตั้งโครงการ “ศุภาลัย ไอคอน สาทร” กันบ้างนะคะ ที่นี่จะเป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับลักซ์ชัวรี่แห่งใหม่ล่าสุด ตั้งอยู่บนที่ดินของสถานทูตออสเตรเลียเก่า บนถนนสาทรฝั่งใต้ ซึ่งถือเป็นทำเลทองใจกลางย่านธุรกิจที่สำคัญอันดับต้นๆ เทียบแล้วก็เหมือนกับเป็นวอลล์สตรีทของกรุงเทพฯ เลยค่ะ
อันเนื่องมาจากโซนนี้เป็นโซนที่มีความคึกคักเพราะมีผู้คนอยู่อาศัยอย่างหนาแน่น รายล้อมด้วยออฟฟิศและอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ของบริษัทชั้นนำต่างชาติ โรงแรมระดับห้าดาว สำนักงานใหญ่ของธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ สถานทูต สถาบันทางวัฒนธรรม ศูนย์การค้า โรงเรียนชั้นนำของประเทศ รวมถึงอาคารสำคัญ ๆ ทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย
ถ้าพูดในแง่ของมูลค่าที่ดินแล้ว โซนสาทรนับว่าเป็นโซนที่มีราคาประเมินที่ดินสูงสุดในประเทศมานานแล้วค่ะ อย่างที่ดินของทางโครงการที่ทางศุภาลัยประมูลมาได้ ก็มีราคาสูงถึง 4,600 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็นตารางวาละ 1.45 ล้านบาทเลยทีเดียว
เพราะทำเลนี้ถือเป็น CBD ระดับ Prime อยู่แล้ว จึงเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อระดับ High Class มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อในแง่ของการลงทุน หรือการซื้อในแง่ของความสะดวกสบาย เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้แหล่งงานแล้ว ยังแวดล้อมด้วยย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญ สถาบันการศึกษาชั้นนำ อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ สถานที่สำคัญหลายแห่งเลยค่ะ
การเดินทางด้วยรถส่วนตัว : ตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนสาทรใต้ช่วงตอนต้น ทำให้สะดวกสำหรับคนที่จะเดินทางไปทำงานในตัวเมืองสาทร และเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับทางกลับรถ ทำให้กลับไปรถไปทางฝั่งสาทรเหนือได้ง่าย โดยตัวโครงการจะอยู่ช่วงตรงกลางระหว่าง ถนนนราธิวาสราชนครินทร์และถนนพระราม 4
นับเป็นถนนใหญ่ 2 เส้นที่สำคัญมาก ๆ เริ่มจาก ถนนพระราม 4 เป็นเส้นที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนวิทยุ, ถนนราชดำริ, ถนนอังรีดูนังต์ และถนนพญาไท ซึ่งเป็นถนนเส้นที่วิ่งคู่ขนานกัน มุ่งหน้าเชื่อมสู่ถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 1 (วิ่งคู่ขนานถนนพระราม 4) เข้าไปทางตัวเมืองได้สะดวก
ซึ่งช่วงนั้นก็คือแถว ๆ เพลินจิต, ชิดลม และสยาม ใครต้องพาลูก ๆ ไเรียนพิเศษ หรือชอบออกไปเดินเล่นศูนย์การค้าระดับ World Class โซนนั้น ทำได้ง่ายมาก ๆ หรือจะวิ่งไปทางราชเทวี-อโศกก็ง่ายไม่แพ้กันค่ะ
ส่วนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นเส้นที่วิ่งตัดกับถนนสาทรใต้ สามารถใช้วิ่งเชื่อมขึ้นไปทางสีลมและถนนสุรวงศ์ และมีทางลัดไปออกเส้นสี่พระยา, พญาไท หรือจะวิ่งไปสามย่าน-บรรทัดทองก็ง่ายมาก โซนนั้นมีเป็นย่านของอาหาร Street Food เจ้าดังของกรุงเทพฯ เลย หรือจะใช้ฝั่งขาออกวิ่งลงไปเชื่อมกับถนนพระราม 3 ก็ทำได้เช่นกันค่ะ
และตัวโครงการยังอยู่ติดกับถนนสวนพลู เป็นถนนเส้นที่สามารถใช้วิ่งไปเชื่อมกับ เส้นเย็นอากาศ, เส้นพระราม 4, ถนนจันทน์, ถนนนางลิ้นจี่ และถนนเจริญราษฎร์ อีกทั้งบนถนนสวนพลูจะมีซอยพระพินิจที่สามารถใช้เลี่ยงการจราจรบนถนนสาทรได้ดี โดยจะสามารถใช้วิ่งไปออกตรงซอยนราธิวาส 7 เพื่อเชื่อมกับถนนนราธิวาสฯ ได้อีกทีค่ะ
นอกจากนี้ตัวโครงการยังใกล้กับทางด่วนอีกหลายจุด ทั้งจุดขึ้น-ลงด่านสุรวงศ์, จุดขึ้น- ลงทางด่วนด่านสาทร, จุดขึ้น-ลงด่านเลียบแม่น้ำ, จุดขึ้นทางด่วนด่านเจริญราษฎร์ หรือจะขับไปขึ้นตรงด่านพระราม 4 ก็ได้ เลือกใช้กันได้ตามความสะดวก ระยะทางจากโครงการไปจุดขึ้นทางด่วน ทุกด่าน ประมาณ 2.5-6 กม.* เท่านั้นค่ะ
มาดูทางด่วนที่ใกล้คอนโดมากที่สุดกันก่อน จะเป็น จุดขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร ด่านพระราม 4 ที่อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 2.3 กม.* หรือใช้เวลาขับรถไปราว ๆ 3-10 นาที* ในกรณีรถไม่ติดมาก
ถัดมาจะเป็น ทางด่วนศรีรัช ด่านสาทร ที่อยู่ตรงแยกสุรศักดิ์ค่ะ ฝั่งนี้จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.5 กม.* หรือใช้เวลาขับรถไปราว ๆ 3-10 นาที* เช่นกัน
สุดท้ายจะเป็น ทางด่วนศรีรัช ด่านสุรวงศ์ ที่ใช้มุ่งหน้าไปแจ้งวัฒนะ จตุจักร เชื่อมดอนเมืองโทลล์เวย์ได้ง่าย โดยจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3.1 กม.* หรือใช้เวลาขับรถมาราว ๆ 5-10 นาที* ค่ะ
ถนนและแยกสำคัญใกล้เคียง
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด**
การเดินทางด้วยรถสาธารณะและรถไฟฟ้า : เรียกว่าสะดวกสบายตามฉบับใจกลางเมือง เพราะมีตัวเลือกมากมายให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า, รถเมล์, BRT, Taxi, รถสองแถว, วินมอเตอร์ไซค์ รวมไปถึงท่าเรือก็มีให้เลือกใช้ตรงท่าเรือตากสิน ซึ่งมีทั้งเรือข้ามฟากและเรือด่วน หรือจะเรียกใช้ Grab Taxi หรือ Line Taxi ผ่าน Application ก็หารถง่ายค่ะ
สำหรับระบบราง ปัจจุบันตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT สถานีลุมพินี มากที่สุด ในระยะเดินหรือนั่งวินมอเตอร์ไซค์จะอยู่ที่ 800 ม.* จากหน้าโครงการ นอกจากนี้ก็ยังสามารถไป BTS สถานีช่องนนทรีและสถานีศาลาแดง ได้สะดวกเช่นกัน สามารถนั่งพี่วินไปไม่กี่นาที* ก็ถึงค่ะ
โครงการอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT ลุมพินี ประตู 2 ประมาณ 800 ม.* หรือใช้เวลาเดินชิล ๆ 10 นาที* ถึง
อีกด้านจะใกล้กับ รถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี ประตู 5 (Skywalk) ในระยะทางประมาณ 900 ม.* แนะนำให้เรียนกใช้พี่วินจะสะดวกสบายมากกว่า โดยสถานีนี้ยังมี BRT สาทร ให้ใช้วิ่งไปฝั่งพระราม 3-ราชพฤกษ์ได้อีกด้วยค่ะ
สถานที่สำคัญโดยรอบโครงการ รัศมี 5.5 กม.* มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก รายล้อมไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน โครงการอยู่ติดกับถนนสาทรใต้ และใกล้กับถนนสวนพลู ซึ่งภายในซอยสวนพลู จะมีชาวต่างชาติเข้ามาพักอาศัยระยะยาวอยู่เยอะ
ทำให้สองข้างมีร้านค้า, ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม., ร้านกาแฟ, ร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ, คาเฟ่, ร้านอาหารหรู ๆ แบบ Fine Dining และ Casual Dining ระดับ Michelin Star ที่มี Character ที่น่าสนใจมากกว่า 10 ร้าน
เริ่มจากถนนสวนพลู ที่อยู่ใกล้กับโครงการเพียง 210 ม.* ตลอดทางก็จะมีโรงแรม, ธนาคารพาณิชย์หลากหลายแบรนด์ มีร้านค้าเบ็ดเตล็ด, ร้านเสริมสวย, สปา, ร้านนวดแผนไทย รวมถึงร้านอาหารแบบ Local ให้เลือกทานมากมาย ออกไปฝั่งถนนสาทร ติดกับถนนใหญ่ ส่วนมากจะเป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ และโรงแรมชั้นนำ ตั้งอยู่ติด ๆ กันเรียงยาวไปจนถึงถนนพระราม 4
นอกจากนั้นยังมีอาคารสำนักงานเกรด A และพื้นที่ร้านค้า ตึกสูง 14 ชั้น ด้านหน้าคอนโด ที่รองรับการใช้ชีวิตช่วงเวลากลางวันของการทำงาน ด้วยพื้นที่สำนักงาน ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการสำนักงานที่กว้างขวางและหรูหรา
โดยมีการจัดวางผังสำนักงานให้ยืดหยุ่นเพื่อรองรับความต้องการในการประกอบธุรกิจทุกรูปแบบ และมีพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์ สำหรับธุรกิจร้านอาหารชั้นนำ Coffee Shop ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมสำหรับการนัดพบปะสังสรรค์บนถนนสาทร อีกทั้งยังรองรับช่วงเวลากลางคืนของการพักผ่อนของผู้พักอาศัยคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่อีกด้วยค่ะ
ในส่วนของแหล่ง Shopping ห้างสรรพสินค้า และ Community Mall ก็มีหลากหมาย ใกล้ที่สุดจะเป็น Silom Complex และ Silom Edge ที่นี่จะมีร้านอาหารเปิดให้บริการ 24 ชม. ด้วยนะคะ ออกไปฝั่งพระราม 3 ก็จะมี Central พระราม 3, Lotus’s พระราม 3 และ The Up พระราม 3 นอกจากนั้นยังอยู่ไม่ไกลจาก Asiatique The Riverfront และ ICONSIAM อีกด้วยค่ะ
นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมด หากเข้าเมืองไปโซนพระราม 1 ก็มี Shopping ขนาดใหญ่อีกหลายที่ เช่น Siam Paragon, Siam Square, Central World, Central Chidlom และ Central Embassy จากโครงการขับรถไปได้สะดวก ระยะทางไม่เกิน 5.5 กม.* ใครไม่สะดวกขับรถไป จะนั่งรถไฟฟ้าไปก็ได้นะคะ
