รีวิว เดอะ ทรี หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ The Tree Hua Mak Interchange คอนโดพร้อมอยู่ ใกล้ห้าง ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย เริ่ม 2.19 ล้าน*
Written by : Nin Yanin
สวัสดีค่ะ วันนี้ทีมงาน Condonayoo จะพาคุณผู้อ่านไปชมคอนโด High Rise บนทำเลศักยภาพย่านรามคำแหง นั่นก็คือ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ จาก พฤกษา เรียลเอสเตท ตั้งอยู่ติดถนนรามคำแหง หลัง The Mall บางกะปิ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.
เดินทางสะดวก เชื่อมต่อถนนลาดพร้าว ถนนศรีนครินทร์ และถนนพระราม 9 ใกล้ทางพิเศษศรีรัช, ทางพิเศษฉลองรัช และวงแหวนกาญจนาภิเษก เพียง 300 เมตร จากรถไฟฟ้าสถานีลำสาลีอินเตอร์เชนจ์ สายสีส้ม – เหลือง – น้ำตาล และ 250 เมตร จากท่าเรือ The Mall บางกะปิ
ใกล้ห้างสรรพสินค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ The Mall บางกะปิ, Makro ลาดพร้าว, ตะวันนา, Tesco Lotus บางกะปิ, รพ.รามคำแหง, สนามกีฬาราชมังคลา อีกทั้งยังเป็นทำเลใกล้ 4 สถาบันดัง ทั้ง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA), ม.รามคำแหง, ม.อัสสัมชัญ และ ม.เกษมบัณฑิต
เดอะ ทรี หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น จำนวน 3 อาคาร, อาคารบริการและห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ สูง 4 ชั้น 1 อาคาร และ อาคารจอดรถ สูง 10 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการขนาด 3 – 2 – 69.6 ไร่ จำนวน 590 ยูนิต
มีห้องพักให้เลือกแบบ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 23.02 – 42.82 ตร.ม. โดดเด่นด้วยห้องที่มีหน้ากว้างถึง 8 เมตร ตกแต่งให้แบบ Fully Fitted คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ กันยายน ปี 2563
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน เชื่อมต่อกันทั้ง 3 อาคารด้วย Skywalk อาทิ Lobby, Co – Working Space, Fitness Room, Playground, Futsal, Courtyard Garden, Relaxing Room, Sky Lounge, O2 Creative Space, O2 Lounge, Theatre Room, Kid’s Room, Panoramic Pool 30 x 5 เมตร, Jacuzzi, Kid’s Pool, Panoramic View Deck, Access Card Control, CCTV และ รปภ. 24 ชม. ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท* (ส.ค.63)
Exclusive Open House 29-30 ส.ค.นี้ | เราให้! ตามใจลูกค้า ฟรีแอร์ เฟอร์* ฟรีทุกค่าใช้จ่าย* เริ่ม 2.19 ล้านบาท*
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก https://bit.ly/3grCzee
คอนโด THE TREE ทำเลอื่นๆ ที่น่าสนใจ…
THE TREE พัฒนาการ-เอกมัย
THE TREE สุขุมวิท 71-เอกมัย
THE TREE สุขุมวิท-พระราม 4
THE TREE อ่อนนุช สเตชั่น
THE TREE สุขุมวิท 64
THE TREE อนุสาวรีย์
THE TREE ดินแดง-ราชปรารภ
THE TREE หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์
THE TREE ลาดพร้าว
THE TREE ลาดพร้าว 15
THE TREE จรัญ 30
ชื่อโครงการ | เดอะ ทรี หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ The Tree Hua Mak Interchange |
เจ้าของโครงการ | บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท / Pruksa Real Estate |
เนื้อที่ทั้งหมด | 3 – 2 – 69.6 ไร่ |
จำนวนตึก | 5 อาคาร |
จำนวนชั้น |
|
จำนวนห้อง |
|
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด |
|
จำนวนลิฟต์ | ลิฟต์โดยสาร อาคารละ 2 ตัว (อาคารพักอาศัย) |
โซน | เขตบางกะปิ |
เส้นทางการคมนาคม |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. |
กำหนดการ | เริ่มก่อสร้าง ธ.ค. 2561 |
ปีที่สร้างเสร็จ | กันยายน 2563 |
ราคา | เริ่มต้น 2.19 ล้านบาท* (ก.ค.63) |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | ประมาณ 110,000 บาท/ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
อื่นๆ
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | The Tree Huamak Interchange คอนโด จาก พฤกษา เรียลเอสเตท บนทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลำสาลี เชื่อมต่อความสุขทุกรูปแบบชีวิตที่นี่ |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนรามคำแหง หลัง The Mall บางกะปิ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.
พิกัด : 13.762481, 100.641830
ทำเลที่ตั้ง โครงการ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามคำแหง ระหว่างซอยรามคำแหง 85/2 และซอยรามคำแหง 87 ฝั่งขาออก เพียง 300 เมตรจากแยกลำสาลี เป็นทำเลชุมชนที่อยู่อาศัยที่รองรับการขนส่งระบบมวลชนครบทั้งรถ – เรือ – ราง ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะอยู่ใกล้สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงถึง 4 แห่ง, ใกล้ท่าเรือ The Mall บางกะปิ 250 เมตร, ทางด่วน 3 สาย
และใกล้รถไฟฟ้า สายสีส้ม, สายสีเหลือง และสายสีน้ำตาล โดยทำเลของโครงการนั้นอยู่ใกล้สถานีลำสาลี หรือ Interchange Station ของรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายนี้เพียง 300 เมตร จึงส่งผลให้ทำเลนี้เป็นทำเลศักยภาพ รายล้อมด้วยสาธารณูปโภคต่าง ๆ อย่างครบครัน ถ้ามองไปที่ด้านหลังโครงการก็จะเห็นทั้ง The Mall บางกะปิ, Makro ลาดพร้าว และตะวันนา หรือถ้ามองเยื้อง ๆ ไปฝั่งตรงข้ามโครงการก็จะเห็น รพ.รามคำแหง แล้วค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ โครงการอยู่บนถนนรามคำแหง ฝั่งขาออกเมือง ถึงแยกลำสาลีใน 300 เมตร จึงเดินทางได้สะดวก เพราะสามารถเชื่อมต่อเข้าเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน โดยใช้จุดกลับรถใกล้ ๆ (ก่อนถึงแยกลำสาลี) กลับรถเข้าฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าแยกรามคำแหง เพื่อเชื่อมสู่ ถนนพระราม 9, เพชรบุรี, เอกมัย, ทองหล่อ, สุขุมวิท และพระราม 4 ได้อย่างง่ายดาย
โดยที่ฝั่งขาเข้านี้จะมีซอยรามคำแหง 24 และ 26 ที่สามารถใช้ลัดเข้า – ออกถนนหัวหมาก ซึ่งใช้เชื่อมสู่ ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่, ถนนพัฒนาการ และพระราม 9 ผ่านซอยถาวรธวัช, พระราม 9 ซอย 41 และ พระราม 9 ซอย 43 ได้ค่ะ
