รีวิว คอนโด วิสซ์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ เพ็ทโทเปีย Whizdom The Forestias Petopia คอนโดมิเนียมที่ออกแบบเพื่อเพื่อนสี่ขาโดยเฉพาะ พร้อมวิวป่ากว่า 30 ไร่
Written by : Nin Yanin
สวัสดีค่ะผู้อ่าน Condonayoo ที่รักทุกคน วันนี้เราจะพาไปชมโครงการที่น่าจับตามองกัน นั่นก็คือ Whizdom The Forestias จาก MQDC กันค่ะ โครงการตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด ช่วง กม.7 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ใกล้แหล่ง Shopping ชั้นนำขนาดใหญ่อย่าง Mega บางนา และ Ikea บางนา รวมไปถึง Bitec บางนา, Bangkok Mall และ Central บางนา เชื่อมต่อ วงแหวนรอบนอกกาญจนาฯ, ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษบูรพาวิถี ได้สะดวก และใกล้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้มในอนาคต
วิสซ์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็น High Rise Condominium จำนวน 3 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 8-0-86.1 ไร่ แบ่งอาคารออกเป็น 2 โครงการ โครงการแรกคือ Destinia Tower สูง 50 ชั้น และ Mytopia Tower สูง 42 ชั้น และอีกโครงการคือ Petopia Tower สูง 43 ชั้น รวมทั้งหมด 1,119 ยูนิต
มีห้องพักอาศัยให้เลือกหลายขนาด ทั้ง 1 Bedroom, 2 Bedroom, 3 Bedroom, Duplex, Penthouse และ Forest Duplex Penthouse ขนาด 34-206 ตร.ม. โดย Destinia & Mytopia มีการออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคู่รัก หรือครอบครัวที่มีลูกเล็ก ส่วน Petopia จะมีออกแบบเพื่อกลุ่มคนที่รักและชื่นชอบสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
ภายใต้คอนเซปต์ “Feel the Wild” กลับสู่ชีวิต ใกล้ชิดธรรมชาติ ด้วยการออกแบบรูปแบบอาคารเพื่อตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีแบบองค์รวม ที่มุ่งให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งของผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ โครงการ โดยห้องตกแต่งให้แบบ Fully Fitted พร้อมกับระบบ Home Intelligent System คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2567 ค่ะ
โดดเด่นด้วยพื้นที่สีเขียว 56% และพื้นที่ป่ากว่า 30 ไร่ ของโครงการ The Forestias และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน อาทิ Forest Lobby, Breakfast Lounge, Jogging Track, Pet Playground, Pet Day Care, Meeting Room, Co-living Room, Forest Lounge, Swimming Pool, Steam Room, Fitness Room, Pet Playground/Pet Drinking & Waste Area, Relaxation Room, Sky Garden with Vegetable & Herb Corner และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ในราคาเริ่มต้นที่ 5.3 ล้านบาท*
เราไปชมกันเลยค่ะว่าโครงการนี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
Pre-sale 6-7 พ.ย. 64 ติดต่อสอบถามข้อมูลและนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้าชมแบบส่วนตัวได้แล้ววันนี้ที่ Call Center 1265 หรือลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3muVSIv
ชื่อโครงการ | วิสซ์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ Whizdom The Forestias |
เจ้าของโครงการ | เอ็มคิวดีซี (MQDC) |
เนื้อที่ทั้งหมด |
|
จำนวนตึก | 3 อาคาร |
จำนวนชั้น |
|
จำนวนห้อง |
|
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด |
|
จำนวนลิฟต์ |
|
โซน | บางนา-ตราด |
เส้นทางคมนาคม |
|
ที่ตั้ง | ถนนบางนา-ตราด กม.7 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ |
กำหนดการ |
|
ปีที่สร้างเสร็จ | คาดว่าแล้วเสร็จปี 2567 |
ราคา |
|
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม |
|
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
อื่นๆ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก | Destinia & Mytopia
Petopia
|
จุดเด่นของโครงการ | Whizdom The Forestias คอนโดมิเนียม High Rise บนทำเล NCBD ในย่านบางนา ท่ามกลางพื้นที่ป่ากว่า 30 ไร่ สำหรับคนรุ่นใหม่และสัตว์เลี้ยง พร้อมระบบ Home Intelligent System รองรับทุกไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตที่ดี เริ่ม 5.3 ล้านบาท* |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนบางนา-ตราด กม.7 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พิกัด : 13.653075, 100.663802
ทำเลที่ตั้ง โครงการ Whizdom The Forestias ตั้งอยู่ภายในโครงการ The Forestias บนถนนบางนา-ตราด กม.ที่ 7 ฝั่งขาเข้าเมือง จุดเด่นในย่านนี้คือเป็นทำเลฝั่งตะวันออกที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และถือเป็น New Central Business District ส่วนต่อขยายของตัวเมืองกรุงเทพฯ อีกแห่งหนึ่ง
โดยทำเลจะอยู่ใกล้ทางพิเศษบูรพาวิถี และวงแหวนกาญจนาภิเษก จึงเดินทางเข้า-ออก ตัวเมืองกรุงเทพฯ ได้สะดวก ถือเป็นทำเลที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่ในย่านบางนา ที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติและคุณภาพชีวิตเป็นหลัก
และทำเลนี้ยังถูกล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล และ สถานศึกษา มีระบบขนส่งสาธารณะคอยรองรับอย่าง Airport Link ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อ 3 สนามบิน ทั้ง สนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินอู่ตะเภา และการขยายสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นอีกเฟส เพื่อที่จะสามารถรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ทำเลนี้มีความคึกคักมากขึ้นเป็นพิเศษ และเป็นที่จับตามองของผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ด้วยค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ เส้นการเดินทางหลัก ๆ เลยก็จะเป็นถนนบางนา-ตราด ถือว่าเดินทางได้สะดวกเพราะเป็นถนนใหญ่ที่มีความคล่องตัวสูง โดยโครงการจะตั้งอยู่ฝั่งขาเข้าเมือง สามารถตรงเชื่อมถนนศรีนครินทร์ไปเทพารักษ์-พัฒนาการ และถนนสุขุมวิทวิ่งขึ้นไปทางอ่อนนุช-อโศก เข้าสู่ CBD ได้ไม่ยากค่ะ
