รีวิว คอนโด เดอะ ไพรเวซี่ รัชดา-สุทธิสาร The Privacy Ratchada-Sutthisan
The Privacy รัชดา-สุทธิสาร จาก บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ตั้งอยู่บนถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. ใกล้รถไฟฟ้า MRT สุทธิสาร, เซ็นทรัล พระราม 9, ฟอร์จูน พระราม 9, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, The Street รัชดา, เอสพลานาด รัชดา และ รพ.พระราม 9
เดอะ ไพรเวซี่ รัชดา-สุทธิสาร เป็นคอนโด Low-Rise 7 ชั้น 3 อาคาร พื้นที่โครงการ ประมาณ 3 ไร่ ห้องพักอาศัยรวม 199 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกแบบ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 28.00-50.00 ตร.ม.
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ โถงต้อนรับ, ห้องตู้จดหมาย, อาคารคลับเฮ้าส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สวนพักผ่อน, ประตูคีย์การ์ด, ที่จอดรถ 40%, กล้องวงจรปิด, รปภ. 24 ชม. ราคาเริ่มต้น 2.65 ล้านบาท*
ชื่อโครงการ | เดอะ ไพรเวซี่ รัชดา-สุทธิสาร The Privacy Ratchada-Sutthisan |
เจ้าของโครงการ | พฤกษา เรียลเอสเตท – Pruksa Real Estate |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง | – 1 Bedroom / 28.00 – 42.00 ตร.ม. – 2 Bedroom / 50.00 ตร.ม. |
เนื้อที่ทั้งหมด | – อาคาร A ที่ดิน 1-3-83 ไร่ – อาคาร B ที่ดิน 0-2-34 ไร่ – อาคาร C ที่ดิน 0-2-29 ไร่ |
จำนวนตึก | 3 อาคาร |
จำนวนชั้น | 7 ชั้น |
จำนวนห้อง | อาคาร A 75 ยูนิต, B 62 ยูนิต, C 62 ยูนิต รวม 199 ยูนิต |
ที่จอดรถทั้งหมด | 40% ( รวมจอดซ้อนคัน ) |
โซน | ห้วยขวาง |
ขนส่งสาธารณะ | รถไฟฟ้า MRT สุทธิสาร |
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. |
กำหนดการ | n/a |
ปีที่สร้างเสร็จ | ตุลาคม พ.ศ. 2557 |
ราคา | เริ่มต้น 2.65 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | 90,000 บาท / ตร.ม |
สถานที่สำคัญใกล้เคียง |
|
สิ่งอำนวยความสะดวก | – ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม., CCTV – สวนล้อมโครงการ – สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ซาวน่า – คลับเฮ้าส์ |
จุดเด่นของโครงการ | เปิดซีรีย์ของชีวิตในมุมมองใหม่ ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติกับ เดอะไพรเวซี่ รัชดา-สุทธิสาร คอนโดมิเนียม ที่เน้นคอนเซ็ปต์ความเป็นส่วนตัว และความสะดวกสบายเปรียบเสมือนได้อยู่บ้าน เพิ่มดีไซน์ให้โดดเด่น ภายใต้แนวคิดการออกแบบ Urban Living Design ให้ตอบรับวิถีชีวิตคนเมืองได้ทุกรูปแบบ |
ที่ตั้งโครงการ
ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
พิกัด : 13.789175, 100.589555
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ The Privacy รัชดา – สุทธิสาร เป็นกลุ่มคอนโด 3 อาคาร ตั้งอยู่บนถนนสุทธิสารวินิจฉัย ฝั่งมุ่งหน้าถนนลาดพร้าว ถนนสุทธิสารวินิจฉัย หรือถนนสุทธิสาร เป็นถนนที่เชื่อมจากถนนพหลโยธินและถนนประดิพัทธ์ ไปถึงถนนวิภาวดีรังสิตและถนนรัชดาภิเษก ดูเผินๆจากในแผนที่ถนนเส้นนี้จะมีหน้าตาเหมือนถนนใหญ่เลยค่ะ แต่จริงๆแล้วตัวถนนสุทธิสารนั้นจะเป็นถนนสองเลนเล็กๆ บรรยากาศจะสงบๆเหมือนเข้าซอยมากกว่า ส่วนสภาพแวดล้อมตั้งแต่เข้าแยกสุทธิสารมาจะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบเกือบทั้งหมด โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 2 – 5 ชั้นตลอดสองข้างทาง เข้ามาเรื่อยๆจะเริ่มมีอพาร์ทแมนท์แบบ Low Rise แซมๆอยู่บ้างแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ ลึกเข้ามาอีกบริเวณรอบๆโครงการจะเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสะดวกทีเดียว สามารถเข้าถึงโครงการได้จากถนนเส้นหลักๆ 2 เส้นคือถนนสุทธิสารและถนนลาดพร้าวเข้าซอยลาดพร้าว 64 และซอยลาดพร้าว 80 และด้วยความที่ตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนสุทธิสารเลย จึงสามารถเชื่อมกับถนนเส้นหลักใหญ่ๆได้หลายเส้น ทั้งถนนลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนพหลโยธินยาวไปถึงถนนประดิพัทธ์ นอกจากนั้นยังมีทางลัดอีกเส้นทางคือซอย 20 มิถุนาที่สามารถลัดไปถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญที่เชื่อมกับถนนรัชดาภิเษกและถนนประชาสงเคราะห์ได้ นอกจากนั้นซอย 20 มิถุนา ยังเชื่อมกับถนนประชาอุทิศที่แยกเหม่งจ๋าย ซึ่งเราสามารถใช้ถนนเส้นนี้ไปถนนเทียมร่วมมิตรและถนนประดิษฐ์มนูญธรรมได้อีกด้วยค่ะ
สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดของโครงการนี้คือจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจนณรงค์ ฝั่งขาออกเมือง ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 3.8 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 8 – 10 นาที
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ของโครงการนี้ค่อนข้างสะดวกค่ะ โดยขนส่งสาธารณะที่สะดวกที่สุของโครงการนี้จะเป็น รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สุทธิสาร ซึ่งจะมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1.6 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าไกลเกินจะเดินในชีวิตประจำวันไปหน่อย แต่ที่ยังถือว่าสะดวกอยู่ก็เพราะว่าทางโครงการจะมีรถ Bus รับส่งจากโครงการถึงตัวสถานีค่ะ หรือถ้าวันไหนบัสไม่พอก็แค่ออกมาหน้าโครงการก็สามารถเรียกพี่วินไปส่งที่แยกสุทธิสารหรือบริเวณ MRT สุทธิสารแทนการเดินได้ค่ะ หรือถ้าใครต้องการใช้เส้นลาดพร้าวก็สามารถให้พี่วินไปส่งที่ปากซอยฝั่งลาดพร้าวได้ โดยจะมีป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกลจากบริเวณปากซอย เป็นรถเมล์สาย 8, 8Air, 27ร, 44ร, 73ก, 92ร, 96, 122ร, 126, 137, 145, 172ร ส่วน Taxi ก็จะมีวิ่งผ่านหน้าโครงการอยู่เรื่อยๆ สามารถเรียกได้ตลอดค่ะ