บนถนนฝั่งเดียวกับโครงการเองก็มีซอยย่อยเชื่อมต่อระหว่างรามคำแหงและลาดพร้าวอยู่หลายซอยนะคะ ทั้ง ซอยรามคำแหง 43/1, 53, 63 และ 130 เชื่อมต่อการเดินทางผ่านย่าน Town in Town สู่ถนนลาดพร้าวได้สะดวกมาก รวมถึงใช้ซอยวัดเทพลีลาไปออกถนนประดิษฐ์มนูธรรมและถนนประชาอุทิศ เพื่อตรงเข้า New CBD ย่านพระราม 9 – รัชดา ได้อีกด้วย
และแยกลำสาลีนั้นก็เป็นจุดที่เชื่อมต่อกับ ถนนศรีนครินทร์, ถนนลาดพร้าว, ถนนเสรีไทย และถนนนวมินทร์ ถ้าวิ่งเลยแยกลำสาลีไป เราสามารถขึ้นวงแหวนกาญจนาฯ ฝั่งตะวันออก เพื่อเชื่อมต่อสู่ มอเตอร์เวย์สายใหม่, สนามบินสุวรรณภูมิ หรือไปยังโซนรังสิต, ลำลูกกา และปทุมธานี ได้
ทางด่วน นอกจากนี้โครงการยังอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนอีก 3 สาย ซึ่งเป็นตัวช่วยในการเดินทางโดยเฉพาะช่วง Rush Hour ได้อย่างดี จุดแรกก็คือจุดขึ้นทางพิเศษศรีรัชตรงแยกต่างระดับศรีนครินทร์ สามารถใช้เข้าเมืองไปทางดินแดง, พระราม 4, สาทร และสีลม ได้ จุดนี้จะต้องเสียค่าทางด่วนเพิ่มอีกด่านเมื่อเทียบจากการไปขึ้นทางด่วนตรงด่านรามคำแหงก็จริง แต่ในชั่วโมงเร่งด่วนทางนี้คือใกล้ที่สุดค่ะ ส่วนฝั่งออกนอกเมืองก็ใช้ไปสุวรรณภูมิ, บางนา และชลบุรี ได้สะดวกเลย
เลยจากแยกลำสาลีไปก็มีจุดขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกค่ะ ใช้เชื่อมมอเตอร์เวย์สายใหม่ไปสุวรรณภูมิ – ชลบุรี, ลงไปบางนา ข้ามไปฝั่งพระราม 2 หรือขึ้นไปทางรังสิต – บางปะอินได้
อีกจุดหนึ่งก็คือทางพิเศษฉลองรัชด่านพัฒนาการ 1 ค่ะ วิ่งตรงเข้าสู่พระราม 4, สาทร, สีลม ได้เลย โดยทางพิเศษฉลองรัชยังเป็นเส้นทางด่วนที่เชื่อมต่อไปยัง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษบูรพาวิถี ที่สามารถใช้ไปทางบางนาหรือออกชลบุรีได้อีกด้วย
:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่รามคำแหง มีแท็กซี่, รถเมล์, รถตู้ และวินมอเตอร์ไซค์ ผ่านตลอดเวลา อันเนื่องมากจากว่าเป็นโซนใกล้มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า จึงทำให้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นสะดวกสบายเลยค่ะ
อีกทั้งตัวโครงการยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีลำสาลี เพียง 300 เมตร ซึ่งเป็น Interchange Station ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีส้ม, สีเหลือง และสีน้ำตาล ซึ่งเมื่อทั้ง 3 โครงการนี้สร้างแล้วเสร็จ ก็จะช่วยให้คนชานเมือง เดินทางเชื่อมต่อเข้าเมืองได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
และถัดจากโครงการไปอีกเพียง 3.5 กม. ก็ถึง Airport Link สถานีหัวหมาก แล้ว สามารถเรียกวินไปได้ สะดวกมากสำหรับคนที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศบ่อย ๆ เพราะนั่งไปอีกเพียง 3 สถานีก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้วค่ะ
โครงการจะตั้งอยู่ใกล้กับ ท่าเรือ The Mall บางกะปิ โดยเราสามารถใช้ทางออกหลังโครงการเดินข้ามสะพาน The Mall ไปถึงท่าเรือได้ จากท่าเรือนี้จะสามารถนั่งไปลงที่สถานีท่าเรือราม 1 เพื่อเชื่อมกับ Airport Link รามคำแหง ได้ด้วย หรือจะใช้นั่งเข้าเมืองไปยัง ทองหล่อ, มศว., อโศก, นานา, วิทยุ, ชิดลม ยาวไปจนสุดต้นสายที่ประตูน้ำได้เลย
ความอุดมสมบูรณ์ โครงการตั้งอยู่ในทำเลที่อยู่ใกล้สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงถึง 4 แห่ง ทั้ง NIDA, ม.รามคำแหง, ม.อัสสัมชัญ และ ม.เกษมบัณฑิต ทำให้รอบ ๆ โครงการมีร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกในระยะเดินถึงมากมาย
ที่อยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุดจนสามารถเดินไปถึงได้ในระยะเพียง 150 เมตร ก็คือ The Mall บางกะปิ, Makro ลาดพร้าว และ ตะวันนา เพราะสามารถใช้ประตูหลังโครงการเดินข้ามสะพาน The Mall ไปถึงได้เลย ซึ่งฝั่งตรงข้ามกับ The Mall ก็ยังมี Tesco Lotus, Happyland Center และตลาดบางกะปิ อีกด้วยค่ะ
บนเส้นรามคำแหงเองจากแยกรามคำแหงไปก็มีทั้ง The Mall รามคำแหง, Major Hollywood, Foodland และ Big C Supercenter ที่อยู่ติด ๆ กันเลย เลยแยกลำสาลีไปก็มี HomePro, The Paseo Town, Makro, Golden Place, สัมมากรเพลส และตลาดสัมมากร หรือบนเส้นพระราม 9 ก็มี The Nine และ Central พระราม 9 ค่ะ
นอกจากจะอยู่ใกล้ NIDA, ม.รามคำแหง, ม.อัสสัมชัญ และ ม.เกษมบัณฑิต แล้ว ก็ยังอยู่ใกล้ รร.เอกชน, รร.รัฐบาล และ รร.นานาชาติ อื่น ๆ ด้วย เช่น รร.สาธิต ม.รามคำแหง, รร.เทพลีลา, รร.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี), รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ, รร.นานาชาติ Traill, รร.นานาชาติ RAIS, รร.นานาชาติ Wellington, รร.นานาชาติ Brighton และ Stamford University
ในระยะอุ่นใจก็มีโรงพยาบาลที่สามารถเดินทางไปได้สะดวกเวลาเจ็บป่วยฉุกเฉิน อย่าง รพ.รามคำแหง ถัดออกไปก็จะเป็น รพ.เวชธานี, รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์, รพ.วิภาราม, รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง และ รพ.ลาดพร้าว นอกจากนี้โครงการยังอยู่ใกล้กับ โอสถสภา, การกีฬาแห่งประเทศไทย และราชมังคลากีฬาสถาน อีกด้วยค่ะ
:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
อื่นๆ
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนพระราม 9 > ถนนรามคำแหง > The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์
เราเริ่มต้นการเดินทางจากบริเวณแยกพระราม 9 มุ่งหน้ารามคำแหง ทางฝั่งซ้ายมือเราจะผ่าน G Tower และ Unilever House ค่ะ
เราตรงผ่านแยก อสมท. และแยกผังเมืองมาแล้วให้ชิดขวาเอาไว้ตามทางหลัก
เราวิ่งตรงไปตามถนนพระราม 9 เรื่อย ๆ ให้สังเกตป้ายรามคำแหงเอาไว้ค่ะ
จากนั้นให้เราชิดขวาแล้ววิ่งขึ้นทางยกระดับไป
พอเราเห็นป้ายทางลงออกรามคำแหงให้เราชิดซ้ายเลยค่ะ
ตรงไปข้างหน้าอีกเล็กน้อยจะมีทางแยกออกฝั่งซ้ายซึ่งเป็นทางลงสู่ถนนรามคำแหง
พอเราลงมาวิ่งบนถนนรามคำแหงสักพักจะมี Foodland เป็นจุดสังเกตทางฝั่งซ้าย ถัดไปไม่ไกลก็มี The Mall รามคำแหง ตรงนั้นจะมีทางยกระดับเพื่อข้ามแยกไฟแดง ซึ่งเมื่อก่อนเราจะขึ้นแล้ววิ่งไปลงแถวหน้า รพ.รามคำแหง พอดี แต่ในช่วงก่อสร้างรถไฟฟ้านี้เค้าเปลี่ยนให้เฉพาะรถวิ่งเข้าเมืองค่ะ เราเลยต้องวิ่งข้างล่างแทน
ถ้าเลือกวิ่งข้างล่าง ในระยะใกล้เคียงกันเราจะเห็น Big C Supercenter อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ
ถัดไปนิดเดียวเท่านั้นก็มี Major Hollywood ค่ะ
เราขับตรงไปเรื่อย ๆ จะเห็น รพ.รามคำแหง อยู่ทางฝั่งขวามือ เป็นทางลงทางยกระดับพอดี