ถ้ากลับรถไปฝั่งขาออกเมืองจะวิ่งผ่านฉะเชิงเทราไปถึงชลบุรีได้เลย โดยถนนบางนา-ตราดฝั่งนี้จะตัดกับวงแหวนกาญจนาภิเษกใช้วิ่งขึ้นไปทางรามคำแหงหรือข้ามฝั่งไปสุขสวัสดิ์ได้ และเชื่อมต่อกับถนนสุวรรณภูมิ 3 ใช้วิ่งเข้าสนามบินได้เลย โดยจะมีจุดกลับรถอยู่ไม่ไกลจากหน้าโครงการ
ทางด่วน จากตัวโครงการจะอยู่ไม่ไกลจากวงแหวนกาญจนาฯ ซึ่งเป็นตัวช่วยที่สำคัญเส้นหนึ่งในการเดินทาง ชิดซ้ายเอาไว้แล้ววนขึ้นทางยกระดับขึ้นวงแหวนกาญจนาฯ ไปได้เลย โดยจะมีทางแยกวิ่งลงไปทางพระราม 2 หรือขึ้นไปทางบางปะอิน โดยจุดที่เป็นทางแยกจะห่างจากโครงการเพียง 4.6 กม. เท่านั้น
ตัวช่วยในการเดินทางที่สำคัญอีกตัวหนึ่งก็คือทางพิเศษเฉลิมมหานคร เชื่อมต่อไปยังโซนต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ซึ่งจุดขึ้นทางด่วนนี้จะอยู่ห่างออกไปเพียง 6.7 กม. ค่ะ
:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ บนถนนบางนา-ตราดจะมีรถสาธารณะวิ่งผ่านตลอดเวลาค่ะ ไม่ว่าจะเป็น วินมอเตอร์ไซค์, รถเมล์ หรือ รถแท็กซี่ ก็สามารถเรียกใช้บริการได้ง่าย หรือจะใช้แอปพลิเคชัน Grab Taxi และ Line Taxi เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว แต่ทุก ๆ อย่างจะง่ายขึ้น เพราะในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านหน้าโครงการ เป็น รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วง สถานีบางนา-สุวรรณภูมิ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีบางแก้ว ค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ ส่วนที่น่าสนใจที่สุดในย่านนี้เลยก็จะเป็น Area บริเวณ Mega บางนา และ Ikea บางนา ซึ่งอยู่ห่างออกจากตัวโครงการออกไปเพียง 4.5 กม. เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นศูนย์การค้าแนวราบที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนแล้ว และตอนนี้ยังมีประกาศเดินหน้าโครงการ Mega City ซึ่งเป็นโปรเจกต์อสังหาฯ แบบมิกซ์ยูส ครอบคลุมตั้งแต่พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย, ออฟฟิศสำนักงาน, แหล่งชอปปิง, ร้านอาหารชื่อดัง และสถานที่ให้ได้ใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์อันหลากหลายอย่างครบวงจร
แต่ถ้าอยากไปห้างขนาดกลาง ๆ เดินชิลล์ ๆ ง่าย ๆ บนเส้นบางนา-ตราด ก็จะมี Central บางนา และ Index Living Mall ในอนาคตจะมี Bangkok Mall มาเปิดตรงแยกบางนาอีกด้วย มี Hypermarket อย่าง Makro, Market Village, Home Pro และ Tesco Lotus ออกไปทางถนนศรีนครินทร์ มีทั้ง Tesco Lotus, Major Cineplex, Parkland และ Foodland เลยไปอีกบนเส้นสุขุมวิทก็จะมีทั้งตลาดสด, Big C สำโรง และอิมพีเรียลสำโรงค่ะ
และที่สำคัญเลยก็คือ ภายในโครงการ The Forestias เองยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Community Mall, โรงภาพยนตร์, Supermarket, พื้นที่สำนักงาน, Community Center, Town Center ที่มีร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร Sport Complex ตลาด และพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ รวมไปถึงศูนย์การแพทย์และสุขภาพขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าโครงการอีกด้วย เรียกว่าในโครงการนี้มีครบทุกอย่าง รองรับการใช้ชีวิตให้สะดวกสบายแล้วค่ะ
:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
อื่นๆ
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
เรามีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาให้ชมกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ทางพิเศษบูรพาวิถี > ถนนบางนา-ตราด > กลับรถ > โครงการ The Forestias
เราเริ่มต้นการเดินทางจากบนทางพิเศษบูรพาวิถีขาออกเมืองมุ่งหน้าไปทางชลบุรีค่ะ เราจะขับผ่าน Central บางนา ทางฝั่งซ้ายมือ
จากนั้นให้เราลงจากทางด่วนที่ทางออก 7 ไปทางบางแก้ว
พอลงจากทางด่วนมาแล้วให้เราชิดขวาเอาไว้เพื่อขึ้นสะพานกลับรถไปฝั่งขาเข้าเมือง
ขับขึ้นสะพานกลับรถค่ะ
บนสะพานกลับรถจะมีทางแยก ถ้าออกซ้ายจะเข้า Mega & Ikea บางนา ให้เราชิดขวาเอาไว้
ลงจากสะพานกลับรถแล้วให้วิ่งตรงไปเรื่อย ๆ ทางฝั่งซ้ายเราจะผ่านไทวัสดุ
จากนั้นให้เราชิดซ้ายเอาไว้ตามป้าย เทพารักษ์-บางกะปิ-บางนา
สักพักเราจะเห็นรั้วของโครงการ The Forestias ทางฝั่งซ้ายมือ
ทางเข้าของโครงการ The Forestias จะอยู่ถัดไปค่ะ ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย
จากนั้นจะมีถนนภายในโครงการนำเข้าไปถึงพื้นที่แต่ละส่วนภายใน มีการตกแต่ง 2 ข้างทางด้วย Landscape สไตล์ป่าในธรรมชาติ เพื่อให้เห็นภาพและบรรยากาศความร่มรื่นในการอยู่อาศัยภายในโครงการ
โดยจะนำเราเข้าไปถึง The Forest Pavilion ซึ่งปัจจุบันเป็น Sales Gallery ของโครงการภายใน The Forestias ทั้งหมดค่ะ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
สำหรับโครงการ The Forestias จะตั้งอยู่ติดถนนบางนา-ตราด พื้นที่รอบ ๆ โครงการโดยส่วนมากจะเป็นโครงการบ้านจัดสรรและพื้นที่ดินเปล่าค่ะ
ติดกับทางเข้าโครงการจะเป็นถนนบางนา-ตราด ซึ่งโครงการจะอยู่ช่วง กม.ที่ 7 พอดี
หน้าโครงการมีทางเท้าที่กว้างขวางเดินได้สะดวก ติดกับโครงการทางฝั่งตะวันออกจะเป็นกลุ่มอาคารคอนโดมิเนียม ถัดไปเป็นไทวัสดุ และ Mega บางนา ค่ะ
ส่วนทางฝั่งตะวันตกติดกับปั๊มน้ำมัน ปตท.
เราตรงเข้ามาด้านในโครงการ The Forestias ส่วนแรกจะเป็น Forest Pavilion ซึ่งเป็น Sales Gallery ของโครงการภายใน The Forestias ทั้งหมด
สำหรับ Sales Gallery ของโครงการ Whizdom the Forestias จะอยู่บนชั้น 2
ภาพบรรยากาศภายใน Sales Gallery ของโครงการ Whizdom the Forestias ตอนนี้เปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างแล้วนะคะ
ติดกันเป็น Cafe สำหรับรองรับแขกที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการ ได้บรรยากาศสไตล์ซาฟารี
ออกมาจากอาคาร The Forest Pavilion จะเห็นว่าโดยรอบมีการจัด Landscape ให้เห็นพื้นที่ป่าภายในโครงการบางส่วน และมีทางเดินโดยรอบไปตามส่วนต่าง ๆ ของป่า ให้ผู้อยู่อาศัยภายในโครงการได้อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
รวมไปถึง Canopy Walk ทางเดินสำหรับชมธรรมชาติและป่า 30 ไร่ในมุมสูง ที่มีความยาวถึง 1.6 กม.