ในส่วนของความอุดมสมบูรณ์ของโครงการนี้เรียกได้ว่าเฟื่องฟูพอตัวค่ะ แต่จะไม่อยู่ในระยะเดินถึง ต้องอาศัยนั่งรถออกมาบริเวณแยกสุทธิสาร จะเจอความอุดมสมบูรณ์บนถนนรัชดาภิเษกที่ได้อานิสงค์มาจากอาคารสำนักงานต่างๆมากมายตลอดเส้นรัชดา ทำให้มีหนุ่มสาวออฟฟิศเยอะ ร้านอาหารเลยเยอะตามไปด้วย แต่จะมาในแบบของร้านอาหารรายย่อย ร้านเล็กๆไปจนถึงร้านใหญ่, หาบเร่แผงลอยและตลาดนัดค่ะ ส่วนห้างใหญ่ๆในบริเวณใกล้ๆไม่มีเลย แต่ก็สามารถไปได้ไม่ยากค่ะ โดยห้างที่สามารถเดินทางไปได้สะดวกที่สุดและใกล้ที่สุดจะเป็นห้าง Central พระราม 9 ที่เราสามารถนั่ง MRT ไปลงที่สถานีพระราม 9 ได้ ใช้เวลาไม่นานก็ได้ Shopping แล้วค่ะ
การเดินทาง
การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มกันบนถนนรัชดาภิเษกบริเวณแยกเทียมร่วมมิตรวิ่งตรงยาวลอดใต้อุโมงค์แยกตลาดห้วยขวาง จากนั้นวิ่งบนถนนหลักจนถึงแยกสุทธิสารแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนสุทธิสารวินิจฉัย ขับตรงต่อไปอีกประมาณ 1.5 กม. ก็จะถึงโครงการค่ะ
สรุปการเดินทาง แยกเทียมร่วมมิตร > แยกตลาดห้วยขวาง > แยกรัชดา – สุทธิสาร > ถนนสุทธิสารวินิจฉัย > The Privacy รัชดา – สุทธิสาร
เราเริ่มเดินทางกันบนถนนรัชดาภิเษกบริเวณแยกเทียมร่วมมิตร มุ่งหน้าตรงไปลาดพร้าว ลอดอุโมงค์แยกตลาดห้วยขวาง สังเกตแยกนี้จะมีตึก Cyber World ขวามือค่ะ
ตรงไปเรื่อยๆ ผ่านโครงการเยอะแยะเลยค่ะ เราจะลอดอุโมงค์แยกตลาดห้วยขวาง จากนั้นเราต้องเลี้ยวขวาที่แยกรัชดา – สุทธิสาร เข้าสู่ ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ค่ะ
ขึ้นมาจากอุโมงค์แยกตลาดห้วยขวางแล้วให้ขับชิดเลนซ้าย ช่อง 2 ไว้นะคะ เพราะเราจะมุ่งหน้าไปลาดพร้าว 64
ตรงมาเรื่อยๆผ่าน MRT ห้วยขวาง
ผ่าน MRT ห้วยขวางมาสักพักจะเห็นสะพานลอยสีขาว แสดงว่าราใกล้ถึงแยกสุทธิสารแล้วค่ะ
ถึงแยกสุทธิสารให้เราเลี้ยวขวาค่ะ ส่วนถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะไปออกถนนวิภาวดีรังสิต
ตอนนี้เราเข้าสู่ ถนนสุทธิสารวินิจฉัยแล้วค่ะ จากตรงนี้เราจะต้องขับตรงต่อไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถึงจะถึงโครงการ The Privacy รัชดา – สุทธิสาร
ผ่าน Lotus Express ทางขวามือซึ่งจะเป็น Hyper Market ที่ใกล้โครงการที่สุดค่ะ
เข้าซอยมาสักพักเราจะเห็นซอย 20 มิถุนา ซึ่งซอยนี้จเชื่อมกับถนนประชาราษฎร์บำเพ็บญ เราสามารถใช้ไปออกถนนรัชดาภิเษกหรือไปแยกเหม่งจ๋ายก็ได้ค่ะ
ขับมาเรื่อยๆเห็นปั๊มปตท. ทางขวามือแสดงว่าเราใกล้ถึงโครงการแล้วค่ะ จากตรงนี้ขับต่อไปอีกประมาณ 200 เมตรนะคะ
ตรงมาอีกไม่นานก็ถึงโครงการ The Privacy รัชดา – สุทธิสารแล้วค่าา
ถนนและแยกที่สำคัญบริเวณโครงการ เช่น
สถานที่สำคัญรอบๆโครงการ เช่น
รอบๆ โครงการ
รอบๆโครงการทิศเหนือติดคอนโด A Space Play สูง 8 ชั้น ทิศใต้ ติดถนนสุทธิสารวินิจฉัยและที่อยู่อาศัยแนวราบสูง 1 – 3 ชั้น ทิศตะวันออกติดที่อยู่อาศัยสูง 1 – 2 ชั้น และคลองลาดพร้าวถัดไปเป็นโครงการหมู่บ้านขนาดใหญ่ และทิศตะวันตกติดกับโครงการทาวน์โฮมและอาคารสูง 6 ชั้น
สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการ Low Rise สูงแค่ 8 ชั้นที่ตั้งอยู่ท่ามกลางที่อยู่อาศัยแนวราบซะส่วนใหญ่ทำให้วิวที่ได้โดยรอบจะเป็นมุมมองที่ค่อนข้างกว้างยกเว้นด้านหลังโครงการที่ติดกับคอนโดสูง 8 ชั้น ที่จะโดนบล็อควิวไปเต็มๆค่ะ วันนี้เลยเก็บวิวในระดับความสูงประมาณชั้นดาดฟ้ามาให้ดูกัน
มาดูของจริงกันบ้างค่ะ ออกมาบริเวณหน้าโครงการเยื้องไปทางขวามือติดกับถนนสุทธิสารวินิจฉัยฝั่งมุ่งหน้าไปถนนรัชดาภิเษก ฝั่งตรงข้ามเป็นที่พักอาศัยแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น
หน้าโครงการฝั่งซ้ายมือเป็นถนนสุทธิสารฝั่งมุ่งหน้าไปเชื่อมกับถนนลาดพร้าวฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านเดี่ยวเช่นกันค่ะ
เดี๋ยวเราจะเดินไปดูบริเวณคลองลาดพร้าวกันสักหน่อยว่าสภาพคลองเป็นยังไงบ้างค่ะ
เดินมาถึงบริเวณต้นๆสะพานจะมีคิวพี่วินคอยให้บริการอยู่ แต่โดยปกติแล้วไม่ต้องเดินมาถึงตรงนี้ก็ได้ค่ะ แค่ยืนเรียกหน้าโครงการพี่วินเค้าก็จะมารับเราแล้วค่ะ
อัตราค่าโดยสารค่ะ
เดินมาถึงบนสะพานข้ามคลองลาดพร้าว
สภาพน้ำคลองจะมีสีค่อนข้างเข้ม มีขยะนิดหน่อย ไม่มีกลิ่น มีที่อยู่อาศัยเป็นชุมชนร่วมใจพิบูลย์ 2 ตลอดแนวริมคลองค่ะ
ส่วนการเดินทางด้วยรถโดยสารที่สะดวกที่สุดจะเป็นการใช้บริการรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานีสุทธิสาร แล้วนั่ง Taxi หรือพี่วินเข้าไปยังตัวโครงการค่ะ
ด้านหลังสถานี MRT สุทธิสารจะมีตลาดนัดขนาดค่อนข้างใหญ่ ด้านในมีทั้งร้านขายเสื้อผ้าและร้านขายอาหารมากมาย สามารถแวะซื้อของก่อนเข้าโครงการได้ค่ะ
ตัวโครงการ
โครงการ “ The Privacy รัชดา – สุทธิสาร ” เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร แบ่งเป็น Project A 75 ยูนิต, Project B 62 ยูนิตและ Project C 62 ยูนิต รวมจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งสิ้น 199 บนพื้นที่โครงการรวมประมาณ 3 – 0 – 46 ไร่ ค่ะ โดยการแบ่งพื้นที่ของโครงการนี้จะแบ่งคร่าวๆออกเป็น 2 ส่วนตามทางเข้าจากถนนสุทธิสารนะคะ ทางเข้าแรกคือทางเข้า Project C และทางเข้าที่สองคือทางเข้า Project A และ B ซึ่งทั้ง 2 พื้นที่จะเชื่อมกันด้วยทางเดินเล็กๆบริเวณที่จอดรถ เพื่อให้อาคาร C สามารถมาใช้ส่วน Facility กลางได้ด้วยค่ะ
เมื่อเข้ามาในโครงการแล้วแต่ละอาคารจะแยกที่จอดรถเป็นของตัวเองอย่างชัดเจนด้วยรั้วกั้นไม้กระดกกั้นทางเข้าที่จอดรถในทุกอาคาร โดยที่จอดรถของทุกอาคารจะเป็นที่จอดรถใต้อาคารและในพื้นที่รอบๆเท่านั้น ซึ่งจะสามารถจอดได้รวมแล้วประมาณ 40% ( รวมจอดซ้อนคัน ) ส่วน Facility หลักจะมีอยู่เพียงจุดเดียวเท่านั้นคือส่วนฟิตเนสและสระว่ายน้ำที่ตั้งอยู่ติดกับทางเข้าหลักของ Project A, B ค่ะ ซึ่งพื้นที่ตรงส่วน Facility นี้จะเป็นจุดที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นในการออกแบบของโครงการเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะพื้นที่ดินตรงนี้จะมีต้นจามจุรีขนาดใหญ่เดิมอยู่แล้ว ทางโครงการเลยออกแบบให้เข้ารับกับต้นจามจุรีเดิมด้วยค่ะ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือความร่มรื่น และร่มเงาจากต้นจามจุรีซึ่งเห็นได้ตั้งแต่หน้าโครงการเลยค่ะ