จากนั้นให้เราชิดซ้ายเอาไว้เลยค่ะ ถ้าขึ้นทางยกระดับอีกครั้งจะข้ามแยกลำสาลีแล้ว
จากหน้า รพ.รามคำแหง เราตรงไปอีกเพียง 650 เมตร ก็จะเห็นโครงการ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ
โดยอาคารข้างหน้านี้เองก็คืออาคาร A ของ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ ปัจจุบันพื้นที่ชั้นล่างยังคงใช้เป็น Sales Gallery ของโครงการค่ะ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
โครงการ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3 – 2 – 69.6 ไร่ ติดถนนรามคำแหง Lay Out เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบแต่ลึก สภาพแวดล้อมรอบโครงการเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ที่ดินฝั่งทิศเหนือ ติดกับ ทางเดินเลียบคลองแสนแสบ, ทิศใต้ ติดกับ ถนนรามคำแหง, ทิศตะวันออก ติดกับ โชว์รูม Mazda และ ทิศตะวันตก ติดกับ อาคารสูง 3 ชั้น (ธนาคารไทยพาณิชย์เก่า) และสะพาน The Mall ข้ามคลองแสนแสบ
เราจะพาคุณผู้อ่านเดินสำรวจบรรยากาศโดยรอบโครงการกันค่ะ จะได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ในทำเลนี้บ้าง ถ้ามองไปที่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการก็คืออาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นที่เรียงกันอยู่เป็นแนวยาว
เราจะเดินมุ่งหน้าไปทางฝั่งแยกรามคำแหงกันก่อน สังเกตที่หน้าโครงการมีทางเท้าค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ สามารถเดินได้ง่าย โดยจุดนี้จะมีคิววินมอเตอร์ไซค์ รามคำแหง 85 – 87 คอยให้บริการอยู่ นับว่าสะดวกมากหากจะรีบไปไหนใกล้ ๆ
ติดกับโครงการคืออาคารสูง 3 ชั้นค่ะ แต่เดิมเป็นอาคารไทยพาณิชย์
ข้างกันเลยคือทางเข้า The Mall บางกะปิ เป็นสะพานข้ามคลองแสนแสบจากฝั่งด้านหลังค่ะ
นอกจากจะเป็นสะพานเชื่อมกับ The Mall แล้วยังมีลานจอดรถอยู่ฝั่งนี้ด้วย โดยสะพานนี้เป็นสะพานของ The Mall เอง ซึ่งเปิดให้คนทั่วไปใช้เป็นเส้นทางลัดเชื่อมต่อระหว่างถนนรามคำแหงและถนนลาดพร้าวเพื่อเลี่ยงรถติดได้ ซึ่งเส้นทางนี้สามารถสัญจรได้ทั้งรถยนต์และคนเดินเท้าค่ะ
ทางเดินเท้าเป็นลักษณะของสะพานลอย มีหลังคาคลุมกันแดดและฝนเดินได้อย่างสบาย ๆ ใช้เดินเชื่อมไปยัง The Mall บางกะปิ, Makro ลาดพร้าว, ตะวันนา หรือท่าเรือ The Mall บางกะปิ ได้สบาย
โดยจะมีประตูเชื่อมจากทางเดินเลียบคลองแสนแสบเพื่อเดินไปขึ้นสะพานลอยได้ด้วย
ซึ่งบริเวณด้านหลังโครงการจะมีประตูเล็กสำหรับคนเดินเข้า – ออกอยู่ค่ะ ลูกบ้านสามารถออกทางประตูนี้เพื่อเดินข้ามไปยัง The Mall บางกะปิ หรือท่าเรือได้อย่างสะดวกสบายในระยะเพียง 150 – 250 เมตรเท่านั้น
ภาพจากด้านหลังโครงการมองไปเห็น The Mall บางกะปิฝั่งด้านหลัง
กลับมาบนถนนรามคำแหงค่ะ จากทางเข้า The Mall บางกะปิ เดินเลยมาอีกหน่อยก็จะมีธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
มองไปด้านหน้าจะมีสะพานลอยอยู่ไม่ไกลค่ะ
ภาพจากสะพานลอยมองไปทางแยกลำสาลี สังเกตเห็นว่าอาคารของ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ นั้นเป็นอาคารสูงอาคารเดียวของฝั่งรามคำแหงขาออกเมือง
ภาพจากสะพานลอยมองไปทางแยกรามคำแหง บนเส้นรามคำแหงตอนนี้มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มกันอยู่ การจราจรจึงค่อนข้างวุ่นวายกว่าปกติ แต่อีกไม่นานก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้วค่ะ
เรากลับมาที่บริเวณหน้าโครงการ เราจะเดินมุ่งหน้าไปทางแยกลำสาลีกันต่อ
ติดกับโครงการเป็นโชว์รูมของ Mazda ค่ะ
ถัด ๆ ไปจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ยาวตลอดแนว เปิดเป็นกิจการร้านค้ามากมาย แต่ช่วงนี้จะดูซบเซากว่าปกติเพราะสถานการณ์ Covid 19 พอเข้าไปด้านในซอยก็จะเป็นลักษณะของหอพักอาศัยและคอนโด Low Rise
ร้านค้าแถวนี้ก็จะมีทั้ง ร้านขายเฟอร์นิเจอร์, สตูดิโอแต่งงาน, ซาลอน หรือ รร.สอนขับรถก็มีค่ะ
พอใกล้ถึงแยกลำสาลีก็จะมี ลำสาลีฟู้ดเซ็นเตอร์ มีร้านค้าและร้านอาหารเหมือนเป็น Food Court ขนาดใหญ่
ติดกันเลยมี 7 – 11 อยู่ 1 สาขาค่ะ
จากหน้าโครงการเราเดินมา 300 เมตรถึงบริเวณแยกลำสาลี จะเป็นทางขึ้น – ลงของสถานีลำสาลี ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
:::: ตัวโครงการ ::::
The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น จำนวน 3 อาคาร, อาคารบริการและห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ สูง 4 ชั้น 1 อาคาร และ อาคารจอดรถ สูง 10 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการขนาด 3 – 2 – 69.6 ไร่ จำนวน 590 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกแบบ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 23.02 – 42.82 ตร.ม.
อาคารมีดีไซน์ที่ทันสมัย ออกแบบด้วยแนวคิด “กว้างกว่า ใกล้กว่า” ที่โดดเด่นด้วยทำเลของโครงการที่ใกล้ทุกอย่าง พร้อมจุดเด่นคือ ห้องแบบ 1 Bedroom ที่เป็นห้อง Mode จะเป็นห้องที่มีหน้ากว้างถึง 8 เมตร
เริ่มจากอาคาร A ที่เป็นอาคารบริการและห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ สูง 4 ชั้น ชั้น 1 คือยูนิตร้านค้า ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่าจะเป็น 7 – 11 มาเปิดในอนาคต ชั้น 3 คือ Co – Working Space และ ห้องนิติบุคคล และชั้น 4 คือ Fitness Room
ถัดมาคืออาคาร B, C และ D เป็นอาคารพักอาศัย 31 ชั้น โดยชั้น 1 คือ Lobby ชั้น 2 คือ Sky Walk เชื่อมระหว่างอาคาร A ถึงอาคาร E และ Lift Lobby ตั้งแต่ชั้น 3 – 31 ขึ้นไปจะเป็นห้องพักอาศัย (เฉพาะอาคาร C ที่ชั้นพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 4) ซึ่งบนชั้น 31 นี้ก็จะเป็นส่วนของ Main Facilities ในแต่ละอาคาร เชื่อมต่อกันด้วย Sky Walk
ประกอบด้วย Relaxing Room, Sky Lounge, O2 Creative Space, O2 Lounge, Theatre Room และ Kid’s Room ส่วนชั้น Rooftop นั้นก็เป็น Main Facilities เช่นกันค่ะ ซึ่งจะเป็นส่วนของ Panoramic Pool 30 x 5 เมตร, Jacuzzi, Pool Deck, Kid’s Pool และ Panoramic View Deck
อาคารท้ายโครงการคืออาคาร E เป็นอาคารจอดรถ 10 ชั้น มีที่จอดรถให้ทั้งหมด 46% หรือ 271 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งบนชั้นดาดฟ้าของอาคาร E นี้จะเป็น Green Space ประกอบด้วย Playground, Futsal และ Courtyard Garden ค่ะ