:::: ตัวโครงการ ::::
สำหรับโครงการ Whizdom the Forestias นั้นจะเป็น High Rise Condominium ทั้งหมด 3 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 8-0-86.1 ไร่ แบ่งอาคารออกเป็น 2 โครงการ โครงการแรกคือ Destinia Tower สูง 50 ชั้น และ Mytopia Tower สูง 42 ชั้น จำนวน 825 ยูนิต บนที่ดินโครงการขนาด 5-3-96.2 ไร่ และอีกโครงการคือ Petopia Tower สูง 43 ชั้น จำนวน 294 ยูนิต บนที่ดินโครงการขนาด 2-0-89.9 ไร่ รวมทั้งหมด 1,119 ยูนิต
โดยโครงการมีการผสานนวัตกรรมเพื่อตอบสนองทุกฟังก์ชันของการใช้ชีวิต และเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เข้ากับธรรมชาติ ภายใต้คอนเซปต์ “Feel the Wild” ด้วยการออกแบบรูปแบบอาคารเพื่อตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีแบบองค์รวม ที่มุ่งให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งของผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ โครงการ
ที่สำคัญเลยก็คือโครงการ Whizdom The Forestias ยังผ่านการออกแบบที่ตั้งใจให้ได้มาตรฐานอาคารเขียวไทย (TREES) ในระดับ Gold โดยใช้วัสดุท้องถิ่น และมีการปรึกษาอย่างเป็นระบบ เพื่อนำเทคนิคในการลดการใช้น้ำมาใช้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร รวมถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าอีกด้วย
และนี่คือผังรวมของโครงการ Whizdom the Forestias นะคะ ซึ่ง Destinia และ Mytopia Tower จะใกล้กับ Town Centre และในส่วนของ Petopia Tower จะใกล้กับพื้นที่สีเขียวที่เป็นหัวใจของโครงการ The Forestias ทั้งนี้การวางตัวอาคารจะหันหน้าเข้าสู่ผืนป่า จากชั้นบน ๆ ของอาคารจะได้วิวป่าสวยในมุมกว้าง ซึ่งจะแตกต่างชั้นล่าง ๆ ที่จะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน
ส่วนอาคารจอดรถหรือ Automated Parking จะอยู่ฝั่งด้านข้างของอาคารเพื่อไม่ให้บังวิวของห้องพักอาศัย และมี Conventional Parking ชั้นใต้ดินจัดเอาไว้ให้เป็นทางเลือกให้กับ Super Car ซึ่งมีแสงธรรมชาติส่องถึง รวมแล้วทั้งโครงการให้ที่จอดรถมามากถึง 100% เลยค่ะ นอกจากนี้ยังมี EV Charger สำหรับรถยนต์ระบบไฮบริด และมีพื้นที่ล้างรถจัดเอาไว้ให้อีกด้วย
การออกแบบรูปลักษณ์อาคาร จะออกแบบ Façade โดยยึดคอนเซปต์ Mega Frame เป็นตัวเชื่อมโยงตัวอาคารทุกชั้นเข้าด้วยกัน เริ่มต้นจากส่วนที่เป็นโพเดียม เชื่อมโยงกับตัวอาคารด้านบนจนถึงจุดสูงสุด โดยตัวอาคารทั้งหมดจะใช้เป็นสีเทาเข้ม เพื่อไม่ให้ดูโดดเด่นและแข่งกับจากธรรมชาติมากจนเกินไป
สำหรับ Destinia และ Mytopia Tower จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคู่รักหรือครอบครัวที่มีลูกเล็ก (Young Modern Family) มีพื้นที่ธรรมชาติที่เติมเต็มพัฒนาการของเด็ก การดีไซน์พื้นที่นั้นจะเน้นความเป็นอิสระและได้ความเป็นส่วนตัวในเวลาเดียวกัน ทั้งยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่สนับสนุนการทำกิจกรรมของครอบครัว และการทำกิจกรรมที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง
ส่วน Petopia Tower จะมีการออกแบบอาคารที่เหมาะสมกับคนและสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพื่อให้กลุ่มคนที่รักและชื่นชอบสัตว์เลี้ยงได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ถูกสุขลักษณะ และปลอดภัย โดยจะเป็นโครงการที่เรามาชมรายละเอียดกันต่อไปค่ะ
เริ่มจากที่ชั้น 1 จากจุด Drop-off เข้าสู่ Forest Lobby ด้วย Double Gate เป็นประตู 2 ชั้นเพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงไม่ให้ออกมาที่ Drop-off ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ Breakfast Lounge ออกแบบให้มีฝ้าเพดานสูง และเปิดรับวิวสวนด้วยผนังกระจกขนาดใหญ่ ภายในมี Vending Machine จำหน่ายอาหารทั้งของคนและสัตว์เลี้ยง และ Pet Day Care สำหรับฝากสัตว์เลี้ยงในวันที่เราไม่อยู่บ้าน และมีบันไดเดินเชื่อมต่อขึ้นไปยังพื้นที่บนชั้น 2 ส่วนพื้นที่ข้าง ๆ กับ Forest Lobby จะเป็นส่วนของ Waiting Lounge ซึ่งเป็นห้องรับรองสำหรับผู้ที่รอรถจากที่จอดรถระบบอัตโนมัติค่ะ
ส่วนพื้นที่ภายนอกติดกับสวนจะมี Jogging Track ยาว 150 เมตร สำหรับวิ่งออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กับสัตว์เลี้ยงได้ ในบริเวณเดียวกันยังมี Pet Playground พื้นที่เฉพาะให้สัตว์เลี้ยงได้วิ่งเล่นและออกกำลังกายเช่นกัน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างจุดดื่มน้ำและจุดขับถ่ายสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะตั้งอยู่ในทุก ๆ ระยะ 50 เมตร เพื่อสุขอนามัยที่ดี โดยพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่เลือกใช้ภายในสวนเองก็จะเป็นไม้ไม่มีพิษ ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยงของเราค่ะ
ภาพจำลองบรรยกาศภายใน Forest Lobby เชื่อมต่อกับส่วน Breakfast Lounge ออกแบบให้มีฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume มีความโปร่งโล่ง รับแสงและวิวจากภายนอกได้อย่างเต็มที่ด้วยผนังกระจกบานใหญ่สูงถึงฝ้าเพดาน ภายในตกแต่งด้วยโทนสีที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ มีการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง แต่ทนต่อรอยขีดข่วนและสิ่งสกปรกได้ดี ส่วนเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดก็ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยง เช่น โคมไฟตั้งพื้นมีเชือกเอาไว้ให้แมวลับเล็บได้
ภาพจำลองบรรยกาศภายในส่วน Breakfast Lounge
ชั้น 2 เป็นส่วนของ Meeting Room และ Co-living Room ส่วน Forest Lounge จะยกระดับขึ้นไปเล็กน้อยเป็นชั้นลอย เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์ ทำงาน และผ่อนคลาย