ที่นี่ยังอยู่ใกล้กับสถานศึกษาชั้นนำของอีกมากมายเลยค่ะ อารมณ์แบบว่าเป็นจุดศูนย์กลางของของสถาบันการศึกษาชั้นนำในกทม. เลยก็ว่าได้ ใกล้โรงเรียนในเครืออัสสัมชัญหลายแห่ง ประมาณว่ารัศมีโซนนี้อัสสัมชัญครอบคลุมไว้เยอะเลยนะคะ ตั้งแต่อัสสัมชัญประถม, อัสสัมชัญมัธยม และอัสสัมชัญพาณิชยการ
โรงเรียนดัง ๆ อื่น ๆ ก็มีอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น รร.เซนต์โยเซฟคอนเวนต์, รร.เซนต์หลุยส์ศึกษา, รร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รร.เตรียมอุดมศึกษา ที่อยู่ขยับไปทางถนนพญาไท
มีโรงเรียนนานาชาติให้เลือกเพียบ เช่น St. Andrews International School, Hampton International Pre-School, Raintree International School, Garden International School, Crescent International School และ Shrewsbury International School Bangkok เป็นต้นค่ะ
มาดูโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงกับโครงการกันบ้าง สำหรับโครงการนี้ ตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลชั้นนำอยู่เยอดีทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็น BNH Hospital, รพ.เซนต์หลุยส์, รพ.กรุงเทพคริสเตียน และ MedPark ทางฝั่งพระราม 4 ทั้งหมดจะอยู่ใกล้กับโครงการมาก ขับรถไปประมาณ 5-15 นาที* ก็ถึงแล้วค่ะ
ทั้งยังเป็นทำเลที่ห้อมล้อมไปด้วยสถานทูตสำคัญ ๆ มากเกือบ 10 แห่ง ได้แก่ Embassy of Malaysia, Embassy of Singapore, Embassy of Germany, Jusmag Thai, Embassy of Denmark, Embassy of Austrian, Embassy of Japan, Embassy of Australian และ Embassy of The United States เป็นต้น
ศูนย์การค้า และแหล่ง Lifestyle
สถานศึกษา
โรงพยาบาล
อาคารสำนักงาน
สถานทูต
**ระยะทางวัดจากการเดินทางสู่จุดหมาย โดยถนนที่ใกล้ที่สุด**
ภาพประกอบการเดินทาง
การเดินทางวันนี้ เราเริ่มจากแยกวิทยุ ข้ามมาฝั่งถนนสาทรใต้ แล้วตรงไปประมาณ 800 ม.* โครงการ ศุภาลัย ไอคอน สาทร จะตั้งอยู่ทางซ้ายมือ
ภาพประกอบการเดินทาง เราจะเริ่มกันที่แยกวิทยุ ฝั่งมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนสาทรฝั่งใต้ ผ่าน MRT ลุมพินีที่ติดกับ Life Center / Q House ลุมพินี ซึ่งห่างจากโครงการไปประมาณ 800 ม.*
ผ่านสำนักงานคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯ Jusmag Thai
ผ่านสถานทูตเยอรมัน
ผ่านแยกสมาคมฝรั่งเศส (เก่า)
ถึงโครงการ ศุภาลัย ไอคอน สาทร แล้วค่ะ
ด้านหน้าโครงการ ศุภาลัย ไอคอน สาทร จะอยู่ติดถนนสาทรใต้
หน้าโครงการมีทางเท้าขนาดใหญ่ ให้เดินไปไหนมาไหนได้สะดวก
หน้าโครงการจะมีรูปปั้นหมู่จิงโจ้ที่กระโดดสู่อนาคตข้างหน้าตั้งอยู่ด้านหน้า เป็น Iconic ของที่นี่ก็ว่าได้นะ
ติดกับโครงการจะมีป้ายรถเมล์สวนพลูให้ใช้งาน รองรับพนักงานบริษัทที่ทำงานอยู่โซนออฟฟิศด้านหน้านี้ โดยสายรถเมล์ที่ผ่านจะมีดังนี้เลยนะ
ติดกับป้ายรถเมล์จะเป็นร้านกาแฟ D’ORO
ถัดมาเป็นปั๊ม SHELL สาขาสวนพลู ที่ภายในจะมี Tops และร้านล้างรถอัตโนมัติให้บริการ
ตรงขึ้นมาไม่ไกลก็จะเจอกับถนนสวนพลู
ด้านหน้ามีทางม้าลายใช้ข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ และยังใช้ข้ามเดินต่อไปทางถนนคอนแวนต์ เพื่อไปใช้รถไฟฟ้า BTS ศาลาแดงได้ด้วยค่ะ
ติดกับโครงการอีกด้านจะเป็นคอนโด สาธร การ์เด้นส์ ส่วนสถานทูตมาเลเซีย ได้มีการย้ายจากตรงนี้ไปอยู่ที่อาคาร Kronos ฝั่งตรงข้าม เรียบร้อยแล้วค่ะ
ถัดมาจะเป็นโรงแรม The Embassy Sathorn ที่ด้านล่างจะมีร้านนวดสปา และ 7-Eleven ให้บริการ
ผ่านขึ้นไปจะมีทางม้าลายตรงแยกสมาคมฝรั่งเศส (เก่า) ใช้ข้ามไปอาคารสำนักงานริมสาทรเหนือได้หลายที่ เช่น Kronos Sathorn Building, Tisco Tower, Smooth Life Tower และ Harindhorn Building
ข้ามทางม้าลายไป จะเจอกับถนนศาลาแดง ช่วงต้นซอยตรงนี้จะมีร้าน ครัวซองค์เจ้าดัง Saint Croissant, ร้านกาแฟ Pacamara และ KFC Drive Thru เปิดขาย 24 ชม. เลยค่ะ
บริบทโดยรอบตัวโครงการ ศุภาลัย ไอคอน สาทร จะเป็นตึกสูงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อาคารสำนักงาน โรงแรม หรือ คอนโดมิเนียม แต่โดยส่วนมากจะสูงน้อยกว่าตัวโครงการทั้งนั้นเลย ที่เหลือใกล้เคียงกันก็ยังมีบ้านพักอาศัยดั้งเดิมในแนวราบ และอาคารพาณิชย์ด้วยค่ะ
ตัวโครงการ
มาดูรายละเอียดโครงการกันค่ะ ศุภาลัย ไอคอน สาทร เป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับลักซ์ชัวรี่ และคอนโดพร้อมอยู่ 100% ตั้งอยู่บนถนนสาทร บนที่ดินของสถานทูตออสเตรเลียเก่าที่ทางศุภาลัยสามารถประมูลมาได้ ซึ่งมีมูลค่าที่ดินกว่า 4,600 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็นตารางวาละ 1.45 ล้านบาท ซึ่งนับว่าหายากมากจริง ๆ สำหรับที่ดินผืนใหญ่ ๆ แบบนี้บนทำเลสาทร
ด้วยมูลค่าที่ดินที่สูงลิบ จึงออกแบบโครงการให้เป็นแบบมิกซ์ยูส ประกอบด้วย สำนักงานให้เช่า และร้านค้าบริเวณด้านหน้า 1 อาคาร สูง 14 ชั้น และอาคารชุดพักอาศัย ซึ่งเป็น High rise Condominium ระดับ Super Luxury Class มีจำนวน 1 อาคาร สูง 56 ชั้น บนเนื้อที่ 7-3-82 ไร่ กับห้องพักอาศัยจำนวน 787 ยูนิต มีห้องให้เลือกแบบ 1-4 Bedroom ขนาด 42-350 ตร.ม. และ Super Penthouse ขนาด 970 ตร.ม.
มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการระดับ World Class ตอบโจทย์การใช้งานของคนทุก Generation ได้ลงตัว ยกตัวอย่างเช่น Maldives Swimming Pool & Jacuzzi, Wisdom Library Room & Co-Living Space, Aqua Hydrotherapy, Sauna & Steam, Milky Way Theatre & Karaoke
Kid’s Club, Play Ground, Mini Climbing Simulation, Personal Room พร้อม Opal Sky Lounge บนชั้น 53 ของอาคาร และยังออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวภายในโครงการรวมถึง 2 ไร่ ให้บรรยากาศร่าอยู่อาศัย ร่มรื่น แม้จะอยู่ใจกลางเมืองก็ตามค่ะ
โดยจะวางผังออกแบบอาคารเป็นรูปตัว T ในแนวทาง Green Design ที่อนุรักษ์พลังงาน ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มีสวนขนาดใหญ่อยู่ในโครงการและเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่ของเดิมส่วนหนึ่งไว้ อีกทั้งยังคำนึงถึงเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างเคียง ให้ได้รับผลกระทบจากตัวโครงการน้อยที่สุด
โดยเลือกที่จะเอาด้านสวย ๆ ของโครงการ อย่างฝั่งที่มี Facilities ออกไปให้เป็นวิวของอาคารโดยรอบด้วย แต่ก็ยังคงความเป็นส่วนตัวเพราะมีระยะที่ห่างจากอาคารอื่นอยู่มาก นอกจากนี้ก็ยังวางผังอาคารให้ได้รับผลกระทบจากอาคารข้างเคียงน้อยที่สุด และได้รับวิวเยอะมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อีกเช่นกัน
และมีการใช้แนวคิดในการออกแบบโครงการที่เป็นเสน่ห์ของประเทศ “ออสเตรเลีย” ตามจุดเด่นที่ว่าแต่เดิมตรงนี้เคยเป็นสถานทูตออสเตรเลียมาก่อน สิ่งที่หยิบมาใช้ก็จะเป็นเรื่องของ Landscape, พืชพรรณและสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่นตามธรรมชาติ เช่น ยอดอาคารโค้งที่สอดคล้องกับสุริยันจันทราและสายรุ้ง การตกแต่งภูมิทัศน์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ และเส้นสายลวดลายแบบออสเตรเลีย
รายล้อมด้วยสวนแสนรื่นรมย์ Forest Garden, Green Vertical Wall, Pool Deck อีกทั้งประติมากรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เช่น หมู่จิงโจ้กระโดดที่อยู่หน้าโครงการ สื่อถึงความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง และความสามัคคีกลมเกลียว หมีโคล่าเรืองแสงสีขาว บริเวณ Drop Off สื่อถึงความสมบูรณ์พูนสุข ตลอดจนการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิม
เรามาดูรูปด้านของอาคารกันค่ะ รูปซ้ายมือคือฝั่งทิศเหนือ ด้านหน้าของโครงการจะเป็นร้านค้ากับพื้นที่สำนักงานให้เช่า ฝั่งนี้จะอยู่ติดกับถนนสาทรใต้ ซึ่งฝั่งตรงข้ามจะไม่ค่อยมีตึกสูงบังมากนัก สามารถมองไปได้ไกล เห็นวิวฝั่งสีลมได้
ส่วนรูปขวามือคือฝั่งทิศใต้ เป็นส่วนของอาคารจอดรถสูง 10 ชั้น ฝั่งนี้จะอยู่ติดกับบ้านพักอาศัยในแนวราบและคอนโด ห่างออกไปจะมีคอนโดสูง 29 ชั้น ชั้นสูง ๆ จะเห็นวิวแม่น้ำและวิวบางกะเจ้าค่ะ
ฝั่งทิศตะวันตก เป็นฝั่งที่ติดกับอาคารสูง 13-32 ชั้น และชั้นสูง ๆ จะสามารถมองเห็นวิวเมืองฝั่งสาทรและแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบไกล ๆ
ฝั่งทิศตะวันออก ติดกับอาคารสูง 41-60 ชั้น ซึ่งไม่ได้อยู่ในระยะประชิดขนาดทำให้บังวิวนะ แต่ชั้นสูงๆ ของอาคารอาจจะสามารถเห็นวิวสวนลุมได้อยู่