ในส่วนของอาคาร จะมีลักษณะที่คล้ายๆกัน คือเป็นตึกรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทุกอาคารจะแยกส่วน Lobby และนิติออกจากกัน มีลิฟท์ให้อาคารละ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสารต่อจำนวนยูนิตจะอยู่ที่ Project A 1 : 75, Project B 1 : 62, Project C 1 : 62 ซึ่งถ้าดูจากอัตราส่วนแล้วก็ถือว่าสามารถขึ้นลงอาคารกันได้สบายๆ ไม่ต้องรอลิฟท์กันนานเท่าไหร่ แต่เนื่องจากมีลิฟท์แค่เพียงตัวเดียว ถ้าวันไหนลิฟท์เสียขึ้นมาอาจจะต้องลำบากกันหน่อยค่ะ
มาดูตัวโครงการของจริงกันบ้างค่ะ เริ่มจากทางเข้าหลักทั้ง 2 ทาง โดยถ้าเรามาจากแยกสุทธิสาร จะถึงทางเข้าของ Project C ก่อน ถัดไปจึงเป็นทางเข้าของ Project A, B ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันค่ะ
ตัวอาคารของ Project C จะอยู่ติดกับถนนสุทธิสารเลยค่ะ
ส่วน Project A, B จะมีระยะระหว่างอาคารกับถนนสุทธิสารอยู่หน่อยค่ะ
ป้ายหลักของโครงการแบบชัดๆ
เริ่มเข้าไปด้านในโครงการจากทางเข้า Project C กันก่อนค่ะ โดยเมื่อเลี้ยวเข้าโครงการจะเจอกับรั้วกั้นไม้กระดก ใช้ระบบ Key Card Access ระยะใกล้
แยกทางเข้าและออกค่ะ
ออกมาข้างอาคาร Project C ( ฝั่งที่ติดกับ Project A, B ) จะเป็นพื้นที่จอดรถภายนอกอาคาร
และที่ส่วนหย่อมสำหรับนั่งพักผ่อนเล็กๆ
กลับมาที่ทางเข้าหลัก Project A, B จากตรงนี้จะเห็นต้นจามจุรีที่มีอยู่เดิมและเป็นจุดเด่นของโครงการนี้ค่ะ
พ้นรั้วหลักของโครงการเข้ามาปุ๊ปจะเจอถนนหลักที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Project A และ B
ตรงเข้ามาเรื่อยๆจะถึงรั้วกั้นไม้กระดกของ Project B
ส่วนทางซ้ายจะเป็นถนนเชื่อมไปตัว Project A
เข้ามาดูด้านในพื้นที่ของ Project B กันก่อนนะคะ หันมาทางฝั่งซ้ายจะเป็นที่จอดรถภายนอกอาคาร
ส่วน Laudry ของโครงการนี้จะจัดไว้ให้ภายนอกอาคาร ในบริเวณของที่จอดรถ Project B ค่ะ ซึ่งจะประกอบไปด้วยเครื่องซักผ้า 3 เครื่อง, ตู้อบผ้า 1 เครื่อง และเครื่องกรองน้ำ 1 เครื่อง
ทางเข้าที่จอดรถใต้อาคารของ Project B
แยกถนนสองฝั่งเป็นทางเข้าและทางออก
ภายในที่จอดรถ Project B
แต่ละช่องจอดจะจอดรถได้ 2 คัน
ทางเข้าส่วนพักอาศัย Lobby และสำนักงานนิติจะอยู่ภายในที่จอดรถค่ะ
เข้ามาด้านในจะเจอส่วน Lobby และห้องนิติบุคคลทางขวา ส่วนทางซ้ายจะแยกไปเป็นส่วนของโถงลิฟท์, Mail Box และบันไดหลัก(+ บันไดหนีไฟ)
ภายใน Lobby จะมีชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง 1 ชุด
ฝั่งโถงลิท์จะประกอบไปด้วยโถงลิฟท์, Mail Box และบันไดหลักค่ะ
ติดกับบันไดหลักเป็นประตูทางเข้าอีกด้าน ซึ่งเชื่อมกับถนนหลักที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Project A และ B สามารถใช้ออกไปยังส่วน Facility หลักของโครงการได้ค่ะ
ภายในโถงลิฟท์จะเป็นโถงขนาดกระทัดรัด มีลิฟท์โดยสาร 1 ตัว
กลับมาที่ถนนหลักที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Project A และ B อีกครั้ง เราจะไปดูในอาคารของ Project A กันต่อค่ะ
มาถึงตัวอาคารจะมีรั้วกั้นไม้กระดก
ภายในที่จอดรถใต้อาคารของ Project A ค่ะ
ในส่วน Lobby แยกเป็นส่วนรับรองทางซ้ายและส่วนโถงลิฟท์ทางขวา
ซึ่งด้านใน Lobby ของ Project A จะเป็นที่ตั้งของ Sale Office ในปัจจุบันด้วยค่ะ
อีกด้านเป็นโถงลิฟท์, Mail Box และบันได
ประตูทางเข้าอีกด้าน จะเชื่อมกับพื้นที่ว่างติดกับพื้นที่ของ Project B ค่ะ
ภายในโถงลิฟท์
หน้าตาลิฟท์แบบมาตรฐาน มีโทรศัพท์เผื่อแจ้งเหตุขัดข้องด้านข้าง
ภานในตัวลิฟท์มีกระจกให้ส่องเช็คความเรียบร้อย 1 บาน พร้อมราวจับ
ลิฟท์ใช้ของ ThyssenKrupp บรรทุกได้ 800 กิโลกรัมหรือประมาณ 10 คน ตัวแป้นกดเลือกชั้น 1 – 8 เป็นแบบปุ่มกดธรรมดาๆค่ะ
หน้าตาลิฟท์ในชั้นปกติค่ะ
เราลองมาดูบรรยากาศบนชั้นพักอาศัยกันบ้างค่ะ โดยเราจะมาดูในอาคารของ Project A ที่ชั้น 2 เริ่มจากโถงลิฟท์ในชั้นบนก่อน ออกมาจากลิฟท์ปุ๊ปเราจะเห็นป้ายบอกชั้นก่อน
จากโถงลิฟท์จะเชื่อมไปยังตัวบันไดหลัก
อีกด้านเชื่อมไปยังโถงทางเดิน
มีห้องเครื่องไฟฟ้าและห้องขยะแยกไว้ให้เป็นสัดเป็นส่วน
โถงทางเดินมีห้องพักวางขนาบทั้ง 2 ด้าน
สุดโถงทางเดินจะมีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานการทุ้ง ช่วยระบายอากาศและรับแสงแดดเข้ามาในอาคารค่ะ
ดูส่วนของตัวอาคารกันไปแล้ว เรามาดูส่วน Facility หลักของโครงการกันต่อค่ะ หน้าตาของตัว Clubhouse จะเป็นกล่องๆ ใช้ผิวปูนเปลือยดูโมเดิร์น ตัวสระว่ายน้ำยกตัวขึ้นมาสูงจากพื้นพอสมควร
( เนื่องจากวันที่ไปเก็บข้อมูลส่วนของสระว่ายน้ำ มีฝนตกหนัก ตัวสระเลยไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ เลยขอใช้ภาพจากทางโครงการมาประกอบการรีวิวนะคะ ) โดยตัว Clubhouse นี้จะมี 2 ชั้น ที่ชั้นแรกจะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อน และสระว่ายน้ำกลางแจ้ง
ขึ้นมาที่ชั้นสองก็จะมีพื้นที่พักผ่อนเปิดโล่ง ได้วิวสระว่ายน้ำและร่มเงาของต้นจามจุรี
พื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนอีกด้านจะอยู่บริเวณหน้าห้องฟิตเนสค่ะ
ด้านในฟิตเนสจะประกอบไปด้วยลู่วิ่ง 2 เครื่อง, เครื่อง Abdomonizer 2 เครื่อง
วิวที่ได้ตอนวิ่งชิลล์ๆจะเป็นวิวด้านหน้าโครงการ ฝั่งติดถนนสุทธิสารวินิจฉัยค่ะ
อีกด้านวางจักรยานไฟฟ้า 2 เครื่อง, เครื่องบริหารกล้ามเนื้อรวม 1 เครื่อง, เสื่อโยคะ 1 ผืน และดัมเบลคละน้ำหนัก 14 ชิ้น
แบบห้องในโครงการ
สำหรับโครงการ The Privacy รัชดา – สุทธิสาร จะมีห้องแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom เท่านั้นค่ะ
โดยแบบ 1 Bedroom จะมีห้องห้องให้เลือกทั้งหมด 3 ขนาด ตามวิวห้องที่ได้คือ Urban View, Rain Tree View และ Pano Terrace
ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom (The Privacy Signature : Corner Unit) จะเป็นยูนิตที่เป็นห้องมุม ละจะมีแปลนเพียงแบบเดียวเท่านั้นค่ะ
ห้องตัวอย่าง
สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาทุกคนมาดูกันในวันนี้ จะมีเพียงห้องเดียวนะคะ โดยจะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ( The Privacy Signature : Corner Unit ) ขนาด 50 ตร.ม และจะพาไปดูห้องจริงของแบบ 1 Bedroom 33 ตร.ม ( Rain Tree View ) และ 1 Bedroom 42 ตร.ม ( Pano Terrace ) ค่ะ
เริ่มจากห้องตัวอย่างแรกกันค่ะ เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 50 ตารางเมตร ( The Privacy Signature : Corner Unit ) 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอกับพื้นที่รับประทานอาหารด้านหน้า สามารถนั่งรับประทานอาหารได้ถึง 6 ที่นั่ง ฝั่งขวามือเป็นประตูเข้าห้องครัว ซึ่งส่วนห้องครัวนี้จะถูกกั้นแยกเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วนเป็นครัวแบบปิด และยังมีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นเวลาปรุงอาหาร โดยสามารถเข้าห้องน้ำได้จากภายในห้องครัวนี้ค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายมือจะมีผนังห้องที่เซ็ตเข้าไปส่วนหนึ่ง พื้นที่ตรงนี้สามารถวางโต๊ะ ทำชั้น Built-in สำหรับวางสิ่งของได้ค่ะ
ถัดจากพื้นที่รับประทานอาหาร จะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียง ฝั่งขวามือจะเป็นห้องนอน Master bedroom สามารถวางที่นอนขนาด 5 ฟุตและเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานได้อีก 1 ตัว มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าได้ทั้ง 2 ฝั่ง ขนาดตู้สามารถเก็บเสื้อผ้าได้พอสมควร มีห้องน้ำในตัว โดยจะกั้นแยกส่วนแห่งกับส่วนเปียกออกจากกัน ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็น Bedroom ขนาดเล็ก สามารถวางที่นอนขนาด 3 ฟุตได้ มีพื้นที่สำหรับโต๊ะทำงานบริเวณริมหน้าต่างและมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าขนาดกระทัดรัดได้ 1 ตัวค่ะ
มาดูตัวอย่างห้องของจริงกันเลยค่ะ ประตูหน้าห้องจะใช้เป็นบานประตูกรุด้วยลามิเนตสีโอ๊ค
มือจับแบบก้านโยก และตัวล็อคระบบ Digital Door Lock ของ Kocom
พื้นห้องใช้เป็นพื้นลามิเนตลายไม้สีโอ๊คทั้งห้อง ยกเว้นบริเวณ ห้องน้ำ ห้องครัว และระเบียง เก็บขอบพื้นระหว่างพื้นลามิเนตและกระเบื้องโถงทางเดินเรียบร้อย
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารก่อน ถัดไปจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นติดระเบียง ซึ่งห้องจริงจะเป็นพื้นที่ห้องโล่งๆให้เราสามารถจัดการได้เองค่ะ ทางด้านซ้ายมือจะเป็นประตูเข้าห้องครัว ส่วนขวามือจะเป็นเวิ้งกำแพงที่เซ็ตเข้าไปเล็กน้อย ส่วนผนังภายในห้องทั้งหมดจะติดวอลเปเปอร์สีโทนน้ำตาล-ครีมอ่อนๆให้ยกเว้นผนังห้องน้ำค่ะ
หันมาดูบริเวณกำแพงที่เซ็ตเข้าไปทางขวามือ พื้นที่ตรงนี้สามารถวางโต๊ะ, วางอุปกรณ์สำหรับแขวน-จัดเก็บสิ่งของหรือทำชั้น built-in สำหรับวางของ เก็บรองเท้าก็ได้ค่ะ สวิตช์ไฟ และปลั๊กไฟจะเป็นของ ฺBticino ค่ะ
ไฟที่ใช้ภายในห้องจะเป็นดวงโคมแบบ Down-light ในส่วนรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่น รวมกันได้ 3 ดวง ส่วนฝ้าเพเดานเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว
ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้องครัว ประตูกระจกด้านหน้าเป็นประตูห้องครัว สามารถมองเห็นทะลุไปยังประตูห้องน้ำได้ ส่วนบานถัดไปจะเป็นประตูห้องนอนเล็กค่ะ
เราไปดูในส่วนห้องครัวกันก่อนค่ะ ประตูห้องครัวจะใช้เป็นบานประตูกระจก เฟรมอะลูมิเนียมสีธรรมชาติ ใช้ชุดมือจับสำหรับดึงทั้ง 2 ด้านพร้อมตัวล็อค
พื้นห้องครัวใช้เป็นกระเบื้องเซรามิคสีครีมขนาด 30 x 30 เซ็นติเมตร เก็บขอบพื้นระหว่างพื้นกระเบื้อง และวงกบประตูอะลูมิเนียมเรียบร้อย
เข้ามาในส่วครัว โดยครัวที่ได้จะเป็นครัวแบบปิดสามารถเป็นได้ทั้งครัวไทยสำหรับทำอาหารหนัก หรือ Pantry สำหรับเตรียมอาหารเบาๆก็ได้ค่ะ บริเวณข้างเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจานจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้อีก 1 เครื่อง ภายในห้องครัวจะได้ไฟมา 1 ดวง เป็นดวงโคมชนิด down-light และยังมีหน้าต่าง 1 บานที่ช่วยทำให้ห้องครัวสว่างขึ้นและช่วยระบายกลิ่นเวลาปรุงอาหารออกไปด้วยค่ะ
โดยช่องแสงที่ได้จะได้เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง เฟรมอะลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกที่ใช้จะเป็นกระจกเขียวตัดแสง
มือจับกระจกอะลูมิเนียมแบบก้านโยกของ Lixil
เคาน์เตอร์ห้องครัวจะได้เคาน์เตอร์ Top สีขาว และตัวเคาน์เตอร์ลายไม้สีอ่อน ขนาด 0.60 x 1.50 เมตร มีช่องสำหรับเก็บของ 4 ช่อง และชั้นวางของอีก 1 ชั้น
ชุดเคาน์เตอร์มีอ่างล้างจานมาให้ 1 อ่าง พื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร วางเครื่องปรุงขนาดกระทัดรัด และเตาเพลทไฟฟ้า 2 เตา หนังตรงส่วนนี้จะกรุเป็นกระเบื้องมาให้ ทำให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นค่ะ
อ่างล้างจานแสตนเลสขนาดพอดีๆ ใช้ของ Hafele
เตาเพลทไฟฟ้าแสตนเลส หัวบิดควบคุมของ Hafele
ส่วนด้านบนของเคาน์เตอร์จะเป็นตู้ลอย เปิดออกมาจะเห็นช่องเก็บของ 2 ช่อง และชั้นวางของอีก 2 ชั้น
บริเวณข้างเคาน์เตอร์ด้านขวามือ จะมีชั้นวางของเล็กๆให้อีกชั้นนึงด้วยค่ะ
บริเวณข้างเคาน์เตอร์ด้านขวามือยังมีพื้นที่เหลืออยู่ประมาณ 30 เซ็นติเมตร สามารถทำเป็นชั้นวางของเล็กๆ สำหรับวางเครื่องปรุง และชั้นแขวนของใช้ภายในห้องครัวก็ได้ค่ะ
มุมมองจากห้องครัวที่มองออกไปจะเห็นส่วนรับประทานอาหารพอดี
ประตูบานซ้ายมือเป็นประตูห้องน้ำทำสีสำเร็จสีขาว มือจับประตูแบบก้านโยกของ Hafele ค่ะ
พื้นห้องน้ำจะใช้เป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30×30 เซ็นติเมตร สีเทา พื้นห้องน้ำจะลดระดับจากระดับพื้นห้องครัวประมาณ 3 เซ็นติเมตร เพื่อกันน้ำไหลออกมาจากห้อง
ผนังห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 เซ็นติเมตร สีครีม
ภายในห้องน้ำจะให้ไฟมา 2 ดวง เป็นดวงโคมชนิด Down-light บริเวณส่วนอาบน้ำ 1 ดวง และส่วนแห้ง 1 ดวง นอกจากนั้นยังได้พัดลมดูดอากาศ 1 ตัวช่วยระบายอากาศ และป้องกันการเกิดเชื้อรา ส่วนฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบ ทาสีขาวชนิดกันความชื้น