ภาพจำลองบรรยากาศจากภายนอกอาคาร มีการออกแบบให้พื้นที่บนชั้น 2 เหมือนเป็นกล่องกระจกลอยอยู่กลางอากาศ
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Co-living Room เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับนั่งทำงานและอ่านหนังสือ และยังเป็นห้องเฉพาะสำหรับน้องแมว ที่เจ้าของสามารถปล่อยให้น้องแมววิ่งเล่นภายในห้องได้อย่างอิสระ
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Meeting Room ภายในห้องสามารถจุได้มากถึง 20 คน มีการใช้จอโทรทัศน์แบบแขวนเพื่อไม่ให้บดบังทิวทัศน์ ตกแต่งห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีคาราเมลและโต๊ะหน้าไม้เพื่อให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติเข้า ที่สำคัญ เรายังสามารถนำสัตว์เลี้ยงทั้งน้องแมวและสุนัขเข้ามาในห้องประชุมนี้ได้อีกด้วยนะคะ
ชั้น 3, 5 เป็นส่วนของชั้นพักอาศัย ซึ่งจะเป็นห้องแบบ Duplex ซึ่งในชั้นนี้มีจำนวนเพียง 5 ห้องเท่านั้นค่ะ
ชั้น 4, 6 เป็นชั้นบนของห้องพักอาศัยในชั้น 3 และ เราสามารถเข้า-ออกห้องผ่านทาง Corridor ของชั้นนี้ได้เช่นกัน
ชั้น 8 เป็นชั้นของ Facilities ประกอบด้วย Swimming Pool, Kids Pool, Changing Room, Fitness Room, Relaxation Room และ Pet Playground นอกจากนี้ยังมี Laundry พร้อมเครื่องซักผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงให้ 1 เครื่องด้วย
ภาพบรรยากาศจำลองในส่วน Swimming Pool ด้วยสระว่ายน้ำที่มีความยาวถึง 29 เมตร ท่ามกลางวิวของผืนป่า 30 ไร่ ของ The Forestias นอกจากนี้ยังมีสระเล็ก ขนาด 5 x 4.5 เมตร สำหรับเด็ก และ Jacuzzi อีกด้วย
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Fitness Room ครบครันด้วยเครื่องออกกำลังกายสำหรับคน Active มุมกระจกภายในห้องได้วิวของผืนป่าจนรู้สึกเหมือนกับว่าได้วิ่งอยู่ท่ามกลางต้นไม้
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Relaxation Room เป็นห้องให้เจ้าของได้นั่งพักผ่อนและมองดูสัตว์เลี้ยงของตัวเองที่วิ่งเล่นอยู่ในส่วน Pet Playground ซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะของสุนัขเท่านั้นค่ะ
ชั้น 9, 11, 12A, 15, 17, 20, 23, 26, 29, 32, 35 จะเป็นชั้นพักอาศัย มีห้องพักอาศัยอยู่ 9 ห้อง/ชั้น ซึ่งทางโครงการวางผังอาคารโดยให้ Service Core อยู่ตรงกลางแล้วล้อมด้วยห้องพักอาศัย ทำให้ได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะเวลาเปิดประตูออกมาจากห้องจะไม่เจอกับใคร
ชั้น 10, 12, 14, 16, 18, 21, 22, 24, 25, 27, 28, 30, 31, 33, 34, 36, 37
ชั้น 38, 40 มีจำนวนยูนิตพักอาศัยอยู่ที่ 9 ห้อง/ชั้น เช่นกัน แต่ห้องที่เป็นสีม่วงจะเป็นห้องแบบ Duplex ค่ะ
ชั้น 39, 41 มีห้องพักอาศัยเพียง 4 ห้อง/ชั้น ส่วนห้องที่เป็นสีเทาคือพื้นที่ชั้นบนของห้องในชั้น 38, 40
ชั้น 42-43 เป็นส่วนของ Penthouse มีทั้งหมดเพียง 3 ห้อง/ชั้น เท่านั้นค่ะ
Roof Deck ชั้นดาดฟ้าของอาคาร Petopia จะเป็นส่วนของ Sky Garden และ Pavilion เป็นจุดสูงสุดของโครงการที่สามารถชมวิวได้ นอกจากนี้ยังมี Vegetable & Herb Corner เป็นเสมือนสวนครัวที่ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ฝึกฝนและทดลองการปลูกพืชผักที่เก็บไปรับประทานกันได้
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
สำหรับห้องพักอาศัยภายในโครงการ Whizdom the Forestias จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 แบบดังนี้ค่ะ
1 Bedroom Type 3A1 : 34.98 ตร.ม.
1 Bedroom Type 3A2B : 42.79 ตร.ม.
2 Bedroom Type 3B1A : 58.46 ตร.ม.
2 Bedroom Type 3B2 : 78.38 ตร.ม.
3 Bedroom Type 3C1 : 98.16 ตร.ม.
1 Bedroom Type 3D1 : 60.55 ตร.ม.
3 Bedroom Type 3D2 : 105.88 ตร.ม.
3 Bedroom Type 3D3 : 142.56 ตร.ม.
4 Bedroom Type 3D4 : 163.40 ตร.ม.
1 Bedroom Type 3FP1 : 73.57 ตร.ม.
3 Bedroom Type 3FP2 : 119.28 ตร.ม.
3 Bedroom Type 3FP3 : 127.49 ตร.ม.
3 Bedroom Type 3FP4 : 124.94 ตร.ม.
3 Bedroom Type 3PH1 :172.27 ตร.ม.
3 Bedroom Type 3PH2 :154.45 ตร.ม.
4 Bedroom Type 3PH3 :205.49 ตร.ม.
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
วันนี้เรามีห้องตัวอย่างของ Petopia Tower มาให้ชมกัน 1 ห้องค่ะ เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 42.79 ตร.ม. และเรายังมีของแถมเป็นห้องตัวอย่างของ Destinia Tower มาให้ชมเพิ่มด้วยอีก 1 ห้อง เป็นห้อง Duplex 3 Bedroom ขนาด 104 ตร.ม. ไปชมกันเลยค่ะ
::: Petopia : 1 Bedroom ขนาด 42.79 ตร.ม. :::
เริ่มจากห้อง 1 Bedroom ขนาด 42.79 ตร.ม. เข้ามาด้านในห้องส่วนแรกจะเป็นโถงทางเดิน ทางฝั่งซ้ายคือห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำแบบ Jack and Jill ทางฝั่งขวาคือห้องครัวแบบปิด จากโถงทางเดินเชื่อมสู่ Living Area ประกอบด้วย ส่วนรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกับระเบียงห้อง ส่วนห้องนอนจะถูกแยกส่วนออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัว พร้อม Walk-in Closet ให้ในตัว โดยทางโครงการจะตกแต่งห้องมาแบบให้แบบ Fully Fitted ค่ะ
มาดูบรรยากาศจริงภายในห้องตัวอย่างกันค่ะ เริ่มจากประตูทางเข้าห้องปิดผิวด้วยลามิเนตพร้อมเจาะตาแมวให้ มีการติดตั้ง Door Seal และ Drop Seal เพื่อป้องกันเสียงจากโถงทางเดินเข้าห้องพัก
ส่วนมือจับประตูเป็น Digital Door Lock ให้เป็นของ Yale ค่ะ
เข้ามาภายในห้องส่วนแรกจะเป็นโถงทางเดิน ทางฝั่งซ้ายคือห้องน้ำ และทางฝั่งขวาคือห้องครัว โดยพื้นที่ส่วนนี้จะถูกออกแบบมาให้เหมือนเป็น Foyer ซึ่งเป็นจุดเบรกก่อนเข้าพื้นที่ด้านในห้อง ทางโครงการเลยเลือกปูพื้นด้วยกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60 x 60 ซม. เพื่อให้สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดพวกคราบดินและฝุ่นจากภายนอกได้ง่าย