ภาพนี้ผู้เขียนได้ทำกราฟฟิกแบ่งส่วนของตัวโครงการให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้นค่ะ ตั้งแต่ชั้น 1 เป็นส่วนของ Lobby ข้ามไปที่ชั้น 11 เป็นส่วนของ Facilities ทั้งชั้น ส่วนชั้นพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 12 จนไปถึงชั้นบนสุดเลย ซึ่งทางโครงการมีห้องอยู่ 3 รูปแบบนะคะ
คือแบบ Simplex อยู่ที่ชั้น 12-46, แบบ Duplex อยู่ที่ชั้น 47-54 และ Super Penthouse ที่อยู่ชั้น 55-56 เป็นชั้นบนสุดของอาคาร นอกจากนี้ที่ชั้น 53-54 ยังมี Opal Lounge เป็น Facilities อีก 1 จุดด้วยค่ะ ส่วนอาคารจอดรถอยู่ที่ชั้น 1-10 รวมทั้งหมดแล้วมีที่จอดรถ 100% ของยูนิตพักอาศัยค่ะ
คราวนี้เรามาดูผังของโครงการกันบ้างค่ะ ที่ดินของสถานทูตออสเตรเลีย มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้ากว้าง 70 ม.* และลึกเข้าไปประมาณ 160 ม.* แบบนี้ ทางเข้า-ออกของโครงการหลักเลยจะอยู่บนถนนสาทรใต้ ซึ่งวนเข้ามาผ่านด้านหน้าอาคารสำนักงานก่อน และใช้ถนนภายในโครงการฝั่งขวาเข้าสู่ภายในโครงการและอาคารจอดรถ
โดยขนาดของถนนภายในโครงการจะมีขนาดใหญ่ รถสามารถขับสวนกันได้ 2 เลนค่ะ ด้านหลังของโครงการจะมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งออกแบบโดย The Beaumont Partnership ตามแนวคิด Rain Forest ในออสเตรเลีย รวมถึง Lighting ที่ให้ทั้งความสวยงามและความปลอดภัยในเวลากลางคืนที่ออกแบบโดย Lightbox
มาดูของจริงกันต่อเลยนะคะ สำหรับทางเข้า-ออกอาคารจะใช้ทางเดียวกันกับสำนักงาน และมีการแยกโซนของที่จอดรถมาให้อย่างชัดเจน หมดกังวลเรื่องความพลุกพล่านและความเป็นส่วนตัวไปได้เลย นอกจากนั้นยังมีการแต่งพื้นถนนเมนโครงการให้อิงกับคอนเซ็ปต์ โดยถอด Aboriginal Art ของชนเผ่าดั้งเดิมในออสเตรเลียมาใช้ด้วยนะ
หน้าโครงการระหว่างทางเข้า-ออกจะมีการตกแต่งงานประติมากรรม Leaping-Forward Kangaroos (รูปปั้นหมู่จิงโจ้ที่กระโดดสู่อนาคตข้างหน้า) สัญลักษณ์สัตว์ประจำประเทศออสเตรเลีย ที่จะกลายเป็น “ไอคอนิกใหม่ ใจกลางสาทร” ตั้งอยู่โดดเด่นไว้แบบนี้เลยค่ะ
ภาพถ่ายจากมุมด้านข้าง จะเห็นว่าอาคารถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหน้าจะเป็นสำนักงานและร้านค้าให้เช่า 1 อาคาร 14 ชั้น และด้านในจะเป็นอาคารพักอาศัย 1 อาคาร ความสูง 56 ชั้น
จากถนนเมนด้านหน้ามองขึ้นไปจะเห็นสำนักงานและร้านค้าให้เช่า ความสูง 14 ชั้น ที่ใช้ผนังภายนอกเป็นกระจกโค้งแบบ Double Glazing แข็งแรง ปลอดภัย ป้องกันเสียง และป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวอาคารได้อย่างดีเยี่ยม
โดยรอบโครงการจะมีการจัด Landscape อย่างสวยงาม อย่างโซนหน้าตรง Drop-Off ของโครงการ จะตกแต่งด้วย Sculpture หมีโคอาล่าเรืองแสงสีขาว ตอนกลางคืนจะมีการใช้ Lighting มาตกแต่งให้ดูสวยงามมากถึง โดยหมีโคอาล่าจะสื่อถึงความสมบูรณ์พูนสุขตลอดจนการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิม
ตรงเข้ามาที่ถนนภายในโครงการ จะมีจุดที่สามารถ Drop Off ได้อีก 1 จุดตรง Building Entrance ซึ่งทางเข้าตรงนี้จะเป็นทางเข้าของอาคารสำนักงาน แต่ภายในสามารถเดินเชื่อมต่อไปยัง Lobby ของส่วน Residential ได้ค่ะ
เลยจากส่วน Drop Off มาจะมีทางเข้า Lobby ของคอนโดมิเนียมอยู่ข้าง ๆ กับทางเข้าอาคารจอดรถค่ะ ทางเข้าของอาคารจอดรถจะใช้ร่วมกันระหว่างคนจากอาคารสำนักงานและลูกบ้านของโครงการเอง แต่ภายในจะมี Gate แยกอย่างเป็นสัดส่วน ไม่ใช้ปะปนกันค่ะ
ผ่านทางเข้าอาคารพักอาศัยมาแล้ว จะเจอกับทางเข้า-ออกที่จอดรถ โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 10 และมีการแยกโซนของ Residence และคนที่ทำงานหรือเจ้าของกิจการของสำนักงานด้านหน้าอย่างชัดเจน
ป้ายบอกชั้นและโซนสำหรับการจอดรถยนต์ที่ด้านใน โดยโครงการนี้จะรองรับการจอดรถยนต์ได้ 100% รับรองว่าอยู่ได้สบาย หมดกังวลเรื่องการวนหาที่จอดได้อย่างแน่นอนค่ะ
การเข้า-ออกของ Residence และ Office ที่ลงทะเบียนรถยนต์ไว้ จะใช้เป็นระบบ Key Card ส่วน Visitor จะต้องกดบัตร และนำไปประทับตราที่สำนักงานด้านใน หากจอดเกินเวลาหรือไม่ได้ประทับตราจะมีค่าใช้จ่ายในการจอดรถเพิ่มค่ะ
เครื่องกดรับบัตรของ Visitor
บรรยากาศภายในที่จอดรถยนต์ ทุกชั้นจะทำพื้นที่จอดด้วย Epoxy ดูหรูหรา สวยงาม สมกับโครงการระดับหมื่นล้าน
ที่ชั้น 1 จะมีการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าภายในโครงการฯ (EV Charger) เพื่อประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองในปัจจุบัน
ผ่านทางเข้า-ออกที่จอดรถไป จะมีทาง Slop ลงไปด้านหลังโครงการ ซึ่งจุดนี้จะเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะ ซึ่งถูกจำลองให้เป็นสวนแบบ Rain Forest มีต้นไม้ที่ร่มรื่น มีบ่อน้ำพุ และ Pavilion สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนได้ ซึ่งต้องการให้มีบรรยากาศเหมือนป่าในประเทศออสเตรเลีย จึงตกแต่งด้วย Sculpture รูปนกอีมูและสัตว์พื้นถิ่นของประเทศออสเตรเลียค่ะ
ในช่วงเย็นและกลางคืน ตรงสวน Rain Forest ตรงนี้ ทางโครงการมีการออกแบบ Lighting เอาไว้อย่างสวยงามให้ได้ Effect เหมือนมีแสงจันทน์สาดส่องลงมาในสวน รวมถึงตรงน้ำพุก็ออกแบบไฟ LED ให้เหมือนกับเป็นจุดกำเนิดของแสง ซึ่งรับรองว่าได้ทั้งในแง่ของการใช้งาน ความปลอดภัย และความสวยงาม
กลับมาที่ทางเข้า Lobby โซนพักอาศัย ใช้เป็นประตู Auto Door และระบบ Face Scan เพื่อความปลอดภัย
เข้ามาด้านในตรงนี้จะเป็นส่วนของ Dynamic Lobby เน้นตกแต่งแนว Gallery Hall โดยใช้ Perforated Wall กับสีสันโทน Copper ซึ่งเป็นแร่ที่สามารถพบได้มากในออสเตรเลีย
Lobby อีก 1 มุม ภายในมีการจัดชุดโซฟาเอาไว้หลายชุดสำหรับการรับรอง พักคอย และนั่งพักผ่อน สังเกตด้านซ้ายมือตรงกลางโถงตกแต่งด้วยบ่อน้ำล้น ได้เสียงน้ำไหลในการสร้างบรรยากาศในการนั่งพักผ่อน หรือต้อนรับแขกได้ดีเลยทีเดียว
ด้านหลังจะมี Meeting Room แยกไว้ให้อีกห้อง
ด้านในเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ พร้อมชุดโต๊ะประชุมวางเป็นรูปตัว U รองรับการใช้งานได้มากถึง 16-20 ที่นั่ง เลยค่ะ
ผ่าน Meeting Room ไป จะเป็น Mail Room และนิติบุคคล รวมถึงห้องเก็บพัสดุต่าง ๆ ของลูกบ้าน
Mail Room ดีไซน์หรูหราด้วยโทนสี Copper และแต่งพื้นด้วยหินอ่อน ทั้งยังมีการใช้ Lighting ในการตกแต่งให้ห้องดูไม่เรียบเฉยจนเกินไป
อีกฝั่งของ Lobby จะมีห้องน้ำส่วนกลางแยกชาย, หญิง และ Disabled จัดเตรียมเอาไว้ให้ด้วยค่ะ
ห้องน้ำส่วนกลางทุกห้องเค้าจะตกแต่งภายในล้อมาจาก Lobby ด้านนอก ในส่วนห้อง Disabled จะใช้พื้นระนาบเดียวกัน และมีพื้นที่ใช้งานที่กว้าง รองรับการใช้ Wheelchair ได้สะดวก ติดสุขภัณฑ์มาตรฐานมาให้ครบ มีราวจับช่วยพยุงต่าง ๆ และมีโต๊ะสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก รวมถึงปุ่ม SOS ติดมาให้ด้วยค่ะ
ถัดมาเป็นห้องน้ำหญิง ได้ฟังก์ชันมาครบ โดยอ่างล้างมือจะใช้เป็นระดับบ Sensor เพื่อลดการสัมผัส
ภายในห้องน้ำชายตกแต่งด้านในและติดสุขภัณฑ์มาตรฐานให้ครบเช่นกัน โดยสุขภัณฑ์หลัก ๆ จะใช้เป็นระบบ Sensor เหมือนกันค่ะ
ในส่วนของ Lift Hall จะตั้งอยู่ด้านซ้ายของ Lobby
โถงลิฟต์ตกแต่งภายในด้วยหินอ่อน สลับกับเส้นสายโทนสี Copper และ Lighting แสง Warm White หรูหรา สวยงามมาก ๆ โดยลิฟต์โดยสารของโครงการมีให้หมด 8 ตัว แบ่ง Low-Zone 4 ตัว และ High Zone อีก 4 ตัว
ทำให้แชร์การใช้งานได้ทั่วถึงและไม่ต้องรอลิฟต์นาน ส่วนการใช้งานเป็นระบบล็อกชั้น ผ่าน Face Scan ลูกบ้านเข้า-ออกได้เฉพาะชั้นที่ตัวเองอยู่อาศัย และชั้นส่วนกลาง คือ ชั้น 11 และชั้น 53 ค่ะ
คราวนี้เราขึ้นมาที่ชั้น 11 ซึ่งเป็นส่วนของ Facilities หลักๆ ของโครงการ ประกอบด้วย Maldives Swimming Pool & Jacuzzi, Wisdom Library Room & Co-Living Space , Aqua Hydrotherapy, Sauna & Steam, Milky Way Theatre & Karaoke, Kid’s Club, Play Ground, Mini Climbing Simulation, Personal Room และ Double – Space Fine Fitness
ขึ้นมาที่ชั้น 11 จะเป็นชั้นของ Main Facilities จัดส่วนกลางให้ครบในระดับ World Class มีทั้งโซน Indoor และ Outdoor โดยมี Highlight เป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ 2 รูปแบบ พร้อมฟังก์ชันภายในสระอีกเพียบเลยค่ะ
การแบ่งชั้น Low-Zone และ High-Zone ค่ะ
มาดูส่วนกลางในร่มกันก่อนเลยค่ะ
เริ่มจากห้องน้ำส่วนกลาง ที่ใครเห็นต้องร้องว้าวแน่ ๆ
เข้ามาด้านในจะเป็นห้องน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่ แบ่งโซนซ้าย-ขวา แยกฟังก์ชันต่าง ๆ ไว้หลากหลาย
โซนแรกจะเป็นโซน Relax ประกอบไปด้วย Aqua Hydrotherapy และ Sauna & Steam