มาดู Master Plan ของโครงการกันค่ะ ทางเข้า – ออกหลักโครงการจะอยู่ติดกับถนนรามคำแหง มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. การเดินรถภายในโครงการเป็นเส้นตรงผ่านอาคาร A – B – C – D จนไปถึงอาคาร E ซึ่งเป็นอาคารจอดรถ หรือจะอ้อมไปฝั่งด้านหลังอาคารเพื่อตรงเข้าอาคารจอดรถไปเลย โดยไม่ต้องจอดรถส่งผู้โดยสารลงหน้า Lobby ค่ะ
โดยที่ชั้น 1 ของอาคาร B – D นั้นจะเป็น Lobby และ Outdoor Waiting Area สำหรับนั่งพักคอย, Mailbox และ Lift Lobby ขึ้นสู่ชั้นพักอาศัย ภายในมีลิฟต์โดยสารให้ 2 ตัว/อาคาร สังเกตที่ด้านหลังอาคาร E จะมีทางเข้า – ออกโครงการอีกทาง ทางนี้จะเป็นทางเท้าเท่านั้นนะคะ เอาไว้ใช้เดินออกไปที่ทางเลียบคลองแสนแสบแล้วข้ามสะพานไป The Mall ตามที่เคยกล่าวไปแล้วข้างต้น
ทางเข้า – ออกโครงการ อาคาร A หน้าสุดเป็นอาคาร 4 ชั้น ชั้นแรกเป็นยูนิตร้านค้า ชั้นที่ 3 คือ Co – Working Space และ ห้องนิติบุคคล และชั้นที่ 4 คือ Fitness Room ซึ่งชั้น 3 – 4 นั้นเป็น Facilities ของโครงการ ต้องใช้ Key Card ในการขึ้นลิฟต์ โดยจะมีลูกบ้านของโครงการเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปใช้งานได้
ทางเข้า-ออกและถนนเมนหลักในโครงการ การเดินรถยนต์แบบ 2 Way สุดถนนเมน จะเป็นทางขึ้นสู่อาคารจอดรถ (อาคาร E)
ด้านหน้าโครงการตรงที่เป็นสำนักงาน ในอนาคตจะเป็น 7-Eleven ติดกันเป็นประตูทางเข้า Lobby และ Lift Hall เชื่อมสู่พื้นที่ส่วนกลางชั้น 3-4
บรรยากาศภายใน Lobby และ Lift Hall อาคาร A เป็นห้องกระจก Full Height เข้ามุม เปิดรับมุมองได้กว้าง ตัวพื้นปูพื้นกระเบื้องลายหินอ่อน ดูหรูหรา ภายในมีชุดเก้าอี้รับรองให้ 2 ที่นั่ง พร้อมเคาน์เตอร์ต้อนรับ และ ประตูทางเข้าสู่ Lift Hall
Lobby ของอาคาร B-C-D สว่างและโปร่งโล่งด้วย Space ที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume เชื่อมต่อกับส่วน Sky Walk แบบ Vertical และผนังกระจกขนาดใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติเต็มที่ ตกแต่งพื้นและผนังภายในให้ดูหรูด้วยกระเบื้องลายหินธรรมชาติ และเลือก Match สีของเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากัน ดูสวยงาม สบายตาดีค่ะ
บรรยากาศภายใน Lobby ของทั้ง 3 อาคาร จัดที่นั่งรับรองแขกและที่นั่งพักผ่อนมาให้หลายจุดนะคะ สามารถรับรองผู้ใช้งานได้เยอะ
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเป็นที่ตั้งของ Co-Working Space และ ห้องนิติบุคคล
Co-Working Space ขนาดใหญ่ ผนังห้องเป็นกระจกใสตัดแสงแบบ Full Height ซึ่งจะช่วยให้ภายใน Co-Working Space มีความโปร่ง โล่ง สบาย น่าใช้งาน แถมยังเปิดรับมุมมองได้กว้าง มองออกไปเห็นวิวฝั่งหน้าโครงการได้เต็มสายตา
Co-Working Space ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ ทันสมัยด้วยสไตล์โมเดิร์น ออกแบบด้วยพื้นและฝ้าลายไม้ ตัดกับผนังลายหินอ่อน ผสมผสานกับการนำเอาธรรมชาติเข้ามาตกแต่งเพื่อให้ลูกบ้านรู้สึกไม่อึดอัด และรู้สึกเข้าถึงธรรมชาติ
ภายใน Co-Working Space จัด Functional รองรับการใช้งานหลายรูปแบบ ทั้งการใช้งานแบบเดี่ยว แบบคู่ แบบกลุ่ม หรือ แบบครอบครัว โดยแต่ละจุดจะมีการติดตั้งเต้าเสียบปลั๊กไฟ รองรับลูกบ้านที่นำ Labtop, Tablet หรือ Smart Phone ลงมานั่งใช้งานได้แบบไม่สะดุด
มีห้องประชุมส่วนตัวรูปแบบ Glass Room มาให้ด้วย ภายในมีโต๊ะประชุมตัวยาว พร้อมเก้าอี้ประชุม 6 ที่นั่ง
ขึ้นลิฟต์ฝั่งอาคาร A มาต่อที่ชั้น 4 จะเจอกับห้อง Fitness และ ห้องน้ำส่วนกลาง เข้ามาที่ด้านในห้อง Fitness มีพื้นที่กว้างขวาง ภายในมาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน พร้อมแบ่งโซน Cardio และ Weight Training มาให้เรียบร้อย
โซน Cardio จะหันไปทางหน้าโครงการ มีลู่วิ่งออกกำลังกายให้ 4 เครื่อง, เครื่องเอนปั่นจักรยาน 4 เครื่อง และ เครื่องนั่งปั่นจักรยาน 1 เครื่อง
อีกฝั่งที่ติดกับผนังกระจกบานใหญ่ จัดเป็นโซน Weight Training มาให้ โดยจะมีชุดบาร์เบลมาตรฐาน, เตียงซิทอัพ บริการกล้ามเนื้อท้อง 3 ตัว, แมชชีนบริหารกล้ามเนื้อ 2 ชุด และ มีแผ่นโยคะ พร้อมลูกบอลโยคะ จัดเตรียมไว้ให้ครบเลยค่ะ
ห้องน้ำและห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ การตกแต่งดูโมเดิร์นและหรูหราด้วยพื้นและผนังลายหินอ่อนโทนสีเทา โดยจะมีการห้องชาย-หญิง ไว้อย่างเป็นสัดส่วน พร้อมจัดฟังก์ชันมาตรฐานมาให้ครบ ทั้งอ่างล้างหน้า, ห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และ ล็อกเกอร์เก็บของ
โครงการจะมี Sky Walk ทางเดินเชื่อมต่อทุกอาคาร โดยจะตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ตรงข้ามกับ Co-Working Space
Sky Walk แบบ Vertical และ ผนังกระจกขนาดใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติเต็มที่ ตกแต่งพื้นและผนังภายในให้ดูหรูด้วยกระเบื้องลายหินธรรมชาติ และ จัดมุมสำหรับนั่งพักคอยให้หลายมุม
ระหว่างทางเดินตรง Sky Walk จะมี Relaxing Room ไว้สำหรับนั่งพักคอยให้ถึง 3 ห้องด้วยกัน โดยการตกแต่งภายในได้มาเหมือนกันทั้งหมด ซึ่งจะได้เป็นห้องกระจก พร้อมโซฟารับรองชุดใหญ่ ขนาด 4 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง 3 ชุด และ เก้าอี้แบบเดี่ยวอีก 3 ที่นั่ง
เดินมาจนสุดทางเดิน จะเจอกับ Walkway ที่เชื่อมกับอาคารจอดรถแบบนี้บริเวณ Walkway มีขนาดใหญ่ มีหลังคาคลุมบังแดด บังฝนให้ ทำให้เดินและเคลื่อนย้ายข้าวของได้อย่างสะดวก พร้อมติดตั้งราวกันตก และ ไฟทางเดินมาให้เรียบร้อยค่ะ
อาคารจอดรถมีความสูง 10 ชั้น มีที่จอดรถให้ทั้งหมด 46% หรือ 271 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน
จากชั้นจอดรถมองลงมาที่ชั้นล่าง จะเป็นประตูหลังโครงการ ที่ใช้เดินข้ามสะพานไปยัง The Mall บางกะปิ และ เดินไปยังท่าเรือได้ค่ะ
อาคาร B/ชั้น 3 – 21 เป็น Typical Floor Plan มีห้องพักอาศัยทั้งหมดเพียง 7 ยูนิต/ชั้นเท่านั้น อาคารเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางผังอาคารแบบ Double Corridor ที่ปลายโถงทางเดินทั้ง 2 ฝั่งนี้จะเป็นช่องแสงค่ะ แต่ละชั้นจะมีห้องพักอาศัยอยู่ 4 แบบหลัก ๆ ด้วยกัน นั่นก็คือ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus (จะอยู่ชั้น 22 ขึ้นไป) และ 2 Bedroom ซึ่งมีความโดดเด่นตรงที่ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่มีหน้ากว้างถึง 8 เมตรค่ะ