ในส่วนนี้จะมีตู้เก็บของ Built-in มาให้ 2 จุดระหว่างประตูห้องน้ำนะคะ
จุดแรกหน้าห้องเป็นตู้เก็บของที่ใช้เป็นส่วน Laundry สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ โดยจะมีราวแขวนเสื้อผ้าและชั้นเก็บของให้ด้านบน ตัวบานเปิดของพวก Built-in นี้จะใช้แบบ Soft Close ทั้งหมดนะ
ถัดมาเป็นตู้สำหรับเก็บรองเท้าและ Pet Cabinet สำหรับเก็บของของสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา, อาหาร, ขนม, เสื้อผ้า, สายจูง เป็นต้น
สังเกตที่ผนังด้านข้างนะคะ ตรงนี้จะมี Hook สำหรับคล้องสายจูงของสัตว์เลี้ยงเวลาที่กลับเข้ามาภายในห้องได้ ซึ่งการออกแบบของ Hook จะทำเป็นขด เผื่อเวลาที่สัตว์เลี้ยงวิ่งออกไปก็จะช่วยลดแรงกระชากได้ส่วนหนึ่ง
หันไปมองอีกฝั่งจะเป็นส่วนของห้องครัวค่ะ ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นครัวปิด จึงช่วยกันกลิ่นจากการปรุงอาหารไม่ให้ออกมาที่ส่วน Living Area ได้ โดยจะกั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกรอบอะลูมิเนียมติดกระจกใส ผนังอีกด้านก็ยังเจาะช่องแสงติดกระจกใสให้ เพื่อให้พื้นที่ภายในห้องดูโปร่งและเชื่อมต่อกันมากขึ้น และเพื่อให้ห้องครัวเองได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่
ภายในห้องครัวมีขนาดกำลังดี ถือว่าใหญ่พอสมควรสำหรับห้องขนาด 1 ห้องนอนนะคะ ที่พื้นและผนังจะตกแต่งด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนเพื่อให้สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดพวกคราบอาหารได้ง่าย โดยเลือกใช้กระเบื้องที่มีความหยาบผิวหรือค่ากันลื่นอยู่ที่ R10 ซึ่งช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้มได้
ส่วนเคาน์เตอร์ครัวที่ได้มากับห้องจะเป็นเคาน์เตอร์รูป L Shape ของ RCD มีขนาดใหญ่กำลังดี มีตู้และลิ้นชักให้ค่อนข้างเยอะสามารถเก็บของได้สะดวก
โดย Top เคาน์เตอร์ครัวจะใช้หินควอทซ์มาตรฐาน Food Grade มีความทนทาน แข็งแรง และปลอดภัย มี Hob, Hood และ Sink ติดตั้งมาให้ ก็ยังเหลือพื้นที่ในการเตรียมอาหารและวางเตาไมโครเวฟได้ค่ะ
เตาไฟฟ้าที่ได้เป็นเตาเซรามิกขนาด 2 หัวของ Frank
และอ่างล้างจานขนาด 1 หลุมของ Frank เช่นกัน
ในตู้ลอยจะมีตู้ไฟซ่อนเอาไว้อยู่เพื่อความเรียบร้อยของห้องค่ะ
จากโถงทางเดินเชื่อมต่อเข้ามาภายใน Living Area ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้รวมถึงภายในห้องนอนจะปูด้วยพื้น SPC แบบ Click Lock หนาประมาณ 5.5 มม. มีความคงทนแข็งแรง มีผิวสัมผัสที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน และยังเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงของเรา เวลาเดินสามารถเดินได้เต็มอุ้งเท้าไม่ลื่น แถมยังช่วยดูดซับแรงกระแทก ทำให้น้อง ๆ ไม่มีปัญหาเรื่องข้อต่อในระยะยาวค่ะ
ผนังห้องเป็นผนังฉาบเรียบทาสี ซึ่งจะมี Air Gap ระหว่างผนังแต่ละยูนิตทำให้เสียงของสัตว์เลี้ยงแต่ละห้องจะไม่ดังรบกวนกัน พร้อมติดบัวผนังดีไซน์พิเศษที่ช่วยป้องกันการสะสมของขนสัตว์เลี้ยงได้ ส่วนฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีติดดวงโคมดาวน์ไลต์ให้ มีความสูงอยู่ที่ 2.8 เมตร ทำให้ห้องดูโปร่ง
ในส่วนแรกติดกับผนังห้องครัวเราจัดเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้ ถ้าใครที่ชอบโต๊ะขนาดใหญ่หน่อยแต่ก็ยังอยากประหยัดพื้นที่ การเลือกใช้โต๊ะแบบพับได้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ
สังเกตด้านหลังโต๊ะรับประทานอาหาร จะเห็นว่าการติดตั้งปลั๊กไฟภายในห้องนี้ ว่ามีการติดให้สูงขึ้นมาจากพื้นทุกจุดเพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงค่ะ
ถัดเข้ามาด้านใน ส่วนที่อยู่ติดกับระเบียงห้องจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น
ในส่วนนี้เราจัดโต๊ะขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีได้ลงตัวสบาย ๆ ใครมีสัตว์เลี้ยงก็เป็นจุดที่ดีที่จะวางที่นอนเล็ก ๆ ให้น้องมานอนพักผ่อนชมวิวผ่านระเบียงได้ด้วย
จากส่วนนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงด้วยประตูบานเลื่อนกระจกบานใหญ่ ทำให้ภายในห้องได้รับแสงสว่างอย่างเต็มที่ โดยใช้บานกรอบอะลูมิเนียมติดกระจก IGU เพื่อช่วยป้องกันเสียงและป้องกันความร้อนเข้าห้องพัก
ซึ่งในส่วนนี้จะมีดีเทลที่น่าสนใจอยู่ตรงนี้ค่ะ ก็คือ Wicket door เป็นประตูบานเล็กที่ให้สัตว์เลี้ยงของเราเดินออกไปยัง Pet Cage บริเวณระเบียงด้านนอก เพื่อให้สัตว์เลี้ยงได้ออกไปขับถ่ายนอกห้อง ซึ่งเป็นการช่วยลดกลิ่นสะสมในห้องพักได้ดี
Pet Cage ติดตั้งลูกกรงเอาไว้ให้กันสัตว์เลี้ยงปีนระเบียง นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ให้น้องแมวมานั่งส่องนกได้ด้วยนะ
เราจะเห็นว่าที่ระเบียงนั้นไม่มี CDU ติดตั้งอยู่เลย เพราะว่าแอร์ที่ใช้จะเป็นระบบท่อน้ำเย็นที่ส่งมาจากส่วนกลางของโครงการ (Central Utility Plant) ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ระเบียงที่มีความกว้าง 1 เมตรได้อย่างเต็มที่ สำหรับ CUP นี้ยังมีการสำรองพลังงานเอาไว้เผื่อในเวลาฉุกเฉิน เวลามีพายุเข้าแล้วไฟดับไป แอร์ภายในห้องของเราก็จะยังสามารถทำงานได้อย่างปกติ ไม่รบกวนการพักผ่อนของเราค่ะ
ภาพจากมุมระเบียงมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง
เราเข้ามาดูภายในห้องนอนกันต่อค่ะ ในห้องนี้เราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่มาเช่นกัน และมีหน้าต่างบานกระทุ้งติดตั้งมาให้เพื่อให้เปิดระบายอากาศได้ ซึ่งก็จะใช้กระจก IGU เช่นกัน
พื้นที่ภายในห้องนอนถือว่ามีขนาดกำลังดีเลย เราสามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างได้ลงตัว