ขวามือเป็นห้อง Sauna รองรับการใช้งานพร้อม ๆ กันได้ 2 คน กำลังดี
ซ้ายมือเป็นห้อง Steam สาว ๆ น่าจะชอบห้องนี้เป็นพิเศษนะคะ รองรับการใช้งานพร้อมกันได้ 2 คน กำลังดีเช่นกันค่ะ
Highlight คือห้องนี้เลยค่ะ Aqua Hydrotherapy มีการออกแบบให้สามารถใช้น้ำในการนวดบำบัดได้จริง ๆ สังเกตการออกแบบพื้นที่ภายในห้องนี้จะใช้ผนังและฝ้าเพดานเป็นสีดำทั้งหมด
และออกแบบ Lighting ให้เหมือนท้องฟ้าในเวลากลางคืนที่สามารถเห็นดวงดาวได้อย่างชัดเจน ตามจุดเด่นของออสเตรเลียซึ่งมี The Darkest Sky สามารถเห็นดวงดาวได้ชัดเจนที่สุด
ตรงข้ามกันจะเป็นห้องอาบน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
อีกด้านของห้องนี้ จะเป็นล็อกเกอร์ฝากของ และโต๊ะเครื่องแป้งเข้ามุมขนาดใหญ่ ใช้งานได้ 4 ที่นั่ง มาพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ ไฟแต่งหน้า รวมถึงปลั๊กไฟวัตต์เยอะ 16A/250W ให้ลูกบ้านได้ออกมานั่งแต่งตัว แต่งหน้าก่อนออกไปข้างนอกได้ค่ะ
ในห้องน้ำจะมีเครื่องเสียง พร้อมเพลงดนตรีบรรเลงสบาย ๆ ให้ได้ฟังขณะใช้งานด้วยนะคะ โดยตัวปรับเพิ่ม-ลดเสียงเค้าจะติดอยู่ที่ผนังตรงโต๊ะเครืองแป้งค่ะ
ล็อกเกอร์ระบบ Face Scan ที่ออกแบบให้ดูเรียบเนียนไปกับผนัง ดูหรูหรา ไม่รกตา และที่ด้านหน้าจะมีโซฟาให้นั่งพักเหนื่อยให้ด้วย
ต่อเนื่องไปด้านในจะเป็นห้องน้ำและอ่างล้างมือ พร้อมกระจกเงา ที่ใช้เป็นระบบ Sensor ค่ะ
สุดโถงทางเดินด้านซ้ายจะเป็นที่ตั้งของห้องน้ำชาย และ Personal Room
ห้องน้ำชายได้ฟังก์ชันมาตรฐานมาเหมือนกันกับห้องน้ำหญิงเลยค่ะ คือจะแบ่งไว้ 2 ส่วน ในห้องเดียวกัน อย่างส่วนแรกนี้จะเป็นห้องน้ำ โถสุขภัณฑ์ชาย โต๊ะเครื่องแป้ง และล็อกเกอร์
อีกโซนจะเป็นมุม Relax คือจะมี Aqua Hydrotherapy, Sauna & Steam พร้อมห้องน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เช่นกัน
ในส่วนของ Personal Room จะเป็นห้องแต่งหน้า แต่งตัวแบบ Private ภายในมีโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกเงา ไฟส่องแต่งหน้ามาให้ 3 ชุด พร้อมชุดโต๊ะ-เก้าอี้รับรองอีก 1 ชุด
ออกแบบมาเพื่อรองรับกลุ่มลูกบ้านที่ต้องการจ้างช่างมาแต่งหน้า แต่งตัวออกงานที่คอนโด แต่อยากได้ความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกเข้าไปถึงห้องพัก ก็ลงมาใช้ห้องนี้กันได้เลยค่ะ
มาต่อกันที่ Milky Way Theatre & Karaoke
Milky Way Theatre & Karaoke เป็นส่วนที่ลูกบ้านสามารถดูหนังแบบ Public หรือแชร์กับลูกบ้านคนอื่น ๆ หรือจะจองใช้งานแบบ Private เฉพาะคนในครอบครัวก็ได้ สังเกตที่พื้นใช้ลวดลายจากวงไม้โอ๊ค รวมถึงฝ้าเพดานก็ตกแต่งแบบ Night Sky เล่น Lighting ดวงดาวในตอนกลางคืน
ถัดมาเป็น Kid’s Club
ภายใน Kid’s Room ออกแบบด้วยสีแบบ Monotone เหมือนท้องฟ้าของประเทศออสเตรเลีย และตัดด้วยสีของต้นไม้ และใช้รูปทรงที่ลดทอนมาจากต้นไม้ ให้เหมือนกำลังวิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมจัดเตรียมมุมนั่งเล่นของเล่น มุมวาดเขียนไว้ให้หลายรูปแบบ และมีพื้นที่ให้พี่เลี้ยงหรือผู้ปกครองได้นั่งรอในบรรยากาศสบาย ๆ ด้วยนะ
ถัดมาจะเป็น Wisdom Library Room & Co-Living Space
ภายใน Wisdom Library Room & Co-Living Space เน้นสีสันจาก ดินดาน, Copper, Oak, Grapes, Red Wine และ White Wine มาเล่นกับ Finishing และ Furniture ภายใน เป็นพื้นที่ที่สามารถ ใช้นั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงาน หรือพบปะพูดคุยกันภายใน ออกแบบ Space ให้โปร่ง ฝ้าเพดานสูงทำให้รู้สึกอยู่สบาย สร้างบรรยากาศแบบ Homy Environment และยังสามารถเทควิวเมือง วิวสระว่ายน้ำรอบ ๆ ได้ 180 องศาเลยทีเดียวค่ะ
ภายในจะมีการใช้ Partition แยกพื้นที่ไว้เป็นโซน ๆ เพื่อความเป็นส่วนตัวขณะใช้งาน มีการจัดวางโซฟารับรองเซ็ตกลาง เซ็ตใหญ่ รองรับการพักผ่อนกับเพื่อนฝูงหลาย ๆ คนได้ และมีมุมนั่งเงียบ ๆ คนเดียว รวมถึงมุมสำหรับนั่งทำงานและเรียนพิเศษแยกมาให้ด้วย
จากโถงลิฟต์ไปที่อีกด้าน จะเป็นที่ตั้งของ Double-Space Fine Fitness ที่จัดฟังก์ชันสำหรับการออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ มาให้ครบเลยค่ะ
ตรงเข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งพักเหนื่อยหรือที่นั่งพักคอยกันก่อน
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Double Space Fine Fitness หรือฟิตเนส 2 ชั้น ภายในแบ่งเป็นฟังก์ชันใช้งานส่วนต่างๆ มีทั้งพื้นที่วางเครื่องออกกำลังกาย โซน Cardio, Weight Training มองเห็นวิวสระว่ายน้ำ มีห้อง Group Cycling & Yoga Fly, Table Tennis, Boxing และขึ้นบันไดไปชั้นบน จะเป็นห้อง Yoga & Pilates จัดเต็มมาให้ โดนใจสาย Active ได้อย่างแน่นอน
บรรยากาศโซน Cardio และ Weight Training
โซนที่อยู่ติดกับผนังกระจก Full Height จะได้วิวสระว่ายน้ำ
ส่วนโซนที่อยู่ติดกับผนังกระจก จะเป็น Weight Training ทั้งหมดค่ะ เวลาออกกำลังกาย หรือเล่น Body Weight จะได้เช็กท่าทางผ่านกระจกเงากันได้
ด้านหน้าฝั่งนี้ยังมี Cardio ให้อีกโซน ซึ่งจะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำเช่นกัน
เดินมาจนสุดทางเดิน จะมีห้อง Table Tennis และ Boxing Kangaroo แยกไว้ให้
ภายในจะเป็นห้องฝ้าเพดานสูง 2 ชั้น ตแต่งภายในมาได้สวยงาม เพิ่มความผ่อนคลายด้วย Vertical Garden
มีโต๊ะปิงปองขนาดมาตรฐาน พร้อมอุปกรณ์การเล่นให้ 1 ตัว
อีกด้านเป็นโซน Boxing มองออกไปเห็นวิวสระว่ายน้ำ และจุดนี้จะมีม้านั่งพักเหนื่อยมาให้ด้วย 1 ตัว
อีกด้านของ Fitness จะเป็นห้อง Group Cycling
Group Cycling เป็นห้องเพดานสูง ใช้งานได้ไม่อึดอัดเลยค่ะ ภายในเค้าจะมีจอ Projector ขนาดใหญ่ พร้อมจักรยาน และ Kickr Snap ให้ลูกบ้านได้ปั่นจักรยานในร่มได้แบบจัดเต็ม ไม่ร้อนแดด ทั้งยังมี Simulator Game ให้ได้เลือกเล่นเกมได้ตามต้องการเลย ยิ่งถ้าเล่นเป็นกลุ่มจะยิ่งสนุกมาก ๆ เลยค่ะ
จักรยาน และ Kickr Snap มีให้ 4 คัน 2 แบบ
นอกจากนั้นยังมี Kickr Snap ให้อีก 2 ตัว ในกรณีที่ลูกบ้านอยากใช้จักรยานของตัวเองในการซ้อมปั่น หรือเล่น Simulator Game
มองขึ้นไปที่ด้านบน ตรงเครื่องฉาย Projector จะมีเชือกแขวนผ้าสำหรับเล่น Yoga Fly ในห้องนี้ได้ด้วยนะคะ
ขึ้นไปดูฟังก์ชันบนชั้น 2 กันค่ะ
จากบันไดวนมองกลับออกมาเราจะเห็นวิวสวย ๆ แบบนี้เลยนะ
ชั้นบนจะเป็นห้องสำหรับเล่น Yoga & Pilates โดยเฉพาะเลยค่ะ ตัวห้องมีขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ชั้น 2
มีเสื่อสำหรับเล่น Yoga
นอกจากนั้นก็จะมีเครื่อง Pilates Reformer มาให้ถึง 4 เครื่อง ลูกบ้านสามารถเรียก Trainer มาสอนคลาสแบบ Private ที่คอนโด หรือ Joint Group กับเพื่อน ๆ ในคอนโดก็ได้
บรรยากาศภาพรวมภายใน Yoga & Pilates บนชั้น 2
จากชั้น 2 มองตรงออกไปจะเห็นวิวสระว่ายน้ำสวย ๆ ทำให้เราออกกำลังกายได้เพลิน ๆ สบายตา
จาก Double Space Fine Fitness ไปต่อกันที่ส่วนกลางด้านนอก โดยประตูเข้า-ออกจะมีทางเดียว จากประตูบานนี้นะคะ
เปิดออกมาจะเจอกับลานอเนกประสงค์กว้าง ๆ ตัวพื้นเล่นลาย Organic Form และใช้วัสดุเป็นทรายล้างที่ช่วยป้องกันเท้าลื่นได้ดี
ซ้ายมือจะเป็นโซนของเด็ก ๆ มี Playground และ Mini Climbing Simulation จัดไว้ให้ วัสดุปูพื้นตรงนี้ทั้งหมด จะเป็นแผ่นยาง EPDM เล่นลวดลายและโทนสีสดใส ที่นอกจากจะดูสวยงามแล้ว ยังช่วยซับแรงกระแทก ป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงได้ด้วย
ต่อเนื่องไปจะเป็น Maldives Swimming Pool & Jacuzzi หรือสระว่ายน้ำ ที่มีให้ 2 สระ 2 แบบ หลายฟังก์ชัน ซึ่งออกแบบองค์รวมทั้งหมดให้เป็นเหมือนกับหาดทรายและทะเล ดึงจุดเด่นของออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเลทั้งหมด ซึ่งมีทะเลกับชายหาดที่สวยงามมาก
โซน Outdoor รอบ ๆ สระว่ายน้ำ ทางโครงกาจำลองบรรยากาศให้เป็นเหมือนกับหาดทรายและทะเลของประเทศออสเตรเลีย ซึ่ง Pool Deck ของสระว่ายน้ำได้ถูกออกแบบให้มีองศาเอียงลงไปทางสระว่ายน้ำให้เหมือนกับชายหาดจริง ๆ อีกด้วย
ตรงขึ้นมาที่ด้านหน้าจะเจอกับสระว่ายน้ำ Freeform ขนาดใหญ่ ความยาวโดยรวมอยู่ที่ 40 ม.* พร้อมสระว่ายน้ำเด็ก ที่จำลองตัวสระให้เหมือนหาดทรายตามที่ได้กล่าวไว้ด้านบน
ทางลงจะทำ Slope ไล่ระดับลงไปแบบนี้ค่ะ
บรรยากาศภาพรวมของสระว่ายน้ำสระแรก ที่ในสระจะมี Jacuzzi ให้ด้วย 2 จุด
มองกลับขึ้นไปจะเห็นตัวอาคาร และยอดตึกด้านบน
ถัดมาอีกสระ จะเป็น Lap Pool ที่เหมาะกับการว่ายออกกำลังกาย โดยริมสระด้านนี้จะมี Jacuzzi จัดเตรียมไว้ให้ด้วยนะคะ
บรรยากาศภาพรวมฝั่งของ Lap Pool เป็นสระระบบเกลือความยาว 25 ม. ลึก 1.10 ม.