อาคาร B/ชั้น 22 – 30 ลักษณะของผังชั้นนี้จะเหมือนกับผังชั้น 3 – 21 เลย แต่จะแตกต่างกันตรงที่ขนาดห้องทางฝั่งทิศตะวันตก
อาคาร B/ชั้น 31 พื้นที่บางส่วนในชั้นนี้ถูกแบ่งออกไปเป็น Facilities ของโครงการ กั้นส่วนจากห้องพักอาศัยที่เหลือด้วยประตู Key Card เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในชั้นนี้ สำหรับ Facilities ในชั้นนี้จะมี Sky Lounge และ Theatre Room ค่ะ
Theatre Room ที่อาคาร B บนชั้น 31 เป็นโรงภาพยนตร์ส่วนตัวของโครงการ มีการออกแบบที่นั่งแบบสเต็ป ใช้วัสดุพื้น, ฝ้าเพดาน และผนัง ที่ช่วยดูดซับเสียงสะท้อน ไม่ให้เสียอรรถรส
ชุดโซฟารับรองมีให้หลายจุด รองรับลูกบ้านได้มากกว่า 10 ที่นั่ง
อีกฝั่งเป็นจอทีวีขนาดใหญ่ พร้อมชุด Home Theater
Sky Lounge แบบห้องหน้ากว้าง จัดเตรียมุมรับรอง โซฟา เก้าอี้พักผ่อนนุ่ม ๆ ไว้หลายจุดหลายที่นั่ง เพดานตกแต่งด้วยไฟ LED สีม่วง บวกกับผนังลายหินอ่อน ดู Luxury มาก ๆ โดยพื้นที่ส่วนนี้จะจัดเตรียมไว้ให้ลูกบ้านในทุก ๆ อาคารขึ้นมานั่งเล่น ดูวิวเมืองได้แบบแบบเต็มสายตา แบบไม่มีตึกสูงบดบังวิว
อีกโซนที่เราลองปิดม่านให้ดู จะได้ความหรูหราทันสมัยจากไฟ LED สีม่วงแบบนี้
อาคาร C/ชั้น 4 – 17 เป็น Typical Floor Plan มีห้องพักอาศัยทั้งหมดเพียง 7 ยูนิต/ชั้นเช่นกัน อาคารเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางผังอาคารแบบ Double Corridor ที่ปลายโถงทางเดินทั้ง 2 ฝั่งนี้จะเป็นช่องแสง มีห้องพักอาศัยอยู่ 4 แบบหลัก ๆ ด้วยกัน นั่นก็คือ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus (จะอยู่ชั้น 18 ขึ้นไป) และ 2 Bedroom ซึ่งมีความโดดเด่นตรงที่ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่มีหน้ากว้างถึง 8 เมตรค่ะ
อาคาร C/ชั้น 18 – 30 ลักษณะของผังชั้นนี้จะเหมือนกับผังชั้น 4 – 17 เลย แต่จะแตกต่างกันตรงที่ขนาดห้องทางฝั่งทิศตะวันตก
อาคาร C/ชั้น 31 เป็น Facilities ของโครงการทั้งชั้นค่ะ ซึ่งจะประกอบด้วย O2 Creative Space และ Changing Room รองรับการใช้งานของสระว่ายน้ำ
มาดูรายละเอียด O2 Creative Space ที่ชั้น 31 บนอาคาร C กันก่อน ภายใน O2 Creative Space เป็นเหมือน Co – Working Space ในเวอร์ชันลอยฟ้า เห็นวิวเมือง-ย่านพักอาศัยโซนรามคำแหง ภายในมีชุดโต๊ะเก้าอี้รองรับการใช้งานทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยว ตกแต่งให้บรรยากาศดูสบาย ๆ ผ่อนคลายมากขึ้น
ในส่วนของ O2 Creative Space ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นสำคัญสำหรับโครงการ The Tree หัวหมาก อินเตอร์เชนจ์ เลยนะคะ โดยทางโครงการจัดเตรียมเครื่องเพิ่มปริมาณ Oxygen ให้มีปริมาณอยู่ที่ประมาณ 21% ซึ่งเป็นปริมาณที่บริสุทธิ์ที่สุดที่เหมาะสมกับร่างกายของเรา เพียงเข้ามานั่งพักผ่อนหรือนั่งทำงานใน 2 ห้องส่วนกลางนี้ ก็จะช่วย Refresh ให้ร่างกายของคุณสดชื่นขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลยค่ะ
อาคาร C/ชั้น Rooftop เป็นอีก Main Facilities ของโครงการ เพราะเป็น Panoramic Pool ระบบเกลือที่มีความยาวสระถึง 30 เมตร กว้าง 5 เมตร ดีไซน์ขอบสระแบบ Infinity Edge ทำให้สามารถชมวิวเมืองได้แบบสุดสายตา พื้นที่ภายในสระยังมี Kid’s Pool และ Jacuzzi แบ่งส่วนเอาไว้ และจากชั้นนี้เดินขึ้นบันไดไปจะมี Panoramic View Deck เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดของโครงการค่ะ
Model โครงการจำลองส่วน Panoramic Pool และ Panoramic View Deck ชั้น Rooftop อยู่เหนือชั้น 31 ที่เป็น Main Facilities ของโครงการ เชื่อมต่อกันทั้ง 3 อาคารด้วย Sky Walk
ภาพบรรยากาศจำลองในมุมสูงของโครงการฝั่งทิศตะวันออก เห็นชั้น Rooftop ที่มี Panoramic Pool ขนาด 30 x 5 เมตร เหนือสระว่ายน้ำมี Panoramic View Deck เป็นจุดชมวิวสูงสุดของโครงการ มองลงมาที่ชั้น 31 คือ Main Facilities เชื่อมต่อกันทั้ง 3 อาคารด้วย Sky Walk
Panoramic Pool ขนาด 30 x 5 เมตร ดีไซน์แบบ Infinity Edge Pool สามารถเห็นวิวเมืองได้ไกลสุดสายตา รวมถึง Panoramic View Deck เหนือสระว่ายน้ำ เป็นจุดชมวิวสูงสุดของโครงการ
วิวเมืองและบ้านเรือนโซนรามคำแหงแบบ 360 องศา ที่เก็บภาพมาจาก Rooftop อาคาร C
อาคาร D/ชั้น 3 – 17 เป็น Typical Floor Plan มีการวางผังเหมือนกับอาคาร B และ C มีห้องพักอาศัยทั้งหมดเพียง 7 ยูนิต/ชั้นเช่นกัน
อาคาร D/ชั้น 18 – 30 ลักษณะของผังชั้นนี้จะเหมือนกับผังชั้น 3 – 17 เลย แต่จะแตกต่างกันตรงที่ขนาดห้องทางฝั่งทิศตะวันตก
อาคาร D/ชั้น 31 พื้นที่บางส่วนในชั้นนี้ถูกแบ่งออกไปเป็น Facilities ของโครงการ กั้นส่วนจากห้องพักอาศัยที่เหลือด้วยประตู Key Card เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในชั้นนี้ สำหรับ Facilities ในชั้นนี้จะมี O2 Lounge และ Kid’s Room ค่ะ
ถัดมาเป็น O2 Lounge ตกแต่งด้วยการดึงความเป็นธรรมชาติเข้ามามากขึ้น ด้วยเสาและฝ้าเพดานที่ดีไซน์เลียนแบบต้นไม้ รวมถึงไม้กระถางที่วางประดับไว้ตามมุมต่าง ๆ ของห้อง
ภายในห้องจัดเตรียมมุมรับรองไว้ให้หลายที่นั่ง และ ห้องนี้ก็ยังสามารถเห็นวิวบ้านเรือน วิวเมืองรามคำแหงได้กว้างเช่นเดียวกันค่ะ
ตรงข้ามกันจะเป็น Kid’s Room เป็นห้องสำหรับการเรียนรู้และการเข้าสังคมของเด็ก ๆ ด้วยของเล่นที่น่าสนใจ ตกแต่งอย่างน่าสนใจด้วยสีสันสดใส บุพื้นด้วยพรมเพื่อรองรับการกระแทก ภายในจะมีมุมนั่งเล่น, ของเล่น และ เครื่องเล่นเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก ๆ ไว้ให้อย่างครบถ้วนเลย
ส่วนอาคาร E นั้นจะเป็นอาคารจอดรถ 10 ชั้น โดยที่ชั้นดาดฟ้านั้นถูกออกแบบเป็น Green Space ประกอบด้วย Playground, Futsal และ Courtyard Garden
ชั้นดาดฟ้าของอาคาร E จะเป็นพื้นที่ Green Space ที่ประกอบไปด้วย Playground, Futsal และ Courtyard Garden บรรยากาศร่มรื่นด้วยไม้ยืนต้น พร้อมม้านั่งสำหรับพักผ่อนโดยรอบ
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ห้องพักอาศัยภายในโครงการโดดเด่นด้วยห้องที่มีหน้ากว้างถึง 8 เมตร ตกแต่งให้แบบ Fully Fitted ปูพื้นลามิเนตหนา 8 มม., ติดวอลเปเปอร์, ชุดครัว Hood – Hood – Sink, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, Smart Switch และ Digital Door Lock มีทั้งหมด 4 แบบหลัก ๆ ด้วยกันดังนี้ค่ะ
TYPE ST – 1 : Studio ขนาด 23.02 ตร.ม.