ถ้าใครที่ชอบดูทีวีตอนนอนก็สามารถติดทีวีแบบแขวนผนังฝั่งปลายเตียงได้ ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านได้สะดวกนะ
ส่วนอีกฝั่งของห้องจะเป็นส่วนของ Walk-in Closet และห้องน้ำค่ะ
ในห้องนี้เราจะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in เป็นรูป L Shape ค่ะ หน้าบานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนต ภายในก็จะมีราวแขวนเสื้อผ้าสำหรับเดรสยาวหรือ Jumpsuit, ลิ้นชัก และชั้นวางของให้แบบนี้
ภายในตู้เสื้อผ้าอีกฝั่ง มีราวแขวนเสื้อผ้าให้ 2 ระดับ ไว้แขวนพวกเสื้อแยกกับกระโปรง-กางเกง
ตามที่บอกไปเมื่อตอนต้นว่าห้องน้ำจะเป็นแบบ Jack and Jill คือเข้า-ออกได้ 2 ฝั่ง ทั้งจากฝั่งโถงทางเข้าห้องและจากฝั่งห้องนอน ภายในตกแต่งพื้นและผนังด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินธรรมชาติ ส่วนสุขภัณฑ์จะใช้ของ Kohler ทั้งหมด
เริ่มจากอ่างล้างมือเป็นอ่างฝังบนเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ พร้อมก๊อกน้ำล้างมือและกระจกเงา ใช้ Top หินควอทซ์ ส่วนใต้เคาน์เตอร์มีตู้เก็บของให้
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ Wall Hung ระบบ Dual Flush ดูสวยงาม พร้อม Accessories ประกอบการใช้งาน
และอีกส่วนคือโซน Shower ซึ่งในส่วนนี้จะติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำ Tempered Glass, ที่ผนังติดตั้งฝักบัวอาบน้ำพร้อมราวปรับระดับ และเจาะผนังเป็นชั้นวางของ และบนฝ้าเพดานติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้ ส่วน Floor Drain จะเลือกใช้แบบ 3 ชั้นเพื่อกรองขนสัตว์เวลาอาบน้ำให้น้อง ๆ
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งที่นั่งอาบน้ำสัตว์เลี้ยงในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งาน มี Hook สำหรับเกี่ยวสายจูงติดตั้งมาให้เพื่อป้องกันไม่ให้น้อง ๆ วิ่งหนีออกนอกห้อง
และยังมีฝักบัวอาบน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่ออกแบบมาให้สามารถถือและกดมือเดียวได้สะดวก
นอกจากนี้ภายในห้องพักอาศัยทุกห้องจะติดตั้ง ERV ของ Panasonic มาให้ที่ห้องนั่งเล่น และ Fresh Air Fan ที่ห้องนอน ซึ่งจะช่วยปรับอุณหภูมิของห้องให้พอดีกับผู้อยู่อาศัย และเติมออกซิเจนโดยการดึง Fresh Air จากภายนอกเข้ามา ทำให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัยในระยะยาว
โดยแอร์ที่ใช้ภายในห้องจะเป็นแอร์แบบฝังฝ้าของ Daikin ติดเอาไว้ให้ภายในห้องนั่งเล่น 1 เครื่องและห้องนอน 1 เครื่อง
รวมไปถึงรีโมตสำหรับควบคุมการเปิด-ปิดไฟภายในห้องได้เพิ่มความสะดวกสบาย
ที่สำคัญเลยก็คือ ในห้องพักอาศัยแต่ละห้องจะได้ไข่ต้ม (Kaitomm) มาด้วย ซึ่งน้องไข่ต้มจะเป็นหุ่นยนต์ผู้ช่วยส่วนตัว ที่สามารถรับคำสั่งและตอบโต้เป็นภาษาไทยได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Kaitomm เพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการ ตั้งปลุก, ตั้งเตือน, เช็กสภาพอากาศ, เล่นเพลง โดยเชื่อมต่อกับ Joox โดยสามารถสั่งเพิ่ม-ลดเสียงได้ด้วยเสียงพูด, ถ่ายรูป, สวดมนต์, พยากรณ์ดวงชะตา, เปิด-ปิด ไฟ แอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ โดยอัตโนมัติ หรือ บอกค่าคุณภาพอากาศและข้อมูลฝุ่น-มลพิษ เช่น PM 2.5 ไม่ต่างไปจากระบบ Home Automation เลยค่ะ
ที่มากไปกว่านั้นคือ ไข่ต้มยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Vital Sign Monitor) เพื่อดูแลสุขภาพของผู้ใช้งาน เช่น เครื่องวัดชีพจร, เครื่องวัดความดันโลหิต, เครื่องวัดค่าน้ำตาลในเลือด และเครื่องวัดอุณหภูมิไข้ โดยกล้องภายในตัวไข่ต้มยังทำงานเสมือนเป็นกล้องวงจรปิด หากพบผู้สูงอายุล้มภายในบ้าน ไข่ต้มจะส่งสัญญานเตือนทันทีและสามารถใช้เป็นกล้องสำหรับถ่ายภาพและ VDO Call ได้เช่นกัน เรียกว่า มีไข่ต้ม 1 เครื่องแล้ว สามารถดูแลได้ทั้งด้านสุขภาพ, ด้านความบันเทิง รวมทั้งด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายภายในที่พักอาศัย ครบจบใน 1 เดียว
ก่อนจะออกจากห้องนี้ทีมงาน Homenayoo ต้องขอขอบคุณนายแบบสุดหล่อ น้องกระป๋อง ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยนะคะ
::: Destinia : Duplex 3 Bedroom ขนาด 104 ตร.ม. :::
ห้อง Duplex 3 Bedroom ขนาด 104 ตร.ม. เข้ามาด้านในห้องส่วนแรกจะเป็นโถงทางเดิน มีห้องน้ำแขกอยู่ทางฝั่งขวา จากโถงทางเดินเชื่อมสู่ Living Area ประกอบด้วย ส่วนรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกับระเบียงห้อง ส่วนห้องนอน Master Bedroom จะถูกแยกส่วนออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัว พร้อม Walk-in Closet และห้องน้ำให้ในตัว ขึ้นไปชั้นบนจะเป็นส่วนของห้องนอนอีก 2 ห้องและห้องน้ำอีก 1 ห้องสำหรับใช้ร่วมกัน โดยทางโครงการจะตกแต่งห้องมาแบบให้แบบ Fully Fitted ค่ะ
เข้ามาภายในห้องส่วนแรกจะเป็นโถงทางเดิน เชื่อมต่อไปยังส่วน Living Area ที่พื้นห้องปูด้วย SPC แบบ Click Lock หนาประมาณ 5.5 มม. ผนังห้องเป็นผนังฉาบเรียบทาสี ส่วนฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีติดดวงโคมดาวน์ไลต์ให้
พื้นที่โถงส่วนนี้จะทำหน้าที่เหมือนเป็น Foyer ซึ่งเป็นจุดเบรกก่อนเข้าห้อง โดยจะมีตู้ Built-in ติดตั้งมาให้สำหรับเก็บรองเท้าและเก็บของ พร้อมม้านั่งสำหรับเปลี่ยนรองเท้า ส่วนฝั่งตรงข้ามคือห้องน้ำแขกค่ะ
เปิดให้ดูภายในตู้ค่ะ นอกจากนี้ก็จะเป็นจุดที่ใช้ซ่อนตู้ไฟด้วย
ห้องน้ำส่วนนี้จะเป็นห้องน้ำสำหรับรองรับแขกและการใช้งานระหว่างวัน ที่พื้นและผนังตกแต่งด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินธรรมชาติ มี Lower Wall ก่อให้รอบห้องใช้วางพวกของประดับตกแต่งได้ ส่วนสุขภัณฑ์ใช้ของ Kohler ทั้งหมด
อ่างล้างมือแบบแขวนผนัง ติดตั้งมาพร้อมกับกระจกเงา
โถสุขภัณฑ์ใช้แบบ Wall Hung ระบบ Dual Flush