มองกลับเข้ามาที่ประตูทางเข้าโซน Indoor ค่ะ
ตั้งแต่ชั้น 12 เป็นต้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉพาะส่วน Tower ที่เป็น Residential Building มีการออกแบบรูปทรงอาคารเป็นรูปตัว T วางโถงทางเดินแบบ Double Corridor โดยจะมีช่องแสงอยู่ที่ปลายโถงทั้ง 2 ฝั่ง
แม้ว่าจะเป็นโถงแบบ Double Corridor แต่ทางโครงการก็มีการจัดวางให้ประตูห้องพักแต่ละห้องเปิดออกมาไม่ชนกัน เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านค่ะ ที่ชั้นนี้จะมีห้องขนาดตั้งแต่ 1 Bed ไปจนถึง 3 Bed เลย รวมทั้งหมด 17 ยูนิต/ชั้น
ตั้งแต่ชั้นที่ 20 จะไม่มีส่วนของอาคารสำนักงานแล้ว เหลือแต่ตัว Tower ของ Residential Building อย่างเดียว ที่ชั้นนี้จะมีจำนวนยูนิตสูงสุดทั้งหมด 24 ห้อง/ชั้น ประกอบด้วยห้อง 1 Bed-3 Bed เหมือนเดิม
ชั้นที่ 31-38 จะไม่แตกต่างจากชั้นที่แล้วมากค่ะ แต่จะมีจำนวนห้องลดลงเหลือ 23 ห้อง/ชั้น เนื่องจากมีการรวมห้อง 1 Bed 2 ห้องตรงมุมขาตัว T ฝั่งซ้ายให้กลายเป็นห้อง 2 Bed
ชั้นที่ 39 จะเหลือจำนวนห้องพักอาศัยอยู่ที่ 21 ห้อง/ชั้น เนื่องจากมีการปรับพื้นที่บางส่วนให้กลายเป็นสวนลอยฟ้า ที่ลูกบ้านสามารถออกไปใช้นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้
ชั้นที่ 40-42 มีการจัดวางแปลนและมีจำนวนห้องพักอาศัยเท่ากับชั้น 39 เลยค่ะ เพียงแต่ว่าจะตัดส่วนที่เป็นพื้นที่สวนออกไปเท่านั้น
ชั้นที่ 43 ได้มีการแบ่งพื้นที่บางส่วนให้กลายเป็นส่วนลอยฟ้าเช่นเดียวกันกับชั้นที่ 39 และเหลือจำนวนห้องพักอาศัยอยู่ที่ 19 ห้อง/ชั้น
ชั้นที่ 44-46 มีห้องพักอาศัยอยู่ที่ 19 ห้อง/ชั้น เช่นเดียวกันกับชั้น 43 แต่ตัดพื้นที่ส่วนที่เป็นสวนออกเหมือนเดิม
ตั้งแต่ชั้นที่ 47-48 เป็นต้นไป ห้องพักอาศัยจะกลายเป็นแบบ Duplex ทั้งหมดค่ะ ซึ่งจะมีทั้งหมด 12 ยูนิต มีเฉพาะห้องพักขนาดใหญ่ตั้งแต่ 3-4 Bed สังเกตสวนฝั่งขวาจะเป็นสวนลอยฟ้าที่ลูกบ้านทุกคนออกไปใช้งานได้ แต่สวนฝั่งซ้ายจะเป็น Private Garden ของห้องมุมเท่านั้นนะ
ชั้น 49-50 มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 12 ยูนิต เช่นกัน แต่จะแตกต่างจากชั้นที่แล้วตรงที่ไม่มีสวนสวนลอยฟ้าค่ะ
ชั้น 51-52 มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 12 ยูนิต เช่นกัน แต่ห้องมุมซ้ายล่างจะได้ส่วน Private Garden มาด้วย
ชั้น 53-54 พื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นนี้จะถูกแบ่งออกเป็น Facilities ที่อยู่ชั้นเกือบบนสุดของโครงการ นั่นก็คือ Opal Lounge ที่สามารถ Take View ได้ถึง 360 องศาพร้อมสวนลอยฟ้า ส่วนพื้นที่อีกครึ่งจะเป็นห้องพักอาศัยอีกจำนวน 6 ยูนิตค่ะ
เราไม่มีแปลนชั้น 55-56 มาให้ดูกันนะคะ ซึ่งจะเป็นชั้นบนสุดของตัวโครงการหรือ Super Penthouse เพียง 1 เดียวของโครงการ รวมห้องพักอาศัยทั้งหมดของโครงการแล้วอยู่ที่ 787 ยูนิต
ขึ้นมาที่ชั้น 53 สังเกตว่าภายในโถงลิฟต์จะมีลิฟต์โดยสารให้อยู่ 4 ตัว (ลดลงมา 4 ตัว) แบ่งออกเป็น Low Zone 2 ตัว และ High Zone อีก 2 ตัว ซึ่งน่าจะช่วยจัดการ Traffic การใช้ลิฟต์ได้ดีมากขึ้น และยังมี Service Lift อยู่อีก 1 ตัว
สำหรับชั้น 53 จะเป็นส่วนกลางชั้นบน ประกอบไปด้วย Opal Sky Lounge และ Garden
ซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำส่วนกลาง แยกห้องน้ำชาย-หญิงให้อย่างละ 1 ห้อง
เข้ามาดู Opal Sky Lounge กันค่ะ
บรรยากาศภายใน Opal Sky Lounge เค้ามีแนวคิดการออกแบบมาจาก Opal ซึ่งถือเป็นอัญมณีตระกูล Quartz ที่โดดเด่นในประเทศออสเตรเลีย โดยการนำเอาสีสันและลวดลายมาใช้ ภายในมี 2 ชั้นด้วยกัน พื้นที่บางส่วนเปิดโล่งแบบ Double Space ล้อมด้วยผนังกระจกโดยรอบสามารถเห็นวิวเมืองได้แบบ 360 องศาเลยค่ะ
ชั้นล่างตรงกลางห้องจะเป็นเคาน์เตอร์บาร์ รองรับการจัดปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ แบบ Private ได้ โดยรอบ ๆ จะมีเก้าอี้บาร์ให้นั่งทานอาหารแบบ Fine Dining หรือนั่งจิบไวน์ตอนกลางคืนได้รวม ๆ แล้วกว่า 8 ที่นั่งเลย
นอกจากรอบ ๆ บาร์ที่นั่งได้แล้ว ด้านข้างของทั้ง 2 ฝั่ง ก็จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้แบบคู่จัดไว้ให้อีก 4 ชุด รวม 4 ที่นั่ง
ภายในบาร์จะมีซิงค์ล้างจาน ปลั๊กไฟ เครื่องเสียง อุปกรณ์ทำเครื่องดื่ม ตู้เย็น และตู้แช่ไวน์จัดเตรียมมาให้ครบ ใช้งานได้จริง ไม่จำเป็นต้องออกไปจัดปาร์ตี้ในช่วงเทศกาลที่อื่นเลย
มองขึ้นไปที่ชั้นบน จะเป็นพื้นที่รับรองอีก 1 จุดค่ะ
ผ่านโซนบาร์เข้ามาด้านใน จะมีมุมรับรองให้อีก 1 จุด จัดวางโซฟารับรองไว้ให้ลายที่นั่ง ใช้นั่งพบปะพูดคุยสังสรรค์ หรือนั่งจิบไวน์ชมวิวรอบ ๆ ได้
ทางขึ้นไปชั้นบนดีไซน์เป็นบันไดวนพื้นหินอ่อน ที่ดูหรูหรา สวยงาม
ด้านบนจะเป็นจุดที่สูงที่สุดในโครงการรองลงมาจาก Super Penthouse จากมุมนี้ได้อิ่มเอมกับวิวเมืองในทุกค่ำคืนอย่างแน่นอน
และที่ด้านนอกจะมีสวนลอยฟ้าให้อีก 1 ที่นะคะ ใช้เป็นจุดนั่งเล่น หรือขึ้นมารับชมวิวเมืองกรุงเทพได้แบบ 360 องศาเลยค่ะ
ภาพตึกจริงจรงจุดสูงสุดของตัวโครงการที่ระดับ 190 ม.* จากพื้น ออกแบบมาให้มีลักษณะเป็นเส้นโค้งที่ถอดแบบมาจาก Sydney Harbour Bridge และ Opera House ในเวลากลางคืน Meaning ของเส้นโค้งนี้จะเปลี่ยนไปเป็นทางช้างเผือกตรงส่วนโค้ง ที่สามารถเห็นได้ชัดเจนจากประเทศออสเตรเลีย
ซึ่งถือเป็นประเทศที่มี The Most Darkest Sky แห่งหนึ่งของโลก ด้วยการเล่น Lighting โดยใช้ Multi-Media LED ให้เหมือนเป็นทางช้างเผือกใจกลางกรุงเทพฯ ไม่ว่าจากมุมไหน ๆ ก็สามารถเห็นยอดของอาคารได้ค่ะ
แบบห้องพัก
ห้องภายในโครงการสามารถแบ่งออกเป็น 5 แบบหลัก ๆ คือ
รวมถึงมีให้เลือกทั้งแบบห้อง Simplex และห้อง Duplex อีกด้วย ซึ่งห้องแบบ Duplex นี้จะมีขนาดตั้งแต่ 3-4 Bedroom ขึ้นไปเท่านั้น
ห้อง 1 Bedroom Type Ae ขนาด 45.0 ตร.ม.
ห้อง 1 Bedroom Type Bb ขนาด 61.0 ตร.ม.
ห้อง 2 Bedroom Type Db ขนาด 76.5 ตร.ม.
ห้อง 2 Bedroom Type Eb ขนาด 91.5 ตร.ม.
ห้อง 3 Bedroom Type Gb ขนาด 115.0 ตร.ม.
ห้อง 3 Bedroom (Duplex) Type Hd ขนาด 136.0 ตร.ม.
ห้อง 3 Bedroom (Duplex) Type Ib ขนาด 180.5 ตร.ม.
ห้อง 3 Bedroom (Duplex) Type Ka ขนาด 363.0 ตร.ม.
ห้อง 4 Bedroom (Duplex) Type La ขนาด 206.5 ตร.ม.
ห้อง 4 Bedroom (Duplex) Type Ma ขนาด 222.5 ตร.ม.
ห้อง 4 Bedroom (Duplex) Type Nb ขนาด 350.0 ตร.ม.
ห้องตัวอย่าง
วันนี้เรามีห้องตัวอย่างมาให้ชมทั้งหมด 2 แบบค่ะ ได้แก่
สำหรับห้องพักของทางโครงการ จะขายให้แบบ Fully Fitted สิ่งที่ลูกค้าจะได้เป็นห้องเปล่า ผนังฉาบเรียบทาสีขาว พร้อม Smart Kitchen และ Intelligent Toilet พร้อมระบบ Home Automation ควบคุม Lighting เครื่องปรับอากาศ และผ้าม่านได้ รวมถึงได้ Digital Door Lock ด้วยค่ะ
ห้องตัวอย่างห้องที่ 1
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 45.0 ตร.ม. เป็นห้องที่มีขนาดกำลังพอดีกับจำนวน 1-2 คน ภายในห้องแบ่งสัดส่วนได้เป็นอย่างดี พอเข้าไปในห้องจะเจอส่วน Common Area ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมต่อกับครัวเป็นครัวเปิดและห้องน้ำ
ถัดเข้าไปจาก Common Area เป็นส่วนของห้องนอนค่ะ โดยห้องนอนจะถูกกั้นส่วนออกไปด้วยประตูบานเลื่อนกระจกอลูมิเนียม ภายในห้องนอนจะสามารถแบ่งพื้นที่เป็น Walk-in Closet ในตัวได้
ทางโครงการตกแต่งห้องให้แบบ Fully Fitted ได้ Smart Kitchen และ Intelligent Toilet พร้อมระบบ Home Automation ควบคุม Lighting เครื่องปรับอากาศ และผ้าม่านได้ รวมถึงได้ Digital Door Lock ด้วยค่ะ
ประตูห้องพักได้เป็นบาน Oversize สีไม้โอ๊ค พร้อมกลอน Digital Door Lock ของ Yale ที่ใช้งานได้ 5 ระบบ ได้แก่ Key Card, Pin Code, Finger Scan และไขกุญแจในกรณีถ่านหมด พร้อมมือจับที่ให้เป็นแบบคันโยก ทำให้เปิด-ปิดใช้งานได้สะดวกมาก ๆ
พอเข้ามาภายในห้องแล้วจะเจอ Common Area ก่อนเลยซึ่งส่วนแรกจะเป็นห้องนั่งเล่น ถัดเข้าไปด้านในคือส่วนรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับครัวเปิด สามารถเข้าห้องน้ำได้จากทางฝั่งห้องครัว ส่วนด้านในสุดเลยคือห้องนอนค่ะ
ซึ่งห้องนอนจะกั้นส่วนจาก Common Area ด้วยบานเลื่อนกระจกนั่นก็เพราะว่าส่วน Common Area ต้องเพิ่งแสงธรรมชาติผ่านทางห้องนอนด้วย ข้อดีของการกั้นห้องด้วยบานเลื่อนกระจกก็คือช่วยให้ห้องดูกว้างขวางขึ้น
แต่ในเรื่องของความเป็นส่วนตัวก็จะน้อยกว่าห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบนะ ส่วนวัสดุภายในห้องเราจะได้พื้นกระเบื้องจาก Cotto Italia ลายหินอ่อนสีขาว และผนังฉาบเรียบทาสีขาว โคมไฟ LED ประหยัดพลังงานทั้งห้อง
ความพิเศษของห้องพักที่นี่คือได้ฝ้าเพดานสูงถึง 2.85 ม. ทำให้ภายในห้องดูโปร่ง โล่ง กว้าง พักผ่อนได้สบายมากขึ้น ฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบ พร้อมแอร์ Cassette Type แบบ 4 Way รับความเย็นได้ฉ่ำ 4 ทิศทาง และถ้าสังเกตดี ๆ เราจะเห็นว่า Fire Sprinkler จะได้แบบฝังฝ้าเ ซึ่งจะทำให้ห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดตา ไม่ทำลายดีไซน์ของตัวห้องด้วย
เริ่มจากห้องนั่งเล่นกันก่อนค่ะ ทางโครงการวางโซฟาแบบ Love Seat ขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกาแฟและโต๊ะข้างอีก 1 ตัวมาให้ดูเป็นไอเดีย แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถเอาโต๊ะข้างออกแล้ววาง Sofa Bed 3.5 ฟุต หรือวางเป็นโซฟา L-Shape ได้เลย
ฝั่งตรงข้ามทางโครงการทำผนังตกแต่ง พร้อมวางชั้นวางทีวี และตู้ Built-in สำหรับจัดเก็บรองเท้ามาให้ดูเป็นไอเดีย แม้ว่าห้องขนาด 45 ตร.ม. ถือว่าเป็นห้องที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom ก็จริง แต่การทำตู้เก็บของและจัดข้าวของให้เป็นระเบียบนั้นถือเป็นประเด็นสำคัญของการอยู่ในคอนโดเลยค่ะ
ถัดจากห้องนั่งเล่นก็คือส่วนทานอาหาร และห้องครัว
โครงการจัดชุดโต๊ะ-เก้าอี้ขนาด 2 ที่นั่ง เอาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย
ซึ่งจริง ๆ แล้วพื้นที่ในห้องสามารถวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งได้เลย สำหรับวันที่มีแขกมาหรือมีอาหารหลายจาน โต๊ะไซซ์นี้อาจจะไม่พอนะ ถ้าไม่อยากให้ห้องดูแคบเราสามารถเลือกใช้โต๊ะที่สามารถกางขยายและพับเก็บในเวลาที่เราไม่ใช้งานได้ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่รับประทานอาหารก็คือห้องครัว โดยเราจะได้ครัวเปิดแบบที่เห็นนี้ทุกประการเลยนะ ซึ่งครัวของที่นี่จะเป็นครัวแบบ Smart Kitchen มีขนาดใหญ่ สวยงาม มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน เราได้ทั้งเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว U พร้อมชั้นลอยเก็บของ และตู้เย็น Built-in ค่ะ
สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับมีดังนี้เลยค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวที่เราได้เป็นรูปตัว U แบบนี้ ทำให้มีพื้นที่ในการยืนปรุงอาหารตรงกลางอยู่ที่ 1 เมตร ขนาดพอยืนปรุงอาหารได้สะดวก 1 คนพอดี และอาจมีลูกมือคอยช่วยเหลือยืนอยู่ตรงฝั่งด้านนอก Island ก็ได้ค่ะ
Top เคาน์เตอร์ครัวที่ได้เป็นหินเทียมลายหินอ่อนสีขาว ซึ่งทนทานต่อการใช้งาน เพราะไม่มีรูพรุน ไม่ดูดซึมน้ำ และสามารถทนรอยขีดข่วนได้ดี แถมยังทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนี้บนเคาน์เตอร์ยังติดตั้ง Pop up Plug เอาไว้ให้อีกด้วย เผื่อการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องอื่นๆ แบบที่ไม่ได้ตั้งใช้งานประจำ เช่น เครื่องปั่นน้ำผลไม้ เป็นต้น
ชุดอุปกรณ์ภายในครัวก็ติดตั้งมาให้เรียบร้อยค่ะ ทั้งเตาปรุงอาหารได้เป็นเตาเซรามิกขนาด 2 หัว พร้อมมีเครื่องดูดควันแบบมีท่อปล่อยออกไปสู่ภายนอกจาก Kuppersbusch รอบ ๆ เตามีพื้นที่เหลือเยอะเลย สามารถวางของใช้ เครื่องปรุง หรือแบ่งเป็นโซนชงกาแฟ ปิ้งขนมปังก็ได้
ส่วนทางด้านซ้ายก็เป็นอ่างล้างจานแบบหลุมเดียวของ Franke พร้อมมีเขียงกับตะแกรงของอ่างล้างจานมาให้พร้อม
ผนังก็ติดตั้ง Backsplash หินเทียมลายหินอ่อนมาให้เพื่อสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงยังมีที่แขวนมีด ที่แขวนกระดาษชำระ และที่พักจานติดมาให้แบบในห้องตัวอย่างนี้เลยค่ะ
ส่วนที่ใต้เคาน์เตอร์ ก็มีช่องสำหรับเก็บจาน-ชามและอุปกรณ์ต่างๆ ได้เยอะเลย ซึ่งลิ้นชักและบานเปิดทั้งหมดจะเป็นบาน Soft Close ป้องกันการกระแทกมาให้เรียบร้อย ตัวบานเปิดเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยสแตนเลสสี Copper อย่างสวยงาม
พิเศษตรงใต้เคาน์เตอร์อ่างล้างมือจะมี Food Blender สำหรับปั่นเศษอาหารเหลือติดเอาไว้ให้เพื่อให้สามารถ Flush ลง Toilet ได้เลย เป็นการลดปริมาณของขยะไปในตัว และยังได้เครื่องซักผ้าของ Teka ที่สามารถทั้งซักและอบผ้าได้ในเครื่องเดียวได้
ได้เตาอบของ Kuppersbusch มาตามนี้ เครื่องนี้จะใช้ได้ทั้งการอุ่นอาหาร และอบอาหาร-อบขนมปังเลยค่ะ
ส่วนด้านบนจะได้ตู้เก็บของมาครบทั้ง 3 ด้าน จะมามี 2 ด้านนี้ที่ทำเป็นบานเปิด ปิดผิวด้วยกระจกเงาสีชา งานเนี้ยบดูหรู
พิเศษหน่อยสำหรับตู้ทางขวามือจะมีกลไกที่เราสามารถดึงมันลงมาได้ ซึ่งจะสามารถหยิบของที่ชั้นสูงๆ ได้ง่ายมากขึ้นค่ะ
ส่วนตู้ทางซ้ายมือสุดด้านในเป็นตู้เย็นแบบ Built – in ขนาด 18 คิวจาก Teka ดีไซน์เรียบเนียนไปกับเคาน์เตอร์ครัว ข้างบานก็ยังมีช่องสำหรับเก็บของเพิ่มเติมได้อีกนะ
ส่วนห้องน้ำเราสามารถเข้าได้จากทางห้องครัว
ภายในห้องน้ำมีการแบ่งฟังก์ชันส่วนเแห้งและส่วนอาบน้ำออกจากกันอย่างชัดเจน วัสดุที่ปูพื้นและผนังใช้กระเบื้องจาก Cotto Italia ลายหินอ่อนสีขาวเหมือนกับพื้นที่ Common Area ด้านนอก แต่ที่พื้นจะใช้กระเบื้องชนิดผิวหน้าด้านแบบ Non Slip ช่วยกันลื่นเวลาพื้นเปียกน้ำ ผนังเป็นผิวหน้าแบบ Glossy ส่วนสุขภัณฑ์จะใช้ของ Kohler และ Gessi ทั้งหมดค่ะ
พื้นที่ภายในห้องน้ำมีความกว้างประมาณ 1.65 ม. เป็นความกว้างที่สามารถใช้งานได้สะดวกและไม่รู้สึกว่าอึดอัด ที่ด้านบนติดตั้งไฟ Downlight แบบฝังฝ้าให้ถึง 3 จุด พร้อมพัดลมดูดอากาศ ส่วนความสูงของฝ้าเพดานจะลดต่ำลงกว่าด้านนอกเหลืออยู่ประมาณ 2.6 ม.
อ่างล้างหน้าของ Kohler เป็นอ่างแบบฝังครึ่งเคาน์เตอร์บน Top หินอ่อน พร้อมก๊อกน้ำปรับน้ำร้อน-น้ำเย็นได้จาก Gessi บริเวณใต้อ่างก็มีตู้สำหรับเก็บของอย่างพวกกระดาษชำระ หรืออุปกรณ์สำหรับใช้ทำความสะอาด มีเครื่องทำน้ำร้อนติดตั้งเอาไว้ในนี้ด้วย และผนังของห้องน้ำโครงการนี้มีการฝังท่อน้ำร้อนเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนด้านบนอ่างติดตั้งตู้กระจกมาใต้สามารถใช้เก็บทั้งแปรงสีฟัน ยาสีฟัน หรือครีมต่างๆ ที่ใช้ในห้องน้ำ ใต้ตู้ติดตั้งไฟซ่อนเอาไว้ให้ เวลาล้างหน้าหรือแปรงฟันจะได้มีแสงสว่างเพียงพอ
ด้านข้างอ่างมีปลั๊กไฟแบบ Shavers Only ติดมาให้ 1 จุด ปลอดภัย แข็งแรง หน้ากากทำมาจากวัสดุที่ทนทาน ผสมโพลีคาร์บอนเนต ไม่ลามไฟ ทนความร้อนสูง และถูกออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนาน
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ Smart Toilet รุ่น Veil ซึ่งเป็นรุ่น Top จาก Kohler ที่ใช้งานได้หลายแบบ เช่น ระบบการเปิด-ปิดฝาอัตโนมัติ จากระยะของผู้ใช้งานตามค่าที่ Set เอาไว้, ระบบทำความสะอาดตนเองรวมถึงก้านฉีดชำระ, ระบบไฟ LED Nightlight และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยสามารถควบคุมผ่านรีโมต Touch Screen หน้าจอ LCD โดยติดตั้งตัวรีโมตเอาไว้ให้ที่ด้านข้างเลยค่ะ สามารถหยิบใช้งานได้ง่าย แต่รีโมตเครื่องนี้ไม่กันน้ำนะ ต้องระวังในจุดนี้ด้วย
พื้นที่อาบน้ำจะกั้นด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้เรียบร้อย ซึ่งตัวมือจับบานประตูก็สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ด้วย
พื้นที่ยืนอาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.2 x 0.85 ม. เป็นระยะที่สามารถยืนอาบน้ำได้สบาย ๆ จะเห็นว่าที่นี่เขาเลือกใช้รางระบายน้ำสแตนเลสแทนการก่อธรณีเพื่อกันน้ำไหลย้อน ถือเป็นข้อดีมาก ๆ เพราะผู้ใช้งานจะไม่มีการสะดุดหกล้มอย่างแน่นอน ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นมิตรกับผู้สูงอายุที่เดินไม่ค่อยคล่องอีกด้วย
ภายในโซนอาบน้ำติดตั้งฝักบัวให้ 2 แบบ ทั้ง Hand Shower แบบมีราวปรับระดับความสูง และ Rain Shower แบบฝังเพดานด้านบน
เข้าไปดูภายในส่วนของห้องนอนกันต่อ ซึ่งกั้นส่วนจาก Common Area ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกกรอบอะลูมิเนียมแบบ 3 ตอน จึงสามารถเลื่อนเปิดได้กว้างมากขึ้น
พื้นภายในห้องนอนทั้งหมดปูด้วย Engineering Wood ใช้ Top ผิวไม้โอ๊คแทนพื้นกระเบื้อง เพื่อให้ได้ผิวสัมผัสที่นุ่มและอุ่นมากขึ้น เหมาะกับการพักผ่อนหลับนอนค่ะ
พื้นที่ภายในห้องนอนถือว่ามีขนาดที่ใหญ่พอสมควรเลยค่ะ เราสามารถจัดวางเตียงนอน King Size ได้อย่างสบาย ๆ และพอวางเตียงนอนแล้วก็ยังเหลือพื้นที่โดยรอบ สามารถวางโต๊ะข้างเพิ่มได้ทั้ง 2 ฝั่ง
ข้างเตียงด้านซ้ายมือยังเหลือพื้นที่ให้วางชุด Armchair ได้อีกสักชุดสำหรับนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือ หรือเราจะวางโต๊ะทำงานแทนก็ยังทำได้
ช่องแสงที่ได้จะเป็นแบบเต็มผนังสูงจากพื้นถึงฝ้า ได้กรอบหน้าต่างอะลูมิเนียมสีดำ ติดกระจก Low-E หรือกระจกสะท้อนความร้อนแบบ Double Glazing ซึ่งจะมี Air Gap อยู่ตรงกลางระหว่างกระจกลามิเนตทั้ง 2 แผ่น ที่ช่วยในการลดการถ่ายเทความร้อนและเสียงรบกวนจากภายนอกสู่เข้าภายในอาคารได้ดี
ซึ่งด้านขวาเค้าจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งที่สามารถเปิดระบายอากาศได้อีกด้วย ส่วนด้านบนก็จะมีช่องซ่อนรางม่านเอาไว้ให้เรียบร้อย พร้อมงานระบบของม่านไฟฟ้าฝังเอาไว้ให้ใต้ฝ้าเรียบร้อยแล้ว
สังเกตว่าห้องนี้จะไม่มีระเบียงนะคะ แต่ที่ฝั่งขวาของหน้าต่างจะมีประตูบานเลื่อนเปิดอยู่ด้วย เป็นการปรับฟังก์ชันออกแบบให้พื้นที่ภายในห้องกลายเป็นระเบียงแบบ Indoor ได้ด้วยในตัวเลย
ซ้ายมือจากหน้าต่าง จะมีช่องประตูกระจกฝ้าเล็กบานเปิดอยู่อีก 1 บาน เป็นห้องสำหรับเก็บ CDU จำนวน 2 เครื่อง พื้นที่ส่วนนี้จะมีระแนงของ Facade อาคาร ที่ช่วยพรางสายตาทำให้รูปด้านของอาคารดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด และใช้ตากผ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ค่ะ
ภาพจากฝั่งหน้าต่างมองกลับเข้ามาภายในห้อง
ชฝั่งปลายเตียงนอนที่เป็นชั้นวางทีวี จริง ๆ แล้วเราจะได้เป็นห้องโล่ง ๆ ไม่มี Panel กั้นส่วนมาให้แบบนี้นะ แต่ทางโครงการตกแต่งห้องและแบ่งส่วน Walk-in Closet มาให้เราดูเป็นไอเดียกันค่ะ
ด้านหลังชั้นวางทีวีทำเป็น Walk-in Closet และโต๊ะเครื่องแป้ง 1 ที่นั่ง เสริมด้วยตู้เสื้อผ้ารูปตัว L ได้ประมาณนี้ สามารถเก็บเสื้อผ้าได้เยอะ และเหลือ Space ตรงกลางกว้าง 85 ซม. เพื่อเป็นพื้นที่แต่งตัว
มองกลับออกมายังส่วนของเตียงนอน
ภายในห้องนอนจะได้แอร์แบบ Cassette Type แบบ 4 Way ของ Daikin มา 1 ตัว ตามนี้เลยค่ะ
ห้องตัวอย่างห้องที่ 2
มาต่อกันที่ห้องตัวอย่างห้องที่ 2 เป็นห้อง Duplex 4 ห้องนอน ขนาดประมาณ 206.5 ตร.ม. เป็นห้องที่ได้ Feeling เหมือนอยู่บ้าน เพราะฝ้าเพดานทั้ง 2 ชั้น ได้ความสูงเท่ากันที่ 2.85 ม. ส่วน Double Volume จะสูงอยู่ที่ 6.2 ม. ที่สำคัญได้โฉนดเต็ม 2 ชั้น ด้วยนะ
สำหรับการวางผังห้องพักด้านใน เริ่มจากชั้น 1 เข้ามาจะเจอกับ Common Area ที่รวมมุมทานอาหาร มุมเตรียมอาหาร เชื่อมโยงไปกับโซนห้องนั่งเล่นแบบ Double Volume ที่อยู่ติดกับระเบียง 2 ชั้น อีกด้านของห้องจะเป็นห้องครัวปิด พร้อม Smart Kitchen และห้องนอน Master
ส่วนชั้น 2 จะมีโถงทางเดินแนวยาว มีทั้งหมด 3 ห้องนอน ทุกห้องมี Walk-in Closet และมีห้องน้ำในตัว ทำให้ใช้งานได้สะดวก เหมือนอยู่บ้านเลย แต่ห้องนอนที่มีขนาดรองลงมาจาก Master จะได้อ่างอาบน้ำเพิ่มเข้ามา และทุกห้องจะมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง อยู่สบายตั้งแต่เด็กเล็กไปยันคนทำงานเลยค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับ Common Area ส่วนนี้ได้ฝ้าสูงประมาณ 2.6 ม. ผนังห้องและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พื้นห้องชั้นล่างปูกระเบื้อง Cotto Italia ลายหินอ่อนสีขาวที่นำเข้ามาจากยุโรป ได้ความหรูหรา สวยงาม ทำความสะอาดได้ง่าย โดยห้อง Duplex ก็จะได้ Spec ของในห้องพัก และสุขภัณฑ์ต่าง ๆ คล้ายกันกับห้อง Simplex ที่พาไปชมกันก่อนหน้านี้
แต่สิ่งที่ห้องนี้ได้เพิ่มมาจะเป็นแอร์แบบฝัง ระบบ VRV จาก Daikin ซึ่งสามารถทำให้แอร์เย็นเร็ว มีอุณภูมิสม่ำเสมอทั่วกันทุกทิศทาง ใช้ CDU รวมกันประหยัดพื้นที่จัดวาง แถมยังช่วยประหยัดไฟอีกด้วยค่ะ
ภาพรวมบริเวณส่วนทานอาหารและมุมเตรียมอาหาร ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน
โซน Pantry จะเป็นส่วนที่ทางโครงการต่อเติมมาให้ดูเป็นไอเดียค่ะ โดยจัดเป็น Pantry สำหรับเตรียมอาหารง่าย ๆ มีตู้เย็น Built-in และตู้เก็บของเข้ามุมที่ดูเรียบเนียนไปกับผนัง และมี Island ตรงกลาง ที่เปรียบเสมือนบาร์ในห้อง ไว้นั่งจิบไวน์ ทานอาหารเช้าที่บริเวณนี้ได้
ตรงข้ามกันเป็นส่วนทานอาหาร รองรับการใช้ชีวิตแบบครอบครัวใหญ่ได้สบาย ๆ ด้วยชุดโต๊ะทานข้าวขนาด 6-8 ที่นั่ง
ภาพรวมเมื่อวางชุดโต๊ะทานอาหาร และ Panter เข้าไปแล้ว ก็ยังมีระยะใช้งานรอบ ๆ เหลือเยอะพอสมควรเลยค่ะ
ถัดจาก Common Area เข้าไป จะเป็นห้องนั่งเล่นเพดานสูง Double Volume
พร้อมช่องแสงขนาดใหญ่พิเศษจากประตูระเบียงและกระจกบานฟิกซ์ด้านบน ซึ่งจะช่วยให้พื้นที่ตรงนี้ดูโปร่ง กว้าง พักผ่อนใช้งานได้ในบรรยากาศสบายมากขึ้น
โดยห้องนั่งเล่นตรงนี้จะได้ฝ้าเพดานสูงถึง 6.2 ม.