อ่างล้างหน้าเป็นอ่างแบบแขวนผนังมาพร้อมกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ของ Mogen มีช่องเก็บของ 1 ช่อง และช่องวางของอีก 1 ช่อง
ตัวบานพับแบบ Soft Closed ป้องกันบานเปิดเสียหายเวลาที่เราเผลอปิดแรงๆนะคะ
ตัวอ่างล้างมือมีขนาดค่อนข้างกว้างดีค่ะ บริเวณขอบอ่างสามารถวางของกระจุกกระจิกได้เล็กน้อย
ก๊อกน้ำเย็นทรงเหลี่ยมขนาดกระทัดรัดของ American Standard
ส่วนโถสุขภัณฑ์เป็นของ Mogen ตำแหน่งติดตั้งมีระยะจากศูนย์กลางของโถสุขภัณฑ์ประมาณ 45 เซ็นติเมตร เป็นระยะมาตรฐานที่เหมาะสม ทำให้เวลานั่งไม่รู้สึกถูกบีบอัดจนเกินไป พร้อมที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายฉีดชำระของ American Standard
สายฉีดชำระขนาดกระทัดรัดพอดีมือ
ส่วนบริเวณอาบน้ำจะเป็นส่วนที่มีฉากกระจกกั้นแยกเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน มีช่องแสง 1 จุด เป็นหน้าต่างบานเล็กๆให้แสงสว่างสามารถผ่านเข้ามาได้
หน้าต่างเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งเฟรมอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกฝ้า
ประตู และฉากกั้นห้องน้ำใช้เป็นกระจก Temper ประตูกระจกเป็นแบบผลักเข้า ทำให้หยดน้ำที่กระเซ็นที่ติดกับประตูหลังจากอาบน้ำ จะหยดไหลอยู่แค่บริเวณส่วนเปียกเท่านั้นค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 90 x 90 เซ็นติเมตร ขนาดกำลังพอดี สามารถยืนอาบน้ำได้สบายๆเลยค่ะ
ฝักบัวอาบน้ำพร้อมชุดราวปรับระดับและถาดวางสบู่ของ American Standard ขนาดฝักบัวขนาดกลาง ฉีดพ่นน้ำออกมาได้ทั่วถึง ตัววาล์วเปิด-เปิดน้ำของฝักบัวเป็นแบบก้านโยก ใช้งานได้สะดวกค่ะ
ระหว่างพื้นห้องน้ำส่วนแห้ง และส่วนเปียก จะทำเป็นธรณีประตูกันน้ำจากส่วนเปียกไม่ให้ไหลออกไปยังส่วนแห้งค่ะ โดยระดับธรณีประตูจะยกตัวขึ้นมาประมาณ 3 เซ็นติเมตร
กลับมายังพื้นที่รับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นกันค่ะ
พื้นที่รับประทานอาหาร สามารถจัดให้เป็น 4 ที่นั่ง หรือจะขยายเป็น 6 ที่นั่งก็พอจะได้อยู่ค่ะ แต่แนะให้ใช้เป็นโต๊ะประเภทพับเก็บได้ ในเวลาปกติจะได้มีพื้นที่หลือ ไม่อึดอัดมากค่ะ
ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นติดกับประตูบานเลื่อนกระจกบานใหญ่ๆ 1 บาน ที่สามารถเปิดออกไปสู่ระเบียงได้ หน้าต่างใช้เฟรมอะลูมิเนียมสีธรรมชาติ และกระจกเขียวตัดแสง ตรงนี้เป็นจุดรับแสงที่ใหญ่ที่สุดของห้องนี้เลยค่ะ
พื้นที่ส่วนนั่งเล่นจะสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้แบบพอดีๆ
ส่วนฝั่งตรงข้ามจะสามารถวางชั้นวางทีวี ความยาวจะได้สั้นกว่าฝั่งโซฟาเล็กน้อยค่ะ ฝั่งขวามือข้างประตูทางเข้า Master bedroom จะมี Video door phone ติดอยู่ ซึ่งเค้าจะให้แถมมาในทุกห้องค่ะ
Video door phone ได้เป็นของ Kocom นะคะ
ภาพรวมของส่วนนั่งเล่น จะเหลือพื้นที่เป็นทางเดินระหว่างโซฟา และทีวีระยะประมาณ XX เซ็นติเมตร สามารถวางทีวีขนาดประมาณXX จะได้ระยะดูทีสีที่พอดีๆกับสายตาค่ะ
จากส่วนห้องนั่งเล่นจะสามารถเชื่อมออกไปยังส่วนระเบียงด้านนอกได้ โดยประตูบานเลื่อนที่เชื่อมระหว่างสองพื้นที่จะได้เป็นบานเลื่อนคู่ เฟรมอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
มือจับ และตัวล็อคแบบมาตรฐานของ Lixil
ธรณีประตูจากห้องนั่งเล่นออกไปยังระเบียงจากด้านในห้องสูงประมาณ 12 เซ็นติเมตร และจากส่วนระเบียงสูงประมาณ15 เซ็นติเมตร
พื้นที่ริมระเบียงนี้จะใช้เป็นพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ด้วย
อีกฝั่งจะมีก๊อกน้ำและท่อสำหรับวางเครื่องซักผ้าติดตั้งไวให้เรียบร้อย
ราวระเบียงเหล็กทาสีฟ้าอมเทา
พื้นระเบียงปูพื้นกระเบื้องเซรามิคสีครีม ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ขนาดระเบียงกว้างประมาณ 80 ซม. สามารถตากผ้าหรือถ้าใครอยากปลูกต้นไม้ก็สามารถหาไม้กระถางขนาดไม่ใหญ่มาวางก็ยังพอได้อยู่นะคะ
กลับเข้ามาในห้อง ลองมองย้อนกลับไปทางประตู้เข้าห้องค่ะ
เราจะมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กกันค่ะ ประตูห้องนอนเล็กจะใช้เป็นบานประตูทำสีสำเร็จ สีขาว
ใช้อุปกรณ์มือจับก้านโยกของ Hafele
ภาพรวมภายในห้องนอน ได้รับแสงสว่างจากภายนอกได้ดีทีเดียวค่ะ เพราะมีหน้าต่างทั้ง 2 ด้าน และแนะนำให้ติดม่านกัน UV ด้วยนะคะ จะช่วยทำให้ห้องอยู่สบายมากขึ้น และช่วยประหยัดค่าแอร์ได้ด้วยค่ะ
ภายในห้องนอน จะได้ไฟมา 2 ดวง เป็นดวงโคมชนิด Down-light และฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว
บริเวณริมหน้าต่างสามารถจัดเป็นโต๊ะนั่งทำงานได้อย่างเหมาะสม เพราะได้รับแสงสว่างพอดี
หน้าต่างริมระเบียงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน และบานฟิกซ์อีก 2 บาน ใช้เฟรมอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกเขียวตัดแสง
หน้าต่างอีกด้าน เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง ใช้เฟรมอลูมิเนียมสีธรรมชาติ และบานกระจกเขียวตัดแสงอีกเช่นกัน
ขนาดห้องนี้สามารถวางที่นอนขนาด 3.5 ฟุตได้เท่านั้นค่ะ ซึ่งพอวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตลงไปแล้วจะเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างหัวเตียงอีกหน่อย สามารถใช้วางรูปภาพ กระจุกกระจิก หรือนาฬิกาปลุกได้ค่ะ
พื้นที่โต๊ะทำงาน เราสามารถวางโต๊ะทำงานตัวใหญ่ขนาดประมาณ 1.80 เมตร แล้วจะยังเหลือพื้นที่สำหรับตั้งโคมไฟหรือชั้นหนังสือเล็กๆอีกค่ะ
พื้นที่ที่เหลืออยู่ภายในห้องอีกด้านสามารถวางตู้เสื้อผ้าสำหรับ 1 คนได้พอดีๆเลยค่ะ ในห้องนี้โครงการแถมแอร์มาให้ 1 ตัวค่ะ
ขนาดตู้ประมาณนี้ ถ้าจัดเก็บดีๆก็สามารถใส่เสื้อผ้าได้พอสมควรเลย
พื้นที่ทางเดินระหว่างตู้เสื้อผ้า ที่นอน และโต๊ะทำงาน ยังพอเดินได้อยู่ค่ะ
คราวนี้มาดูห้องนอนใหญ่กันบ้างค่ะ ประตูห้องนอนใหญ่จะใช้บานประตูทำสีสำเร็จสีขาว
ใช้อุปกรณ์มือจับก้านโยกของ Hafele
ปูพื้นลามิเนตลายไม้ต่อเนื่องจากห้องนั่งเล่นเข้าไปในห้องเลยค่ะ
ภาพรวมภายในห้องนอน ได้รับแสงสว่างจากภายนอกได้ดีทีเดียวค่ะ มีช่องแสงขนาดใหญ่ 1 บาน แนะนำให้ติดม่านกัน UV และกันความร้อนด้วยนะคะ