TYPE 1B – 2 : 1 Bedroom ขนาด 26.23 ตร.ม.
TYPE 1B – 7 : 1 Bedroom ขนาด 28.50 ตร.ม.
TYPE 1 BP : 1 Bedroom Plus ขนาด 37.00 ตร.ม.
TYPE 2B – 5 : 2 Bedroom ขนาด 42.50 ตร.ม.
TYPE 2B – 1 : 2 Bedroom ขนาด 42.57 ตร.ม.
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้เป็นห้อง TYPE 1B – 2 : 1 Bedroom 26.23 ตร.ม. และ TYPE 2B – 5 : 2 Bedroom ขนาด 42.50 ตร.ม. ไปชมรายละเอียดของห้องกันเลยค่ะ
::: TYPE 1B – 2 : 1 Bedroom 26.23 ตร.ม. :::
ขนาดของห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1 – 2 คน มีจุดเด่นตรงที่เป็นห้องที่มีหน้ากว้างถึง 8 เมตร ทำให้ภายในห้องได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติได้อย่างเพียงพอ และสามารถทำให้ระบายอากาศได้ดีอีกด้วย ฟังก์ชันภายในห้องถูกออกแบบมาอย่างเป็นสัดส่วน พอเข้าไปด้านในห้องจะเจอส่วน Living Area ประกอบด้วยส่วนรับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่น เชื่อมต่อกับห้องครัว, ห้องน้ำ และห้องนอน ซึ่งห้องครัวจะเป็นครัวเปิดอยู่ข้างระเบียงทำให้ระบายอากาศได้ดี และได้ห้องนอนที่กั้นส่วนออกไปด้วยผนังทึบจึงได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ถือว่าเป็นห้องขนาด 26.23 ตร.ม. ที่ดูกว้างขวางและลงตัวทีเดียว
ทางโครงการตกแต่งห้องให้แบบ Fully Fitted ในห้องนี้เราจะได้ พื้นลามิเนตหนา 8 มม., ติดวอลเปเปอร์, ชุดครัว Hood – Hood – Sink, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, Smart Switch และ Digital Door Lock
เราเข้าไปดูภายในห้องด้วยกันเลยค่ะ กลอนประตูเป็น Digital Door Lock 3 ระบบของ Secuon ใช้ได้ทั้งการ แตะคีย์การ์ด, กดรหัส และ ไขกุญแจ
เมื่อเราเข้ามาภายในห้องแล้ว ส่วนแรกจะเป็นโถง Living Area แบ่งเป็นพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ด้านข้างของประตูทางเข้า และถัดเข้าไปติดริมหน้าต่างเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่น ในห้องนี้เราจะได้วัสดุพื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังติดวอลล์เปเปอร์สีตามมาตรฐานโครงการ และฝ้าเพดานฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลต์ โดยมีความสูงจากฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.6 เมตร ส่วนเครื่องปรับอากาศจะมีให้ 2 เครื่องของ Daikin ติดเอาไว้ภายใน Living Area 1 ตัวและภายในห้องนอนอีก 1 ตัว
เราเข้ามาดูรายละเอียดและวิธีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในห้องกันต่อเลยค่ะ เริ่มจากมุมรับประทานอาหาร
ขนาดของพื้นที่สามารถรองรับชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้พอดี จะใช้พวกโต๊ะแบบพับได้เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ หรือจะใช้โต๊ะยาวแล้วนั่งหันหน้าเข้าผนังแทนก็ได้ค่ะ
จากพื้นที่รับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดริมหน้าต่างขนาดใหญ่ ทำให้ภายในห้องได้รับแสงสว่างอย่างเพียงพอ
ซึ่งตรงนี้มีหน้าต่างบานเลื่อนกรอบอะลูมิเนียมสีดำสามารถเปิดระบายอากาศได้
พื้นที่ส่วนนี้เราสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้พอดี พร้อมโต๊ะกาแฟอีก 1 ตัว โดยเราสามารถทำชั้น Built – in ด้านหลัง สำหรับวางของตกแต่งและเก็บของใช้เพิ่มเติมได้ นอกจากนี้พื้นที่นั่งเล่นยังมีระยะสำหรับดูทีวีกว้าง 1.6 เมตร เป็นระยะที่เหมาะสำหรับจอทีวีขนาด 32 – 40 นิ้วค่ะ
สังเกตที่ผนังฝั่งชั้นวางทีวี จะมีความกว้างประมาณ 1 เมตร ขนาดทีวีที่เหมาะสมจึงไม่ควรเกิน 40 นิ้วนะคะ ไม่เช่นนั้นจอทีวีจะเลยผนังออกมาทำให้ขวางทางเดินได้
จากส่วน Living Area เชื่อมต่อกับห้องครัวซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำและระเบียงพอดี เป็นข้อดีตรงที่แม้จะเป็นครัวแบบเปิด แต่ก็สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อช่วยระบายอากาศได้ค่ะ โดยที่ด้านข้างประตูระเบียงจะมีช่องว่างให้สามารถวางตู้เย็นขนาดมาตรฐานได้ 1 เครื่อง
หน้าตาของครัวที่ได้ค่ะ เราจะได้ทั้งเคาน์เตอร์ครัวและตู้ลอยเก็บของมาตามนี้ มีช่องสำหรับเก็บจานชามช้อนส้อมและชั้นวางไมโครเวฟ ยกเว้นชั้นลอยวางของฝั่งขวาที่ไม่ได้มาด้วย หน้าบานปิดผิวด้วย Hi Gloss สีขาว ติดตัวบานแบบ Soft Close เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และไม่ให้เกิดเสียงรบกวนเวลาปิด
Top ครัวปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์สีเทาซึ่งมีความทนทานสูง ส่วน Backsplash กรุด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.