พื้นที่ให้มากว้างขวางมาก ๆ ค่ะ สามารถวางโซฟาเซ็ตใหญ่ 4-6 ที่นั่ง ได้หลายรูปแบบตามต้องการ จะวางตัว I ตัว U หรือวางแบบ L-Shape ก็มีพื้นที่เหลือเฟือ
ตรงข้ามสามารถ Built-in ผนังสวย ๆ ติดทีวีจอใหญ่ หรือจะติดตู้แขวนแนวสูงจรดเพดานเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ หรือทำเป็นพวกตู้โชว์ก็ได้
เพดานด้านบนมีการดรอปฝ้ามาให้ด้วยนะคะ ใครอยากเพิ่มความหรูหราให้กับห้อง ก็สามารถซื้อโคมไฟ Chandelier ในสไตล์ที่ชื่นชอบมาติดเพิ่มเองได้ค่ะ
ถัดมาจะเป็นส่วนของระเบียงพักผ่อน ได้เป็นระเบียง 2 ชั้น เพื่อความปลอดภัย และเพิ่มพื้นที่ใช้งานให้มีมากขึ้นได้อีกหลาย ตร.ม. โดยจุดนี้จะกั้นแยกส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ชั้น ลูกฟักกระจกเป็น Double Glazing กันเสียง กันร้อนได้ดี แข็งแรง ได้มาตรฐานความปลอดภัย
ด้านนอกประตูบานที่ 2 จะติดตั้งราวกันตกกระจก Tempered Glass ความสูงประมาณ 1 ม.* ให้อีก 1 ชั้น
ข้างระเบียงเป็นประตูทางออกไปยังห้องเก็บ CDU ค่ะ ตั้งแต่ห้องพักแบบ Simplex แบบ 1 Bedroom Plus ขึ้นไป จะได้ระบบแอร์แบบ VRV ที่ประหยัดไฟ ประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้องได้มากขึ้น
มองกลับเข้ามาดูภาพรวมภายในชั้น 1
ไปดูฟังก์ชันอีกฝั่งของชั้น 1 กันต่อค่ะ
ปีกซ้ายของห้องพักจะเป็นที่ตั้งของห้องครัวปิด ห้องน้ำชั้นล่าง และห้องนอน Master
เริ่มจากห้องครัวทางฝั่งขวามือ จะได้เป็นครัวปิด กั้นแยกโซนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนรางแขวนด้านบน ทำให้ทำความสะอาดพื้นได้ง่าย และด้วยการที่ไม่มีรางที่พื้น ก็จะไม่กักเก็บฝุ่น และเดินใช้งานได้ไม่ต้องกลัวสะดุด
ห้องครัวให้พื้นที่มากว้างขวางดีเลยค่ะ ได้ฟังก์ชันมาครบ ซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์ของ Smart Kitchen เช่นเดิม แต่ห้องนี้จะเปลี่ยนจากตู้เย็น Built-in มาเป็นตู้เย็น 2 ประตู ขนาดใหญ่แทน
ชุดครัว รวมถึงฟังก์ชันต่าง ๆ จะได้มาคล้าย ๆ กันกับห้องก่อนหน้านี้ แต่ห้องนี้เค้าจะเปลี่ยนหน้าบานจะสี Copper เป็นสี Metallic gray
หน้าท็อปเป็นหินสีขาว วางเข้ามุม มีพื้นที่กว้างวางของได้เยอะ ใช้งานได้สบาย ๆ
พร้อมเตาปรุงอาหาร 4 หัว เครื่องดูดควันแบบปล่อยออกนอกอาคารของ Kuppersbusch และได้ซิงค์ล้างจานเป็นแบบ 2 หลุม Franke แทนค่ะ
ด้านล่างได้เตาอบของ Kuppersbusch พร้อมตู้เก็บของหลายตู้
ใต้ซิงค์จะได้ถังขยะพร้อมฝาปิดและเครื่องบดเศษอาหารของ Teka และมีเครื่องทำน้ำร้อนติดมาให้ด้วยค่ะ
มองกลับออกมาจะเป็นห้องเก็บของใต้บันได
ห้องเก็บของเพดานสูง มีประตูปิดมิดชิดแยกเป็นสัดส่วน ภายในปูพื้นกระเบื้องมาให้เรียบร้อย สามารถเก็บของชิ้นใหญ่ อย่างรถเข็นเด็ก, รถเข็นผู้ใหญ่, ถุงกอล์ฟ, กระเป๋าเดินทาง, จักรยานพับได้ หรือจะใช้เป็นห้องเก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้ ก็ลงตัวดีเลยค่ะ
ตรงข้ามกับห้องครัวจะเป็นห้องน้ำชั้นล่าง
ภายในแบ่งส่วนแห้ง ส่วนอาบน้ำ แต่งลายกระเบื้อง รวมถึงใช้สุขภัณฑ์มาตรฐานของ Kohler และ Gessi มาเหมือนกันกับห้องน้ำในห้อง 1 Bedroom ก่อนหน้านี้เลยค่ะ
อ่างล้างมือ พร้อมกระจกและตู้เก็บของ ด้านข้างมีปลั๊กไฟ Shavers Only พร้อมโถสุขภัณฑ์แบบ Smart Toilet รุ่น Veil จาก Kohler
ด้านในเป็นส่วนอาบน้ำ ติด Shower Box มาให้ พร้อมพื้นแบบ Non-Step และได้พื้นที่อาบน้ำมากว้างกำลังดี
ได้ฝักบัวมา 2 แบบ ทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ก๊อกผสมน้ำร้อน-น้ำเย็น และชั้นวางของที่ด้านข้างผนัง
ไปต่อกันที่ห้องนอน Master ชั้น 1
ในส่วนของห้องนอนทั้งห้องนี้และห้องนอนชั้นบน จะเปลี่ยนจากพื้นกระเบื้องมาเป็น Engineering Wood เพื่อความผ่อนคลาย โดยส่วนแรกจะเป็นพื้นที่พักผ่อน มาพร้อมหน้าต่างกระจกบานผสมแบบ Full Height และรางม่านที่รองรับการเปิด-ปิดอัตโนมัติ
วางเตียง King Size และโต๊ะหัวเตียงมาให้ดูระยะใช้งาน
ริมหน้าต่างจัดเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือ นั่งจิบเครื่องดื่ม พร้อมชมวิวเมืองกรุงเทพได้กว้างจากในห้องนอน
มองผ่านกระจกออกไปได้วิวเมืองสวย ๆ แบบนี้
ตรงข้ามเป็นผนังเปล่า รองรับการติดทีวีจอใหญ่ หรือจะติดชั้นวางของแนวยาว Built-in ตู้โชว์ก็เลือกได้ตามต้องการค่ะ
ด้านหลังจะเป็น Walk-in Closet ที่กั้นแยกส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบรางแขวนมาให้ดูเป็นไอเดีย ส่วนห้องจริงเป็นพื้นที่เปิดโล่ง
ภายในถือว่าได้พื้นที่มากว้างดีค่ะ สามารถวาง หรือ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ และยังมีพื้นที่ริมหน้าต่างให้วางโต๊ะเครื่องแป้ง 1 ที่นั่ง ได้ด้วย
ติดกับ Walk-in Closet จะเป็นห้องน้ำในตัว ตั้งอยู่ใกล้กันทำให้ใช้งานได้สะดวก ภายในแบ่งส่วนแห้ง แยกส่วนอาบน้ำและส่วนโถสุขภัณฑ์มาให้เรียบร้อย พร้อมฟังก์ชันแบบ His & Her ทำให้เวลาเร่งด่วนสามารถใช้งานพร้อมกันได้
อ่างล้างหน้าท็อปหินอ่อนสีน้ำตาล พร้อมอ่างแบบฝัง 2 อ่าง ผนังมีปลั๊กไฟติดให้ 1 จุด
ด้านล่างมีตู้เก็บของพร้อมชั้นวางของให้เก็บของใช้ได้เยอะ และที่ผนังด้านหลังจะติดกระจกเงาบานใหญ่ให้ 1 บาน
ใต้อ่างติดเครื่องทำน้ำร้อนมาให้แล้ว
อีกฝั่งให้อ่างอาบน้ำแบบตั้งพื้นมาด้วย ตัวอ่างเป็น Size มาตรฐาน รองรับได้ทั้งคนเอเชียและยุโรป
ด้านในแบกห้องอาบน้ำและห้องสุขภัณฑ์ด้วย Shower Box กระจกบานเปิด
โถสุขภัณฑ์แบบ Smart Toilet รุ่น Veil ซึ่งเป็นรุ่น Top จาก Kohler ควบคุมผ่านรีโมต Touch Screen หน้าจอ LCD
ส่วนอาบน้ำเป็นพื้น Non Step เช่นเดิม และได้ฝักบัวมา 2 แบบ พร้อมชั้นวางของ และหน้าต่างกระจกฝ้าบานผสม 1 ชุด
บรรยากาศภาพรวมภายในห้องนอนชั้นล่าง
ขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อเลยค่ะ โครงสร้างบันไดสำเร็จรูป ปิดผิวด้วยไม้สีน้ำตาลอ่อน เข้ากับสีพื้น Engineering Wood ที่ด้านบนและห้องนอน
ส่วนราวกันตกจะใช้เป็นกระจก Tempered Glass แบบไม่มีเฟรม ทำให้ห้องดูโปร่งและหรูหรามากขึ้น
ขึ้นมาที่ชั้น 2 โครงการนี้ได้โฉนดเต็ม 2 ชั้น เลยนะคะ ทำให้ชั้น 2 ได้ฝ้าเพดานสูงที่ 2.85 ม. พร้อมติดตั้ง Smoke & Heat Detector ได้ ส่วนฟังก์ชันชั้นนี้จะมีทั้งหมด 3 ห้องนอน พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง
พื้นชั้น 2 และห้องนอนเป็น Engineering Wood ช่วยพื้นที่ดู Homey มากขึ้นค่ะ
จากโถงชั้น 2 มองลงมา จะเห็นโซน Living เพดานสูงโปร่งแบบนี้เลยค่ะ
เข้ามาดูห้องนอนที่อยู่ตรงข้ามบันไดกันก่อน ภายในได้พื้นที่มากว้างขวาง สามารถวางเตียงนอน 5-6 ฟุต และเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานได้ครบ และมีระยะใช้งานสบาย ๆ ไม่อึดอัด
ความพิเศษของห้องนี้คือจะมีผนังบางส่วนเป็นกระจก Full Fream มองลงไปเห็นโซน Living ด้านล่าง ซึ่งถ้าใครไม่ได้ทำเป็นห้องนอน แนะนำให้ทำเป็นห้องทำงานอยู่ที่บ้าน ห้องดูหนัง หรือทำเป็นห้องอเนกประสงค์ในรูปแบบอื่น ๆ ได้ตามต้องการเลยนะคะ
ข้างเตียงวางโต๊ะทำงาน 1 ที่นั่ง มาให้ดูระยะใช้งาน
อีกฝั่งเป็นพื้นที่แต่งตัว เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัว บ้านจริงไม่มีฉากกั้นกระจกให้นะคะ
ภายในสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งตัวยาวและตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ได้ ด้านหน้ามีพื้นที่เหลือให้ใช้งานและเดินเข้า-ออกห้องน้ำได้ไม่ติดขัด
ห้องน้ำอยู่ใกล้กันแบบนี้ เวลาอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัวได้เลยค่ะ
ห้องน้ำแบ่งส่วนแห้งและส่วนอาบน้ำไว้คนละฝั่ง ส่วนการตกแต่งภายในและสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ได้มาเหมือนกันกับห้องน้ำชั้นล่างเลยค่ะ
บรรยากาศภาพรวมภายในห้องนอน
ไปต่อกันที่ห้องนอนรองอีก 2 ห้อง
ห้องซ้ายมือจะมีขนาดใกล้เคียงกับห้องเมื่อสักครู่ค่ะ เพียงแต่การวาง Layout จะแตกต่างกันนิดหน่อย โดยโครงการจะตกแต่งเป็นห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ของทุกคนในครอบครัวมาให้ดูเป็นไอเดีย
ในห้องได้หน้าต่างกระจกบานผสมขนาดใหญ่ ทำให้เปิดรับวิวได้กว้าง และยังมีบานกระทุ้งเล็ก ๆ ให้เปิดระบายกาศได้ด้วย
อีกด้านของห้องจะเป็นที่ตั้งของห้องน้ำในตัว
ห้องน้ำแบ่งส่วนแห้งแยกส่วนอาบน้ำ และใช้สุขภัณฑ์มาตรฐานเหมือนกันกับห้องอื่น ๆ
สุดท้ายจะเป็นห้องนอนขนาดรองลงมาจากห้องนอนใหญ่ชั้น 1
ภายในได้พื้นที่มากว้างขวางมาก ๆ สามารถวางเตียงนอน King Size จัดมุมนั่งเล่นข้างเตียงนอน และวางเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานอื่น ๆ ได้ครบ ทั้งยังมีพื้นที่รอบ ๆ เหลือให้ใช้งานได้สบาย ๆ