หน้าต่างภายในห้องจะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน และบานติดตาย 2 บาน ใช้เฟรมอลูมิเนียมสีธรรมชาติและบานกระจกเขียวตัดแสง
บานกระทุ้งสามารถเปิดได้สุดค่อนข้างกว้าง เผื่อวันไหนอยากให้อากาศหมุนเวียนในห้องหน่อย ก็สามารถเปิดทิ้งไว้ได้ค่ะ แต่ถ้าจะเปิดทิ้งไว้นานๆแนะนำให้ติดมุ้งลวดด้วยก็ดีนะคะ เพื่อป้องกันแมลงเข้ามาในห้อง
ภายในห้อง ส่วนที่เป็นที่นอน จะได้ไฟมา 2 ดวง เป็นดวงโคมชนิด Down-light และฝ้าฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ
พื้นที่ข้างที่นอนเหลือพอประมาณ สามารถเดินเข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้ไม่ยาก และยังสามารถตั้งโคมไฟ หรือโต๊ะตัวเล็กๆได้อีกค่ะ
ห้องนี้สามารถวางที่นอนได้ถึงขนาดคิงส์ไซส์เลยค่ะ เพราะด้านยาวของห้องยังเหลือที่อีกพอสมควร
พื้นที่ปลายเตียงเหลือพอให้เดินผ่านได้
ภาพรวมของห้อง มุมมองจากทางด้านหน้าต่าง มองย้อนเข้ามาในตัวห้อง การติดกระจกไว้ในห้องก็เป็นเคล็ดลัดที่ช่วยทำให้ห้องดูกว้างขวางขึ้นได้ ทางโครงการได้แถมแอร์อีกหนึ่งตัวไว้ในห้องนี้ค่ะ
อีกด้านของห้องจะเป็นส่วนของ Walk – in Closet เล็กๆ และห้องน้ำในตัวของห้อง Master Bedroom นี้ค่ะ โดยที่ทางโครงการจะแถมตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ตัว พื้นที่ระหว่างตู้ทั้งสองบานเหลือพอให้ใช้งานได้สะดวกดีค่ะ
พื้นที่ระหว่างที่นอน และตู้เสื้อผ้า สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มเติม หรือโต๊ะทำงานก็ได้นะคะ
ตู้เสื้อผ้าบานเปิดคู่ ติดกระจกเงาไว้ให้ที่บานเปิดด้วย
ภายในตู้เสื้อผ้าด้านซ้ายมือจะมีลิ้นชักมาให้ 3 ช่อง ส่วนด้านขวาที่ว่างสามารถหาลิ้นชักเตี้ยๆมาวางเพื่อจัดเก็บของเพิ่มเติมก็ได้ค่ะ
มือจับของตู้เสื้อผ้าบานนี้จะมีมือจับให้แค่ด้านเดียว อีกด้านนึงเป็นบานประตูตู้เรียบๆไม่มีมือจับ
ตู้เสื้อผ้าอีกฝั่งก็จะเป็นแบบเดียวกันค่ะ
บริเวณพื้นที่ Walk – in Closet จะได้ไฟมาอีก 1 ดวง เป็นดวงโคมชนิด Down light เหมือนกันค่ะ
ประตูห้องน้ำเป็นบานประตูทำสีสำเร็จสีขาว มือจับแบบก้านโยกของ Hafele ค่ะ
พื้นห้องน้ำจะใช้เป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30×30 เซ็นติเมตร สีเทา มีการจบรอยต่องานพื้นไม้ลามิเนตเรียบร้อย พื้นห้องน้ำจะลดระดับจากระดับพื้นห้องนอนประมาณ 3 เซ็นติเมตร เพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมาจากห้อง
อ่างล้างหน้าเป็นอ่างแบบแขวนผนังมาพร้อมกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ของ Mogen บริเวณขอบอ่างสามารถวางของกระจุกกระจิกได้เล็กน้อยค่ะ ส่วนก๊อกน้ำเย็นเป็นของ American Standard ค่ะ
ตู้ใต้เคาน์เตอร์จะมีช่องสำหรับเก็บของได้ 1 ช่อง
ผนังห้องน้ำทั้งหมดกรุด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 เซ็นติเมตร สีครีม
โถสุขภัณฑ์เป็นของ Mogen ตำแหน่งติดตั้งมีระยะการติดตั้งมาตรฐานที่กำลังพอดีค่ะ ใช้ที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายฉีดชำระของ American Standard
ส่วนบริเวณอาบน้ำจะเป็นส่วนที่มีฉากกระจกกั้นแยกเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน ระหว่างพื้นห้องน้ำส่วนแห้ง และส่วนเปียก จะทำธรณีประตูกันน้ำจากส่วนเปียกไม่ให้ไหลออกไปยังส่วนแห้ง สูงขึ้นมาประมาณ 3 เซ็นติเมตร
พื้นที่ในส่วนอาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.40 x 0.90 เมตร ขนาดกำลังพอดี สามารถยืนอาบน้ำได้สบายๆค่ะ
ภายในส่วนอาบน้ำจะมีหน้าต่างบานเล็กๆสำหรับระบายอากาศ เป็นหน้าต่างบานกระทุ้งกระจกฝ้า
ภายในห้องน้ำจะให้ไฟมาอยู่ 2 ดวง เป็นดวงโคมชนิด Down – light อยู่บริเวณส่วนอาบน้ำ 1 ดวง และส่วนอีกแห้ง 1 ดวง พัดลมดูดอากาศ 1 ตัวช่วยระบายอากาศ และป้องกันการเกิดเชื้อรา ส่วนฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบ ทาสีขาว ชนิดกันความชื้น
มาต่อกันที่ห้องขนาด 33 ตร.ม ( Rain Tree View ) กันค่ะ ห้องนี้จะแตกต่างจากห้องขนาด 50 ตารางเมตรตรงที่ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom มี 1 ห้องน้ำ พื้นที่รับประทานอาหารเล็กลงเล็กน้อย และพื้นที่ครัวจะถูกจัดรวมอยู่ในพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่นค่ะ ส่วนห้องน้ำก็จะมีเพียง 1 ห้องสามารถเข้าได้จากทั้งในห้องนอน และห้องรับแขกค่ะ
ตัวอย่างห้องจริง ประตูหน้าห้องเป็นบานประตูกรุด้วยลามิเนต มือจับแบบก้านโยก และตัวล็อคระบบ Digital Door Lock ของ Kocom
เปิดเข้าห้องมา จะเจอส่วนครัว ส่วนทานอาหาร และส่วนนั่งเล่น ห้องน้ำจะสามารถเข้าจากห้องโถงนี้ด้วย พื้นทั้งหมดปูด้วยลามิเนตลายไม้สีโอ๊ค ต่อเนื่องจากหน้าห้องจนถึงภายในห้องนอน
ส่วนผนังภายในห้องทั้งหมดจะติดวอลเปเปอร์สีโทนน้ำตาล-ครีมอ่อนๆ ยกเว้นผนังห้องน้ำนะคะ และไฟภายในห้องนี้จะได้มาทั้งหมด 3 ดวง เป็นดวงโคมชนิด Down light ส่วนฝ้าเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว
ชุดเคาน์เตอร์ที่ทางโครงการแถมมาให้จะเป็นแบบเดียวกันกับห้องขนาด 50 ตารางเมตรเลยค่ะ
ประตูห้องน้ำ และประตูห้องนอนเป็นบานประตูทำสีสำเร็จ มือจับแบบก้านโยกของ Hafele ค่ะ
ห้องน้ำของห้องขนาด 33 ตารางเมตรนี้ จะปูพื้นและกรุผนังด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซ็นติเมตร สีเทา และสีครีม และผนังตกแต่งกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 60 x 60 เซ็นติเมตร สีเทา ภายในห้องน้ำจะได้ไฟมาทั้งหมด 2 ดวง พัดลมดูดอากาศ 1 ตัว และมีช่องระบายอากาศบริเวณโถสุขภัณฑ์ด้วย 1 จุด ส่วนสุขภัณฑ์จะใช้แบบเดียวกันกับห้องขนาด 50 ตารางเมตรเลยค่ะ
บริเวณส่วนอาบน้ำจะใช้กระจก Temper กั้นอย่างเป็นสัดส่วน ขนาด 90 x 90 เซ็นติเมตร
ห้องน้ำจะสามารถเข้าได้จากทั้ง 2 ทาง ประตูบานซ้ายมือคือประตูจากห้องนอน ส่วนประตูขวามือเป็นประตูจากห้องโถงค่ะ
ห้องโถงกลางสามารถจัดโต๊ะรับประทานอาหารได้ 4 ที่นั่ง และชุดโซฟาอีก 2ที่นั่งติดประตูบานเลื่อนกระจก ที่สามารถออกสู่ระเบียงได้