ถัดเข้ามาภายในห้องเป็นส่วนของ Living Area ขนาดใหญ่ ซึ่งจะประกอบไปด้วยห้องรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นค่ะ
ในส่วนของห้องรับประทานอาหาร เราวางโต๊ะขนาด 4-6 ที่นั่งได้พอดี
ซึ่งห้องรับประทานอาหารจะอยู่ติดกับพื้นที่ระเบียงที่มีหน้ากว้าง สามารถเปิดรับธรรมชาติที่ทางโครงการจัดเอาไว้ให้ได้เป็นอย่างดี โดยพวกกระจกของประตู-หน้าต่างทุกบานก็จะใช้กระจก IGU เช่นกันค่ะ
ถัดมาเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นซึ่งจะอยู่ติดกับบันไดทางขึ้นชั้นบน ซึ่งในส่วนนี้จะมีฝ้าเพดานสูงอยู่ที่ 6 เมตร ยิ่งช่วยทำให้ห้องดูโปร่งมากยิ่งขึ้น
ในส่วนนี้เราสามารถจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้ถึง 4 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีได้แบบนี้
สังเกตที่ด้านข้างชั้นวางทีวี จะมีพื้นที่ใต้บันได ซึ่งทางโครงการติดตั้งบานเปิดเอาไว้ให้เพื่อกั้นส่วนเป็นห้องเก็บของ จะจัดเป็น Laundry แบบห้องตัวอย่างก็ทำได้เช่นกันค่ะ
ติดกันนี้เองคือห้องครัวค่ะ ซึ่งกั้นส่วนจาก Living Area ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส
ภายในห้องครัวเราจะได้เคาน์เตอร์ครัว Built-in แบบนี้
Top เคาน์เตอร์ครัวใช้เป็นหินควอทซ์ ติดตั้ง Hob, Hood และ Sink ของ Frank มาให้พร้อมใช้งานค่ะ
ซึ่งในห้องนี้จะได้เป็นอ่างขนาดใหญ่ 2 หลุม ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ส่วนเตาที่ได้จะมีขนาด 4 หัว เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกมากขึ้น
เราเข้ามาดูภายใน Master Bedroom กันต่อค่ะ ในห้องนี้เราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่มาเช่นกัน และมีหน้าต่างบานกระทุ้งติดตั้งมาให้เพื่อให้เปิดระบายอากาศได้
พื้นที่ภายในห้องนอนถือว่ามีขนาดกำลังดีเลย เราสามารถวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างได้พอดี
สามารถติดทีวีแบบแขวนผนังฝั่งปลายเตียงได้ ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านได้สะดวก
อีกฝั่งของห้องจะเป็นส่วนของ Walk-in Closet และห้องน้ำค่ะ
ในห้องนี้เราจะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in เป็นรูป L Shape หน้าบานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนต
ใน Master Bedroom จะมีห้องน้ำให้ในตัวเพื่อความสะดวกสบาย
ได้อ่างล่างมือฝังบนเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่
โถสุขภัณฑ์แบบ Wall Hung
และโซน Shower ติดตั้ง Tempered Glass บานเปลือยให้เป็นฉากกั้นอาบน้ำ
ที่ผนังติดตั้งฝักบัวอาบน้ำพร้อมราวปรับระดับ และเจาะผนังเป็นชั้นวางของ
คราวนี้เราขึ้นไปดูบนชั้น 2 กันต่อเลยค่ะ
ในส่วนโถงบันไดนี้จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ติดตั้งมาให้ ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ และเนื่องจากว่ามีการใช้กระจก IGU จึงช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้ดี อีกทั้งจุดนี้ยังเป็นจุดที่ไม่ได้มีฟังก์ชันสำหรับการพักผ่อนหลัก ๆ เลยไม่โดนแสงแบบจัง ๆ
ขึ้นมาที่ชั้นบน ส่วนแรกจะเป็นโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยังห้องนอนอีก 2 ห้องและห้องน้ำอีก 1 ห้อง ซึ่งในมุมนี้ยังมีพื้นที่เหลืออยู่ เราสามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นส่วนตัว, มุมนั่งอ่านหนังสือ หรือนั่งทำงานเพิ่มได้อีก 1 มุมค่ะ
ห้องแรกคือห้องน้ำชั้นบน ซึ่งจะเป็นห้องน้ำแบบ Jack and Jill สามารถเข้าได้ทั้งจากฝั่งโถงทางเดินและทางห้องนอนรอง
เราเข้ามาดูภายในห้องนอนรองกันก่อนค่ะ
ขนาดของพื้นที่ห้องนี้เรียกว่าแทบไม่ต่างไปจาก Master Bedroom เลย เพียงแค่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัวเท่านั้นเอง แต่ก็เป็นห้องที่ยังมีประตูเชื่อมกับห้องน้ำได้โดยตรง พอจัดห้องด้วยเตียงนอนขนาด 3.5 ฟุต ก็ช่วยทำให้พื้นที่ภายในห้องดูโปร่งขึ้น แต่จริง ๆ แล้วจะวางเตียงขนาดใหญ่ก็ทำได้ค่ะ
อีกฝั่งของห้องก็จะเป็น Walk-in Closet และประตูเชื่อมกับห้องน้ำชั้นบน
ถัดมาคือห้องนอน 3 เป็นห้องนอนที่มีขนาดเล็กที่สุด แต่ก็ยังถือว่าเป็นห้องนอนในคอนโดที่มีขนาดใหญ่อยู่นะ
ห้องตัวอย่างวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตมาให้ดูเป็นไอเดีย จริง ๆ จะวางเตียงขนาด 5 ฟุตก็ทำได้ค่ะ แต่ถ้าไม่อยากให้ห้องดูแน่นจนเกินไปขอแนะนำเป็น Size ระหว่างกลางที่ 3-4 ฟุตแทน
ส่วนมุมด้านในห้องก็จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in ติดตั้งมาให้เช่นกัน
:::: ราคา (ตุลาคม 2564) ::::
Petopia Tower
Destinia Tower
Promotion
Pre-sale 6-7 พ.ย. 64 ติดต่อสอบถามข้อมูลและนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้าชมแบบส่วนตัวได้แล้ววันนี้ที่ Call Center 1625 หรือลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3muVSIv
***ข้อมูลราคา และโปรโมชันอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือโทร 1265
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ Whizdom The Forestias ตั้งอยู่ภายในโครงการ The Forestias บนถนนบางนา-ตราด กม.ที่ 7 ฝั่งขาเข้าเมือง ซึ่งเป็น NCBD ที่มีการพัฒนาของทำเลอย่างต่อเนื่อง สามารถสังเกตเห็นได้จากโครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยทั้งในแนวตั้งและแนวราบ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รวมไปถึงรถไฟฟ้ารางเบาสายสีเขียวเข้ม ที่ล้วนแล้วแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและมูลค่าของที่ดินให้สูงขึ้น ยิ่งการเกิดขึ้นของโปรเจกต์ขนาดใหญ่อย่าง The Forestias ที่จะเปลี่ยนคุณภาพการใช้ชีวิตในเมืองไปอย่างสิ้นเชิง ยิ่งทำให้ทำเลนี้เป็นที่น่าจับตามองอีก 1 ทำเลค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนบางนา-ตราด ฝั่งขาเข้าเมือง และอยู่ตรง กม.