ชุดครัวที่เราได้เป็นของ Franke ค่ะ ประกอบด้วย เตาเซรามิกขนาด 2 หัว
เครื่องดูดควันใช้ระบบดูดออกนอกอาคาร
และอ่างล้างจานขนาด 1 หลุมพร้อมก๊อกน้ำทรงสูงหมุนซ้าย – ขวาได้
อย่างที่บอกค่ะว่าครัวจะอยู่ติดกับระเบียงเลย สามารถเปิดประตูเพื่อระบายอากาศได้ พื้นที่ระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ติดราวกันตกลูกกรงเหล็กสีดำแบบนี้ ขนาดพื้นที่สามารถวางเครื่องซักผ้าและตากผ้าได้ มีการเดินท่อน้ำและติดก๊อกสนามเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
โดยพื้นที่ด้านข้างในแนวตั้งก็สามารถใช้แขวน Compressor ได้ค่ะ
จากระเบียงห้องมองออกไปเป็นวิวทางฝั่งทิศตะวันออก เราจะเห็นถนนรามคำแหงฝั่งขาออก, คลองแสนแสบ และอาคารด้านหลังของ The Mall บางกะปิ
เราเข้ามาดูภายในห้องน้ำกันต่อค่ะ มีการจัดโซนแยกส่วนแห้งและส่วนเปียก พื้นในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ส่วนผนังกรุด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ดูเรียบร้อย
สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำใช้ของ American Standard ทั้งหมดค่ะ เริ่มจากอ่างล้างมือเป็นอ่างแขวนผนังขนาดกระทัดรัด พร้อมกระจกเงาและก๊อกน้ำแบบก้านโยกมาตรฐาน มี Lower Wall ก่อมาให้สามารถใช้วางของได้สะดวก
ทางฝั่งซ้ายของห้องน้ำวางโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้น ระบบ Dual Flush ช่วยประหยัดน้ำได้ดี ติดตั้งมาพร้อมกับสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระ ที่ผนังด้านข้างติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้ และที่ฝ้าก็ติดพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วยค่ะ
ทางฝั่งขวาเป็นโซนอาบน้ำ ตรงนี้เราขอแนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำ Tempered Glass พร้อมมือจับของบานเปิดแบบตัว U เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานนะคะ
พื้นที่ภายในมีขนาดกำลังดีค่ะ สามารถยืนอาบน้ำได้สะดวก มีพื้นที่สำหรับวางชั้นวางสบู่ได้ โดยพื้นส่วนนี้ทำพื้นลดระดับลงไปเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนให้ด้วย
ผนังภายในติดตั้งชุด Hand Shower ขนาดใหญ่ พร้อมราวปรับระดับและจานวางสบู่มาให้
ภาพจากบริเวณโถงหน้าห้องครัวมองย้อนกลับมาภายใน Living Area เราจะเข้าไปดูภายในห้องนอนกันต่อค่ะ
ห้องนอน Type นี้ทำให้มีความเป็นส่วนตัวกว่าห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดเท่ากันโดยการกั้นส่วนห้องด้วยผนังทึบ เฉพาะขนาดของห้องนอนถือว่ามีสัดส่วนที่ใหญ่ทีเดียว
ช่องแสงภายในห้องมีขนาดใหญ่ค่ะ เป็นกระจกบานเลื่อนกรอบอะลูมิเนียมสีดำ
ภายในห้องจัดเตียงนอนขนาด 5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง เป็นขนาดที่กำลังพอดีกับพื้นที่ห้อง
หากว่าเราอยากจะติดทีวีแบบแขวนผนังก็ทำได้นะคะ ทางโครงการได้เดินงานระบบเอาไว้ให้แล้ว
และที่ผนังอีกฝั่งเรายังสามารถวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ได้แบบนี้เลย
โดยจะยังเหลือระยะสำหรับการยืนแต่งตัวหรือเปิดประตูตู้เสื้อผ้าได้สะดวกอยู่ค่ะ
สำหรับสวิตช์และปลั๊กไฟที่ใช้ภายในห้องจะเป็นของ Legrand ปุ่มกดมีขนาดใหญ่ทำให้ใช้งานได้สะดวก
และยังมี Smart Switch ระบบ Automation ให้ลูกบ้านสามารถสั่งเปิด – ปิดไฟและเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ผ่าน Application ของทางโครงการบน Smartphone ได้อีกด้วยค่ะ
::: TYPE 2B – 5 : 2 Bedroom ขนาด 42.50 ตร.ม. :::
สำหรับห้องนี้ก็คือว่าเป็นห้องที่มีหน้ากว้างและมีการแบ่งห้องอย่างเป็นสัดส่วนเช่นกัน ขนาดห้องสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 3 – 4 คนเลย พอเข้าไปด้านในห้องจะเจอส่วน Living Area ประกอบด้วย ส่วนครัว, ส่วนรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่น เชื่อมต่อกับห้องน้ำ และห้องนอนอีก 2 ห้อง โดยห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ
ทางโครงการตกแต่งห้องให้แบบ Fully Fitted ในห้องนี้เราจะได้ พื้นลามิเนตหนา 8 มม., ติดวอลเปเปอร์, ชุดครัว Hood – Hood – Sink, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, Smart Switch และ Digital Door Lock
เราเข้าไปดูภายในห้องด้วยกันเลยค่ะ ส่วนแรกจะเป็นโถง Living Area ขนาดใหญ่ แบ่งเป็นส่วนครัวอยู่ด้านข้างของประตูทางเข้า ถัดเข้าไปเป็นส่วนรับประทานอาหาร และพื้นที่ติดริมระเบียงเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่น
ในห้องนี้เราจะได้วัสดุพื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังติดวอลล์เปเปอร์สีตามมาตรฐานโครงการ และฝ้าเพดานฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลต์ โดยมีความสูงจากฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.6 เมตร ส่วนเครื่องปรับอากาศจะมีให้ 3 เครื่องของ Daikin ติดเอาไว้ภายใน Living Area 1 ตัวและภายในห้องนอนอีกห้องละ 1 ตัว
เราเข้ามาดูรายละเอียดและวิธีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในห้องกันต่อเลยค่ะ เริ่มจากส่วนครัวที่อยู่ข้างประตูทางเข้าห้องกันก่อน
สำหรับห้องนี้เราได้ครัวขนาดใหญ่ขึ้นค่ะ เป็นเคาน์เตอร์ L Shape มีพื้นที่ในการเก็บของและมีพื้นที่ในการเตรียมอาหารมากขึ้น และเราสามารถตั้งเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าไว้ที่ใต้เคาน์เตอร์ได้ด้วย โดยหน้าบานปิดผิวด้วย Hi Gloss สีขาว และติดตัวบานแบบ Soft Close
Top ครัวปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์สีเทา ส่วน Backsplash กรุด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ใช้ชุดครัวของ Franke ประกอบด้วย เตาเซรามิกขนาด 2 หัว, เครื่องดูดควัน
และอ่างล้างจานขนาด 1 หลุมพร้อมก๊อกน้ำทรงสูง
ถัดเข้าไปด้านในเป็นส่วนรับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่น
ถ้าวางโต๊ะแบบเข้ามุมแบบนี้จะสามารถจัดได้ 2 ที่นั่ง แต่ถ้าเลื่อนโต๊ะออกมาเหมือนในแปลน ก็สามารถจัดได้ถึง 4 ที่นั่งเลย โดยเราเลือกใช้โต๊ะที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ได้ค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดประตูบานเลื่อนของระเบียง ทำให้ภายในห้องได้รับแสงสว่างอย่างเพียงพอ พื้นที่ส่วนนี้เราสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกาแฟอีก 1 ตัวได้ มีระยะสำหรับดูทีวีกว้าง 1.7 เมตร เป็นระยะที่เหมาะสำหรับจอทีวีขนาด 40 – 47 นิ้วค่ะ
ขนาดโซฟา 2 ที่นั่งที่สามารถวางได้
ถ้าอยากใช้พื้นที่ฝั่งชั้นวางทีวีให้คุ้มหน่อยก็สามารถทำ Built In เต็มผนังเพื่อเก็บของได้นะคะ
สำหรับพื้นที่ระเบียงของห้องนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นพอสมควรเลย จะวางม้านั่งสำหรับพักผ่อนชมวิวเมืองเพิ่มก็ทำได้
จากห้องนี้เราได้วิวถนนรามคำแหงฝั่งขาเข้า มองไปด้านหลังก็จะเห็นคลองแสนแสบและ Makro ลาดพร้าว
ภาพจากระเบียงมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง
เราเข้าไปดูภายในห้อง Master Bedroom กันต่อค่ะ
ขนาดของ Master Bedroom ถือว่าใหญ่ทีเดียวเมื่อเทียบกับตารางเมตรรวมของห้อง สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ถึง 2 ฝั่ง พร้อมโต๊ะทำงาน และเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้