ในส่วนของพื้นระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีครีม ขนาด 30 x 30 เซ็นติเมตร พื้นที่นี้จะสามารถวางคอมเพรสเซอร์แอร์ได้ อีกฝั่งจะมีก๊อกน้ำและท่อสำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยค่ะ
ห้องนี้จะอยู่ให้สบาย และประหยัดค่าแอร์ ก็ควรติดม่านกัน UV เพิ่มเข้าไปด้วยนะคะ
มาต่อกันที่ห้องนอนกันค่ะ
ภาพรวมภายในห้องนอน จะได้หน้าต่างบานใหญ่แบบห้องขนาด 50 ตารางเมตรเลยค่ะ ภายในห้องสามารถวางที่นอนขนาด 5 ฟุตได้ รวมถึงโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานได้อีก 1 ตัวค่ะ
ตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบเดียวกันกับห้องขนาด 50 ตารางเมตรเช่นเดียวกันค่ะ แต่ห้องนี้จะมีมาให้แค่ตู้เดียวเท่านั้น อีกฝั่งหนึ่งเราสามารถวางตู้เสื้อผ้าเพิ่มอีกหนึ่งตู้ หรือจะทำชั้นวางของ Built – in ก็ได้เช่นกันค่ะ
มุมมองจากในห้องออกไปสู่ภายนอก ห้อง 33 ตารางเมตรนี้จะมีแอร์มาให้ 1 ตัวค่ะ
มุมมองจากริมหน้าต่างเข้าไปสู่ภายในห้องส่วน Walk – in Closet และเชื่อมไปยังห้องน้ำค่ะ
ถัดไปเป็นห้องขนาด 42 ตร.ม ( Pano Terrace ) ห้องนี้เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ แต่การจัดห้องจะแตกต่างจากห้องขนาด 33 ตารางเมตรตรงที่ ตัวห้องจะมีการจัดพื้นที่ในเชิงหน้ากว้าง ทำให้ส่วนนั่งเล่น และส่วนรับประทานอาหารมีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้น จุดเด่นของห้องนี้คือช่องแสงบานใหญ่เต็มหน้ากว้างทำให้สามารถมองเห็นวิวภายนอก และรับแสงแดดได้ดีมากขึ้น ห้องครัวจะอยู่กลางห้องถูกแยกออกเป็นสัดส่วนด้วยผนังกระจกนิรภัย ส่วนห้องน้ำจะสามารถเข้าได้จากทางห้องนอนเท่านั้น
เริ่มที่ประตูหลักของห้องจะไม่เหมือนห้องอื่นๆค่ะโดยจะได้เป็นบานเปิดที่มีบานตกแต่งติดมาด้วย ทำให้ดูใหญ่ ดูหรูขึ้นอีกหน่อย ส่วนวัสดุบานประตูกรุด้วยลามิเนต
เปิดเข้ามาในห้อง จะเจอส่วนโถงทางเข้า ส่วนครัวทางขวามือ ส่วนทานอาหาร และส่วนนั่งเล่น พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้ต่อเนื่องจากหน้าห้องไปถึงภายในห้องนอน ส่วนผนังภายในห้องทั้งหมดจะติดวอลเปเปอร์สีโทนน้ำตาล-ครีมอ่อนๆ ยกเว้นผนังห้องน้ำ
จะสามารถเห็นได้ว่าห้องโถงนี้มีหน้ากว้างเป็น 2 เท่าของห้องขนาดอื่นๆเลยค่ะ ทำให้ห้องนี้มีแสงสว่างเข้าได้อย่างทั่วถึง ห้องนี้สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างอิสระมากกว่าห้องขนาดอื่นๆตามแต่ที่ผู้ใช้สอยต้องการค่ะ
ในส่วนของห้องครัวจะถูกกั้นออกไปจากพื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นด้วยผนังกระจกนิรภัย ภายในห้องครัวจะได้ไฟมาอีก 1 ดวง ส่วนพื้นของห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีครีม ขนาด 30 x 30 เซ็นติเมตร
ประตูห้องครัวนี้จะเป็นประตูบานเลื่อน เฟรมอลูมิเนียม ทั้งหมดเป็นบานกระจกใส
ชุดเคาน์เตอร์ที่ทางโครงการแถมมาให้จะเป็นแบบเดียวกันกับห้องขนาดอื่นๆค่ะ
มุมมองจากห้องครัวออกไปยังพื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น จะเห็นว่าค่อนข้างโปร่งซึ่งถือว่าเป็นข้อดีค่ะ
ห้องนี้จะมีประตูบานเลื่อน 2 บานสำหรับออกไปยังระเบียง เป็นแบบเดียวกันกับห้องขนาดอื่นๆเลยค่ะ สิ่งที่ควรจะระวังตามมาคือ ความร้อนจากแสงแดดที่จะเข้าสู่ตัวห้อง ตรงนี้จะขอแนะนำให้ติดม่านกัน UV ที่บริเวณประตูบานเลื่อนทั้ง 2 บานเลยนะคะ
มาในส่วนของระเบียง จะแตกต่างจากระเบียงห้องอื่นๆ คือพื้นจะปูด้วยไม้เทียมหน้ากว้าง 4″ พื้นที่ระเบียงมีขนาดที่กว้างขวาง
ฟากหนึ่งของระเบียงมีการใช้ระแนงไม้ทำเป็น Facade ในแนวตั้ง เป็นตัวช่วยบังแดดในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นพอดีเลยค่ะ
บริเวณระเบียงนี้จะใช้เป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ด้วยค่ะ มีการติดกริลล์บังตัวคอมเพรสเซอร์ไว้เพื่อความสวยงามของอาคาร
มุมมองจากระเบียงออกไปยังภายนอกห้อง
อีกฟากหนึ่งของระเบียงจะมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าได้ 1 เครื่อง และก๊อกน้ำ 1 ตัวค่ะ
ถัดมเราจะไปดูในส่วนของห้องนอนกันต่อค่ะ
ภายในห้องนอนของห้องขนาด 42 ตารางเมตรนี้จะสามารถจัดวางที่นอนขนาด 5 ฟุต และโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานได้อีก 1 ตัว ได้เหมือนกับห้องขนาดอื่นๆค่ะ
ตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบ Walk-in Closet โดยจะมีประตูบานเลื่อนกระจกฝ้ากั้นออกจากห้องนอนอย่างเป็นสัดส่วนโดยสามารถเลื่อนเปิดได้หลายรูปแบบค่ะ
ทั้ง 2 ฟากของ Walk-in Closet จะมีชั้นวางของเหนือหัว 1 ชั้น ราวแขวนเสื้อผ้า และช่องวางของ 4 ช่อง ลิ้นชักเก็บของ 4 ช่อง
ส่วนห้องน้ำจะสามารถเข้าได้จากส่วน Walk – in Closet
ภายในห้องน้ำจะปูพื้นและกรุผนังด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซ็นติเมตร สีเทา และสีครีมและผนังตกแต่งกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 60×60 เซ็นติเมตร สีเทา ภายในห้องน้ำจะได้ไฟมาทั้งหมด 2 ดวง พัดลมดูดอากาศ 1 ตัว และมีช่องระบายอากาศด้วย 1 จุด ส่วนสุขภัณฑ์จะใช้แบบเดียวกันกับห้องขนาดอื่นๆเลยค่ะ
ตำแหน่งติดตั้งโถสุขภัณฑ์มีระยะการติดตั้งมาตรฐานที่กำลังพอดีค่ะ
ทั้งสวิตช์ไฟ และปลั๊กไฟจะใช้ของ Bticino นะคะ
VDO จากทางโครงการค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=ODZM_6uP2rw
ราคา
บทสรุปโครงการ