ที่ 7 ก็ทำให้สามารถเดินทางเข้าเมืองได้อย่างสะดวกสบายอยู่แล้ว เพราะตรงไปไม่ไกลก็ถึงถนนศรีนครินทร์และถนนสุขุมวิท ทำให้สามารถเชื่อมต่อไปยังโซนต่าง ๆ ของกรุงเทพ ฯ ได้สะดวก อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับทางด่วน ทั้งบูรพาวิถี, เฉลิมมหานคร และวงแหวนกาญนาฯ ซึ่งก็จะช่วย Support การเดินทางให้รวดเร็วมากขึ้นเวลารถติด แต่ถ้าต้องการจะมุ่งหน้าออกนอกเมืองไปทางชลบุรี จุดกลับรถก็อยู่ไม่ไกลจากหน้าโครงการ ถือว่าทำเลนี้เดินทางได้สะดวกสบายค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ บนถนนบางนา-ตราดบริเวณที่โครงการตั้งอยู่ เป็นจุดที่มีรถสาธารณะผ่านประจำอยู่แล้ว ถ้าอยู่ด้านในโครงการก็แค่เรียก Grab ให้มารับได้ไม่ยาก เพราะสามารถหารถได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้มวิ่งผ่านหน้าโครงการอีกด้วย ในอนาคตถ้าอยากจะลดมลภาวะจากการใช้รถยนต์ส่วนตัว แทนด้วยการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ ก็จะสามารถทำได้สะดวกค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ เชื่อว่าภาพรวมของโครงการ The Forestias น่าจะทำให้ใครหลาย ๆ คนที่หลงรักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติประทับใจได้เลย ด้วยการเปิดโครงการขนาดใหญ่กว่า 300 ไร่ พร้อมพื้นที่ป่ากว่า 30 ไร่ ที่เรียกว่าหายากมากในตัวเมือง ยิ่งกับในโครงการที่อยู่อาศัยเองแล้วก็พูดได้ว่ายังหาไม่ได้ ซึ่งในโครงการมีการออกแบบในลักษณะของ Mixed-use Project โดย Core ของโครงการนี้ก็คือการอยู่อาศัยร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นที่มาของคุณภาพชีวิตที่ดี
อย่างในโครงการ Whizdom The Forestias จะเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็น Young Modern Family (Destinia) และกลุ่มคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์ (Petopia) ซึ่งภายใน Petopia Tower นี้เองก็จะมีการออกแบบโดยคำนึงถึงการอยู่อาศัยของคนร่วมกับสัตว์เลี้ยงอย่างมีคุณภาพและถูกสุขอนามัย มีการคำนึงถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ต้องใช้ร่วมกัน และที่ต้องใช้แยกกันระหว่างคนและสัตว์เลี้ยงประเภทต่าง ๆ วัสดุรวมไปถึงพรรณไม้ที่ใช้ก็เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยงเช่นกัน
ภายในห้องพักอาศัยมีการออกแบบดีเทลต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการเลี้ยงสัตว์ ยกตัวอย่างเช่น Hook สำหรับเกี่ยวสายจูง, Wicket door และ Pet Cage, ที่นั่งอาบน้ำ และฝักบัวอาบน้ำสัตว์เลี้ยง เป็นต้น รวมไปถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น หุ่นยนต์ไข่ต้ม, ERV, Fresh Air Fan, ระบบท่อน้ำเย็นแอร์จาก CUP โดยห้องจะตกแต่งให้แบบ Fully Fitted ได้ชุดครัว, สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก Kohler, ตู้เสื้อผ้า Built-in และแอร์จาก Daikin พร้อมวัสดุคุณภาพภายในห้อง ถือเป็นโครงการที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย นอกจากพื้นที่สีเขียว 56% และพื้นที่ป่า 30 ไร่ พร้อม Canopy ยาวถึง 1.6 กม. ของโครงการ The Forestias แล้ว ภายในโครงการ Whizdom The Forestias เองก็มีพื้นที่ส่วนกลางให้ครบครันค่ะ อย่างภายใน Petopia Tower ก็จะมี Forest Lobby ออกแบบประตูทางเข้าแบบ Double Gate เพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยง เชื่อมต่อไปยัง Breakfast Lounge มีฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume และผนังกระจกสูงโดยรอบ เชื่อมต่อกับธรรมชาติ มี Pet Day Care สำหรับฝากสัตว์เลี้ยง และพื้นที่สวนภายนอกให้สัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่นได้
Co-living Room ห้องพักผ่อนอ่านหนังสือสำหรับน้องแมวโดยเฉพาะ, Forest Lounge และ Meeting Room ที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงทั้งน้องหมาน้องแมวเข้าไปทำความคุ้นเคยกันได้, Swimming Pool ยาวถึง 29 เมตรเปิดรับวิวจากป่าขนาดใหญ่, Kids Pool, Steam Room, Fitness Room พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน, Relaxation Room และ Pet Playground สำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ, Sky Garden พร้อมมุม Vegetable & Herb Corner สำหรับทดลองปลูกผัก และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. เรียกว่าให้มาแบบจัดเต็ม เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยง ให้มีความสุขและสุขอนามัยได้เป็นอย่างดี
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1265
WEBSITE : https://bit.ly/3muVSIv
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
คอนโดใหม่ บนทำเลอื่นๆ…ที่น่าสนใจ
คอนโด แอสปาย ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์
คอนโด ฟีล ภูเก็ต
คอนโด เทอร์ร่า เรสซิเดนซ์ ติด ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
คอนโด ออริจิ้น เพลย์ พหลฯ 50 สเตชั่น ติด Big C ใกล้ BTS สายหยุด
คอนโด The Room พญาไท ใกล้ BTS พญาไท และ Airport Link ราชปรารภ
คอนโด บริกซ์ตัน เกษตร ศรีราชา แคมปัส
คอนโด Whizdom The Forestias Petopia
คอนโด เสนา คิทท์ ศรีนครินทร์-ศรีด่าน
คอนโด ออริจิ้น เวลเนส เรสซิเดนซ์ รามอินทรา
คอนโด ออริจิ้น เวลเนส เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 107
คอนโด ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร เริ่ม 3.92 ล้าน*
คอนโด The Muve ประดิพัทธ์ ใกล้ BTS สะพานควาย เริ่ม 2.19 ล้านบาท*
คอนโด Niche Mono Rama 9 ใจกลางพระราม 9 เริ่ม 1.79 ล้าน*
คอนโด The Muve บางแค ใกล้ MRT บางแค เริ่ม 1.39 ล้าน*
แสดงความคิดเห็น