ขนาดเตียงนอน 5 ฟุตจะเป็นขนาดที่กำลังพอดีกับพื้นที่ห้องนะคะ
ปลายเตียงนอนเราสามารถเลือกใช้ทีวีแบบแขวนผนังได้
ฝั่งริมหน้าต่างเราสามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ด้วยค่ะ เพราะมีจุดที่เป็นผนังทึบอยู่
ส่วนมุมหน้าต่างตรงนี้เหมาะสำหรับจัดเป็นมุมนั่งทำงานหรือมุมโต๊ะเครื่องแป้งมาก เพราะได้แสงสว่างส่องเข้ามาโดยตรง โดยหน้าต่างระบายอากาศบานนี้จะเป็นบานเปิดนะคะ
มองย้อนกลับมาที่อีกฝั่งของห้อง บริเวณข้างประตูห้องน้ำก็สามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดมาตรฐานได้อีก 1 ตู้เลยนะคะ
ในห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำให้ในตัวเลย ภายในตกแต่งเหมือนกับห้อง 1 Bedroom แต่จะอัปเกรดสุขภัณฑ์บางชิ้นให้
อย่างอ่างล้างมือจะได้เป็นอ่างฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูปค่ะ มีขนาดใหญ่ ใช้งานสะดวกขึ้น ใต้อ่างก็สามารถเก็บของได้
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน
ด้านในเป็นโซนอาบน้ำ แนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานค่ะ
เรากลับมาที่บริเวณโถงทางเข้าห้อง จะเป็นส่วนของห้องน้ำรวมและห้องนอนรอง
ห้องน้ำนี้จะเป็นห้องที่ใช้ร่วมกันระหว่างแขกและคนภายในบ้าน มีการวางผังแตกต่างกันเล็กน้อยด้วยการขยับโซนอาบน้ำไปไว้ทางฝั่งซ้ายมือแทนค่ะ
แม้ว่าจะเป็นห้องนอนรองแต่ก็ถือว่าเป็นสัดส่วนห้องนอนที่มีขนาดใหญ่เหมือนกันค่ะ
ด้วยพื้นที่ของห้องสามารถรองรับเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้ หลาย ๆ ครั้งเราจะเห็นห้องนอนรองในคอนโดขนาด 40 กว่า ตร.ม. วางได้เฉพาะฐานเตียงขนาด 3.5 ฟุตเท่านั้น
ตรงนี้มีไอเดียในการจัดพื้นที่ห้องเพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจค่ะ โดยการวางตู้เสื้อผ้าหันหน้าเข้าหากำแพงอีกฝั่ง ทำให้ได้ Space คล้ายโถงทางเดินเข้าห้อง ส่วนพื้นที่ด้านหลังตู้เสื้อผ้าก็สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อีก 1 ตัว การจัดห้องแบบนี้ทำให้เราวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่กว่าการวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งแบบเรียงติดผนังได้
:::: ราคา (กรกฎาคม 2563) ::::
Exclusive Open House 29-30 ส.ค.นี้ | เราให้! ตามใจลูกค้า ฟรีแอร์ เฟอร์* ฟรีทุกค่าใช้จ่าย* เริ่ม 2.19 ล้านบาท*
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ คลิก https://bit.ly/3grCzee
* ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม *
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามคำแหง ระหว่างซอยรามคำแหง 85/2 และซอยรามคำแหง 87 ฝั่งขาออก ห่างจากแยกลำสาลี 300 เมตร ถือว่าเป็นทำเลศักยภาพอีก 1 ทำเล ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแบบฉบับคนเมือง ที่ชอบการใช้ชีวิตแบบรวดเร็ว เพราะอยู่ใกล้ทุกอย่าง ทั้งการเดินทางครบทั้งรถ – เรือ – ราง ใกล้ทางด่วน 3 สาย, ใกล้ท่าเรือ The Mall บางกะปิ 250 เมตร และ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีลำสาลี 300 เมตร ซึ่งเป็น Interchange Station ระหว่าง สายสีส้ม, สายสีเหลือง และสายสีน้ำตาลค่ะ
ถ้าใช้ทางออกด้านหลังโครงการก็สามารถใช้สะพาน The Mall ข้ามไป The Mall บางกะปิ, Makro ลาดพร้าว และตะวันนาได้ในระยะเดินเพียง 150 เมตรเท่านั้น และด้วยความที่เป็นทำเลที่อยู่ใกล้สถาบันชื่อดังถึง 4 สถาบัน จึงทำให้ย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสะดวกเลยค่ะ เพราะถนนรามคำแหงนั้นสามารถเชื่อมต่อกับถนนหลักได้หลายสาย โดยจุดที่โครงการตั้งอยู่นั้นสามารถเดินทางเข้าเมืองไปทาง พระราม 9, เพชรบุรี, เอกมัย, ทองหล่อ, สุขุมวิท และพระราม 4 ได้ง่าย ถ้ารถติดก็มีทางพิเศษศรีรัช, ทางพิเศษฉลองรัช และวงแหวนกาญจนาภิเษก ให้เลือกใช้งานได้ จุดขึ้นทางด่วนอยู่ในระยะใกล้มาก อยู่ในระยะ 3 – 7 กม. เท่านั้นค่ะ นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้ซอยลัดไปออกถนนใหญ่เส้นต่าง ๆ ได้อีกด้วย
การเดินทางโดยรถสาธารณะ การขนส่งสาธารณะของทำเลนี้นับว่าครบทุกอย่างจริง ๆ อย่างบนถนนรามคำแหงก็มีรถประจำทางวิ่งผ่านเยอะตลอดทั้งวัน เรียกแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ก็ง่าย ที่หน้าโครงการเองก็มีคิววินมอเตอร์ไซค์ให้เรียกใช้งานได้เลย
จากโครงการเดินไปเพียง 300 เมตรก็ถึงสถานีลำสาลี ซึ่งเป็น Interchange Station ระหว่าง สายสีส้ม, สายสีเหลือง และสายสีน้ำตาล หรือคนที่ชินการเดินทางด้วยเรือโดยสาร เดินไปไม่เกิน 250 เมตรก็ถึงท่าเรือ The Mall บางกะปิแล้ว ใครจะไปสนามบินสุวรรณภูมิก็นั่งวินไปที่ Airport Link สถานีหัวหมาก ระยะทางแค่ 3.5 กม. เอง
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ทั้งหมด 590 ยูนิต มีการแยกอาคารจอดรถ และแยกอาคารบริการและห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ ออกไปจากอาคารพักอาศัยเพื่อความเป็นส่วนตัว รวมทั้งหมด 5 อาคาร บนที่ดิน 3 – 2 – 69.6 ไร่ จากแนวคิดของโครงการ “กว้างกว่า ใกล้กว่า” ที่โดดเด่นด้วยทำเลของโครงการที่ใกล้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ถนนใหญ่, สถานที่สำคัญ หรือ Public Transport พร้อมห้องในโครงการที่มีหน้ากว้างถึง 8 เมตร และเชื่อมต่อการใช้งาน Facilities ให้สะดวกสบายด้วย Sky Walk ที่ชั้น 2 และชั้น 31 ไม่ต้องเดินออกจากอาคารเลย
ห้องภายในโครงการมีอยู่ด้วยกัน 4 แบบใหญ่ ๆ คือ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 23.02 – 42.82 ตร.ม. โดยห้องที่เราได้เข้าไปรีวิวในวันนี้เป็นห้อง 1 Bed และ 2 Bed ที่มีหน้ากว้าง 8 เมตร สามารถรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศได้ดี จัดฟังก์ชันได้ง่ายและลงตัวกว่าห้องหน้าแคบแต่ลึก ทำให้ห้องดูกว้างขวางทั้งที่ตัวเลขจริง ๆ ไม่ได้กว้างมาก และทำให้เราได้ Function การใช้งานที่ครบถ้วน แต่ราคาที่ต้องจ่ายไม่สูงมาก
สำหรับวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มากับห้องก็ตามมาตรฐานค่ะ ตกแต่งให้แบบ Fully Fitted ปูพื้นลามิเนตหนา 8 มม., ติดวอลเปเปอร์สีตามมาตรฐานโครงการ, ชุดครัว Hood – Hood – Sink ของ Franke พร้อมติด Backsplash, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ American Standard พร้อมเครื่องดูดอากาศ, เครื่องปรับอากาศของ Daikin, Smart Switch และ Digital Door Lock ของ Secuon
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ได้มาครบครัน เชื่อมต่อกันทั้ง 3 อาคารด้วย Skywalk ทั้ง Lobby, Co – Working Space, Fitness Room, Playground, Futsal, Courtyard Garden, Relaxing Room, Sky Lounge, O2 Creative Space, O2 Lounge, Theatre Room, Kid’s Room, Panoramic Pool 30 x 5 เมตร, Jacuzzi, Kid’s Pool, Panoramic View Deck, Access Card Control, CCTV และ รปภ. 24 ชม.
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1739
WEBSITE : https://bit.ly/3grCzee
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
แสดงความคิดเห็น