ที่ตั้งโครงการ : โครงการ The Privacy รัชดา – สุทธิสาร ตัวโครงการจะอยู่ติดถนนสุทธิสารวินิจฉัยที่มีทางเข้าหลักๆ 2 ทางคือจากถนนลาดพร้าวและจากถนนสุทธิสารตัดถนนรัชดา มีระยะห่างจาก MRT สุทธิสาร ประมาณ 1.7 กิโลเมตร บรรยากาศรอบๆโครงการเงียบสงบ เพราะสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ความสงบ ไม่วุ่นวายแต่ยังเดินทางได้สะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและระบบขนส่งสาธารณะ ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินไม่มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ที่ไกลออกมาหน่อยบนถนนรัชดาภิเษกจะมีร้านอาหารเล็กใหญ่มากมาย รวมไปถึงร้านค้าแผงลอย ที่มีมาเพื่อรองรับหนุ่มสาวออฟฟิศในย่านรัชดาภิเษกนั่นเองค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว : การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวก สามารถใช้ถนนเส้นหลักๆเข้าถึงโครงการได้ทั้งถนนลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษก และถนนสุทธิสาร ส่วนการเดินทางจากโครงการออกไปยังที่อื่นๆก็สะดวกเหมือนกันค่ะ เพราะถนนสุทธิสารจะเป็นถนนเส้นหลักที่วิ่งไปเชื่อมกับถนนเส้นหลักอื่นๆอีกหลายเส้นทั้งถนนลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนพหลโยธินยาวไปถึงถนนประดิพัทธ์ นอกจากนั้นยังสามารถใช้ซอย 20 มิถุนาลัดไปออกถนนรัชดาภิเษก, ถนนประชาอุทิศ, ถนนเทียมร่วมมิตร และถนนประดิษฐ์มนูญธรรมได้ด้วยค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ : สำหรับคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงรถติด การเดินทางโดยรถสาธารณะเป็นทางเลือกที่เรียกได้ว่าสะดวกอยู่พอสมควรนะคะ ออกมาหน้าโครงการก็มีพี่วิน อยู่ใกล้ๆ บางครั้งไม่ต้องเดินไปถึงคิวพี่วินเค้าก็จะรู้งาน วิ่งมารับเราที่หน้าโครงการเองเลยค่ะ ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสุทธิสาร สามารถให้พี่วินมาส่งที่สถานีได้ค่ะ นอกจากนั้นถ้าใครอยากใช้บริการ Taxi ก็จะมีวิ่งผ่านไปมาหน้าโครงการตลอดค่ะ
การออกแบบโครงการและที่ดิน : โครงการ The Privacy รัชดา – สุทธิสาร เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ ยูนิตพักอาศัยรวมทั้งสิน 199 ยูนิต แยกเป็น อาคาร A 75 ยูนิต, B 62 ยูนิต, C 62 ยูนิต ส่วนลิฟท์โดยสารจะมีให้อาคารละ 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสารต่อยูนิตพักอาศัยจะอยู่ที่อาคาร A 1 : 75 , B,B 1 : 62 ซึ่งถ้าดูกันแค่อัตราส่วนถือว่าไม่หนาแน่นเท่าไหร่ ยังใช้งานกันได้สบายๆ แต่ถ้าวันไหนลิฟท์เสียคนที่อยู่ชั้น 4 ขึ้นไปนี่คงต้องปาดเหงื่อกันหน่อยนะคะ
ในส่วนของห้องพักตอนนี้จะมีให้เลือก 3 แบบ โดยจะมีห้องขนาดตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอนเล็ก ไม่ได้กั้นห้อง (Studio) ขนาดเริ่มต้นประมาณ 22 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นประมาณ 25 ตร.ม. และแบบ 2 Bedroom ประมาณ 38-52 ตร.ม. โดยแต่ละชั้นจะมีห้องแบบ Studio แค่ 2 ห้อง และแบบ 2 Bedroom แค่ชั้นละ 3 ห้องค่ะ
วัสดุ : วัสดุของโครงการนี้ใช้ของตาม Standard พื้นห้องทั่วไปปูด้วยลามิเนต, ห้องน้ำปูกระเบื้องเซรามิค, พื้นระเบียงปูไม้เทียม 1″ x 4″, ผนังห้องนั่งเล่นและห้องนอนปิด Wallpaper มาให้ ส่วนผนังห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องเซรามิค 30 x 30 ซม., ฝ้าเพดานยิบซั่มบอร์ดฉาบเรียบทาสีขาว ภายในห้องน้ำได้เป็นยิบซั่มบอร์ดชนิดกันชื้น, ประตูและกระจกบานเลื่อนจะได้เป็นกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ, ประตูภายในทำสีสำเร็จ อุปกรณ์ลูกบิดของ Hafele, อ่างล้างหน้าพร้อมตู้ใต้เคาน์เตอร์ของ Mogen, ราวแขวนผ้าและที่ใส่กระดาษชำระของ Luzern, ก๊อก สายชำระและฝักบัวของ American Standard, ฉากกั้นอาบน้ำกระจก Temper หนา 10 mm., ไฟภายในห้องได้เป็นไฟดาวน์ไลท์ทั้งหมด, ของแถมจะมีชุดเคาน์เตอร์ครัวพร้อมอ่างล้างจานและตู้เก็บของแขวนผนัง + กระจกกันเปื้อน พร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันของ MEX, เครื่องปรับอากาศ 9,000 BTU 1 เครื่อง ของ Panasonic (ห้อง 50 ตร.ม ได้แอร์ 2 เครื่องค่ะ), Video Door Phone ของ Kocom และตู้เสื้อผ้าบานเปิดค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น Spec โดยละเอียดของวัสดุ ของแถมต่างๆที่ได้ต้องลองสอบถามอัพเดทกับทางโครงการอีกครั้งนะคะ เผื่อในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง
สิ่งอำนวยความสะดวก : สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการนี้จะมีที่จอดรถที่ชั้น 1 รวมจำนวนที่จอดทั้งโครงการประมาณ 40% ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยไปหน่อยค่ะ สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆจะมี Lobby แยกแต่ละอาคารที่ชั้น 1 , Mail Box ส่วนกลางหลักของโครงการจะอยู่บริเวณหน้าอาคาร A, B มีสระว่ายน้ำ และ Fitness ค่ะ
คะแนน
ทำเลที่ตั้งโครงการ | 8.0 | ตั้งอยู่บนถนนสุทธิสารวินิจฉัย บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการอยู่อาศัยรายล้อมด้วยที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม แต่จะมีคอนโด Low Rise 8 ชั้น อยู่ด้านหลังโครงการจึงอาจจะบังวิวในด้านนั้นไป ส่วนความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงแต่ค่อนข้างไกลจากโครงการหน่อย ต้องอาศัยขับรถมาบนถนนรัชดาภิเษก |
การเดินทาง ใช้รถ | 8.0 | ค่อนข้างสะดวกสามารถใช้ถนนเส้นสุทธิสารวินิจฉัยเชื่อมไปถนนเส้นหลกอื่นๆได้หลายเส้นทางค่ะ |
การเดินทาง ไม่ใช้รถ | 8.0 | ที่สะดวกที่สุดจะป็น MRT สุทธิสาร ซึ่งจะไกลจากระยะเดินสบายไปค่อนข้างเยอะ แต่ยังดีที่มี Bus รับส่งให้ หรือจะอาศัยพี่วินหน้าโครงการ หรือ Taxi ก็ได้ค่ะ |
ห้องและวัสดุ | 7.5 | ห้องของโครงการขายแบบ Fully Furnished วัสดุในห้องมาตรฐานได้แอร์, VDO Call Phone, และตู้เสื้อผ้าในห้อง Master Bedroom ถือว่าได้มาตรฐานตามราคาค่ะ |
สิ่งอำนวยความสะดวก | 6.5 | Facilities ครบแต่ค่อนข้างน้อยไปหน่อย โดยจะมีสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส ที่จอดรถ 40% ส่วน Laudry น่าจะจัดไว้ในอาคารให้เรียบร้อยกว่านี้ |
ความคุ้มค่ากับราคา | 8.0 | เป็นคอนโดในกลางเมืองที่ได้ความสงบและเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวได้สะดวก มีรถไฟฟ้าให้ใช้แต่ไกลไปหน่อยต้องอาศัยพี่วินหรือ Taxi รับส่ง ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับอยู่อาศัยสำหรับคนที่ทำงานย่านรัชดาแต่อยากได้ที่อยู่อาศัยสงบๆ ไม่วุ่นวายค่ะ |
คะแนนรวมเฉลี่ย | 7.66 | พอใช้ |
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 061-6565923
Website : คลิกที่นี่
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ โปรดกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น