ในห้องจะมีหน้าต่างกระจกบานผสม Full Height มาให้เช่นเดิม โดยโครงการจัดมุมนี้เป็นุมทำงานชมวิวเมืองมาให้ดูเป็นไอเดีย
มองกลับมาดูภาพรวมภายในส่วนพักผ่อน
อีกด้านเป็น Walk-in Closet ที่โครงการติดฉากกั้นกระจกบานเลื่อนมาให้ดูเป็นไอเดีย
ส่วนพักผ่อนสามารถวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้
อีกด้านเป็นทางเข้าห้องน้ำ ที่ได้ฟังก์ชันเสริมเป็นอ่างอาบน้ำเพิ่มเข้ามา
ห้องน้ำมีการแบ่งส่วนแห้ง แยกส่วนอาบน้ำให้เช่นเดิม แต่ห้องนี้จะมีขนาดกว้างขึ้น และมีอ่างอาบน้ำแบบฝังเคาน์เตอร์ติดเพิ่มมาให้ เท่ากับห้องนี้จะได้ฟังก์ชันที่เทียบเท่ากันกับห้องนอน Master ชั้นล่างเลยก็ว่าได้นะคะ
ราคา (มิ.ย. 67)
สนใจโครงการ ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ นัดหมายเยี่ยมชมโครงการ คลิก : https://bit.ly/3xdYRhW
*หมายเหตุ : ข้อมูลราคาและโปรโมชันอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม*
สรุป
⇒ ทำเลที่ตั้งโครงการ : ศุภาลัย ไอคอน สาทร ตั้งอยู่บนถนนสาทรฝั่งใต้ ซึ่งถือเป็นทำเลทองใจกลางย่านธุรกิจที่สำคัญอันดับต้นๆ เทียบแล้วก็เหมือนกับเป็นวอลล์สตรีทของกรุงเทพฯ เลยค่ะ อันเนื่องมาจากโซนนี้เป็นโซนที่มีความคึกคักเพราะมีผู้คนอยู่อาศัยอย่างหนาแน่น รายล้อมด้วยออฟฟิศและอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ของบริษัทชั้นนำต่างชาติ โรงแรมระดับห้าดาว สำนักงานใหญ่ของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
รวมถึงสถานทูต สถาบันทางวัฒนธรรม ศูนย์การค้า โรงเรียนชั้นนำของประเทศ รวมถึงอาคารสำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย ซึ่งเป็น CBD ระดับ Prime อยู่แล้ว มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน นอกจากนั้นยังเดินทางได้ง่าย สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถยนต์ส่วนตัว หรือการใช้รถสาธารณะ เพราะอยู่ใกล้ทั้งรถไฟฟ้า, ท่าเรือ และทางด่วนอีกหลายจุดค่ะ
⇒ การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว : ตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนสาทรใต้ ช่วงตอนต้น ทำให้สะดวกสำหรับคนที่จะเดินทางไปทำงานในตัวเมืองสาทร และเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับทางกลับรถ ฉะนั้นจะกลับรถเข้าเมืองก็ไม่ยากค่ะ
ซึ่งตัวโครงการจะอยู่ช่วงตรงกลางระหว่าง ถนนนราธิวาสราชนครินทร์และถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นถนน 2 เส้นหลัก ๆ ที่เราสามารถใช้เดินทางได้ ทั้งยังอยู่ติดกับถนนสวนพลู เป็นถนนเส้นที่สามารถใช้วิ่งลัดไปยังจุดต่าง ๆ ได้ในเวลาที่รถติด นอกจากนี้ตัวโครงการยังใกล้กับทางด่วนอีกหลายจุด เลือกใช้กันได้ตามความสะดวก ระยะทางจากโครงการไปจุดขึ้นทางด่วนทุกด่าน ประมาณ 2.5-6 กม.เท่านั้นค่ะ
⇒ การเดินทางโดยรถสาธารณะและรถไฟฟ้า : เดินทางได้สะดวก ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะหลายอย่าง ที่สะดวกที่สุดก็จะเป็น การเดินทางโดยรถไฟฟ้า ใกล้ที่สุดคือ MRT ลุมพินี 800 ม.* ถัดมาจะเป็น BTS ช่องนนทรี, BTS ศาลาแดง สามารถเดินหรือนั่งพี่วินไปก็ได้ค่ะ อัตราค่าโดยสารเพียง 20 บาท* โดยคิวพี่วินจะอยู่ซอยข้างโครงการเลย เดินออกมาก็เจอค่ะ
⇒ การออกแบบโครงการ ห้องพัก และวัสดุ : เป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับลักซ์ชัวรี่ มูลค่า 20,000 ล้านบาท มีทั้งคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ สำนักงานเกรด A ร้านค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยอาคารชุดพักอาศัยจะมีทั้งหมดจำนวน 1 อาคาร สูง 56 ชั้น บนเนื้อที่ 7- 3-82 ไร่ กับห้องพักอาศัยจำนวน 787 ยูนิต
มีห้องให้เลือกแบบ 1-4 Bedroom ขนาด 42.00-350 ตร.ม. และ Super Penthouse ขนาด 970 ตร.ม. และมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการรองรับการอยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่อย่างลงตัว
การออกแบบภายนอกอาคาร ยอดอาคารโค้งที่สอดคล้องกับสุริยันจันทราและสายรุ้ง การตกแต่งภูมิทัศน์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ และเส้นสายลวดลายแบบออสเตรเลีย รายล้อมด้วยสวนแสนรื่นรมย์ Forest Garden, Green Vertical Wall, Pool Deck
และยังมีงานประติมากรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เช่น หมู่จิงโจ้กระโดดที่อยู่หน้าโครงการ สื่อถึงความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง และความสามัคคีกลมเกลียว หมีโคล่าเรืองแสงสีขาว บริเวณ Drop Off สื่อถึงความสมบูรณ์พูนสุข ตลอดจนการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิม
ส่วนห้องก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี ห้องพักเน้นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ สามารถจัดการพื้นที่ใช้สอยได้ง่าย และมีรูปแบบหรือขนาดให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย จุดเด่นอยู่ที่ไม่มีระเบียงแบบ Outdoor เลยจึงไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับภายนอกมากนัก แต่จะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในมากกว่า
รวมถึงมีห้องเก็บ Condensing Unit เรียบร้อยดีอีกด้วย เน้นสร้าง Feeling แบบ Homy Environment เหมือนอยู่บ้าน สำหรับห้อง 1 Bedroom จะได้ครัวแบบเปิด ส่วน Duplex จะเหมาะสำหรับครอบครัวหรือการอยู่อาศัยหลายๆ คนได้ครัวแบบปิด แถมยังได้ระเบียงแบบ Semi-Outdoor ที่สามารถใช้ในการขยายพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้อีกด้วย
วัสดุก็ให้มาอย่างสมราคาเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Home Automation, พื้นกระเบื้อง Cotto Italia ลายหินอ่อนสีขาว, พื้นในห้องนอนเป็นพื้นไม้ Engineering Wood ท็อปผิวไม้โอ๊ค, แอร์ Cassette Type แบบ 4 Way, Fire Sprinkler แบบฝังในฝ้า, Smart Kitchen พร้อม Top เคาน์เตอร์หินเทียม หน้าบานตู้ไม้ลามิเนต ปิดผิวด้วยสแตนเลสสี Copper, เตาอบและเตาไฟฟ้าของ Kuppersbusch, อ่างล้างจานของ Franke
กรอบประตูหน้าต่างเป็นอะลูมิเนียมสีดำ, กระจกด้านในห้องเป็นในธรรมดา, กระจกด้านนอกหรือในห้องนอนเป็น Low – E แบบ Double Glazing, สุขภัณฑ์ต่างๆ ในห้องน้ำของ Kohler, โถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติของ Kohler รุ่น Veil (เวล), ฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass, Hand Shower & Rain Shower และอ่างอาบน้ำห้อง Kohler สำหรับห้อง Master Bedroom
⇒ สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย : มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการรองรับการอยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่อย่างลงตัว ออกแบบตามแนวคิดจาก Landscape ของประเทศออสเตรเลีย โดยส่วนกลางทุกจุดเรียบหรูระดับ World Class และมีให้ใช้งานกว่า 20 รายการ* โดยจะอยู่ที่ชั้น 1 ชั้น 11 และชั้น 53
นอกจากนั้นยังได้ที่จอดรถมากถึง 100% เรียกว่าหาไม่ได้อีกแล้วที่จะได้ที่จอดรถครบทุกห้องแบบนี้ ในทำเลนี้ รวมถึงมีการติดตั้ง EV Charger มาให้หลายช่องจอด รองรับลูกบ้านที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะวันนี้หรือในอนาคต ได้ลิฟต์ล็อกชั้น แบ่ง Low-Zone / High Zone รวม 8 ตัว / มีลิฟต์ที่จอดรถ 1 ตัว และลิฟต์บริการ 2 ตัว พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยสุดพรีเมียม 24 ชม. ค่ะ โดยหลัก ๆ จะใช้เป็นระบบ Face Scan ค่ะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 1720
Line : https://line.me/ti/p/~@114svzdg
Website : https://bit.ly/3xdYRhW
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
คอนโด ทำเลอื่นๆ ที่น่าสนใจ…
รีวิว Life พระราม 4-อโศก เริ่ม 4.49 ล้าน*
รีวิว The Interchange หลักสี่ เริ่ม 2.09 ล้าน*
รีวิว MARU CHULA เริ่ม 3.95 ล้าน*
รีวิว ASPIRE อรุณ พรีเว่ เริ่ม 3.59 ล้าน*
รีวิว Aspire ห้วยขวาง เริ่ม 3.49 ล้าน*
รีวิว The Muve ลาดพร้าว 35
รีวิว dcondo calm รามคำแหง 40 เริ่ม 1.59 ล้าน*
รีวิว Nue Evo พัฒนาการ
รีวิว The Cuvee พระราม 3-สุขสวัสดิ์ เริ่ม 1.79 ล้าน*
รีวิว Flexi สำโรง อินเตอร์เชนจ์ เริ่ม 1.89 ล้าน*
รีวิว SUPALAI ICON SATHORN เริ่ม 8.9 ล้าน*
รีวิว The Muve สุขุมวิท 107 เริ่ม 1.79 ล้าน*
รีวิว pynn ปรีดี 20 เริ่ม 6.39 ล้าน*
แสดงความคิดเห็น